ปากน้ำประแส จ.ระยอง

เรามาเที่ยวระยองครั้งนี้ เรามาพักที่ "มาหาสมุทร โฮมสเตย์" ที่อยู่ในชุมชนปากน้ำประแส และเมื่อมาถึงที่แล้ว เราก็นั่งรถเที่ยวชุมชนรอบปากน้ำประแสกันสักหน่อย

เราก็เลยนัดพี่ที่พาเที่ยวชุมชน ในวันรุ่งขึ้นตั้งแต่ 07.00 โมงเช้าเลย ราคาเหมาอยู่ที่ 200 บาท พี่เค้าจะพาไปสถานที่เที่ยวรอบๆปากน้ำประแส

หลักๆแล้วพี่เค้าจะพาไป 4 จุด สำหรับเราขอเพิ่ม 1 จุด และพี่ก็ใจดีพาไปไม่คิดเงินเพิ่ม และพี่ๆเค้าก็จะอธิบายว่าแต่ละสถานที่ มีความเป็นมาอย่างไร ประมาณว่าเป็นไกด์ท้องถิ่นไปในตัวเลย เด๋วเราพาไปเที่ยวว่าเราไปไหนกันบ้าง

1. ชุมชนปากน้ำประแส

จริงๆก็ไม่ถือว่าจุดแรกหรอก เพราะที่พักเราก็อยู่กลางชุมชนเลย แต่ได้นั่งรถผ่านก็จะเห็นอะไรมากขึ้นกว่าเดิม วันที่เราไปเที่ยวกันเป็นวันอาทิตย์ ค่อนข้างเงียบ (แต่วันเสาร์ก็เงียบนะ) แต่ข้างในชุมชนจะมีตลาดเช้า ก็เดินไปเที่ยวได้เหมือนกัน

ภายในชุมชนจะมีพิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องราวชุมชนนี้ ถ้ามาเที่ยวก็แวะเข้าไปชมกันด้วยนะ

ชุมชนปากน้ำประแสเป็นชุมชนโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา ชาวบ้านที่อยู่ที่ชุมชนนี้มีทั้งคนไทยและคนจีน ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพประมงสำหรับชุมชนริมน้ำ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ไม่ติดน้ำก็จะมีอาชีพทำสวน ทำนา กันซะส่วนใหญ่

ภายในพิพิธภัณฑ์ก็จะมีเรือรบประแส (จำลอง) ไว้ให้ดูด้วย แต่เสียดายตรงที่ไม่มีรายละเอียดของเรือให้ทราบ ซึ่งยังขาดการอธิบายเล่าเรื่อง ซึ่งก็ทำให้พิพิธภัณฑ์น่าสนใจน้อยลง

ตอนเย็นวันเสาร์ เรามีเดินสำรวจชุมชนไปแล้วรอบนึง ก็เจอบรรยากาศเก่าๆสมัยวัยเด็กแบบนี้

ภายในชุมชนก็จะมี Street Art หลายภาพให้ถ่ายรูปเยอะอยู่เหมือนกัน และยังดูใหม่ๆ สีสดใส ถ่ายรูปได้สวย ขึ้นกล้องเอามากๆ

2. ศาลเจ้าพ่อประแส เป็นจุดที่เราขอพี่ไกด์เพิ่มให้ ทางเข้าค่อนข้างแคบ เข้าตรอกซอกซอยเยอะมากกว่าจะถึง ศาลเจ้าพ่ออยู่ติดริมน้ำ บรรยากาศดี มาถึงแล้วเราเข้าไปไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลกันก่อน

ศาลเจ้าพ่อประแส ซึ่งคนพื้นที่จะเรียกกันว่า "ศาลเจ้าพ่อหัวโขด" ชาวบ้านจะมากราบไหว้เวลาจะออกเรือค้าขาย

3. ทุ่งโปรงทอง สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ที่มาปากน้ำประแสแล้วจะต้องมา Check-in กัน

จอดรถเสร็จก็เดินเข้าไปตามทางเลย ซึ่งเดินตามสะพานไม้จากต้นทางไปสุดทางก็จะมีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ชื่นชมต้นไม้ภายในป่าชายเลน ทุ่งโปร่งทอง และจุดชุมวิว แต่คนส่วนใหญ่ก็จะหยุดอยู่แค่ทุ่งโปร่งทองนั่นแหละ

จุดหมายเราวันนี้ แค่ทุ่งโปรงทองเท่านั้นก็เดินเข้าไปตามทางไม้เข้าไประมาณ 100-200 เมตร เท่านั้นก็ถึงแล้ว

ถึงแล้ว!! ทุุ่่งโปรงทอง ซึ่งทุ่งนี้จะเป็นทุ่งโปรงทอง 1 ใน 3 ของประเทศไทย (เกาะช้าง, ระยอง, ปราณบุรี) มาช่วงเช้า ช่วงสายๆ ก็จะสวยหน่อย เพราะใบโปรงทองจำนวนหลายหมื่นต้นสะท้อนแดด เป็นสีเหลืองทองสวยงามมาก

4. อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญของราชนาวีไทย เรือนี้เป็นเรือหลวงประแสลำที่ 2 ที่ทำภารกิจในสงครามเกาหลี ทำหน้าที่ลาดตะเวนปิดอ่าว คุ้มกันเรือลำเลียง เรือบรรทุกน้ำมัน เรือกวาดทุ่นระเบิด โดยทำภาระกิจเหล่านี้นาน 2 ปีกว่า ก่อนเดินทางกลับไทย

ที่นี่ไม่มีค่าเข้าชมนะ เดินขึ้นเรือไปชมบนเรือกัน

เรือรบประแสปลดระวางเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2543 และหลังจากนั้นทางเทศบาลตำบลปากน้ำประแสก็ประสานงานกับกองทัพเรือ จัดสร้างอนุสรณ์เรือหลวงประแสขึ้น

พยูนทำไมถึงอยู่ที่นี่นะ??? พี่ไกด์บอกว่า เดิมที่ปากน้ำประแสจะพบพยูนบ่อย แต่ปัจจุบันไม่ค่อยเจอแล้ว

ส่วนสุดทางของเรือก็จะมีวิวสวยๆแบบนี้ให้ถ่ายรูปกันด้วย แดดดีๆแบบนี้ได้รูปสวยแน่นอน
(ทาครีมกันแดดกันหนาๆหน่อยนะ แต่รับรองได้ภาพสวยๆแน่นอน)

5. วัดตะเคียนงาม จุดเด่นของวัดนี้ คือ "ต้นตะเคียนคู่" ซึ่งชาวบ้านจะเรียกว่า "ต้นตะเคียนเจ้าแม่และต้นตะเคียนเจ้าพ่อ" ที่มีอายุ 300-500 ปี แต่ภาพนี้ไม่ใช่ต้นตะเคียนทั้งต้นนะ แต่เป็นแค่กิ่งของต้นตะเคียนที่หักลงมาเท่านั้น

ต้นตะเคียนต้นนี้ ต้นตะเคียนแม่ อายุกว่า 500 ปี ซึ่งมีขนาดใหญ่และสูงมากๆ โดยต้นตะเคียนแม่จะมีลักษณะเกก็นกิ่งเดียวขึ้นไป และก่อนหน้านั้นเชื่อกันว่า จุดนี้เคยมีโอ่งใส่น้ำไว้ให้ ผู้สัญจรไปมาดื่มกินแต่ต่อมาได้แตกรากคลุมโอ่งน้ำไว้ภายใน

ต้นตะเคียนเจ้าพ่อ มีลักษณะเป็นพุ่มกว้าง อายุกว่า 300 ปี

6. ศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพร ศาลตั้งอยู่ริมแม่น้ำประแส เป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.9) ทรงประกอบพิธิประดิษฐานพระบรมรูปพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์