กลับมาต่อมาเก๊าให้จบกันดีกว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วต้องจบๆ ก็จบจริงๆ จ๊ะ บล็อกนี้สุดท้ายแล้ว (ปรบมือรัวๆ สิค้าาา)

กับการท่องเที่ยวมาเก๊าครั้งแรกของเรา 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่เช้ายันดึก โปรแกรมแบบแน่นมาก

สรุปมาเก๊าภาคอื่นๆ ได้ดังนี้ค่า

ตอน 3 สุดท้ายก็พากันเที่ยวกันต่อค่ะ ทริปนี้แม้จะเน้นวัดเก่าซะส่วนมากก็ตาม แต่ก็ยังมีพาไปหลายๆ ที่นอกเหนือจากโปรแกรมด้วยนะเออ อย่างเช่นเช้าวันนี้ เนื่องจากตามโปรแกรมจะพาไปวัด แต่ฝนตกปรอยๆ ยามเช้ามาตลอด

พวกเราจึงพากันเดินไปชมโรงแรมใกล้ๆ กับที่พัก มีโรงแรม 4 ดาวหรูๆ ตั้งเด่นสง่างามอีกหนึ่งที่้ด้วยนะ



Harbour View Hotel




โรงแรม Harbour View เป็นอีกหนึ่งในโรงแรมของเครือ Macau Fisherman Wharf เปิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2015 นี่เองค่า

ภายในหรูหรา สีทอง เป็นโรงแรม 4 ดาว ค่ะ สาเหตุที่ได้ 4 ดาว ก็เพราะขาดเรื่องวิวเท่านั้น วิวภายนอกแทบไม่มีไรโดดเด่นเล้ย

จึงไม่สามารถได้ 5 ดาวได้ โรงแรม Harbour View ตกแต่งสไตล์ปราก มีทั้งหมด 444 ห้อง ห้อง standard 389 ห้อง และ ห้อง suites 55 ห้อง

และห้องที่เราได้มาชมนี่คือหนึ่งในห้อง suites ที่มีเพียง 55 ห้องค่ะ


ภายในห้องพัก 2 ห้องนอนเล็ก และใหญ่ โดยมีห้องโถงกลาง ห้องนั่งเล่นคั่นอยู่ตรงกลาง

การตกแต่งคลาสิค โทนสีอุ่นๆ หรูหรา เตียงนอนไม่รู้นิ่มหรือป่าวนะคะ เพราะไม่ได้ลองนอน

ถ้าได้นอนสักคืนจะถือเป็นประคุณอย่างสูงงค่ะ 555



เดินชมกันต่อของพื้นที่ส่วนกลางภายในโรงแรม Harbour View

ในส่วนของสระว่ายน้ำในร่ม เห็นบอกว่าเป็นสระว่ายน้ำแบบรักษาอุณหูมิด้วยนะคะ เพราะถ้าหน้าหนาวมากๆ

ให้ลงน้ำเย็นๆ แบบนี้ท่าจะไม่ไหว วาแล้วก็อยากลงน้ำอุ่นๆ กว้างๆ แบบนี้บ้างสิ ยังไม่เคยเล้ย นอกจากได้แช่น้ำอุ่นในอ่างเล็กๆ เท่านั้น


เดินผาน พื้นที่ส่วนกลาง ห้องอาหาร และมุมบาร์ของโรงแรม Harbour View ก่อนกลับออกมา

กลับออกมานี่คือ กลับไปเช็คเอาท์ โรงแรมที่ตัวเองพักอยู่นะคะ กระเป๋าใส่ไว้ในรถเลยจ้า วันนี้เราจะได้กลับบ้านเราแล้ว

(คิดถึงอาหารไทย เป็นที่ซู๊ดดดด)


Temple of Divinity of Medicine and Pau Kung Temple



นั่งรถออกมาแล้วค่า ทัวร์วัดกันต่อ คราวนีมีป้ายจีนๆ ให้ถ่ายรูปแบบเก๋ๆ ด้วย เราก็ถ่ายมานะคะมุมนี้

แต่ถ่ายออกมาแล้วอ้วนอ่ะ สงสัยกล้องเสียแน่ๆ เลยไมเอาลง ขอเอาภาพหมอนกลงเรื่อยๆ ล่ะกัน 555

ภายนอกทางเข้าวัดจะมียายแก่ๆ มาขอทานด้วยตรงทางเข้า

เวลาเราจะยกกล้องถ่ายภาพ เค้าจะเอาหมวกเอาร่มปิดหน้าตาไว้ด้วยนะคะ

จริงๆเราจะถ่ายป้ายนะคะ ไม่ได้กะโฟกัสเอายายแต่อย่างใด สรุป ก็คือ ได้เข้าเฟรมมาทุกคน อิอิ


บริเวณนี้ประกอบไปด้วยวัดทั้งหมด 3 วัดค่ะ

1. Nanshan Temple สร้างเพื่อปัดเป่าวิญญาณ ปัดรังควานสิ่งชั่วร้าย

2. Pau Kung Temple เปาวุ้นจิ้น สร้างขึ้นในช่วงที่มีโรคระบาด เพื่อให้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและโรคภัย

3. I Leng Temple ชั้นบนเป็นพระนอน ชั้นล่างเป็นพญามัจจุราช



ภายในวัดยังคงมีกลิ่นควันธูปเต็มไปหมดค่ะ วัดนี้มีพื้นที่ภายในค่อนข้างแคบ

จึงห้อยขดธูปไว้ด้านบนเพดานพร้อมฐานรองขี้ธูปไว้ กันใครเดินผ่านไปมาตกใส่หัวเอาได้นะเออ


Grand Prix Museum พิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังด์ปรีซ์ (เข้าชมฟรี!!)



พิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังด์ปรีซ์ เป็นพิพิธภัณฑ์รถเก่า รถโบราณ จัดแสดงโชว์ ภายในห้องแอร์

เป็นสถานที่ที่จัดแสดงรถที่ใช้แข่งในมาเก๊ากรังซ์ปรีด์ ในมาเก๊าเป็นการแข่งรถกรังซ์ปรีด์ formula 3

ว่าแล้วก็เข้าหย่อนตัวในรถแข่งทำเท่กันหน่อย ซึ่งกว่าจะหย่อนตัวลงไปได้เนี่ย เอวแทบเคล็ดคือลึกมาก

นั่งไม่สบายอย่างที่คิดเล้ย ไม่รู้ว่านักแข่งเขาทนได้อย่างไร เหน็บจะกินแทนน่ะ




มาต่อๆ ณ เวลานี้เที่ยงวันแล้วจ้า ได้เวลากินของอร่อยๆ แล้ว

ณ โรงแรม Four Season แค่ตรงล็อบบี้ก็หะหรู หะหราแล้ว

ณ ห้องอาหารจีน Zi Yat Heen มื้อนี้เรามาทานติ่มซำกันค่ะ เรานี่ว๊าวเลยแหละ แบบว่า คงมีถูกปากบ้างล่ะน่าาา




. โชว์ก้ามปูยักษ์แบบว่า อร่อยมากกกกก เนื้อปูหวานสุดๆ แต่ได้คนละ 1 ก้ามใหญ่ อยากเบิ้ลก็เกรงใจอยู่ เขาห้มาแค่นี้ 555

ร้านอาหารติ่มซำที่โรงแรม Four Season ที่เคยได้ Michellin 2 Stars ในปี 2014

ติ้มซำมี บริการตั้งแต่ 12.00 – 14.00 ทุกวันค่ะ

ภายในห้องอาหารค่อนข้างหรูหราตามสไตล์โรงแรมนะคะ แต่เราไม่ได้ถ่ายภาพมา สงสัยมัวแต่สนใจของกิน

หรือเรียกว่าหิวมากนั่นเอง จึงไม่ได้เก็บภาพบรรยากาศก่อนกินมาฝากเช่นเคย 555



A-Ma Cultural Village หมู่บ้านวัฒนธรรมเทพอาม่า และรูปปั้นองค์อาม่า


รูปปั้นเทพอาม่าที่สูงที่สุดในโลกอยู่บนยอดเขา สูงถึง 19.99 เมตร ทำด้วยหยกขาว

ณ เวลานี้ฝนตกมาปรอยๆ ค่า อดชมวิวมุมสูงของมาเก๊าบนยอดเขาด้วยเพราะฝนบังไว้

ลงมาข้างล่าง เข้าหมู่บ้าน วัฒนธรรมเทพอาม่ากันแทน มาดินสำรวจภายในนี้กัน

แบบว่า เงียบมากกก นักท่องเที่ยวหายไปไหนกันหมด เพราะมีแต่พวกเราทั้งนั้น!





หมู่บ้านวัฒนธรรมเทพอาม่าสร้างขึ้นโดยชาวจีนฟูเจี้ยนผู้ที่เลื่อมใส่ในเทพอาม่า เพื่อเฉลิมฉลองตำนานของเทพธิดาแห่งชาวเรือ

และเพื่อแสดงถึงความเคารพ ด้านหลังโถงอาม่าจะมีห้องแต่งตัว

เพราะเชื่อกันว่าองค์อาม่ามีเสื้อผ้าและคเรืท่องแต่งการเยอะ จึงจำเป้นที่จะต้องแต่งตัวให้ท่าน

ด้านบนจะมีโถงเจ้าแม่กวนอิม

ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะโคโลอาน บนพื้นที่กว่า 7000 ตารางเมตร มักใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา


เวลานี้ก็ Relax กันค่ะ แบบว่า วันนี้ทั้งวัน ฟ้าไม่เปิดเลย ฝนตกตลอดทาง


และพากันมาเดินชุมชนเก่าแก่ของมาเก๊า ที่ไกด์เล่าว่า เป็นชาวบ้านแท้ๆ

ส่วนวัดนี้วัดสุดท้ายแล้วค่ะ แต่เราหาข้อมูลไม่ได้ว่าคือวัดอะไร ในชีสที่สรุปให้มาก็ไม่ได้บอกไว้ล่ะ

สรุป นับคร่าวๆ มาเที่ยวมาเก๊า 3 วันนี้ปาไป 10 กว่าวัดได้แล้วจ้า กราบบบบบ


ระหว่างที่เดินชมหมู่บ้านต่างๆ ตามซอกซอย ทะลุไปซอยนั้น ซอยนี้ รถบัสผ่านไม่ได้ต้องเดินเท้ากันเอาค่ะ

นอกจากวัดเก่าแก่แห่งมาเก๊าที่ได้ไปเยือนมาแล้ว ยังได้มาแวะ แบบว่า เดินผ่านมาแวะเก็บภาพเท่านั้น 555

โบสถ์สีเหลืองแห่งหนึ่งในมาเก๊าที่หันหน้าเข้าหาทะเล ตรงข้ามจะเป็นวิวทะเลอย่างสวยงาม

และพลาดไม่ได้ขากลับก่อนขึ้นเครื่อง พากันเดินเข้าร้านนี้กันอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย

Lordstow's Bakery


Lord Stow's Bakery เปิดร้านครั้งแรกในปี ค.ศ.1989 เป็นร้านของชาวอังกฤษ Andrew Stow

ที่ได้ไปชิมขนมที่มีลักษณะคล้ายทาร์ตไข่สมัยที่เขาไปเยี่ยมโปรตุเกส จึงกลับมาพัฒนาและคิดค้นสูตรด้วยตัวเอง

จนกลายมาเป็นทาร์ตไข่ในปัจจุบัน

ราคาชิ้นละ MOP 9 กล่อง 6 ชิ้น MOP 50

เราซื้อมาด้วย 2 กล่องใหญ่ หิ้วขึ้นเครื่องกลับมากินที่เมืองไทย

นับว่า เป็นทาร์ตไข่ที่อร่อยสมชื่อจริงๆ ค่ะ เราไปเที่ยวมาเก๊า แม้ทำเครื่องรางหาย แต่ทาร์ตไข่เราไม่หายนะเออ

เราไม่ได้กลับมามือเปล่านะเออ แต่ได้ความอร่อยมาปิดท้ายชนะเลิศด้วยประกาศทั้งปวง

มาเก๊าบล็อกนี้จึงจบอย่างสวยงาม แม้จะดองนานเกือบปีก็ตาม 555



ขอบคุณที่ติดตามชมค่าาา

จัดเต็มทุกรีวิว จัดเต็มทุกพื้นที่ ไม่ว่าทริปนี้ หรือทริปไหนๆ

RinSa YoyoLive

 วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.03 น.

ความคิดเห็น