DAY 0 : เราออกเดินทางไปภูซาง จ.พะเยา จากคำชักชวนของพี่ที่พึ่งเคยเจอกันได้ไม่ถึงเดือน 5555 เราก็ใจง่ายซะด้วย

เริ่มต้นออกเดินทางด้วยรถทัวร์ จากหมอชิต2 รถออก 1 ทุ่ม 45 นั่งยาววววไปเช้าที่นู่นเลย ประมาณ 7 โมง 

DAY 1 ลงรถที่เชียงคำ ออกไปเดินตลาดเชียงคำแดดสวย ๆ ของสดเยอะมาก มีอาหารพื้นบ้านด้วย ได้ฝักบัวมา 1 ช่อ 

เราหยุดกินขนมจีนน้ำเงี้ยวเป็นมื้อเช้า กับพี่แมว หญิงสาวจากเมืองกรุงฯ ที่ตั้งใจมาวิ่งที่ภูลังกา มาคนเดียวด้วยนะ


และก็นัดหมายให้พี่ภูซางมารับที่นี่ ตลาดเชียงคำ

เรานั่งรถไปต่อที่บ้านของพี่ภูซาง ชื่อว่า บ้านหนองเลา ต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา

บ้านหนองเลาเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับน้ำตกภูซาง หมู่บ้านตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ที่สามารถไปภูชี้ฟ้าได้

ที่นี่มีครบเหมือนกันนะ ทั้งโรงเรียน วัด แล้วก็สถานที่ท่องเที่ยวอย่างน้ำตกภูซาง 

พอมาถึงเนี่ยใจมันก็ว้าวุ่นอยากไปน้ำตกอุ่นที่ล่ำลือก่อนเลย 

น้ำตกภูซางเป็นน้ำตกที่ขนาดไม่ใหญ่ แต่ นี่แหละคือที่สุดในใจเรา เพราะเราว่ายน้ำไม่เป็น ไปน้ำตกที่ใดเป็นได้แค่คนนั่งมองตลอด 5555555 แต่น้ำตกภูซางสามารถเดินเข้าไปใกล้ๆ ไปสัมผัสเข้าถึงง่ายและปลอดภัย

ความพิเศษ น้ำตกที่ไหลผ่านก่อนหินมีความอุ่น ในขณะเดียวกันน้ำที่ไหลล่นลงมาที่พื้นเป็นแอ่งน้ำมีความเย็น 2 in 1 ที่แท้ทรู

นอกจากนี้ที่นี่มีสัตว์อาศัยอยู่ด้วย จริงๆก็ไม่เห็นตัวหรอก แต่เราเจอไข่

พี่ๆเจ้าหน้าที่เดินวนไปวนมาเอาไม้แคะแกะพื้นดูปรากฏว่าเจอไข่ตะพาบน้ำ ว้าวซ่ามากกกก นับว่ามีบุญจ้ะกับการเดินทางมาครั้งนี้

หลังจากอยู่ที่น้ำตกอย่างสะใจก็ไปต่อที่ทุ่งนา ที่ขามาเล็งไว้แต่ยังไม่ได้จอดดูเต็มตา

สวยจัง ไม่แพ้น่านเลย เขียวสดใส สดชื่นไปหมด มุมนี้มองเห็นวัดที่อยู่บนเขา

ก็เลยคิดว่าถ้าอยู่บนวัดมองลงมาน่าจะสวยไม่แพ้กัน ก็เลยบึ่งตรงไปที่วัด

วัดพระธาตุภูซาง เงียบสงบ ศิลปะสวยงาม วิวก็สวยมากกกกกก ที่นี่มีตำนานที่มาที่ไปด้วยนะ อยากรู้ต้องไปดูเอง อิอิ

วิวบนนี้ให้เต็ม 100 ไม่หัก 

เราอยู่ที่วัดจนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินเลย เพลินมากกก

มื้อเย็นวันนี้เราไปฝากท้องไว้กับแม่ ๆ และพี่ ๆ ในชุมชนบ้านหนองเลา ตกปลากันสด ๆ ย่างกันตรงนั้นเลย 

DAY 2 : 

เช้านี้เราตื่นมากับอากาศสดชื่น พี่ภูซางบอกว่าจะพาไปเดินดูวิวในชุมชน และจะเล่าอะไรให้ฟัง

จุดที่เราเดินจะเป็นหลังบ้านของพี่ภูซาง เป็นโซนทุ่งนาที่ไม่มีบ้านคนเลย ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวไทลื้อที่นี่ว่า ในโซนทุ่งนานี้เป็นเขตแดนของผี ที่ผู้คนจะไม่มารบกวน ไม่ปลูกบ้านอยู่

พื้นที่ที่เราเดินอยู่นี้จะอยู่ขนานกับถนนเส้นหลักที่ไปน้ำตก บอกเลยว่า โอ้โหวววว หมู่บ้านนี้ครบทุกมุมมองเลยทีเดียว มีหลายมิติให้ได้มองเพียงแค่เดินออกมาไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง


ทุ่งนาที่ข้าวกำลังเขียวขจี สดใสไปหมด มองเท่าไรก็ไม่พอ พื้นที่โล่ง ๆ ที่เต็มไปด้วยต้นข้าวนี้มีเรื่องเล่าอยู่ด้วย

พี่ภูซางพาเราไปดูจุดที่ในอดีตเคยเป็นบ่อน้ำที่เคยอุดมสมบูรณ์ แต่ถูกถมดินไปแล้วเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เพราะเจ้าของที่ไม่ได้ใช้งาน เหลือเป็นตำนานเล่าขานกับความเสียดายของผู้คนรุ่นนี้ และยังมีเศษซากของอิฐ ที่อดีตเคยมีพระพุทธรูปครึ่งองค์ที่นี่ ใกล้ๆบ่อน้ำ แต่ถูกทุบและเอาเหล็กข้างในพระพุทธรูปไปใช้งาน เหลือเพียงตำนานเช่นกัน

ศาลากลางหมู่บ้าน ที่นี่ดูขลังมาก ด้วยสภาพแวดล้อมมีต้นไม้ใหญ่ๆ และเป็นพื้นที่ที่คนไม่ปลูกบ้านอยู่ ใช้สำหรับทำพิธีต่าง ๆ อ้อ คนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นคนไทลื้อนะ 

เรื่องราวยังมีอีกเยอะ อยากให้ไปฟังเจ้าบ้านเล่าให้ฟังกันแบบตัว ๆ นะ บันเทิงมากพูดเลยยย 

ตกบ่ายพี่ ๆ ขอแว๊บไปประชุมงานกับแม่ ๆ ในชุมชน พื้นที่ที่ใช้ประชุมก็คือ สวนปาล์ม

ใช่ค่ะ สวนปาล์มนี่แหละ แต่เป็นสวนปาล์มวิเศษ 

ในขณะที่ผู้ใหญ่คุยกัน เด็ก ๆ ก็มีพื้นที่เล่นด้วย ที่นี่เป็นพื้นที่เปิด ที่ถูกออกแบบไว้เป็นที่ที่ผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ใช้ร่วมกัน แต่นี่ยังไม่เสร็จนะ แค่พึ่งเริ่มต้น นับเป็นโชคดีของเราที่ได้เห็นบรรยากาศนี้ มันดีมากจนไม่รู้จะพูดยังไง เป็นการประชุมที่ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ และเสียงสดใสของเด็ก ๆ

พื้นที่ที่นี่งดงามมาก ๆ และมีเรื่องราวต่าง ๆ อีกมาก สิ่งที่เราเห็นและจับต้องได้ในปัจจุบันคือ ที่นี่เป็นพื้นที่ตีนเขา ตีนดอย ที่สวยงามและสดชื่นมาก ๆ ในช่วงฤดูฝน วิถีชีวิตก็เรียบง่ายน่าสนใจ พื้นที่ที่นี่ปลูกผักผลไม้ได้หลายอย่างมาก ๆ 

และส่วนใหญ่นอกจากทำนา หลังเก็บเกี่ยวก็จะปลูกถั่วลายเสือกัน แล้วลายเป็นเสือจริง ๆ ด้วย ครั้งแรกเลยที่ได้เห็นและรู้จักถั่วชนิดนี้ แต่ต้องรอเอาข้าวออกจากนาก่อนนะชาวบ้านถึงจะปลูกกัน และชาวบ้านที่นี่กำลังหาวิธีต่อยอดถั่วลายเสือที่ปลูกกันเป็นประจำทุกปี น่าติดตามมาก ๆ 

ที่นี่มีผลไม้หายากด้วยนะ ชื่อว่า มะค้อ หมากค้อ มะก๊อ เรียกกันหลายชื่อเลย ผลที่ได้มาจะแข็งโป๊ก จะกินได้ต้องเอาไปใส่ในน้ำร้อนก่อน น้ำเดือดก็ไม่ได้นะ อะโหว หาทำกินมาก รสชาติฝาด ๆ มัน ๆ ถ้าใครได้มาต้องหาชิมให้ได้นะ แต่หายากนะบอกก่อน ต้องมีบุญ 55555 

อุปสรรคที่นี่ก็มีเหมือนกัน จากคำบอกเล่า ในหน้าแล้งก็มีการเผาป่า เผาขยะจนเกิดมลพิษเช่นกัน จนหลายๆคนเจอกับปัญหาสุขภาพ มันเป็นสิ่งที่พูดยาก ทำยาก ในคนหมู่มาก 

คำหนึ่งที่พี่ภูซางบอกเราคือ 

ที่นี่มีดีด้วยตัวของมันเอง เหลือแค่การกระทำของมนุษย์เรา ที่จะส่งเสริมหรือบั่นทอนมันลง ทุก ๆ วันมันกำลังเปลี่ยนแปลง แต่เราอยากเห็นมันเปลี่ยนไปในทิศทางไหน

เสน่ห์ของชุมชน ก็คือผู้คน วิถีชีวิต และความสามามัคคี ที่หมู่บ้านนี้มีให้เห็นและสัมผัสได้ค่อนข้างชัด ถ้าได้ไปอีกครั้งรู้สึกได้เลยว่าที่นี่ ต้องมีของดีให้เราได้เจออีกแน่นอน

ทุก ๆ การเดินทางของทุกคน มันคือแรงกระตุ้นเล็ก ๆ ที่จะทำให้ชุมชนและพื้นที่ที่เราเดินทางไป หันกลับมาใส่ใจสิ่งที่มีไม่มากก็น้อย รู้แบบนี้แล้ว ก็อยากจะออกเดินทางทุกวันเลย :)

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ถ้าใครได้อ่านมาถึงตรงนี้ ลองไปที่ภูซางดูนะ ดีเริ่ด ครบรส 

ปักหมุดชุมชนบ้านหนองเลาได้ที่ https://maps.app.goo.gl/hG3hRX...

หรือที่น้ำตกภูซางก็ได้นะ https://maps.app.goo.gl/vC6X9V...


ติดตามช่องทางอื่นๆของเราได้ที่ 

📌https://www.facebook.com/KIBjourney?m... 

📌https://instagram.com/kib_titichaya?u... 

📌https://www.blockdit.com/kib_titichaya

กิ๊บเจอนี่มา kib's journey

 วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เวลา 14.02 น.

ความคิดเห็น