สวัสดีค่าาา วันนี้เรามีที่พักมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกันอีกแล้วนะคะ เป็นโรงแรมในกรุง
หลังจากที่เคยแต่รีวิวโรงแรม รีสอร์ทต่างจังหวัดกันซะส่วนมาก มาวันนี้พาเข้ากรุงบ้างดีกว่า สิ่งสำคัญที่เราอาจจะลืมไปบ้างนั่นคือ
มีคนจำนวนมากที่เข้ากรุง เข้ามาติดต่องาน มาท่องเที่ยว และมางานสัมมนา และต้องการหาโรงแรมที่สะดวกในการเดินทาง
ไปไหนต่อไหนได้สะดวก ทำเลที่ตั้ง คือสิ่งที่จำเป็นและง่ายต่อการตัดสินใจได้เหมือนกันนะคะ
วันนี้เราได้มาพักที่

โรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท กรุงเทพฯ

ซึ่งเป็นโรงแรมภายใต้การบริหารงานของแมริออทอินเตอร์เนชั่นแนล
ที่ใช้ชื่อ “คอร์ทยาร์ด" เป็นแห่งแรกในประเทศไทยค่ะ

ตั้งอยู่บนถนนราชดำริ ซึ่งเป็นถนนสายสาสำคัญที่สามารถเชื่อมต่อไปยังแหล่งธุรกิจ


ย่านสุขุมวิท สีลม และพระราม 4 นอกจากนี้ยังใกล้ห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่ง

สามารถเดินทางสะดวกมากด้วย BTSตามไปชมด้วยกันเลยน้าาาา



ดูๆ จากแผนที่โรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท กรุงเทพฯ จะใกล้และสะดวกกับ BTS ราชดำริมากกว่าชิดลมนะคะ


จากการเดินเพียงแค่ 5 นาทีจาก BTS มายังโรงแรม เข้าซอยมหาดเล็กหลวง 1 โรงแรมจะอยู่ฝั่งขวามือ

ส่วนเราวันนี้มากันทั้งบ้านเลยสะดวกขับรถมากกว่าค่ะ วิ่งขึ้นทางด่วนลงประตูน้ำและผ่านหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์

เข้าถนนสุขุมวิท และเลี้ยวซ้ายเข้าซอย มหาดหลวงเล็ก 1 ก็ถึงโรงแรม เลี้ยวเข้าไปมีที่จอดรถใต้อาคาร

จากนั้นก็ลากกระเป๋าไปเช็คอินที่ Lobby กันค่า



บริเวณ Lobbyดูหรูหรา โอ่โถง กว้างขวางตกแต่งตามสมัยนิยม มีที่นั่งพักส่วนต้อนรับหลายจุด



มี Welcome Drink ให้ด้วยนะคะ


ในขั้นตอนการเช็คอินของ โรงแรมคอร์ทยาร์ดฯ จะมีการเรียกเก็บค่าประกันของเสียหายในห้องพักด้วย ห้องละ 1,000 บาท

โดยทางโรงแรมจะออกใบเสร็จยืนยันให้ไว้ และจะคืนเงินให้เมื่อเช็คเอาท์ออกไปค่ะ

แขกและลูกค้าส่วนใหญ่ของโรงแรมคอร์ทยาร์ดฯ จากที่เราเห็นช่วงที่เราได้เข้าพักนั้นจะเป็นชาวต่างชาติกว่า90%


และจะเป็นกรุ๊ปทัวร์มาลงระหว่างท่องเที่ยวภายใน กทม. นะคะ



ส่วนลูกค้าชาวไทยส่วนมากจะมาใช้บริการในส่วนของห้องอาหาร MoMo Cafe ที่จะมีโปรโมชั่นอาหารบุฟเฟ่ต์ต่างๆ มากมายในช่วงแต่ละวัน และห้องประชุม-จัดเลี้ยงของ โรงแรมคอร์ทยาร์ดฯ ค่ะ



หลังจากได้รับคีย์การ์ดที่ Lobbyกดลิฟท์ขึ้นไปยังชั้น 4 กันเลยค่าาา (มีทั้งหมด 15 ชั้น) ห้องพักของเราอยู่ชั้นนี้เลย ^^

ปูพรมสีแดงระหว่างทางเดินกันเลยนะคะเสมือนว่าเราเดินแบบเป็นนางงามอยู่บน แคทวอล์ค ก็ไม่ปาน คริ คริ



ลิฟท์มีด้วยกัน 3 ตัวค่ะ ซึ่งเป็นระบบล็อคชั้นไว้ในคีย์การ์ดสำหรับห้องพักในชั้นนั้นๆ ไม่สามารถกดขึ้นไปห้องพักชั้นอื่นๆได้ ยกเว้น ชั้น G Lobby ห้องอาหาร และชั้น M ห้องสัมมนา สระว่ายน้ำ ฟิตเนส เพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นให้กับแขกผู้เข้าพัก

ถึงห้องพักของเราแล้วค่าาา เราได้พักห้องนี้ๆ

Grand Deluxe

Grand Deluxe มีทั้งหมด 44 ห้องค่ะ เราได้อยู่ห้องมุมของชั้น 4 ภายในห้องพัก ไม่แคบ หรือไม่ได้กว้างจนเกินไป ขนาดพอดีๆ ในความคิดของเรานะคะ มีส่วนของพื้นที่ที่ปูพรม และส่วนพื้นห้องปูพื้นกระเบื้องสีขาว



ภายในห้องน้ำ แยกสัดส่วนห้องชาวเวอร์พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องน้ำอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นชุด Set ในห้องน้ำ ไดร์เป่าผม ส่วนในตู้เสื้อผ้า จะมีตู้เซฟ ชุดคลุมอาบน้ำ เครื่องชงกาแฟ โต๊ะรีดผ้าและเตารีด โรงแรมคอร์ทยาร์ดฯ เค้ามีให้ด้วยนะคะ ^^



โทรทัศน์ LCD ขนาด 32 นิ้วค่ะ มุมข้างๆ นี่เลย ไม่อยากให้พลาดกัน สาย Wireless บนโต๊ะทำงานและเก้าอี้


เราลองเสียบต่อ อินเตอร์เน็ตมาแล้วค่ะ เป็นอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โอเคเลย ค่อนข้างประทับใจ ทำให้ไม่พลาดทุกข่าวสารบันเทิง



เห็นดีไซน์กระจกห้องน้ำพร้อมกระจกเงาที่เห็นสะท้อนทั้งสองฝั่งแบบเซ็กซี่นี่ มีม่านดึงลงมาปิดให้ด้วยนะคะ

โล่งงงงเลยล่ะซี้ แบบว่า สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในห้องน้ำหน่อยอ่ะนะ อิอิ

เตียงนุ่มๆ ของเราค่าาาาา นุ่มมากกกกกก

มาสำรวจมุมมินิบาร์ภายในห้องกันค่ะ เผื่อมีไรให้ทานฟรีบ้าง 555


น้ำเปล่า 2 ขวดนี้ได้ฟรีอยู่แล้วเนอะ ชากาแฟฟรี ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ ภายในตู้เย็น เสียเงินค่ะ มีราคาแจ้งไว้บนหลังตู้ เราไม่ได้เช็คดูราคานะคะ ว่าราคาต่างจาก 7-11 มากหรือเปล่า เพราะเราไปไหนก็ไม่เคยหยิบมาดื่มอยู่แล้วค่า อิอิ



สาเหตุของเตียงนุ่มๆ แบบที่เราชอบ เพราะโรงแรมคอร์ทยาร์ดฯ แผ่นรองฟูกที่นอน (ไม่รู้ว่าเราเรียกถูกหรือเปล่านะคะ)


อีกชั้นหนึ่งค่ะ และแผ่นรองฟูกที่นอนของที่นี่ก็เพิ่มความหนานุ่มขึ้นไปอีก คืนนี้ เราฝันดีแน่ๆ เลยน่ะว่ามั้ยๆ ^^

หลังจากพาไปชมห้องพักของเราแล้ว ขอคั่นเวลาด้วยการหาไรใส่ท้องก่อนนะคะ
แบบว่า หิวเป็นที่ซู๊ดดดดด

ณ ห้องอาหาร MoMo Cafe (ชั้น G)

ห้องอาหาร MoMo Cafe มีมากถึง160 ที่นั่ง สามารถเลือกนั่งได้ทั้งภายนอกและภายในค่ะ


ท่ามกลางบรรยากาศร้านอาหารที่ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่น เหมาะสำหรับทุกโอกาส

บุฟเฟต์ที่เราได้ทานในวันนั้นเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันนานาชาติ หัวละ 550 บาท net พร้อม Soft Drinks (น้ำอัดลม น้ำมะนาว ชาเย็น)
เวลา 12.00 น. - 14.00 น. มีทุกวันนะคะ

เราขอประเดิมเมนูแรก เป็นอาหารไทยนี่แหละค่ะ ส้มตำนี่เล้ยยยย ที่นี่เค้าจะตำกันให้สดๆ ใหม่ๆ เส้นกรอบๆ ครกต่อครก เพื่อให้ได้รสชาติแซบมากที่สุด


อ้อ ห้องอาหาร MoMo Cafe เป็นแบบครัวเปิดค่ะ ซึ่งเราจะเห็นลีลาการทำอาหาของเหล่าบรรดาเซฟในทุกๆ เมนู

อย่างเช่นลีลาการทำพิซซ่าของเซฟคนนี้ที่นี่แป้งเค้าบางกรอบมากกกก ได้เครื่องแบบเต็มๆ สำหรับคนชอบอาหารอิตาเลียน ต้องไม่พลาดมุมนี้นะคะ



ตามด้วยมุมซีฟู้ด หลังจากที่เราสำรวจมาแล้ว มุมซีฟู้ดของ MoMo Cafe จะมีแค่ กุ้ง หอย ปลาหมึก ไม่มีปู และกั้งนะคะ


ก็ราคาคุ้มกับ 550 บาทแล้วนี่นา (ใครอยากจัดเต็มซีฟู้ดมีช่วงดินเนอร์ จัดทุกวันศุกร์ หัวละ 850++ ค่ะ) น้ำจิ้มซีฟู้ดชิมมาแล้ว จี๊ดจ๊าดได้ใจดีค่าาา

คือจะบอกอีกว่า ขณะมาเขียนรีวิวถึงบรรทัดนี้ คุยเรื่องมุมซีฟู้ดทีไร ทำเอาหิวอีกแล้วอ่ะค่าา 555



และเมนูอื่นๆ ที่เราได้เก็บภาพมาฝากค่ะ ซึ่งบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติมื้อกลางวันที่เราได้ทานในวันนั้น
กลุ่มสัมมนาลงมากันพอดีค่ะ เต็มห้องอาหารเลยเก็บภาพไม่ค่อยสะดวกนัก อิอิ

มาปิดท้ายด้วยเมนูหวานๆ ตามสไตล์บุฟเฟต์ในเมืองกรุงกันนะคะ ที่จะมีบรรดาเค้กสวยๆ ต่างๆ พาเหรดมาเพียบ


a la carte โต๊ะเราเป็น น้ำส้มสด พร้อมด้วย น้ำมะนาวผสมสัปปะรดปั่น มีขิงซอยโรยหน้ามาด้วยนะคะ เราต้องถามพนักงานก่อนว่า นี่คือน้ำอะไรกันเนี่ย

ประมาณว่า ทานเป็นอย่างเดียวนะคะ ชื่อเมนูอะไรต่างๆ นี่เราจะมีความรู้น้อยที่สุด อิอิ >"<



ชั้น M มีห้องประชุมสัมมนา และห้องจัดเลี้ยงด้วยค่าาา พามาดูกันหน่อย มีมุมเก๋ๆ มุมนี้ด้วยนะ เราชอบ ก็เก็บภาพมาฝากกันต่อ แฮ่

แต่ระหว่างเวลานั้น ก็มีลูกค้าใช้ห้องประชุมพอดีค่ะ เราจึงไมไ่ด้เก็บภาพภายในมาให้ชม


ดูภายนอก ระหว่างห้องประชุมทั้งสองฟากเอาล่ะกันเนอะ



สระว่ายน้ำ ชั้น M ที่ล้อมรอบด้วยตึกสูงรอบทิศทางของโรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท กรุงเทพฯ

สระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาด 5*20 เมตร พร้อมสระนวดตัว ดูจากสระใหญ่ไม่มีสระเด็กนะคะ เราพาเด็กไปด้วยจึงให้เล่นที่สระนวดตัวนั่นแหละ


แต่แค่นี้ก็ฟินแล้ววว เด็กกับน้ำเจอกันที่ไร สดชื่นขึ้นมาทันตาเห็นจริงๆ 555



เราใส่รองเท้าใหม่ไปด้วยค่ะ เลยอยากอวดหน่อยแหน่ะ อิอิ รองเท้า KEEN รุ่น UNEEK สีชมพูหวานๆ

ที่เรากำลังจะพาคู่นี้ ออกตะลอน ในทุกๆ ทริปที่กำลังจะเข้ามาในปีนี้



ตามมาชมห้องพักกันต่อค่ะ เมื่อมีโอกาสไปพักโรงแรม รีสอร์ทในหลายๆ ที่เรามักจะมาเก็บภาพห้องพักอื่นๆ ด้วยเสมอๆ


โรงแรมคอร์ทยาร์ดฯมีห้องพักทั้งหมด316 ห้องค่ะ โดยแบ่งออกเป็นดังนี้



- Deluxe Room (213 ห้อง)

- Grand Deluxe (44 ห้อง)

- Family Room (10 ห้อง)

- Executive Room (47 ห้อง)

- Executive Suite (2 ห้อง)



ห้องนี้ยังคงเป็นห้อง Grand Deluxe นะคะ แต่จะอยู่คนละฝั่งจากห้องพักของเรา ถ้าถามว่าต่างจากDeluxe Room อย่างไรนั้น


ต่างกันที่ขนาดห้องพัก ห้องDeluxe Room จะมีหน้าต่างเพียงฝั่งเดียว แต่ห้อง Grand Deluxe จะมีหน้าต่าง 2 ฝั่งและเป็นห้องมุมค่ะ

ห้องพักอีกแบบหี่เรามีโอกาสได้เข้ามาเก็บภาพนั่นคือ Family Room ค่ะ
ซึ่งมีด้วยกัน 10 ห้อง มีหน้าต่าง 2 ฝั่งและเตียงขนาดใหญ่ 2 เตียง

แยกสัดส่วนห้องพักและห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำของห้อง Family Room จะมีอ่างอาบน้ำให้ด้วยค่า


รวมทั้งขนาดห้องน้ำกว้างกว่านอกจากนั้นจะเหมือนกันทุกอย่างค่ะ



ยามเย็นของ มหานครกรุงเทพ ถ่ายจาก Executive loungeดาดฟ้า ชั้น 15 ค่าาาาา

Executive lounge ชั้น 15



สำหรับแขกที่พักห้อง Executive Room และห้อง One Bedroom Executive Suite เท่านั้นนะคะ

จึงจะสามารถมาใช้บริการ Executive lounge ได้ค่ะ



สระว่ายน้ำ และแสงสียามค่ำคืนของ โรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท กรุงเทพฯ

ซึ่งหากมองจากสระว่ายน้ำลงไปจะเห็นห้องฟิตเนสด้วยนะคะภายในห้องฟิตเนส ของโรงแรมคอร์ทยาร์ดฯ จะกว้างมาก


อุปกรณ์ออกกำลังกายต่างๆ อยู่ในสภาพดีและ มีให้เลือกเล่นหลากหลายสำหรับลูกค้าของโรงแรม



ห้องนี้เราก็ไม่ได้มาใช้บริการอีกแล้วค่ะ จริงๆ เป้าหมายในปีนี้คือ คิดว่า หากได้ไปพักที่ไหนๆ และมีห้องฟิตเนสให้ด้วยเรา

ควรจะไปออกกำลังกายกันบ้าง แต่เปล่าเลย โรคขี้เกียจกำเริบทุกที 555



สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ก็ต้องออกกำลังกายเอาเนอะ ><



ค่ำคืนแห่งการพักผ่อน บนเตียงนุ่มๆ ของเราผ่านไปแล้ว เช้านี้มีฝนตกด้วยล่ะ กทม.ฝนตกในหน้าร้อน ช่วยลดอุณหภูมิได้เยอะเลยทีเดียว
ซอยมหาดเล็กหลวง ซอย 1 หน้าโรงแรม ถนนโล่งต่างจากเมื่อวานที่เรามาอย่างลิบลับเลยนะคะ

Good Morning ณ โรงแรมคอร์ทยาร์ดฯ


ที่ห้องอาหารยามเช้า MoMoเป็นแบบปุฟเฟต์ค่ะ



เปิดบริการ 06.00-10.30 น. ช่วงเช้าๆ คนยังไม่เยอะ เก็บภาพได้สะดวกหน่อยล่ะทีนี้



หลังจากที่ได้สำรวจไลน์อาหารมาแล้ว บอกได้เลยว่า เยอะมากกกกกก


เลือกตัก สิ่งที่ชอบ อย่างที่ใช่กันตามสะดวกได้เลยค่าาา



อ้อ สำหรับลูกค้าที่ไมไ่ด้เข้าพักโรงแรมแต่สามารถมาทานอาหารเช้าของที่นี่ได้นะคะ คิดหัวละ 450++ ต่อท่านค่ะ

มาดูๆ ไลน์อาหารเช้ากันแบบเต็มๆ ตา

เราชอบมุมนี้เป็นพิเศษ มุมผลไม้ และมุมเครื่องดื่ม ที่จะทำให้เราเลือกตักทานได้ตามใจชอบ รวมทั้งการจัดวางแต่ละโซน


ไม่หนาแน่นกันจนเกินไป และจะมีพนักงาน คอยบริการตลอดในทุกจุดค่ะ ว่าแล้วก็เริ่มลงมือทานกันเล้ยยย



ขึ้นมายัง Executive lounge ชั้น 15 มีห้องมิตติ้งเล็กๆ ในชั้นนี้ด้วยนะคะ สำหรับ Team ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่า

อาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ชั้นนี้แม้จะไม่เยอะเท่าชั้น G แต่คนจะไม่เยอะและให้ความเป็นส่วนตัวได้มากกว่าค่ะ



ภาพนี้คืออออ อยากจะบอกว่า อยากมีโมโม้นต์ แบบนี้บ้างน่ะ แฮ่.


แอบอิจฉาเล็กๆ นะเออ



ก่อนจากกันในรีวิวฉบับนี้ สิ่งหนึ่งที่เราอยากคอมเม้นต์ส่วนตัวที่อยากบอกกล่าวกันต่อถึงเพื่อนๆ นั่นคือ การบริการของพนักงานโรงแรมคอร์ทยาร์ดฯ


ที่นี่ จะให้บริการอย่างมืออาชีพจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าจะแผนกไหนๆ ก็ตามจะสื่อสารเรื่องภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี รวมทั้งตอบคำถาม เทคแคร์ ใส่ใจลูกค้า

ไม่ใช่เฉพาะแค่เรานะคะ แต่เราสังเกตจากลูกค้าหลายๆคน ที่มาใช้บริการทีนี้ด้วยเช่นกันค่ะ



ท้ายที่สุด.. ขอขอบคุณ โรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท กรุงเทพฯ


ที่เชิญเข้าไปพัก เก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อนำมาแบ่งปัน ให้เพื่อนๆ ได้รู้ ได้เห็น ได้รู้จักกันมากขึ้นด้วยค่าาา



ขอขอบคุณทุกการเข้าชม และติดตามกันจนมาถึงบรรทัดนี้ด้วยค่าาา



RinSaYoyoLive



RinSa YoyoLive

 วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11.43 น.

ความคิดเห็น