ก่อน Summer จะหมดเข้าสู่โหมดฤดูฝน ขอรีวิวทริปทะเลสวยๆที่เกาะหลีเป๊ะกันสักหน่อยดีกว่า

หลีเป๊ะที่เค้าว่าน้ำใส ทะเลสวย จะสวยจริงแบบเค้าว่ารึเปล่า ต้องไปเยือนสักที 

ทริปนี้เรามาหลีเป๊ะกัน 4 วัน 3 คืน เอาแบบดื่มด่ำธรรมชาติของเกาะหลีเป๊ะกันแบบจุกๆกันไปเลย แต่ความพิเศษของ 3 คืนที่เราพักหลีเป๊ะนี้  บอกเลยว่า วิวไม่ซ้ำแน่นอน เพราะเราจองที่พัก 3 คืน 3 ที่ นอนไม่ซ้ำหาดเลยด้วย มาดูสิว่าแต่ละหาด แต่ละรีสอร์ทให้ฟีลต่างกันยังไง 

. . . พร้อมกันรึยัง โอเค . . . เดี๋ยวเราขึ้นเครื่องจากดอนเมือง แล้วไปลงหาดใหญ่ นั่งรถตู้แล้วก็ต่อเรือที่ปากบารา ข้ามไปเกาะหลีเป๊ะกัน


*** ช่วงเวลาที่เดินทาง 19-22 มี.ค. 66 ***

เริ่มการเดินทางของทริปนี้ด้วยการไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ไฟลท์เช้า  07.20 น. (เราบิน AIR ASIA) ถึง สนามบินหาดใหญ่ ประมาณ 08.45 น. เพื่อให้ทันรถตู้รอบแรกที่มารับที่สนามบิน 9 โมง

 (ใครอยากถึงเกาะหลีเป๊ะเร็วสุด ก็แนะนำให้มาไฟลท์ที่มาถึงหาดใหญ่ก่อน9 โมงนะจ๊ะ)  

เพื่อจะไปขึ้นเรือที่ ท่าเรือปากบารา รอบแรกคือ 11.30 น. นั่งรถตู้ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ เกือบสองชั่วโมงก็ถึงท่าเรือปากบารา แล้วไปเคาน์เตอร์ออกตั๋วเรือกับเอเจนท์ที่เราติดต่อไว้ จ่ายค่าขึ้นเกาะ คนละ 40 บาท (จ่ายเอง ไม่รวมในตั๋วเรือ) แล้วก็รอเรียกขึ้นเรือได้เลย ซึ่งไม่คิดว่าคนจะเยอะมาก นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะสุดๆ แต่การจัดการก็โอเคไม่ถึงกับวุ่นวาย เพราะมีบริษัทเรือหลายเจ้า 

*** เนื่องจากเวลาในการเดินทางต่อเนื่องหลายต่อ ใช้เวลาค่อนข้างนานลากยาวตั้งแต่เช้ามืดยันบ่ายๆ 

  •   ตื่นตั้งแต่เช้ามืดตี4 - ตี5 มาขึ้นเครื่องดอนเมืองไฟลท์ 7 โมง 
  •  ขึ้นรถตู้จากหาดใหญ่ 9 โมง ไปถึงปากบารา จ.สตูล 11  โมง
  • นั่งเรือจากปากบาราไปเกาะหลีเป๊ะ ที่จะแวะเกาะตะรุเตากับเกาะไข่ก่อน  กว่าจะถึงเกาะหลีเป๊ะก็ปาไปเกือบบ่ายสามโมง

 เพราะฉะนั้น เราจะไม่มีเวลาแวะกินข้าวเลย แนะนำว่า ควรซื้ออาหาร เครื่องดื่มติดไว้รองท้องด้วย เดี๋ยวจะปวดท้องเพราะทานอาหารไม่ตรงเวลานะคร้าบบบบ

เรือออกจากท่าเรือปากบารา มีให้แวะที่ เกาะตะรุเตา กับ เกาะไข่ ก่อน ซึ่งบางคนที่ไม่อยากขึ้นก็รอบนเรือ คนที่เคยมาแล้วอาจจะรู้สึกเสียเวลา เพราะนั่งรอในเรือมันก็ร้อนอ่ะเนาะ แต่ใครยังไม่เคยก็แวะลงไปดูหน่อยก็ดี สำหรับเกาะตะรุเตาก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่

แต่เกาะไข่นี่น้ำทะเลใสมากกกกกก มาวันแดดดี

เกือบๆบ่าย 3 เราก็มาถึงเกาะหลีเป๊ะสักที เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างหลายต่อเหมือนกันนะ มันมาไม่ยากหรอก ใครๆก็มาได้  แต่ด้วยความที่มันไกลเกือบใต้สุด มันเลยต้องเดินทางเหนื่อยนิดนึง 

ไหนๆมาทั้งทีอยู่ไปเลย 3-4 วัน เอาให้มันคุ้มกับการเดินทางมาตั้งไกล 

วันนี้แดดดี ฟ้าใส ทะเลสวยแบบโนฟิลเตอร์เลย

พอมาถึงสตาฟของที่พักก็จะมารับเราที่ท่าเรือ เพื่อพาไปรีสอร์ทของเรากัน

อย่างที่บอกว่า เรามาจะพัก 3 คืน ซึ่งแต่ละที่พักที่จองมา ก็อยู่ไม่ซ้ำหาดด้วย อันนี้ตอนแรกไม่ตั้งใจนะ แต่พอจองเสร็จ เออ วุ้ย  นี่เราจองไม่ซ้ำหาดเลยนี่หน่า ซึ่ง 3 หาด ที่ว่าก็คือ หาดพัทยา / หาดซันไรซ์ / หาดซันเซ็ท   มาดูกันว่าแต่ละที่มีที่ไหนบ้าง

 *** ที่พักทั้ง 3 ที่ จองโดยใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันทุกที่ แต่เดี๋ยวจะใส่รายละเอียด ราคาไว้ให้ด้วยนะคร้าบบบ***

 1. 

Chareena Hill Beach Resort 

[ Pattaya Beach ]

คืนแรกบนเกาะหลีเป๊ะของเรา เราพักที่หาดพัทยา ซึ่งเป็นหาดที่เรามาเรือมาเทียบท่าเมื่อกี๊นี้แหล่ะ กับที่พักมุมสูงอยู่ด้านริมสุดของหาดพัทยา ชื่อว่า ชารีน่า ฮิลล์บีช รีสอร์ท

จองที่พักนี้ ตรงกับทางเพจ Facebook | Chareena Hill Beach Resort 

ที่เลือกที่นี่เพราะใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกันได้ แล้วก็ชอบวิวมุมสูง โดยห้องที่จองสามารถมองเห็นวิวหาดพัทยาได้เลยจากที่นอน
ห้อง Superior Sea View  พร้อมอาหารเช้า ราคา 4,550 บาท หักไป 40% = 1,820 บาท เพราะฉะนั้น จ่ายเอง 60% = 2,730 บาท 

แล้วนี่ก็ไม่ชอบถ่ายห้องมาด้วยนะ นั่งค้นรูปว่าถ่ายห้องมาบ้างรึเปล่า สรุปคือไม่มี ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะฮาฟฟ เลยขออนุญาตเอารูปมาจากเพจรีสอร์ทมาให้ดู แต่ห้องที่นอนเตียงจะหันไปทางทะเลเลย

(เครดิตภาพ:  จากเฟซบุคเพจ Chareena Hill Beach Resort

ลมดีมากเลย นอนไกวเปล ดูวิว ชิลมากๆ

พอช่วงเย็นๆเราก็ลงจากรีสอร์ทเดินเลาะๆหาดพัทยาไปหาอะไรกินที่walking Streetได้เลย เช็คอินได้สิทธิ์มาแล้วต้องใช้ ร้านในwalking ก็มีร้านที่รับคูปองเราเที่ยวด้วยกันหลายร้าน เพื่อความคุ้มค่า ก็เลยหวังใจว่าจะฝากท้องไว้กับร้านอาหารในวอร์คกิ้งนี้ทั้งสามสี่วันที่อยู่หลีเป๊ะนี่เลยแล้วกัน

บรรยากาศช่วงเย็นๆ สวยงาม^^

พักแถวหาดพัทยาก็จะไม่เงียบเหงา มีร้านอาหาร ร้านกินดื่มริมหาดหลายร้าน แต่ก็ไม่ถึงกับคนเยอะเสียงดังวุ่นวาย 

คืนนี้ฝากท้องไว้กับร้านนี้ Papaya mom  เกณฑ์การตัดสินใจเลือกก็คือ ฉันต้องได้ใช้คูปองในแอพเป๋าตังให้ได้ แต่จริงๆก็มีรับหลายร้านอยู่นะ โดยรวมแล้วอาหารของร้านนี้ก็โอเค ตำซั่วอร่อย แต่อาหารไทยเช่น ผัดกะเพรา ผัดไทย อาจจะรสชาติฝรั่งไปหน่อย 

กินข้าวอิ่มก็กลับห้องนอนกันดีกว่า  เดี๋ยวจะรีบตื่นเช้ามาดูแสงเช้าซะหน่อย ดูสิจะสวยสะกดจิตแค่ไหน

Good Morninggggg . . . 

แหวกม่านดู อู้หูววววว แสงสวยไม่ไหว แสงเช้าราวๆ หกโมงกว่าๆ ดีงามมากกกกก

สวยแบบต้องดูด้วยตาเนื้อจริงๆ ออกมานอนไกวเปลดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นดีกว่า  นี่ขนาดอยู่หาดพัทยา อาจจะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแบบเต็มๆยังสวยขนาดนี้ แต่เดี๋ยวคืนต่อไปเราจะย้ายไปนอนที่หาดซันไรส์ ดูสิว่าจะสวยงามขนาดไหน ไว้รอลุ้นกัน

วันนี้ฟ้าค่อนข้างเมฆเยอะ พอพระอาทิตย์ขึ้นสูงก็โดนเมฆบัง

อาหารเช้าที่นี่จะเป็นแบบบุฟเฟต์ อาหารก็ทั่วไป ทานง่าย ไม่โดดเด่น

กินข้าวเสร็จก็ลงมาเดินเล่นถ่ายรูปข้างล่าง มีทางเดินเลาะริมทะเล น้ำใสมาก

เตรียมเก็บของย้ายที่พักกันดีกว่า ลุ้นกันวิวที่ใหม่จะสวยแบบไหนกันน้าาาา 

ปกติทางที่พักจะมีรถไปส่งที่ท่าเรือ เรายังไม่กลับ เราจะเปลี่ยนที่นอนไปอีกรีสอร์ทนึง เค้าก็จะมีรถส่งเราและสัมภาระไปที่ใหม่ด้วย แต่เผอิญรถของรีสอร์ทไม่ว่าง เค้าก็เลยเรียกรถแท็กซี่** ทางรีสอร์ทเลยให้เรามา 100 บาทให้เราไปจ่ายกับคนขับรถเอง มีงี้ด้วย 555

    ** Taxi บนเกาะหลีเป๊ะจะเป็นมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง นั่งได้ 2-3 คน เรทราคาทุกที่เท่ากัน ไปไหนก็ได้ ราคา คนละ 50 บาท / เที่ยว

    บนเกาะไม่มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่า เพราะอยากให้สนับสนุนรถแท็กซี่ของชาวบ้าน สร้างรายได้ให้ชุมชน แล้วเกาะไม่ได้ใหญ่มาก สามารถเดินถึงกันได้หมด

    มีเรือแท็กซี่ ด้วยนะ เที่ยวละ 100 บาท/คน เผื่ออยากไปอีกหาดแต่ขี้เกียจเดิน

    โอเค ย้ายสำมะโนครัว ไปอีกบ้านนึงกัน  คราวนี้เราจะไปนอน หาดซันไรส์ กันนะจ๊ะ กับรีสอร์ทติดทะเล ชื่อว่า  Anda Resort Lipe  


    2.

    ANDA RESORT KOH LIPE

    SUNRISE BEACH

    อันดารีสอร์ท ที่พักติดทะเลบนหาดซันไรส์ที่นักท่องเที่ยวพักค่อนข้างเยอะเลย แล้วดูทะเลฝั่งนี้สิ วันนี้แดดแรง น้ำสวยใสแบบเว่อร์มาก 

    อย่าเพิ่งตื่นเต้นกับน้ำทะเล เดี๋ยวเราเช็คอินกันก่อน 

    สำหรับห้องพักที่เราจองไว้ ก็ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันเช่นเคย แต่จองแบบแพคเกจรวมค่ารถตู้กับค่าเรือ ไป-กลับด้วย จองผ่านเพจ  Love Talay by LST 

    จองห้องแบบแพคเกจ 2 วัน 1 คืน ห้อง Superior Villa รวมอาหารเช้า กับ ตั๋วไป-กลับ รถตู้กับเรือ 

    ราคาคนละ 3,300 บาท สองคนก็ 6,600 บาท เนื่องจากเป็นแพคเกจราคาต่อคน เราเลยใช้สิทธิ 2 สิทธิ เพราะฉะนั้นตอนเช็คอิน เราจะได้คูปองเข้าเป๋าตัง 1,200 บาท 

    นี่คือห้องของเราเป็นหลังเดี่ยว ห้องกว้างติดแอร์เย็นฉ่ำ ม้วนหน้าสองสามรอบก็ลงทะเลได้เลย

    จริงๆเราไปถึงที่พักเร็วกว่าเวลาเช็คอิน คือไปถึงตั้งแต่ยังไม่ 11 โมง ด้วยซ้ำแต่ที่พักใจดี น่ารักมาก รีบเคลียร์ห้อง ทำความสะอาดห้องให้ก่อน เลยได้เข้าห้องตั้งแต่ยังไม่เที่ยง ในระหว่างรอห้องก็ไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำรอได้เลยชิลๆ ^^

    ใช่แล้วที่นี่ก็มีสระว่ายน้ำด้วย ที่พักหลีเป๊ะมีสระว่ายน้ำไม่กี่ที่นะเอาจริงๆ เพราะมันติดทะเลซะส่วนใหญ่ หรือถ้าเป็นแบบแพงหน่อยก็จะเป็น Private pool ในห้อง แต่ที่นี่มีสระว่ายน้ำส่วนกลาง เล่นน้ำเย็นๆ สดชื่นเลย  ใครจะลงเล่นน้ำสามารถไปแลกผ้าเช็ดตัวได้ที่ล็อบบี้เลย

    ตรงสระว่ายน้ำก็อยู่ตรงหมู่เรือนไทย ฝรั่งต่างชาติมาพักกันเยอะ แต่ที่นี่ก็ดีไซน์และการตกแต่งสถานที่อาจจะดูไม่ค่อยเป็นเอกภาพเท่าไหร่นะ คนที่ชอบห้องพักแบบรีสอร์ทที่ดีไซน์สวยๆ เนี้ยบๆ มินิมอลๆ อาจจะไม่ถูกจริต ตัวอย่างของความไม่เข้ากัน ก็เช่น มีห้องพักเป็นเรือนไทย แต่มีศาลาเก๋งจีน  มีตู้โทรศัพท์แบบลอนดอน มีธงปลาคาร์ฟแบบญี่ปุ่น อาจพออนุมานได้ว่าคงฟีลอยากให้แบบนานาชาติ  หรือมีของตกแต่งเป็นอะไรที่มันไม่เข้ากันในหลายจุด นี่ก็เลยเลือกถ่ายเฉพาะมุมมา 

    แต่ด้วยบรรยากาศภาพรวมของที่นี่ ทั้งbeach vibes ที่สดใส มีชีวิตชีวา การบริการของสตาฟที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเอง  ห้องพักกว้างขวาง สะอาด สะดวกสบาย มันก็ทำให้มองข้ามการตกแต่งที่ขัดตาไปบ้างบางจุดได้  ซึ่งไปๆมาๆ ถ้าถามว่าที่พัก 3 คืนบนหลีเป๊ะชอบที่ไหนมากสุด ก็ต้องตอบว่าชอบบรรยากาศของที่นี่ที่สุด 

    เนื่องจากวันนี้ฟ้าดี อากาศแจ่มใส เราเลยกะว่าจะไปสน็อกเกิ้ลกันดีกว่า 

    รีบชิงไปซะก่อนเผื่อพรุ่งนี้ฟ้าไม่เป็นใจจะได้ไม่เสียดาย เดี๋ยวต้องไปขึ้นเรือที่แถว walking Street เราเลยหาร้านนั่งรอเวลานัดทริป ที่ร้าน 

    Elephant Koh Lipe

    ร้านอยู่ที่ Walking Street เลย  เป็นร้านอาหารสไตล์คาเฟ่ ขายอาหารและเครื่องดื่ม ที่เน้นอาหารฝรั่งออกแนววีแกน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ต่างชาติ 80-90% ที่มาร้านนี้ เพราะอยากมาอุดหนุน เพราะร้านนี้เค้าช่วยเหลือดูแลน้องหมาจรที่อยู่บนเกาะหลีเป๊ะด้วย 

    ได้เวลานัดเช็คชื่อ รับอุปกรณ์สน็อกเกิ้ลแล้ว ไปที่ร้านขายทัวร์กัน อยู่ใกล้ๆนี่แหล่ะ^^

    ทริปดำน้ำสน็อกเกิ้ล (Snorkeling Trip at Koh Lipe)

    หลายคนอาจจะซื้อแพคเกจที่รวมห้องพัก + ค่ารถ +ค่าเรือ + ค่าทริปดำน้ำ ที่เป็น One Day Trip ไปด้วยเลย แต่พอดีเราไม่ได้ซื้อแพคนั้นเพราะเราจองที่พักอย่างละคืน มันไม่สามารถพ่วงทริปดำน้ำไปด้วยได้ เพราะแพคเกจที่รวมอย่างน้อยต้อง 3 วัน 2 คืน 

    แต่ไม่ใช่ปัญหา เราสามารถซื้อทัวร์ดำน้ำเองได้ ซึ่งแต่ละรีสอร์ทก็มีให้ซื้อ หรือ จะไปซื้อเองกับร้านขายทัวร์ดำน้ำที่ walking street ก็มีหลายเจ้า แถมราคายังถูกกว่าด้วย

    เมื่อวานที่ไปกินข้าว เราก็แวะสอบถามข้อมูลแล้วก็จองไว้แล้วเรียบร้อย ที่ร้าน Thai Beach Travellers ซึ่งเราจองเป็นแบบ Half day Trip ซึ่งส่วนตัวคิดว่า ครึ่งวันก็พอแล้ว ไม่กินเวลาพักผ่อนที่รีสอร์ทมากไป (ซึ่งแบบทั้งวันก็เพิ่มแค่คนละ 100-200 บาท แล้วมีอาหารให้ด้วย แต่เค้าก็จะพาเราไปนั่งเล่นที่เกาะอาดัง เกาะราวี ไม่ได้มีกิจกรรมอะไร เพราะฉะนั้น ครึ่งวันก็เพียงพอแล้ว)

    เราเลือกจอง รอบบ่าย เพราะรอบเช้ามันเวลากระชั้นไป กลัวอยู่ที่รีสอร์ทไม่คุ้มและไม่อยากตื่นเช้า ซึ่งเค้าจะนัดเวลาเจอกันเที่ยงครึ่งรับอุปกรณ์ ออกเรือบ่ายโมง เสร็จทริปไม่เกินห้าโมง สบายๆ

    ราคา   Snorkel trip ครึ่งวัน ราคา 500 บาท / คน  ไม่มีอาหารให้ มีแต่น้ำดื่มกับผลไม้ ซึ่งทริปนี้จะแวะที่  ร่องน้ำจาบัง - เกาะหินงาม - เกาะยาง - เกาะราวี  เรือลำนึงนั่งได้ประมาณ 9 คน ซึ่งผู้ร่วมทางเราก็ต่างชาติล้วนเลย

    พอจบทริปก็กลับที่พักอาบน้ำแล้วไปเดินเล่นต่อกัน จากหาด Sunrise หน้ารีสอร์ท เราสามารถเดินเลาะๆไปเรื่อยจนถึง   Zodiac Bar กับ หาดตรง Mountain Resort ได้เลย แต่ก็ไกลพอสมควรนะ แต่เดินได้ไม่ลำบาก ช่วงเย็นน้ำลงเดินยาวๆไปได้เลย  

    เท่าที่สังเกตรีสอร์ทบนหาดซันไรส์ ก็มีเยอะเหมือนกัน แต่ค่อนข้างเงียบๆมืดๆ โซนอันดารีสอร์ทน่าจะสว่างไสวสุดแล้ว จะมาครึกครื้นก็ตรง  Zodiac นี่แหล่ะ คนเยอะเลย 

    เดินมาอีกนิดตรงหาดหน้าMountain Resort เป็นจุดชมวิวsunset  ที่สวยมาก  บรรยากาศดีสุดๆ

    ก่อนเดินกลับไปกินข้าวที่วอร์คกิ้ง สตรีท ขอยืนดูบรรยากาศที่ Zodiac ตอนโชว์กระบองไฟสักหน่อย คนนั่งดูกันเยอะเลย บรรยากาศเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกนึง

    มื้อเย็นก็ต้อง Walking Street นี่แหล่ะ ตัวเลือกเยอะดี วันนี้แวะกินร้าน จ่ายาว  

    อาหารก็โอเคนะ มาใต้ก็อยากกินเมนูอาหารใต้รสจัดๆ ถือว่าใช้ได้ อร่อยได้มาตรฐาน แต่ก็ยังไม่ถึงกับว้าวมาก 

    กินข้าวเสร็จก็เดินกลับ อันดารีสอร์ท วันนี้เดินเยอะมาก แทบจะรอบเกาะเลยมั้งเนี่ย ขอนอนชาร์จแบตก่อน พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าๆมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดซันไรซ์กัน


    Good Morning

    เช้าวันใหม่กับหาดซันไรซ์  ยังเช้ามืดอยู่เลย ราวๆ ตีห้าครึ่ง ยังไม่มีใครตื่นเลย นี่ตื่นก่อนพระอาทิตย์อี๊ก กลัวไม่ทันแสงเช้า อยู่บ้านเคยขยันตื่นขนาดนี้มั้ยยย???

    นั่งรับลมเย็นๆ สักพักพระอาทิตย์ก็เริ่มประกายแสงมาเป็นสีส้มแบบนี้เลย (อันนี้คือถ่ายด้วยมือถือ แบบไม่ได้ผ่านแอพแต่งภาพเพิ่มเติม)

    เว่อร์มาก  ภาพจริงสวยกว่าภาพถ่ายอีก สวยแบบ......ส้วยยยย!!!! 

    สวยตะโกน สวยแบบไม่มีอะไรกั้น สวยแบบไม่อยากกระพริบตา

    แต่อันนี้ถ่ายด้วย DSLR แบบปรับไฟล์rawหลังกล้อง ก็สวยจัดเหมือนกัน

    พระอาทิตย์มาแล้วววว แต่พอขึ้นมาก็ถูกเมฆบัง เพราะเมฆเยอะมาก

    ช่วงเช้าน้ำยังลงอยู่

    ห้องเราอยู่ไม่ไกลจากหาด อย่างที่บอกม้วนหน้าสองรอบก็ถึงหาดเลย

    ประมาณ 7 โมงเช้า มีพระมาบิณฑบาตด้วย พี่ที่รีสอร์ทเตรียมอาหารมารอใส่บาตรด้วย

    อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟต์ ก็โอเค มีทั้งไทยและเทศ กินได้ทุกชนชาติ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเช่นเดียวกับที่แรก

    วันนี้เดี๋ยวเราเล่นน้ำอีกสักรอบ แล้วก็เก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ แต่เดี๋ยวเราขอฝากสัมภาระไว้ก่อน ขอไปเดินเล่นรอบเกาะ แล้วบ่ายๆค่อยให้รถของที่พักใหม่มารับ

    แล้วเราก็เดินเลาะหาดไปเรื่อยๆเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือน้ำขึ้นแล้วจ้าาา เมื่อเช้ายังน้ำลงอยู่เลย ตอนนี้ขึ้นมาจะถึงใต้ถุนห้องหน้าหาดแล้ว

    นี่ก็เดินบ่ได้เลยย เดินไปถึงแค่ Cast Away ก็เลยแวะนั่งเล่น จิบน้ำเย็นๆ สักหน่อย เสียดายวันนี้ฟ้าหม่น วันที่แดดดีน้ำสวยมาก 

    CASTAWAY Resort KOH LIPE

    จริงๆเราจะจองที่นี่แล้ว แต่ห้องเต็มทั้งเดือน ชอบดีไซน์ห้องของที่นี่นะ บ้านไม้เรียบๆ เห็นบ่อยๆใน Pinterest มาเห็นของจริงก็น่ารักดี ชอบสไตล์นี้ ดูไว้เป็นreference สร้างบ้านในอนาคต

    แต่ห้องที่นี่เป็นห้องพัดลมทุกห้อง สไตล์ Eco lodge แต่ก็ไม่น่าจะร้อนเพราะหันหน้าฝั่งที่รับลมพอดี  ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นต่างชาติทั้งนั้นเลย ส่วนเราไม่ได้พักไม่เป็นไร แวะนั่งเล่นเฉยๆก็ได้

    ดูภาพห้อง ตารางวันที่ยังว่างอยู่และจองที่พัก ที่ลิ้งนี้ >>> Cast Away Beach Resort Koh Lipe

    เสียดายวันนี้ฟ้าไม่ดีเลย เมฆเยอะขาว ไม่มีแดด แต่ก็ดีคือเราเดินไม่ร้อนไม่ดำ แต่ก็ถ่ายรูปไม่สวยอ่ะเนาะ 

    ยังดีนะที่เราตัดสินใจซื้อทริปไปแล้วเมื่อวาน ถ้าไปวันนี้ไม่สวยแน่ๆ เสี่ยงเจอฝนด้วย 

    เดินมาเรื่อยๆที่เดิมที่หาดหน้า Mountain Resort ขนาดไม่มีแดดน้ำยังใสเลย 

    แล้วก็เดินไปกินข้าวกลางวันที่ ร้านไทยเดิม อีกร้านยอดฮิตของคนไทยที่มาเที่ยวหลีเป๊ะ ซึ่งจริงๆเราแวะมาสองรอบแล้ว ช่วงเย็นประมาณทุ่มนึง คนรอคิวยาวเลย ก็เลยเปลี่ยนแผนมากินตอนกลางวันดีกว่า ช่วงบ่ายๆไม่มีคนเลย

    ในส่วนของอาหาร   ส่วนตัวคิดว่า อร่อยใช้ได้เลย เมนูก็ทั่วๆไป ราคาไม่แพง 

    กินข้าวเสร็จกลับไปที่อันดา นัดรถของที่พักใหม่ให้มารับแล้ว 

    เดี๋ยวเราไปเช็คอินที่พักคืนสุดท้ายของเรากัน ที่ The Cliff Lipe หาดซันเซ็ท


    3

    THE CLIFF LIPE

    SUNSET BEACH

    นี่เลยจ้าาาาา  The Cliff Lipe ที่พักคืนสุดท้ายของเรา ณ หาดซันเซ็ท เป็นที่พักวิวมุมสูงสวยๆแบบนี้ แต่ก็มีหาดส่วนตัวให้ลงไปเล่นน้ำ ทำกิจกรรมทางน้ำได้ ก่อนอื่นขอเข้าไปเช็คอินกันก่อน พร้อมWelcome drink น่ารักๆแบบนี้

    (องุ่นเป็นpropเฉยๆนะ ห้ามกิน เพราะมันกินไม่ได้ ^^)

    สำหรับที่นี่ เราจองโดยใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกันอีกแล้ว  อย่างที่บอกคือ 3 คืน 3 ที่ 3 หาด ใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกันทุกที่ โดยที่นี่ เราจองห้องแบบ Garden View พร้อมอาหารเช้า  ใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน ลด 40% แล้วเหลือ 2,574 บาท

    (ต้องขออภัยอีกรอบ ที่นี่ก็ลืมถ่ายห้องมาอีกแล้ว ขออนุญาตนำรูปจากเวบThe Cliff Lipe มาให้ดูแล้วกันนะค้าบบบว่านอนห้องtypeนี้)
    credit pic: https://theclifflipe.com/

    แต่จริงๆ ห้องที่เป็นจุดขายจะเป็นห้องแบบ Jacuzzi Ocean View หรือแบบ Pool Villa Ocean View นี่ก็อยากจะนอนอยู่นะ แต่เกินงบไปมาก แล้วส่วนตัวเป็นสายกิจกรรม ไม่ชอบอยู่ห้องเฉยๆก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องจองห้องแพง เพราะไม่คุ้มแน่ๆ เอาแบบสบายกระเป๋า แล้วเปลี่ยนที่ เปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อยๆดีกว่า ^^

    เก็บของพักผ่อนนิดหน่อย ตอนเย็นหวังใจว่าจะไม่ออกไปไหนแล้ว ก็เล่นน้ำที่หาดหน้ารีสอร์ทแล้วกินข้าวที่นี่เลย พร้อมกับวิวซันเซ็ทสวยๆ 

    แต่สิ่งที่คิด VS สิ่งที่เห็น ช่างคอนทราสกันเหลือเกิน เดินลงมา ก็สตั๊นไปนิดนึง น้ำลงเยอะมาก เล่นน้ำบ่ได้เด้อ เพราะโขดหินเยอะ แงๆ  ความหวังที่จะได้เล่นน้ำที่นี่ก็เหลือพรุ่งนี้เช้าอย่างเดียวแล้ว ก็รอลุ้นกันต่อไป

    ตอนนี้เอาไงดีล่ะ ก็เลยลองเดินเลาะๆๆหาดไปเรื่อยๆ จนมันไปบรรจบกับหาดตรง Mountain Resort เฉยเลย ก็เลยมานั่งเล่นโซนนี้ดีกว่า ชิลกว่า

    พระอาทิตย์วันนี้อาจจะไม่ตกเป็นลูกกลมๆ เพราะเมฆเยอะ แต่แสงสวยใช้ได้เลย คนละสีกับเมื่อวาน เมื่อวานจะออกส้มๆน้ำเงินๆ วันนี้เป็นสีชมพูพาสเทลหวานๆ

    แล้วพอดีมีพี่ๆที่โชว์กระบองไฟมาโชว์ช่วงทไวไลท์พอดี เพราะปกติจะเห็นโชว์แต่ตอนฟ้ามืดแล้ว 

    พี่เค้าให้เราลองจับโซ่ไฟให้ถ่ายรูปด้วย รูปออกมาก็จะประมาณนี้ เสียวนิดหน่อย แต่ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

    เดี๋ยวเราเดินไปกินข้าวที่วอร์คกิ้งเหมือนเดิม นี่เบ็ดเสร็จรวมคูปองในเป๋าตังที่ได้มา 3 คืน คือ  2,400 บาท จะใช้ยังไงก็ไม่หมด (แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ให้หมดหรอกเนาะ ใช้เงินแอพเป๋าตังก็ต้องใช้เงินเราอยู่ดี )

    โอเคกินข้าวเสร็จกลับรีสอร์ท คราวนี้ขอใช้บริการแท็กซี่แล้วกัน เดินกลับไม่ไหว ทางเข้ารีสอร์ทมืดตึ๊ดตื๋อ ทางก็ค่อนข้างลูกรัง เรียกรถไปส่ง คนละ 50 บาท สะดวกกว่าเยอะ

    เข้านอนแล้วมาดูกันว่าตอนเช้าเราจะได้เล่นน้ำรึเปล่า กลัวฝนตกจัง ช่วงเย็นแอบมีฟ้าแลบแปรบๆ

    จริงๆช่วงพีคของหลีเป๊ะ จะเป็นช่วง ธ.ค.-ก.พ. แต่เดี๋ยวนี้ฤดูกาลไม่แน่นอน โอกาสเจอฝนก็มีได้ตลอดแหล่ะเนาะ เช่นกันกับเช้านี้ แอบฟ้าครึ้มเล็กๆ ตอนลงมาทาน breakfast 

    อาหารเช้าที่นี่ก็ทั่วไปๆ ตัวเลือกไม่ได้เยอะมาก แต่เครื่องดื่มชา กาแฟดี ใช้เครื่องชงแบบ Espresso 

    เมนูไข่สั่งได้ตามชอบ มี Egg Benedict ด้วย แล้วมีอาหารให้ตักเองเล็กน้อย อาหารก็พอใช้ได้ แต่ก็ไม่โดดเด่นเหมือนๆกับอีกสองที่ที่ผ่านมา

    เราจะขึ้นเรือกลับรอบ 11 โมง มีเวลาให้เราได้เสพบรรยากาศเช้าๆกันอีกสักหนึ่งกรุบ ก่อนที่เราจะบ๊ายบายหลีเป๊ะกัน

    และแล้วฟ้าก็เป็นใจ เปิดม่านเมฆให้อาทิตย์ส่องแสง ให้เราได้เล่นน้ำ ถ่ายรูปกันแบบสดใสๆ

    ที่นี่จะมีอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมทางน้ำให้ครบเลย สามารถหยิบจับไปเล่นได้ ทั้งเรือคายัค  SUP board หน้ากากสน็อกเกิ้ล ฟิน ชูชีพมีทุกไซส์ พร้อมใช้งานฟรี ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

    อากาศดีฟ้าใส น้ำสวย สุดๆ ปิดท้ายทริปได้สวยงาม 

    โคตรไพรเวทเลย เหมือนทั้งเวิ้งนี้เป็นของเราคนเดียว

    หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ ได้เวลากลับบ้านแล้ว เตรียมเช็คเอ้าท์ บ๊าบบายวิวสวยๆของหลีเป๊ะ

    จบทริปพร้อมกลับบ้านแล้วจ้าาาา อิ่มทะเลมากเลย 4 วัน 3 คืน ที่หลีเป๊ะ

    รอบเรือขากลับ มีทั้งหมด 3 รอบ

    • รอบแรก เรือออกจากหลีเป๊ะ : 9.30 น.  -  รถตู้ส่งถึงสนามบิน 13.30 น.
    • รอบสอง เรือออกจากหลีเป๊ะ : 11.30 น. - รถตู้ส่งถึงสนามบิน 15.30 น.
    • รอบสาม เรือออกจากหลีเป๊ะ : 13.30 น. - รถตู้ส่งถึงสนามบิน 18.00 น.

    ก็เลือกได้ตามความเหมาะสม กับไฟลท์ที่เราจองกลับกทม. ส่วนเราจองไฟลท์รอบสองทุ่ม ก็เลยเลือกเรือขากลับรอบสอง จะได้ไม่ต้องรีบตื่น ยังมีเวลาอยู่รีสอร์ทถึงสายๆ แล้วก็ไม่กระชั้นเวลาขึ้นเครื่องกลับด้วย


    ความแตกต่างของ ทั้ง 3 หาด บนเกาะหลีเป๊ะ

    หาดพัทยา (Pattaya Beach)

    • เป็นหาดที่มีสีสันที่สุด มีร้านอาหาร มีบาร์ริมหาด ใกล้ Walking Street แหล่งของกิน ถ้าไม่อยากฝากท้องไว้กับรีสอร์ท จองที่พักแถวๆหาดพัทยาก็ไปหาอะไรกินง่ายหน่อย
    • เป็นจุดขึ้นเรือ ลงเรือ  สังเกตได้รูปหลีเป๊ะที่เป็นภาพจำคือ เรือหางยาวจอดต่อกัน
    • เป็นหาดที่คึกครื้นที่สุดในบรรดาหาดทั้งหมด เพราะนักท่องเที่ยวต้องมาขึ้นเกาะหลีเป๊ะที่นี่ ใครกลัวเหงา ไม่ชอบความเงียบเกินไป พักหาดพัทยาเหมาะที่สุด (แต่ก็ไม่ได้เสียงดังโหวกเหวกหนวกหู)

    หาดซันไรซ์ (Sunrise Beach)

    • หาดนี้มีรีสอร์ทเยอะ เดินไป walking street ได้ ไกลนิดหน่อย แต่ก็ไม่ลำบากมาก เดินได้แบบไม่ต้องเรียกรถ
    • สามารถเดินเลาะหาดไปแถว Zodiac ได้  แต่อาจจะไกลนิดนึง ช่วงตอนสายๆน้ำขึ้นอาจจะเดินเลาะหาดไม่ค่อยสะดวก
    • โซนที่พักริมหาดฝั่งซันไรส์ จะเริ่มที่ Idyllic ต่อด้วย Anda Resort แล้วก็ Cast Away  เป็นโซนที่มีคนพักเยอะหน่อย แต่พอถัดไปโซนกลางๆ ก็มีที่พักหลายเจ้า แต่กลางคืนก็จะเงียบๆมืดๆ  แล้วจะไปสว่างไสว มีคนพลุกพล่านอีกทีก็แถว  Zodiac/ ฺBulow  / Mountain Resort 
    • เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมากๆ สมชื่อหาดซันไรซ์ 
    • น้ำทะเลสวยมาก โดยเฉพาะช่วงสายๆเที่ยงๆ แดดจัดๆ น้ำเป็นสีturquoiseเลย หาดน่าเล่นน้ำ เป็นส่วนตัวกว่าฝั่งหาดพัทยาเพราะ ฝั่งหาดพัทยาคนเยอะ มีเรือเข้าออกทั้งวัน

    หาดซันเซ็ท (Sunset Beach) :   

    • หาดนี้จะเดินทางไปไหนมาไหนยากหน่อย ทางเข้ารีสอร์ทค่อนข้างเป็นเนินลูกรังชันๆ ส่วนมากที่พักโซนนี้มีไม่กี่แห่ง และจะเป็นแบบมุมสูง หน้าผา มีหาดส่วนตัวเล็กๆ ที่โขดหินค่อนข้างเยอะ 
    • ถ้าเข้าพักแล้วก็ไม่น่าออกไปไหน เหมาะกับคนที่ชอบความสงบ เป็นส่วนตัว ชอบพักผ่อนอยู่ห้อง แต่ถ้าจะไป walking ทางรีสอร์ทก็มีรอบรถพาไป แต่ต้องเรียกรถกลับเอง
    • ตอนเย็นน้ำลงเยอะมาก เล่นน้ำไม่ได้เลย เพราะโขดหินเยอะ แต่สามารถเดินเลาะไปฝั่ง Zodiac ได้ แต่พอสายๆน้ำขึ้น สวยมากกกก ด้วยความที่เป็นวิวมุมสูง มันก็จะเห็นน้ำสีฟ้าแบบพาโนราม่า แล้วเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะที่พักคนไม่เยอะ

    สรุปรวมค่าใช้จ่าย

    • ค่าที่พัก 3 คืน 3 ที่พัก รวมค่ารถตู้ไป-กลับจากสนามบินหาดใหญ่ - ท่าเรือปากบารา รวมค่าเรือปากบารา-เกาะหลีเป๊ะ โดยใช้สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน รวมแล้วจ่ายไป 11,904 บาท / 2 คน
    • ค่าทริปดำน้ำครึ่งวัน คนละ 500 บาท รวม สองคน 1,000 บาท
    • ค่าอาหารรวมๆ (มีใช้คูปองที่ได้จากจองเราเที่ยวด้วยกันด้วย) ประมาณ 3,000 บาท / 2 คน
    • ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ ดอนเมือง-หาดใหญ่ 5,226 บาท / 2 คน

    รวมแล้ว ก็ประมาณ สองหมื่นนิดๆ / 2 คน คร่าวๆ ตกคนละประมาณ 11,000 บาท กับหลีเป๊ะ4 วัน 3 คืน แบบไม่ถูกตัง แต่ถูกจริตตัวเองก็เป็นอันว่าใช้ได้ 

    ทริปนี้ ถือว่า อยู่ในเรทกลางๆ ไม่ถูก ไม่แพง ถ้าชอบแบบประหยัดกว่านี้ ก็เลือกจองแพคเกจห้องพัก 3 วัน 2 คืน หรือ  4 วัน 3 คืน ไปเลย ที่รวมที่พักค่ารถค่าเรือค่าทริปไปแล้ว จะถูกกว่านี้  เริ่มต้นก็  ราคา 3,xxx (ไม่รวมค่าเครื่องบิน) ก็เที่ยวหลีเป๊ะได้แล้ว แต่ก็จะได้นอนที่เดียวซ้ำกันหลายคืนหน่อย 

    หรือ ใครชอบแบบหรูหรา  Jacuzzi / Villa / Pool Villa คืนนึงหลักหมื่นอัพ ที่หลีเป๊ะก็มีให้พักเยอะแยะมากมาย เลือกตามความชอบกันได้เลย

    ชอบแบบไหน ทักจองตรงกับทางที่พักนั้นๆได้เลย หรือ จะให้เอเจนซี่ที่รับจองติดต่อจัดการให้ก็ได้

    ภาพรวมทริปนี้ ก็ถือว่า ดีงามมากกกก.... อากาศดี แดดดี ทะเลสวยสุดๆ 

    หลีเป๊ะเป็นอีก 1 เกาะ ที่ต้องมาเยือนสักครั้ง มาอยู่ 4 วัน 3 คืน กำลังดี ก็ถือว่าคุ้มค่าการเดินทางมาไกล ได้พักผ่อนกับทะเลสวยๆ ก็ช่วยฮีลใจได้ดีทีเดียวเนาะ ^^

    . . . . . แล้วพบกันใหม่ทริปหน้านะค้าาาาาาา . . . . 


    ติดตามการเดินทางของแมวน้ำ Seally.Go.Round เที่ยวแบบเจาะลึก ข้อมูลแน่นๆ

    Seally-Go-Round

     วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 16.42 น.

    ความคิดเห็น