เยือนถ้ำบาตู สักการะพระขันธกุมารองค์ใหญ่ พิชิตบันไดหลากสี @มาเลเซีย

เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเห็นภาพบันไดหลากสีสันสุดสดใสนับสองร้อยกว่าขั้นผ่านตงผ่านตากันมาบ้าง แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าคือที่ไหน? วันนี้เราขออาสาพาไปเยือนสถานที่แห่งนี้พร้อมกัน อ้อ! อย่าลืมพกขวดน้ำ พกพัดลมตัวน้อยมาด้วยล่ะ เพราะกว่าจะขึ้นไปถึงเล่นเอาเหนื่อยพอตัว

ทริปวันนี้ ขอพาออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง "มาเลเซีย" ที่กัวลาลัมเปอร์กันบ้าง สำหรับแลนด์มาร์กที่เราพูดถึงไปข้างต้นก็คือ "ถ้ำบาตู" (Batu Caves) (คำว่า Batu มาจากภาษามลายู แปลว่า 'หิน') เป็นศาสนสถานของฮินดูที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี มีลักษณะเป็นเขาหินปูนที่ภายในมีถ้ำและเทวาลัย จุดเด่นด้านหน้ามี "พระขันธกุมาร" องค์สีทองขนาดใหญ่ยืนประดิษฐานอย่างโดดเด่นเป็นสง่า และไฮไลต์ถัดมาคือ บันไดสีรุ้งสดใสที่ทอดยาวขึ้นไปยังถ้ำด้านบน ตามข้อมูลระบุว่ามีบันไดจำนวน 272 ขั้น แต่ตอนที่เราหอบแฮ่ก ๆ เดินขึ้นไปทำไม๊ ทำไม ถึงนับได้ไม่ถึงกันนะ สงสัยจะสติหลุดเป็นแน่ 555 (แต่แฟนเรานับถึงนะ อิอิ)

การเดินทางมาที่ถ้ำบาตู เราขึ้นรถไฟจาก KL Sentral (ศูนย์รวมการคมนาคมต่าง ๆ) เพื่อไปลงสถานี Batu Caves ผ่านประมาณ 7 สถานีได้ ใช้เวลา 30 นาที ค่าเสียหายคนละ 8 ริงกิต (ประมาณ 64 บาท) ที่นี่ก็คล้าย ๆ กับ bts บ้านเราเลย (แต่บ้านเค้าคือรถไฟวิ่งบนรางลูกรัง สองข้างทางเป็นป่า) พอมาถึงก็จะเห็นภูเขาสูงใหญ่เด่นมาแต่ไกล เดินต่อไปก็จะเจอรูปปั้นลิงสีเขียวตัวใหญ่ยักษ์ใกล้ ๆ ทางเข้า (น่าจะเป็นหนุมานเวอร์ชั่นฮินดู) และอาคารสีรุ้งแสนสดใสซึ่งก็คือวัดหนุมาน เดินผ่านไปอีกนิดจะเจอบ่อน้ำและร้านค้าอยู่ประปรายรายทาง

ส่วนบริเวณด้านล่างก่อนขึ้นไปบนถ้ำจะเจอนกพิราบและเหล่าทหารพระราม (ลิง) รอต้อนรับเยอะเลย เรียกว่าเดินไประแวงไป แต่จริง ๆ เจ้าจ๋อที่นี่ก็ไม่ได้ดุอะไร ดูเรียบร้อยไปเลยถ้าเทียบกับลิงลพบุรี เรายืนมองดูองค์พระขันธกุมารและภาพรวมรอบ ๆ วัดสักพักใหญ่เลย เพื่อซึมซับบรรยากาศความสวยงามและความศักดิ์สิทธิ์ คือสถานที่จริงสวยมากนะ อลังการสุด ๆ ไปเลย เนื่องจากเราเดินทางไปช่วงเย็น คนก็เลยไม่ค่อยเยอะ จากนั้นเราก็ค่อย ๆ เยื้องย่างนับขั้นบันไดขึ้นกันไปจนถึงด้านบน โดยแวะพักเป็นช่วง ๆ ตลอดทาง

พอขึ้นมาถึงด้านบนก็จะเป็นถ้ำแบบถ้ำใหญ่ ๆ กว้าง ๆ เลยอะ มีน้ำหยดตลอดเวลาเหมือนฝนตก อากาศชื้นมาก ๆ ภายในก็จะมีเทวรูปของเทพฮินดู เช่น พระศิวะ พระแม่อุมา พระพิฆเนศ พระขันธกุมาร รวมถึงนกยูง (พาหนะของพระขันธกุมาร) อยู่เต็มไปหมด จากนั้นเราก็เดินชมรอบ ๆ ได้ยินเสียงบทสวดแว่ว ๆ มา เหมือนจะมีพราหมณ์มาทำพิธีอะไรสักอย่างอยู่ด้วย นอกจากจะมีถ้ำชั้นนี้แล้ว เรายังสามารถเดินต่อไปด้านบนอีกประมาณ 10 ขั้นได้อีก ซึ่งจะมีโซนศาลเจ้า และหากมองไปด้านบนจะเห็นปากถ้ำด้วย มีหินงอกหินย้อยให้เห็นเป็นหย่อม ๆ เดินเล่นกันเพลิน ๆ ชมนั่นชมนี่ก็มืดค่ำซะแล้ว แต่ไม่ต้องรีบไป เพราะที่นี่ปิดตั้ง 3 ทุ่มแน่ะ จากนั้นก็ต่อเนื่องด้วยภารกิจเดินลงเขา ทำเอาเหงื่อชุ่มหลังกันเลยทีเดียวเชียว

Fact : รู้หรือไม่? ว่าบันไดสีรุ้งเหล่านี้ไม่ได้มีสีนี้มาก่อน แต่เพิ่งมาทำเมื่อไม่นานมานี้เอง เมื่อปี 2018 เดิมทีบันไดมีสีปูนกลืนไปกับภูเขา จึงได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่เป็นเฉดสีรุ้งอันสดใสตลอดทาง จนปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สายถ่ายรูปต้องมาเยือนให้

ดูคลิปตะลุยเที่ยวถ้ำบาตูได้ที่นี่ >> YouTube

ปิดท้ายด้วยภาพถ่ายช่วงกลางคืน น่าจะประมาณ 6 โมงเย็น ก็ดูสวยขลังไปอีกแบบ หากใครชอบเที่ยววัดสไตล์ฮินดู ชอบถ่ายภาพสวย ๆ ชอบสีสันสดใส หรือชอบธรรมชาติ ชอบถ้ำ แล้วละก็... ที่นี่ถือว่าคุ้มค่าแก่การมาเยือนอย่างมาก