สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน เมื่อวันนึงฉันเดินเข้าป่า จะเจออะไรบ้างนะ ติดตามชมตอนนี้เลย ฮึๆ

การเดินป่ารอบนี้ไม่ได้อกหักพักใจ หรือหนีสิ่งใดมา แค่มันต้อแต้ (ท้อแท้) มาพักผ่อนที่มาปุ๊บได้พักสมใจ เธอ!! ตัดขาดจากโลกภายนอกจริงๆเกือบจะทุกช่วงเวลาเดินทาง เพราะอะไร อ่านต่อๆ (อย่าเพิ่งเด็ดลำไยกินใส่กันนะ)

ยินดีต้อนรับเข้าสู่การพาเที่ยว ณ บัดนี้ (สาระมีเป็นช่วงๆ ประหนึ่งเป็นไกด์ทัวร์น้องใหม่)

วันนี้มิวจะพาทุกคนเข้าสู่ป่าเขา ลำเนาไพร ที่ใครมีแพลนอยู่ในหัว หรือมีใจอยากจะตามมาพักผ่อนก็มาศึกษาข้อมูลก่อนคร่าวๆค่ะ 

Your destination is “อุทยานแห่งชาติแม่ยม จังหวัดแพร่” กะจ้าวววว

อุทยานแม่ยมเป็นพื้นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ พื้นป่าเขียวขจี ต้นไม้ใหญ่ โดยเฉพาะ พื้นที่ต้นไม้หายาก อย่าง ต้นสักทอง ต้นตะแบก ต้นสมพงษ์ ที่อายุแต่ละต้นนั้นเรียกเป็นคุณตายายหรือคุณทวดเลยละกัน เพราะแต่ละต้นมีหลักร้อยปีกะจ้าว


สำหรับการเริ่มต้นจากการเดินทางนั้น มิวได้ไปเป็นคณะนะ เดินทางโดยรถตู้โดยสาร ไปยังจุดจอด จากนั้นจะเดินทางต่อด้วยลำแข้งของเราเองค่ะ

ขอแทรกระหว่างการเดินทางเข้าป่า สำหรับใครอยากเดินทางด้วยตัวเองนั้น สิ่งที่เจ้าหน้าที่แนะนำเป็นพิเศษสำหรับการเอาชีวิตรอดในป่า มี 4 สิ่ง ถ้าไม่มี 4 อาจซี้ได้น้าลื้อๆ

  1. มีดพก พกไว้เป็นอาวุธ เครื่องมือช่วยหาอาหาร
  2. ไฟแช็ก จุดกำเนิดพลังงาน แบบพกพาหรือสมควันไล่สัตว์ ทำอาหาร หรือส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
  3. กระจก ไว้ส่องสะท้อนกับแสงแดดกรณีขอความช่วยเหลือกับเฮลิคอปเตอร์จ้า
  4. นกหวีด ไว้ส่งเสียงขอความช่วยเหลือ

ก่อนออกเดินทาง การแต่งกายก็เน้นมิดชิดหน่อยจะดีมาก เพราะแมลงในป่าดุมาก สเปรย์ฉีดอเนกประสงค์ต่าง หรือสเปรย์สมุนไพรกันแมลง น้ำมันสมุนไพร ยาหม่อง หรือยาแก้แพ้ก็คนที่แพ้ง่าย พกไว้ไม่เสียหลายค่ะ

เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว ฮุยเลฮุย การผจญภัยของเราได้เริ่มต้นนะบัดนี้

กิจกรรมช่วงสายของวันนี้ จุดแรกมิวได้เดินขึ้นไปชมวิว ชื่อว่า “ผาอิงหมอก”

จุดนี้วอร์มแข้งวอร์มขากันซักหน่อย เพราะทางชันไม่มากนักค่ะ เด็กตัวน้อยเดินได้สบายๆค่ะ จุดนี้เป็นจุดที่ชมทะเลหมอก ของอุทยานแห่งนี้เลยค่ะ ทิวเขาและยอดไม้เขียวหนาทึบ ตอนมิวไปไม่ใช่ช่วงหมอก อดเชยชมหมอกแต่ได้ชมวิวเขียวสบายตาค่ะ จากมุมนี้จะเห็นแต่ยอดต้นสักทองผืนหนา เดี๋ยวช่วงบ่ายเราจะไปดูลำต้นของต้นสักทองกลางป่ากันค่ะ และรอบนี้ก่อนพวกเรามามีผู้นำเดินป่าไปก่อนแล้ว ทิ้งหลักฐานร่องรอยไว้ด้วย (พวกเราเจอรอยเท้าของเจ้านกยูงค่ะ รอยเท้าขนาดนี้ลองจินตนาการว่าจะตัวใหญ่ขนาดไหนกันนะ)

จุดที่สองเรียกว่า “หล่มด้ง”

จุดชมธรรมชาติ ที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาเกิดจากการยุบตัวของแผ่นดินบนยอดภูเขา หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “หล่ม” มีลักษณะคล้ายทรงของกระด้ง เลยเป็นที่มาของคำว่า “หล่มด้ง”เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนจุดนี้จะเป็นเวิ้งน้ำขนาดใหญ่ จุดบริการน้ำธรรมชาติให้สัตว์ป่าตลอดปี และจะมีเสือปลา (แมวตัวใหญ่) มาค่อยจับสัตว์น้ำกินเป็นประจำ แต่ปัจจุบันหาดูได้ยากแล้วสินะ (ที่มีของคำถามที่ว่า ทำไมแมวชอบกินปลา ก็มันลงไปว่ายน้ำจับกินเองไม่ได้อ่ะสิ มนุษย์!!)

หล่มด้งจะมีจุดลานกางเต้นท์พักค้างคืน สามารถจัดกิจกรรมไว้บริการแก่นักท่องเที่ยวเดินป่าด้วย มีห้องน้ำหลายห้องด้วย และอยู่ใกล้เจ้าหน้าที่อุทยาน นอกจากนั้นจุดเดินทางตรงนี้จะเป็นจุดที่ทดสอบลำแข้งและฝีเท้าของจริง เริ่มการเดินทางปล่อยเราสู่ป่า เอ้ย! เดินทางเข้าป่า ไปชมทิวทัศน์สัมผัสธรรมชาติ ต้นไม้หายากอย่างต้นสมพงษ์อายุยืนยาวถึง 100 ปีที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน 

จุดเดินจุดนี้ถ้าฝนตกหนักเดินยากเอาการเลยแหละ เพราะทางค่อนข้างลื่น มีทั้งมอสและตะไคร่น้ำเกาะตามโขดหินและทางเดินไม้ ดินเป็นโคลนเลน ติดเต็มรองเท้าไปเลยค่า ใส่ผ้าใบเข้าป่า ตอนเดินกลับออกมาประหนึ่งใส่รองเท้าส้นตึกกลับบ้านเสริมส้นหนาเชียว ฉันจะสูงแข่งกับต้นไม้ในป่าอ่ะเธอ หนักเท้าใช้ได้เลย ในระหว่างทางเดินเจ้าหน้าที่อธิบายและให้ความรู้ทั้งชื่อของพันธุ์ไม้และวิธีเอาตัวรอดในป่า เช่น วิธีการดูไผ่ หน่อไม้ที่ใช้ทำอาหารได้  และวิธีดูเถาวัลย์น้ำที่ฟันเอาน้ำมาดื่มได้ยามอยู่ในป่าค่ะ


จุดที่ 3 คือ “แก่งเสือเต้น”

แก่งที่มีภูมิทัศน์สวยงาม เป็นโขดหิน สลับธารน้ำ คล้ายกับรอยเท้าเสือย้ำ ที่มาของชื่อ แก่งเสือเต้น (เจ้าเสือเต้นท่าไหนหนอ ได้แต่แอบคิด) ภาพวิวทิวเขาและสายน้ำ เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ บำบัดจิตใจฟังเสียงน้ำ เสียงธรรมชาติ หรือใครอยากจะมากางเต้นท์ที่จุดนี้ก็มีบริการนะ ติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ามาล่วงหน้านะ

จุดนี้เป็นจุดที่มิวและคณะเดินทางแวะทานอาหารกลางวัน มาเหนือทั้งที ต้องได้กินอาหารเหนือ มีทั้งเมนูต้ม เมนูผัด เมนูแกง เมนูทอด แต่ส่วนตัวไม่ขออะไรมากเลยเมนูที่เลิฟเลย ข้าวคลุกน้ำพริกกับแคปหมู อร่อยมากกะจ้าวว มาพักทานและชมวิวไปพร้อมกันค่ะ


หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน หนังท้องมันตึงหนังตามันก็หย่อน กาแฟต้องเข้าแล้วแหละ ได้เวลาไปคาเฟ่แล้วกะจ้าวววว

คาเฟ่ที่มิวได้มาแวะจิบกาแฟที่นี่ชื่อว่า “กาแฟสดเขาสะเอียบ”

เป็นคาเฟ่ที่มีทั้ง ชิมและช็อป เพราะนอกจากจะเป็นร้านเครื่องดื่มแล้ว ยังเป็นจุดซื้อของฝากสินค้าโอท็อปของชุมชนอีกด้วย หรือใครจะมาจัดกิจกรรม workshop ที่นี่ก็มีเฮือนรองรับกะจ้าวว เอาจริงๆถ้ามาช่วงฤดูหนาว ลมโกรกๆหน่อย นั่งชิลล์อยู่ได้ทั้งวันเลย

เวลาสมควรกับการเดินทางช่วงบ่าย และการเดินทางเข้าป่ากิจกรรมสุดท้ายของแพลนวันนี้ ได้เริ่มขึ้นแล้ว เปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถที่พร้อมกับการเข้าป่าอย่างสมบูรณ์แบบ ลุย!!! +1 +2 +3 .....พร้อมกะจ้าว

หนทางเข้าป่าดูแล้วจะขนหัวลุกมั้ยถ้าไม่ได้มากับเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญทาง....

กิจกรรมสุดท้ายของวัน "บวชป่า สืบชะตาแม่น้ำ"  กะจ้าว

จากช่วงเช้าที่มิวพาไปชมทิวทัศน์บนยอดเขามาแล้ว ตอนนี้เราจะเข้าไปในกลางป่า “ดงสักทองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย” ที่เราถ่ายรูปกันเมื่อเช้านั่นแหละ ตอนนี้เราจะมาดูความใหญ่หนาของขนาดลำต้นสักทองผืนนี้กันค่ะ อายุแต่ละต้นใหญ่ๆก็แก่กว่ามิวนานโขเลย

เริ่มพิธีบวชป่า ทางเจ้าหน้าที่ ได้นิมนต์พระ พร้อมเตรียมเครื่องถวาย ดอกไม้ และผ้าเหลือง ในการทำพิธี เริ่มด้วยตัวแทนหมู่บ้าน เอ้ย! ตัวแทนคณะ เริ่มทำการสวดและทำพิธีนำเปลี่ยนผ้าเหลือง หรือที่เรียกว่า บวชต้นไม้ ที่เราเคยได้ยินกันมา จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะแจกผ้าเหลืองให้ทุกคนในคณะได้ไปทำพิธีการเปลี่ยนหรือบวชต้นไม้ด้วยเองจ้า

ช่วงนี้ชี้แนะ แทรกสาระความรู้กันซักนิด

พิธีบวชป่า สืบชะตาแม่น้ำคืออะไร ทำเพื่ออะไร ?

เป็นพิธีกรรมทางศาสนา ที่ชาวบ้านได้ปรับมาใช้จากการสืบชะตาของคนโดยการทำพิธีกรรมทางศาสนาเพื่อต่อชะตา รวมถึงพิธีบวชพระ เปรียบเสมือนผู้ชายเมื่ออายุครบ 20 ปี ก็จะบวชเป็นพระสงฆ์ โดยเชื่อว่าการบวชป่า สืบชะตาแม่น้ำนอกจากจะเป็นการแสดงความเคารพต่อแม่น้ำ และต้นไม้ เป็นการรู้คุณค่าของป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ

โดยพิธีบวช จะนิมนต์พระสงฆ์มาร่วมทำพิธีร่วมกับคนในชุมชน และได้นำผ้าเหลืองไปมัดตามต้นไม้ หากทำพิธีการมัดผ้าเหลืองแล้ว ต้นไม้ต้นนี้ ป่าแห่งนี้ จะถือว่าได้บวชแล้ว เป็นอุบายของคนชาวเหนือที่บอกถึงการปกป้องรักษาต้นไม้ และผืนป่า ต้นน้ำ หากใครจะมาตัดทำลายจะเป็นบาป เปรียบเสมือนทำลายพระสงฆ์นั่นเองกะจ้าว

หลังจบพิธีบวชป่าก็ได้เวลากลับที่พัก กินข้าวเย็นและชิมน้ำเมาของดีของเขาสะเอียบกันจ้า

ที่พักของเราคืนนี้ ณ the mountain lodge by sakthong phrae

ที่นี่เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่พัก จุดบริการนักท่องเที่ยวของวิสาหกิจชุมชนสุราสักทองแพร่ สำหรับใครที่มาใช้บริการหรือมาดูงานจากศูนย์ชุมชนต้นแบบของวิสาหกิจชุมชนสุราสักทองแพร่

ที่นี่มีบ้านวิลล่าด้วยนะ มาชมตัวอย่างห้องพักและบรรยากาศค่ำคืนนี้กันค่ะ

ในส่วนของห้องพัก ห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำกว้าง เครื่องนอนและอุปกรณ์อาบน้ำให้ค่อนข้างครบ มีตู้เย็นตู้ใหญ่ให้ด้วยนะ พัดลมอีกนึงตัว ด้านนอกมีแบตเตอรี่สำรองตอนแรกก็งงว่าทำไมต้องมีหลายตัวขนาดนั้น คืนนี้แหละไม่เข้าใจว่าทำไม?

อาหารมื้อค่ำสำหรับคืนนี้เมนูเด็ดเลย ซี่โครงหมูอบ อร่อยเนื้อชุ่มซอส และที่ขาดการรีวิวไม่ได้เลย เครื่องดื่มตัวชูโรงของที่นี่ บอกได้คำเดียวว่า เข้ากันมากค่ะ (ไม่อยากจะรีวิวรูปรสกลิ่นสีเยอะเลย จะโดนอะไรตามมามั้ยหลังรีวิว ของดีเขาไม่ต้องพูดมากหรอก เก็บเงียบ เรียบทุกราย)

คืนนี้ที่พักมีดนตรีให้ฟังด้วยค่ะ วงดนตรีสดพร้อมอาหารและเครื่องดื่มแบบจัดเต็ม ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ วิวทิวเขา ในระหว่างที่ทุกอย่างกำลังราบรื่น และวินาทีไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น อยากทายมั้ยว่า เกิดอะไรขึ้น (ไม่อยากทายก็อ่านบรรทัดต่อไปเลย หึหึ)

ทันใดนั้น จู่ๆไฟก็ดับ ทุกอย่างเงียบค่ะ ในใจคิดแล้ว ดับจริงมั้ย มีใครเซอร์ไพส์วันเกิดป่าวอ่า (ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่อย่างที่คิดเข้าข้างตัวเองซักนิด) ไฟดับจริง ดับทั้งเมืองด้วย ได้สัมผัสธรรมชาติจริงๆแล้วคราวนี้ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณมือถือ wifi ไม่ต้องพูดถึง ได้เวลาเวียนเทียน หมายถึงจุดเทียน ทานข้าวได้แสงเทียนโรแมนติดสุดแหละ ปล่อยใจจอยไปค่ะ สาเหตุที่ไฟดับเพราะฝนตกหนักในเมือง ถือว่าโชคดีที่จุดมื้อค่ำของเรากลางแจ้ง ฝนไม่ตก และยังมีพลังงานแสงอาทิตย์สำรองไฟสำหรับในส่วนของไฟห้องพัก ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ไฟฟ้าก็กลับมาใช้ได้ตามปกติค่ะ หมดเวลาระทึกแล้วสิ ได้เวลานอนค่ะ (ชอบทุกอย่างที่มันบังเอิญ ชีวิตมันต้องอย่างนี้สิ มีเรื่องราว เรื่องเล่าเยอะ แล้วจะไม่เหงาอีกต่อไป)

หลังจากนั้น ภาพตัด เอ้ย! ตัดภาพมาช่วงเช้าของวันถัดไปกันจ้า

เช้าวันถัดมา เมื่อคืนได้ชิมสุราตัวไหนไปบ้าง วันนี้เราจะมาดูกรรมวิธีการกลั่นและทำสุราจากเจ้าของผู้ผลิตกันค่ะ กองทัพต้องเดินด้วยท้องอีกละ (ทำไมต้องเดินด้วยท้อง ไม่ได้เดินด้วยขาหรอ ก็ท้องหิว ขาก็ไม่ไปไง วุ้ย) (ตลกละ ตลก) เช้านี้กินข้าวต้มแก้แฮงค์กันไป (หยอกๆนะ) มื้อเช้าเบาๆท้องก่อน ตามด้วยกาแฟซักแก้วและเค้กอีกซักก้อน (เบาจริงอ่ะ)

เก็บบรรยากาศคาเฟ่มาฝากด้วยค่ะ มุมถ่ายรูปเยอะด้วยน้า (ฉันจะไม่รีวิวคาเฟ่เยอะ เพราะรู้ว่าคุณๆทั้งหลายชอบเลื่อนดูแต่ภาพบรรยากาศและมุมถ่ายรูป)

คาเฟ่นี้ชื่อว่า  "the sakthong cafe" 

อยู่ติดกับที่พักเลยค่ะ สามารถเดินมาจากที่พักและศูนย์สุราชุมชนได้

ได้เวลามาฟังแรงบันดาลใจและที่มาของสุราสักทองกันค่ะ

ศูนย์ชุมชนต้นแบบ วิสาหกิจชุมชนสุราสักทอง 

ศูนย์ชุมชนต้นแบบ วิสาหกิจชุมชนสุราสักทอง ก่อตั้งโดย ป้าสาย (นางกัญญาภัค ออมแก้ว) พอได้ฟังป้าสายเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังจึงสรุปได้ว่า

“เริ่มจากแรงบันดาลใจสู่การผลิตจนเป็นที่ยอมรับ เติบโตจนเป็นต้นแบบถ่ายทอดความรู้ให้แก่คนรุ่นใหม่” สำหรับผลิตภัณฑ์ของโรงกลั่นแห่งนี้จะมีตั้งแต่ ไวน์ สุราหมักจนสุรากลั่น โดยมีวัตถุดิบจากข้าว และข้าวโพด

มาชมภาพบรรยากาศ กรรมวิธีและผลิตภัณฑ์ของที่นี่กันค่ะ (มาถึงถิ่นทั้งที ก็ต้องมีของที่ติดใจ ติดมือกลับบ้านกันบ้างแหละ)

 ไปเข้าวัดชมศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดแพร่กันต่อค่ะ

ณ วัดพระธาตุพระลอ และศูนย์ศิลปวัฒธรรมแหล่งเรียนรู้วรรณคดีลิลิตพระลอ

ที่จังหวัดแพร่ เขามีตำนานเล่าขานและวรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอ เป็นวรรณกรรมเก่าแก่เรื่องหนึ่งในสมัยพระนารายณ์ เกี่ยวข้องกับความรัก ส่วนเรื่องเล่าจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเพื่อนๆลองหาอ่านกันเพิ่มเติมเพิ่มความอินก่อนมาขอพรได้นะ เพราะให้เล่าในนี้คาดว่าคงจะทำรีวิวไม่จบซักที ทดแทนด้วยการถ่ายรูปมาฝากนะ


ช่วงเก็บตกอยากให้ลอง ที่พักนี้ดี ที่กินนี้เด็ด

ที่แรก คินโนเทล โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น จัดสวนและตกแต่งภายในอาคารให้อารมณ์เหมือนไปพักญี่ปุ่น อาคารสีขาว ตกแต่งด้วยไม้สีอ่อน ที่พักดี คาเฟ่เด็ด ที่อยากเชิญชวนให้มาเพราะจุดสนใจคือ เขามีคาเฟ่เล็กๆตรงล็อบบี้ด้วย

เมนูเด็ดของเขาคือ ชาเขียว เมนูไหนก็เด็ด เพราะหลายคนสั่งมาหลากหลาย ต่างเมนูกัน ก็บอกว่า "ของตัวเองอร่อย" สรุปก็คืออร่อยทุกเมนู ชาหอม รสชาตินุ่มกลมกล่อม จิบเพลินแปปเดียวหมดแก้ว

และหากใครไม่สะดวกใจจิบชา กาแฟเขาก็ดีนะ และเมนูที่อร่อยอีกอย่างก็คือ ชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่น นุ่มเด้ง หายละลายในปาก เผลอแปปเดียวหมดชิ้น

มาชมบรรยากาศโดยรวมกัน

ต่อด้วยจุดที่ 2  “ร้านอาหารเหนือ ครัวไม้เมือง”

ร้านนี้เป็นร้านสุ่มดวง ตามสัญชาตญาณนักล่าเวลาหิว ก็เดินทางมาถึงแพร่ปุ๊บก็ถึงเวลามื้อเย็นแล้ว หิวข้าว หิวมาก หิวกินหัวคนได้

ตอนแรกผ่านทางเข้าร้านไปแล้วรอบนึง แต่ชื่อเชิญชวนแหละ ยูเทิร์นกลับ ที่ตอนแรกไม่กล้าเข้าเพราะทางเข้าเขาปลูกต้นไม้ทึบ ประตูไม้เก่า ไอ้เราก็คิดว่าปิด แต่ไม่ได้ปิดค่ะ เพราะแขวนป้ายเปิดอยู่ เปิดเข้าไป อุ้ย.ลูกค้าเยอะด้วย แปลว่าต้องของดีเมืองแพร่แน่เลย สุ่มเก่งแหละ

เมนูเยอะมาก และเวลาหิวคืออะไรมันก็อยากกินไปหมด ใครเคยมาลอง ติดใจเมนูไหนกันบ้างบอกหน่อยจ้า

โจทย์เมนูที่สั่งก็ต้องเป็นเมนูสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ มาเหนือ สั่งลาบเหนือ แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาใส่อะไรบ้าง ก็ถามว่าสุกใช่มั้ยคะ เนื้อทำจากอะไร กินได้ก็สั่งโล้ด เมนูนี้ป้ายยาเลย อร่อยจึ้งมาก ของดีแต้ๆกะจ้าว ผักเครื่องเคียงจุกมากจ้าว ตัวลาบก็ถึงเครื่องถูกใจ (แบบมันไม่ใช่แค่หิวไปอ่าเทอ) ดีย์! ต่อมาคือ ไส้อั่ว ปกติลูกสาวไม่กินนะ อันนี้จิ้มรัวค่ะ แกงสัมชะอมปลา ก็เด็ดแต่ลูกสาวบอกเปรี้ยว (แกงส้ม อ่ะลู๊ก) เมนูสุดท้ายปีกไก่ทอด กรอบนอกนุ่มใน ราคาก็เบาใจ ถ้ากินหมดก็สั่งได้อี้กไม่ต้องกลัวขนหน้าแข้งหายจ้า (ปริมาณต่อจานก็เยอะด้วยน้า แต่ที่เห็นไม่เยอะ เพราะจ้วงก่อนถ่ายไปแล้วกะจ้าว)

ร้านต่อไป คาเฟ่อีกแล้ว (เพราะฉันรู้ว่า ชาวยุคใหม่สถานที่ท่องเที่ยวหลัก คือ เชคอินคาเฟ่ค่ะ)

คาเฟ่นี้ ชื่อว่า “โฮะ”

คาเฟร้านนี้เขาเป็นร้านสไตล์บ้านเก่าเอนทีค มีสไตล์คาแรคเตอร์ด้วยน้องแมวดำ มุมถ่ายรูปก็ชิคมากนะ เมนูที่สั่งคือ ชอคมิ้น (เมนูที่สั่งโดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด ฉันแค่อยากกินชอคโกแลตผสมยาสีฟันแค่นั้น) รสชาติเข้มข้น ขนมหวานที่ร้านค่อนข้างหลากหลาย มีเมนูขนมไทยด้วยนะจ้าว

ถัดไปมาชมวิวและไว้พระก่อนเดินทางกลับบ้านกัน ณ วัดปูแจ วิวสวยวัดจะมีความเป็นมินิมอลลิสด้วยนะ สถาปัตยกรรมมีความร่วมสมัย และสุดท้ายแล้วจริงๆ มาชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ทิวเขา ม่อนเทเลทับบี้ ไปชมภาพบรรยากาศด้วยรวมรัวๆเลยค่า

ขอขอบคุณทีมงานและเจ้าหน้าที่ทุกท่านทุกภาคส่วน วิทยาลัยชุมชนแพร่ , Phrearich , Tripster (TripsterNFT) และมิตรภาพดีๆจากทีมเพจต่างๆที่ร่วมทริปในครั้งนี้ค่ะ

วันนี้ขอลาไปก่อนนะ หากผู้เขียนบรรเลงคีย์บอร์ดสิ่งใดผิดพลาดไปขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะจ้าว อ่านเพื่อความบันเทิง (อรรถรส) ชมภาพให้ใจฟูเหมือนได้ซ้อมไปเที่ยวเองก่อนนะ ถูกใจสถานที่ไหน จิ้มพิกัด จดลิสแล้วหาข้อมูลเพิ่มเติมวางแผนก่อนการเดินทางด้วยนะคะ เนื่องจากบางสถานที่ที่ผู้เขียนไป สัญญาณโทรศัพท์แทบไม่มีเลยค่ะ ถึงแม้บางสถานที่จะมีสัญญาณ wifi ให้บริการแต่กรณีเดินทางในบางอำเภอหรือเข้าป่าด้วยรถส่วนตัวแล้วใช้สัญญาณ gps ช่วยอันนี้เชคค่ายสัญญาณโทรศัพท์กันก่อนน้า และสำหรับการชมอุทยานหรือจุดกางเต้นท์เป็นหมู่คณะสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่อุทยานแม่ยมได้เลยค่ะ 

miulamoon

 วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 15.02 น.

ความคิดเห็น