วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หาสถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ก็มีหลายสถานที่ แต่วันนี้เราอยากให้ลองเปิดใจ เที่ยวเมืองรองกัน ซึ่ง "สมุทรสาคร" ก็เป็นจังหวัดทางผ่านที่จะไปสถานที่ท่องเที่ยวทางใต้ แต่ถ้าเราหยุดเที่ยวจังหวัดทางผ่านนี้สักวัน เราจะรู้ได้เลยว่าจังหวัดนี้ก็มีที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายที่ ซึ่งวันนี้เราจะพาไปเที่ยวกัน

การท่องเที่ยวของเราวันนี้ ไม่ได้เป็นการขับรถไปนะ แต่จะนั่งรถไฟไปมหาชัยกัน โดยเราจะขึ้นกันที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ และไปลงที่มหาชัย กลางตลาดเลย

ตารางเวลารถไฟจากวงเวียนใหญ่ ไป มหาชัย เริ่มตั้งแต่ 05.30 -20.10 น. (แต่ละขบวนห่างกันประมาณ 30-40 นาที) ส่วน มหาชัย ไป วงเวียนใหญ่ เริ่มตั้งแต่ 04.30-19.00 น. (แต่ละขบวนห่างกันประมาณ 30-40 นาที) Ref. เช็คตารางเวลารถไฟได้ที่ https://ttsview.railway.co.th/...

พอถึงสถานีรถไฟแล้ว ก็เดินไปซื้อตั๋วในห้องจำหน่ายตั๋วสีม่วง หน้าห้องจะมีราคาบอกอย่างชัดเจน ซื้อตั๋วรถไฟราคาคนละ 10 บาทแล้วรอขึ้นรถได้เลย ตั๋วไม่ระบุที่นั่งเลือกนั่งได้ตามชอบ

ได้ตั๋วรถไฟมาแล้ว ก็ขึ้นรถไฟกัน ออกเดินทางไปมหาชัยเลย อ้อ!! แนะนำว่ามาเที่ยวเช้าๆดีที่สุด เพราะจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะหน่อยและกลับบ้านไม่ต้องเย็น จะได้ไม่เหนื่อยมาก

จุดที่ 1 คือ สถานีรถไฟงมหาชัย สถานีเล็กๆที่เต็มไปด้วยร้านค้าสถานีแทบจะอยู่กลางตลาดสด บรรยากาศคึกคักมาก

ตลาดมหาชัยขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล ทั้งสดและแห้ง เพียงแค่ออกจากสถานีมาก็เดินเลือกซื้อได้เลย แต่อาหารสดจะเก็บกันช่วงบ่ายแก่ๆ ส่วนอาหารแห้งก็สามารถซื้อได้ถึงช่วงเย็นๆ

จุดที่ 2: ก่อนอื่นก็ต้องไปไหว้ศาลหลักเมืองกันก่อน ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเลย เดิน 5 นาทีก็ถึง

เสาหลักเมืองสมุทรสาคร ซึ่งเป็นเสาหลักเมืองที่สูงที่สุดในประเทศไทยด้วย

จุดที่ 3: ด้านหน้าของศาลหลักเมืองจะเป็นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองหรือเจ้าพ่อวิเชียรโชติ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทีชาวมหาชัยให้ความเคารพนับถือ ชาวประมงที่จะออกเรือไปหาปลาจะต้องมาทำพิธีสักการะบูชาและจุดประทัดที่หน้าศาลนี้

เดินกลับมาที่ท่าเรือ จ่ายเงิน 3 บาทแล้วเดินขึ้นเรือได้เลยเรือข้ามฟากไปท่าฉลอมยังคงได้รับความนิยมจากชาวมหาชัยในการข้ามฟากไปท่าฉลอม เพราะนั่งเรือข้ามแค่ไม่ถึง 3 นาทีก็ถึงท่าฉลอมแล้ว แต่ถ้าจะเอารถไปต้องอ้อมไปอีกหลายกิโลเมตร

จุดที่ 4: ท่าฉลอม แนะนำให้แวะมาที่นี่ก่อน "บ้านท่าฉลอม" ออกจากท่าเรือข้ามฟากแล้วเลี้ยวขวามาไม่ไกล บ้านท่าฉลอมอายุกว่า 50 ปี สร้างเมื่อ พ.ศ. 2506 เจ้าของบ้านประกอบอาชีพประมงและขายปลา ปัจจุบันเจ้าของย้ายไปอยู่ที่มหาชัย และได้เปิดบ้านหลังนี้เป็นศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวและกิจกรรมชุมชนของท่าฉลอม ซึ่งเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

จุดที่ 5: วัดแหลมสุวรรณาราม เดิมชื่อ "วัดหัวบ้าน" เพราะตั้งอยู่ต้นถนนถวาย ไม่แน่ชัดว่าสร้างตั้งแต่เมื่อใด แต่มีหลักฐานเกี่ยวกับวัดนี้ในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในวัดมีอุโบสถไม้ศิลปะจีนผสมไทย

รอบพระอุโบสถมีพระพุทธรูป 18 องค์เรียกว่า 18 อรหันต์

จุดที่ 6: โรงเรียนสาครวิทยา อายุกว่า 70 ปีอาคารสีฟ้าอ่อนสวยงาม เดิมโรงเรียนนี้ชื่อ "โรงเรียนป้วยไช้" ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีน ปัจจุบันไม่มีการเรียนการสอนที่นี่แล้ว โรงเรียนปิดตัวไปตั้งแต่ พ.ศ.2553 อีกโรงเรียน ชื่อ โรงเรียนทัศนะธรรมวิทยา อายุกว่า 60 ปี โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเอกชนแห่งแรกของสมุทรสาครด้วย ปิดตัวไปตั้งแต่ พ.ศ.2532

จุดที่ 7: ตึกแถวบริเวณตลาดสดเทศบาล เป็นอาคารพาณิชย์ชุดแรกๆ อายุกว่า 50 ปี ในอดีตบริเวณนี้เป็นจุดศูนย์กลางของท่าฉลอม มีทั้งโรงหนัง โรงฝิ่น สถานีตำรวจ เมื่อปี พ.ศ. 2500 เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ จึงสร้างบ้านเรือนขึ้นมาใหม่แทนของเดิมที่ถูกไฟไหม้ไป

จุดที่ 8: สถานีรถไฟบ้านแหลม เป็นรถไฟที่ไปสุดสายที่ตลาดร่มหุบสมุทรสงคราม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 

รถไฟสายบ้านแหลมมีอายุกว่า 100 ปีเดินรถครั้งแรกตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสายรถไฟที่ไม่เชื่อมต่อกับใครเลย

จุดที่ 9: วัดโกรกกราก มีพระพุทธรูปเรียกว่า “องค์หลวงพ่อปู่” ใส่แว่นตาดำ ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า เป็นช่วงที่เกิดโรคตาแดงระบาดไปทั่วบ้านโกรกกราก ชาวบ้านมาบนว่าถ้าตาแดงหายจะนำทองมาปิดที่ตาองค์หลวงพ่อปู่ ปรากฏว่าตาแดงหายชาวบ้านจึงนำทองมาปิดที่ตาหลวงพ่อปู่เต็มไปหมด หลวงปู่กรับจึงออกอุบายว่าให้เอาแว่นตามาสวมให้องค์หลวงพ่อปู่ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเอาทองมาปิด จึงเป็นพระพุทธรูปใส่แว่นตาจนทุกวันนี้

จุดที่ 10: ศาลพันท้ายนรสิงห์ อยู่ถัดจากศาลเก่าที่พังลงมาไม่มาก โดยกันอาณาบริเวณรอบๆศาลไว้ 100 ไร่ เพื่อจัดตั้งเป็น "อุทยานพันท้ายนรสิงห์"

ภายในศาลพันท้ายนรสิงห์ มีรูปหล่อสัมฤทธิ์เท่าตัวจริง โดยรูปปั้นพันท้ายนรสิงห์ถือไม้พายคัดท้ายเรือพระที่นั่งเอกชัยอยู่ในสมัยรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดี และรักษาระเบียบวินัยยิ่งชีวิต

บริเวณใกล้เคียงกับศาลพันท้ายจะมีหลักประหารและหมวกของพันท้ายนรสิงห์ ให้กราบไหว้สักการะ

จุดที่ 11: หมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน

ชุมชนบ้านดอนไก่ดีเป็นหมู่บ้านที่สืบทอดการผลิตเครื่องเบญจรงค์กันมาหลายชั่วอายุคน จนปัจจุบันนับเป็นผลงาน OTOP ระดับ 5 ดาว ที่มีมาตรฐานระดับสากล มีการพัฒนาด้านลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยด้วยสี 5 สี และยังมีการใช้สีที่สวยงามยิ่งขึ้นอย่างเช่น ลายน้ำทอง มีสีทองช่วยเสริมความสวยงามและโดดเด่นของลวดลาย

จุดที่ 12: อนุสาวรีย์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ ณ วัดศรีสุทธาราม (วัดกำพร้า) ขนาด: จากพื้นถึงฐาน สูง 3 เมตร , แท่นฐานสูง 5 เมตร และขนาดของพระองค์สูง 9 เมตร รวมสูงทั้งหมด 17 เมตร หรือ ประมาณตึก 6 ชั้น

รอบอนุสาวรีย์ บรรยากาศเย็นสบาย นั่งมองเรือแล่นไปแล่นมา ดูวิถีชีวิตของชาวประมง

จุดที่ 13: สะพานแดง หรือ จุดชมวิวปลาโลมา อยู่ริมชายฝั่งทะเล ช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม จะมีฝูงปลาโลมาเข้ามา จุดนี้จึงเป็นจุดชมปลาโลมา แต่ปัจจุบันมีโอกาสเห็นน้อยมาก หรือ ไม่เห็นเลย แต่ก็ยังเป็นจุดท่องเที่ยวที่ชมพระอาทิตย์ตกดินที่นิยมอยู่

จุดที่ 14: ศาลมัจฉาณุ เป็นที่เคารพสักการะของชาว ต.พันท้ายนรสิงห์ โดยเฉพาะจะกราบไหว้ก่อนออกเรือประมงให้ช่วยคุ้มครองและหาสัตว์นี้ได้จำนวนมาก

จุดที่ 15: สถานีรถไฟมหาชัย ก่อนกลับก็แวะซื้อของสดของแห้งติดไม้ติดมือกลับบ้านได้ ซึ่งรถไฟเที่ยวสุดท้ายของมหาชัย คือ 19.00 น.

⭐️ ถ้าชอบการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ดูรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ www.pratuneung.com หรือ www.facebook.com/followmeonear... ⭐️

Pratuneung

 วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 09.31 น.

ความคิดเห็น