"ภูกระดึง" ชื่อนี้ที่ใครๆก็พูดถึง มันเป็นยังไงแหะ เขาว่าสวย เขาว่าโหด และระยะทาง 9 กม. ???

เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้กลับมาหนาวอีกรอบ เรา 2 คนก็ขอเป็นหนึ่งในผู้พิชิตภูกระดึงบ้าง ด้วย"เป้ 2 ใบ กับ ใจ 2 ดวง"

เพื่อตามหาอากาศที่หนาวเย็น ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ใบเมเปิ้ลสีแดง ต้นสนยักษ์ในตำนาน น้ำตกสวยๆ อุ๊ย!! "แค่คิดก็สนุกแล้ว" เริ่มจากการโทรจองรถทัวร์ขาไปในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 59 ของบริษัท "Sunbus" และขากลับของบริษัท แอร์เมืองเลย ในวันที 10 กุมภาพันธ์ 59 (จองแบบVIPทั้งไปและกลับเลย) เรา 2คนก็รออย่างใจจดใจจ่ออยากให้ถึงวันเดินทางเร็วๆ

และแล้ววันที่เรารอคอยก็มาถึง...เรา2คนไม่รอช้าจัดกระเป๋าออกเดินทางสู่จุดสตาร์ททันที let go "หมอชิต"

ถึงแล้ว "หมอชิต" จุดนัดพบสำหรับนัก เดินทาง

ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเพื่อติดต่อขอรับตั๋วรถโดยสารที่โทรจองไว้ กรุงเทพ-ผานกเค้า (เลย) รอบ 2ทุ่ม

ได้ตั๋วเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวขึ้นรถเดินทาง ( ค่ารถทัวร์คนละ 1,192 บาท )

"ไหนๆก็ไหนๆ ก่อนขึ้นขอซักรูปนะ" (ตากล้องเราถึงกับเอ่ยปากร้องเลย ทุกช๊อตจริงๆ =.=')

" ขึ้นรถปั๊บหลับปุ๊บ555 ก็แค่พักสายตานิดหน๊อยยยย "

ที่นั่งกว้างสบายปรับนอนได้ดี แถมแอร์เย็นมาก มีบริการผ้าห่มให้ด้วย


จากการคำนวนคร่าวๆรถน่าจะถึง ร้านเจ๊กิม-ผานกเค้า ใกล้ๆเช้ามืดแต่รถทัวร์ดันวิ่งเร็วและจอดพักรถแค่2จุดเอง

ทำให้เรามาถึงตั้งแต่ตี2 โอ้พระเจ้า ไวไปไหม! อีกนานเลยกว่าภูจะเปิด หนาวก็หนาว ร้านเจ๊กิมและร้านอื่นๆก็ยังไม่

เปิดด้วย นี่เรา 2 คนมาถึงกันคนคู่แรกเลยหรอเนี่ย (เริ่มวังเวง)


นั่งรอไปพักใหญ่โชคดีมีร้านกาแฟเล็กๆของคุณลุงใจดีเปิดตั้งแต่ตี3กว่าๆ

ทันใดนั้นเอง เรา2คนรีบเข้าไปหาลุง สั่งกาแฟร้อน โอวัลตินร้อนๆ กับคุณลุงอย่างละ1แก้ว "แก้หนาว" เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น "รอดแล้วเรา" เหมือนสวรรค์โปรด พระเจ้าประทานพร เพราะมันหนาวมากจริงๆ"16องศา"

แถมลุงยังใจดีให้เราผิงไฟแก้หนาวด้วยระหว่างรอรถแดงที่จะไปภูกระดึง "ใจดีมากเลยคุณลุง" (คุณลุงขับวินมอไซค์ด้วยอยู่ข้างสถานีตำรวจเลย)

เช้ามืดร้านขายอุปกรณ์ เสื้อผ้ากันหนาวค่อยๆถยอยกัยเปิดร้าน เรารีบไปหาจับจอง กลัวขึ้นภูกระดึงไปแล้วหนาวจะไม่มีอะไรใส่เพื่อกันหนาว(555เตรียมมาน้อย ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้)

สักพักรถ 2 แถว ที่จะพาเราไปภูกระดึงก็เริ่มทยอยกันมา รถคันนึงจะรับคนจำนวน10คนต่อคันรวมเป็นเงิน300บาท เฉลี่ยคนละ30บาท แต่เราไปนอกเทศกาลมีกันแค่ 3คู่ 6คน (ดีแทคใจดีเหมาเหมา)

มันเป็นที่มาของการรู้จักกันโดยบังเอิญ อย่างนี้ก็สนุกเลยมีเพื่อนร่วมทาง มิตรภาพใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว ลุยเลย let go...

แล้วก็มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปหลักกิโลที่ 0 กม. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง


รอช้าอยู่ใย ลงทะเบียนแล้วไปกัน (เปิดให้ขึ้นภูตั้งแต่7.00-14.00น.) หลังบ่าย2โมงเจ้าหน้าที่จะไม่ให้ขึ้นเพราะกลัวอันตรายเพราะต้องใช้เวลาเดินหลายชั่วโมงกว่าจะถึงก็อาจจะมืดค่ำ

ก่อนขึ้นภูกระดึงเราต้องไปลงชื่อขาขึ้นก่อนภูก่อนได้รู้จำนวนและคนที่จะขึ้นไป (วันที่ไปมีไม่ถึง 100 คน)

ใกล้ๆจะมีลูกหาบมารอให้เราใช้บริการ ใครจะใช้หรือไม่ใช้บริการก็ได้ ไหวก็แบกเอง ไม่ไหวชั่งโล โลละ30บาท เขาจะแบกไปให้ถึงจุดพักวังกวางเลย ( เป้ใบนี้หนัก 8 โลกว่า ซึ่งไม่ไหวขอใช้บริการลูกหาบไปนะจ๊ะ)


จุดสตาร์ทของเราก็เริ่มขึ้นเวลา " 7 โมงครึ่ง " อากาศกำลังดีเย็นสบาย

ซำแรกบอกเลยโหดมาก หืดขึ้นคอกันเลย มองหน้ากันกลับแฟนเอาไงจะไปต่อไหม ??

เอาน่าาาาา มาแล้วเดินต่อไป ระหว่างทางเดินมั่งพักมั่ง (ส่วนมากจะพักซะมากกว่า อิอิ)

ได้เจอเพื่อนร่วมทางใหม่ๆ ทั้งคนไทย และ คนต่างชาติ เขาก็มาเป็นผู้พิชิตเหมือนกัน

"ลูกหาบ" นี่คือครั้งแรกที่ได้เห็นตัวเป็นๆ และน้ำหนักที่เขาแบกนั้นประมาณ 40-50 โล โอ้โห้ O_O สุดยอดมากเลย ขอชื่นชมจากใจจริง ขนาดเป้ของเราแค่ 8 โล เรายังยอมแพ้เลย

ซำต่างๆ จะมีความชันมั้งเรียบมั่ง สลับกันไป ในแต่ละซำจะมีร้านค้าเล็กๆไว้คอยบริการ ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลร้านแทบไม่มี555 อดนะ

และแล้วด่านสุดท้ายบันไดแนวตั้งชั้นก็มาถึง บ่งบอกว่าอีกไปไกลแล้วที่จะถึง "หลังแป"


และแล้วเราก้ถึงซะที สำหรับ 5 กม. แรก เรา 2 คนนั่งพัก ถ่ายรูปเล่นเรื่อยๆ

และก็ไปเจอต้นใบเมเปิ้ลสีแดงไม่รอช้ารีบเก็บภาพกันเลย พอเก็บภาพกันหน่ำใจ ก้เดินทางต่อไปวังกวางอีก3กม. เดินกันไปเรื่อยๆ


ก้ได้พบกับเจ้าต้นสนซึ่งเด่นอยู่ต้นเดียวโดดๆตรงกลางทางเดิน "ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเส้นทางนี้" ที่ใครๆก็จะแวะถ่ายรูป


พอถึงจุดพักกางเต็นท์วังกวางก้ไปรับเต็นท์และขอเช่าเครื่องนอน แล้วแยกย้ายกันพักผ่อนกันตามอัธยาศัย

(เราใช้เวลาเดินทางขึ้นมาผระมาณ 5 ชม.)


ช่วงเย็นเรา2คนก็ไปรอดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก ซึ่งห่างจากที่พัก2.5กม. ที่นั้นสวยมาก ลมพัดเย็นสบาย จนต้องขอหลับแป๊บก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ได้เวลาเดินกลับ(เตรียมไฟฉายไปด้วยเน้อมันมืด) เรา2คนและเพื่อนร่วมทางเร่งฝีเท้ากลับที่พักกัน

พอดึงเต็นท์ก้นอนพักเอาแรงเพื่อตอนเช้าจะได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น และแล้วก็พลาดตื่นไม่ทัน พรุ่งนี้เช้าแก้ตัวใหม่นะ
บนภูกระดึงจะมีจักรยานไว้ให้เช่า "บนภูอากาศเย็นมาก ลมก็แรงสบายสบาย"

ก่อนอื่นเรา2คน เลือกที่จะไปกราบไหว้นมัสกาลพระพุทธเมตตาก่อนเพื่อศิริมงคล


แล้วไปต่อ น้ำตกน้ำเริ่มแห้งแล้วเพราะไม่ใช่หน้าฝน แต่เรา2คนก็ยังได้เจอ

ได้เจอ ต้นเมเปิ้ล ใบเมเปิ้ล แต่เหลือไม่มากเท่าเดือนที่เขาพีคสุดๆ แต่ก็ยังดีที่ได้มาเห็นเธอนะ เมเปิ้ล


ด้วยเวลาที่กระชับเราเลือกไปที่ที่อยากจะไปจริงๆ และ พรุ่งนี้แก้มือเพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นพรุ่งนี้เช้า คืนนี้บ๊ายบายกำลังปวดเมื่อยเลยฝันดี

. . . . . . . . . . . . . . . . .

ตี 5 เจ้าหน้าประกาศใครจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นมาร่วมกันหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้วเดินทางไปพร้อมกันด้วยมีเจ้าหน้าที่นำทางไปเพราะมืดมากระยะทาง2กม. เราเตรียมออกเดินเท้ากัน ตอนไปทั้งยังอึนๆ แต่พอไปด้วยความเช้า อากาศหนาวมาก (6องศา) มีหมอกโอ้สวรรค์ โอโซนของฉันอยากเก็บกลับบ้านจัง

ทุกคนเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ พระอาทิตย์ที่ทุกคนรอค่อยๆกำลังโผล่ขึ้นเหนือขอบฟ้า โอ้ววววสวยงาม ค่อยมองดูจนเหนือขอบฟ้า ซักพักทุกคนจึงแยกย้ายเพื่อไปเพื่อหาข้าวกิน หรือไปสำรวจบนภูกระดึงต่อ แต่ผมกำลังเก็บของเพื่อให้ทันลงภูวันนี้ เพราะจองรถทัวร์ไว้รอบ 13.30น. เก็บของแล้วกับกันเถอะ ขาลงจะสบายกว่าขาขึ้น เพราะมันเป็นแนวดิ่ง และใช้เวลาไม่นาน


ระหว่างทางบังเอิญได้เจอเจ้าถิ่นลงมาส่งด้วยและที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ

สมาคมหญิงแกร่งแห่งภูกระดึง นึกว่ามีแต่ผู้ชายซะอีกแหะ เลยแวะไปนั่งคุยและขอถ่ายรูปกับพี่เขา พี่เขายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเองมาก ซักพักเราก็ขอลาพี่เขากลับ เขาก็ส่งเขาด้วยรอยยิ้ม


ถึงด้านล่างแล้วก็มาเซ็นต์ชื่อว่ากลับลงมาแล้วพร้อมประกาศนียบัตรว่าเรามาถึงแล้ว (ใช้เวลาไม่นาน 2.5ชม.เพราะต้องทำเวลากลัวจะไม่ทันรถทัวร์ที่จองไว้รอบ 13.30 น.)

รถสองแถวแดง จากภูกระดึงกำลังพาเรามาส่งที่จุดขึ้นรถกลับที่ร้านเจ๊กิม

ลงมาก็หิวจัดส้มตำ+ไก่ย่างร้านป้า ซักหน่อยอร่อยดีฝาดเรียบตามระเบียบหิวหนักมากใช้แรงเยอะ (วิญญาณปอบเข้าสิง 555)

และต่อด้วยกาแฟอร่อยๆ ชื่อว่าภูผากาแฟสดร้านเล็กๆน่ารัก ภายในร้านน่านั่ง แวะชิมดูได้นะแก้ง่วง


หมดเวลาสนุกแล้วซิ....ได้เวลากลับบ้านเรา กลับไปเจอความวุ่นวายในเมืองกรุงอีกและ T_T

( เรา2คน เริ่มหลงรักภูกระดึงแล้วซิ มีโอกาสขอเป็นผู้พิชิตอีกนะจ๊ะ )

#รวมค่าใช้จ่ายตลอดทริปประมาณ 6,500 บาท

#ขอบคุณที่ติดตาม #อยากแชร์ประสบการณ์เล็กๆน้อย #แบ่งปัน #แนวทาง #มิตรภาพ #รีวิวครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะค่ะ


(รวมภาพประทับใจตลอดทริป)




ความคิดเห็น