เราขึ้นภูกระดึงในปี พศ. 2567....
เป็นอีกครั้งที่เราได้ปีนป่ายขึ้นไปชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติบนภูกระดึง หลายครั้งก่อนหน้านี้รวมทั้งครั้งนี้ด้วย ความแตกต่างของ เหลี่ยมมุมธรรมชาติบนภูกระดึง เหมือนจะคล้ายกันทุกครั้ง แต่มันก็ไม่เหมือนกันทุกครั้ง ไปติดตามกันเลยดีกว่าเนอะ จริงๆบรรยายความถึงภูกระดึงมาสามรอบแล้ว(ภายในสี่ปีหลังนี้) เลยไม่รู้จะเล่นมุกอะไรแล้ว เอาว่า ไป......ลุย
เช้าวันเสาร์ในเดือนมกราคม ครั้งนี้ไปกันสามคน ครั้งนี้มีภารกิจพาน้องที่รู้จักกัน ไปพิชิตภูกระดึงครั้งแรกและเป็นการเดินป่า ขึ้นเขาครั้งแรกของน้องเค้าด้วย ขับรถจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่ ผานกเค้า เดอ เลย ที่พักบริเวณใกล้จุดทางขึ้นภูกระดึง จองที่พักไว้ล่วงหน้าแล้ว ตั้งใจจะไปค้างคืนนึงก่อนขึ้น ขับมาเรื่อยๆสบายๆ ผ่านมอเตอร์เวย์ใหม่ M6 ด้วย วิวดีมาก
กว่าจะไปถึงก็เย็นพอดี ตรงที่พัก วิวดีอีกแล้วมองเห็น ผานกเค้า แบบเต็มๆ สวยงาม ในส่วนของที่พักก็พอได้อยู่ เอาภาพบรรยากาศมาฝาก....
สวยมั้ย สวยเนอะ....
อันนี้ไปหาอะไรกินมื้อเย็น ร้านฮักเขา อยู่ใกล้ๆที่พักนั้นแหละ
พักผ่อนนอนหลับ เช้าตื่นประมาณตีห้า ออกจากที่พักตีห้าครึ่ง ไปถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ก่อนหกโมงนิดๆ เริ่มมีนักท่องเที่ยวมาลงทะเบียนหลายคนอยู่นะ ก็จัดการทุกอย่างตามระเบียบ เอาสัมภาระไปฝากลูกหาบ กิโลละ สามสิบบาท เหมือนเดิม จากนั้นไปหาอะไรกิน บริเวณร้านอาหารแถวๆจุดส่งสัมภาระให้ลูกหาบ อิ่มแล้วก็เตรียมตัวเหนื่อยกัน.....
มื้อเช้ากับเราสามคน เตรียมตัวเหนื่อย....
การเดินขึ้นภูกระดึงระยะทางประมาณเกือบหกกิโล เป็นเส้นทางขาขึ้น คือขึ้นเขาชันบ้าง ชันน้อยหน่อยบ้าง ไม่ชันบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะชัน ไปจนจบขาขึ้น จากนั้นก็เป็นทางราบอีกประมาณสามกิโลก็จะถึงที่พัก ที่ทำการอุทยานฯ
ระหว่างทางเอาขาขึ้นก่อน สิ่งที่จะได้พบเจอคือ เพื่อนร่วมทางอันนี้แล้วแต่ช่วงเวลาที่เราไป ถ้าไปวันหยุดราชการ หยุดพิเศษก็เยอะหน่อย ถ้าไปวันธรรมดาก็ประมาณนึง ไม่มากมายนัก
จุดพักระหว่างทาง ที่ภูกระดึงส่วนใหญ่เรียกว่า ซำ มีบางจุดก็มีชื่อไปเลย มาไล่เรียงกัน.....
หลังแป
ซำแคร่
ซำกกโดน
ซำกกไผ่
ซำกกหว้า
พร่านพรานแป
ซำกอซาง
ซำกกกอก
ซำบอน
ซำแฮก
ปางกกค่า
อันนี้เราไล่ตามความชัน จากล่างขึ้นบน จากจุดเริ่มเดินจนถึงจุดสุดท้ายทางชันคือ หลังแป....
พยายามถ่ายมาเกือบทุกซำ เหนื่อยทุกซำ...
ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกตามจุดพักต่างๆ อันนี้ช่วยนักเดินทางได้เยอะมากมาก มันเป็นทั้งที่พักก่อนอย่าเพิ่งรีบไป เป็นจุดเติมพลังงาน ความสดชื่น แวะเข้าห้องน้ำ บางคนนอนพักกันเป็นชั่วโมงก่อนเดินต่อก็มี
แตงโม คือ ที่สุด....
ความสวยงามของเส้นทาง ถ้าไม่เหนื่อยจนตาพร่า หรือก้มหน้าก้มตาตะบันไปเรื่อย เพื่อให้ถึงที่หมายให้ไว ก็สามารถมองเห็นถึงความสวยงาม ระหว่างทางที่มีมากมาย สภาพเส้นทาง ป่าข้างทาง วิวภูเขา หรือแม้แต่แฟชั่นการแต่งตัวของนักเดินทาง ค่อยๆเดิน ชมไปเรื่อยๆ อย่างเพลินจนลืมเหนื่อย.....
เจ้าหน้าที่แบกสัมภาระนักท่องเที่ยว เรียกให้สั้นแบบคนทั่วไปเข้าใจคือ ลูกหาบ อันนี้คือปัจจัยสำคัญมาก สำคัญที่สุด สำคัญจริงๆของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ นิยามจำกัดความสำคัญของลูกหาบคือ “ไม่มีเขา เราไม่ขึ้น” บอกก่อนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ใช่บริการของลูกหาบนะ แต่คิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลยล่ะ
ส่วนตัวมาภูกระดึงเจ็ดครั้ง สี่ครั้งแรกยังอยู่ในวัยฉกรรจ์ แบกของขึ้นเองตลอด ส่วนสามครั้งหลัง อุดหนุนพวกพี่ๆเค้าทุกครั้ง มันคือการสร้างรายได้ในชุมชน
ลูกหาบที่ภูกระดึง เราว่ามันคือสัญลักษณ์อย่างนึงของที่นี่เลย คานไม้ไผ่ขนาดยาวประมาณเมตรกว่าๆ กลมๆหนาๆตันๆ ประทับบนบ่าทั้งสองข้างของพวกพี่ๆ ปลายด้ามคานรับน้ำหนักสัมภาระของนักเดินทาง ต้องบาลานซ์น้ำหนักทั้งสองข้างให้พอๆกัน จังหวะการก้าวเดินที่มั่นคง วิธีการสลับข้างการหมุนไม้คาน ถ้าไม่มีความชำนนาญและพละกำลังมากพอ ทำไม่ได้นะครับ รองเท้าที่สวมใส่ ก็ไม่ใช่รองเท้าปีนเขาราคาแพงอะไรมากมาย เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป บางคนใส่แต๊ะ บางคนใส่ผ้าใบธรรมดา สตั๊ดดอยก็มา
คนสุดท้าย เด็กฝึกงาน สรุปไม่ผ่านนะ....
อีกอย่างที่หลายๆคนชอบอันนี้ผมคิดเองนะ คือเสียงเพลงจากพวกพี่ๆเค้านี่แหละ ส่วนใหญ่จะมีลำโพงติดตัวกันมา เปิดเพลงโจ๊ะโจ๊ะ คิดว่านะ เสียงเพลงน่าจะทำให้เหนื่อยน้อยลงน่าจะ
ประมาณนี้แหละ สิ่งที่เราต้องเจอ.......
อันนี้พิเศษจากหลังแป มันอยู่ที่โชค วาสนา จังหวะเวลา
ของแถมจากหลังแป แดงดีงาม แต่ตรงไปให้ตรงเวลาเป๊ะนะ
หลังเดินผ่านเนินเขาสุดท้ายขึ้นสู่ หลังแป ก็เรียกได้ว่า เราคือผู้พิชิตภูกระดึง แล้วล่ะ เพราะมันมีป้ายให้ถ่ายรูปตรงนั้นเลย แต่ยัง มันยังไม่จบ เส้นทางสามกิโลที่ต้องเดินไปที่พักเราต้องเจอกับ....
เส้นทางเดินบนผืนทราย คล้ายเดินอยู่ริมทะเล แต่ที่นี่คือ ยอดภูกระดึงนะ ใครจะไปคิดว่าเดินขึ้นเขามาก็เหนื่อยแล้ว ต้องมาเดินบดทรายอีกสามกิโล กินแรงเอาเรื่องอยู่นะ ส่วนที่ว่าทำไมมันเป็นพื้นทรายอ่ะ สันนิษฐานได้ว่าที่นี่เคยเป็นทะเลมากก่อน อันนี้ขำๆนะ
แสงแดดแบบถล่มลงมากลางใจ ต่อให้ขึ้นในช่วงเวลาไหนก็ตาม มันก็จะต้องเจอกับแสงแดดเกือบตลอดสามกิโลที่เดิน อาจจะมีร่มไม้บ้าง แต่ให้เตรียมตัวเตรียมใจ เรื่องเจอกับแสงแดดไว้ได้เลย ใครกลัวผิวดำผิวเสีย ก็เตรียมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว กันไว้ก่อน
วิวต้นสนสองข้างทางในสองแบบ กาลครั้งก่อนเมื่อไม่นานเท่าไหร่ เกิดไฟป่าครั้งใหญ่ที่ภูกระดึง สร้างความเสียหายให้กับป่าสนไปจำนวนหนึ่ง ก็ตามภาพที่เรานำกลับมาให้ดู บางอารมณ์ก็ดูหดหู่ เสียใจกับความเสียหาย ในบางอารมณ์ก็รู้สึกได้ถึงภัยธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติ เราต้องช่วยกันดูแลรักษาเนอะ....
ต้นสนต้นเดียวที่อยู่ตรงกลางทางเดิน เป็นจุดเช็คอิน ของนักเดินทางเกือบทุกคนต้องไม่พลาดที่จะถ่ายรูปตรงนี้ จริงๆแล้วมันมีที่มาที่ไปอยู่นะกับเจ้าต้นสนต้นนี้ ใครอยากรู้ก็ลองไปหาข้อมูลดูนะ
หลังจากสิ้นสุดการเดินเท้าระยะทางรวมประมาณ เก้ากิโล เราก็มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตรงนี้เป็นจุดศูนย์กลางของของจักรวาลภูกระดึง ประมาณนั้นเลย มีอะไรบ้าง
ลานกางเต็นท์ขนาดใหญ่ ใหญ่มากกกก ประมาณสาม สี่ ห้า สนามฟุตบอล สามารถกางเต็นท์ได้หลายร้อยหลัง มีในส่วนกลางแจ้งสู้แดด สู้ลม สู้ฝน สู้หนาว หรือจะไปแอบตามใต้ต้นไม้ก็มีแล้วแต่ความสะดวก
บ้านพักอุทยาน อันนี้ ไม่เคยเข้าพัก ก็อยู่ใกล้ๆจุดกางเต็นท์นี่แหละ ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสอยากจะลองพักดูซักครั้ง จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไงเนอะ
ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องสุขา มีหลายห้องกระจายตัวรอบๆบริเวณจุดกางเต็นท์ มีแบบฝักบัว ตักอาบ โถแบบนั่ง แบบนั่งยองๆ มีครบ สะดวกสบายอยู่นะ ความสะอาดก็ถือว่าดีเลย มันอยู่ที่คนใช้ด้วย ก็ต้องช่วยกันรักษาความสะอาด ที่เป็นปัญหาคือ ความเย็นของน้ำนี่แหละ เย็นสุดใจแท้
ร้านอาหาร มาภูกระดึงมันดีตรงนี้ เรื่องอาหารการกิน มีร้านอาหารเยอะมาก มีครบทุกประเภท ตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ชา กาแฟ โรตี อาหารอิสลาม ปาท่องโก๋ และที่ขาดไม่ได้ หมูทะ มีบริการเกือบทุกร้าน อันนี้ก็กระจายตัวอยู่รอบบริเวณที่พัก
บริการยืมของใช้ของทางอุทยานฯ ผ้าห่ม หมอน ที่นอน ผ้ารองนอน ถุงนอน เต็นท์ มีบริการครบ
ร้านจักรยานให้เช่า น่าจะมีร้านเดียวบนภูกระดึง สมัยมาเที่ยวครั้งแรกๆ ยังไม่มีนะ เพิ่งมามีเอาตอนหลัง ก็เป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่งในการท่องเที่ยวบนภูกระดึง มันจะได้ในเรื่องของเวลา สามารถเดินทางได้เร็วขึ้น แต่ความเหนื่อยคิดว่ามันพอๆกับเดินเที่ยวนะ ใช้แรงพอๆกัน
เลยเอาประมาณนี้พอ ไปเริ่มเที่ยวกันดีกว่า.....
ประมาณบ่ายสองโมงเรามาถึงที่ทำการ ก็ต้องรอลูกหาบเพื่อเอาสัมภาระ ก็ไปหาอะไรกินก่อน ประมาณเกือบสี่โมงลูกหาบมาถึง ได้ของก็ไปหาที่กางเต็นท์ เราเอาเต็นท์มาเอง กว่าจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็เกือบจะค่ำแล้ว วันแรกเลยพอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกันใหม่ ก่อนนอนก็แอบไปเก็บดาวมาฝาก....
เช้าวันแรกบนภูกระดึง เริ่มต้นที่ผานกแอ่น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สองกิโลจากที่ทำการอุทยาน การเดินมาต้องมาพร้อมกันทั้งหมด เจ้าหน้าที่จะนัดเวลาโดยใช้เสียงตามสาย ตีห้า ให้มาเจอกันแล้วออกเดินไปพร้อมกัน ตามภาพไปเลยดีกว่าเนอะ...
ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ ผานกแอ่น
ขากลับที่พักเดินผ่านทางลานพระแก้ว
กลับจากผานกแอ่น ก็เตรียมตัวปั่น เมื่อวานไปจองจักรยานไว้แล้ว ครั้งที่แล้วก็ปั่น ครั้งนี้ก็ตั้งใจเลยว่าปั่นแน่นอน ออกจากโซนที่พักก็ไปตามเส้นทาง ครั้งนี้แบบเน้นๆ ตั้งใจไปดูเมเปิลที่น้ำตกถ้ำใหญ่ ปีนี้โชคดีกว่าครั้งก่อน มาในช่วงที่เมเปิลกำลังแดง มีบางที่ก็ร่วงแล้วบ้าง แต่ก็ยังถือว่า กำลังสวยงามเลย เอาตามเส้นทางการปั่นดีกว่า...
ปั่น ปั่น ปั่น....
องค์พระ >> ดูใบเมเปิลน้ำตกถ้ำใหญ่ >> ตัดไปเลาะริมผา >> พักกินข้าว ผาหล่มสัก >> กลับมาผาเหยียบเมฆ >> ไปดูอาทิตย์ตกที่ ผาจำศีล
ก็มีแวะเก็บบรรยากาศตลอดเส้นทาง ชมกันยาวๆไปเลยนะ
เริ่มต้นไหว้พระก่อน.....
ใบเมเปิลสีแดง ที่น้ำตกถ้ำใหญ่ สวยงาม
ที่สระอโนดาต
ผาหล่มสัก อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของภูกระดึง
brownie ร้านนี้ต้องสั่งจองล่วงหน้านะครับ
ซะหน่อย ที่ผาเหยียบเมฆ....
จบวันแบบสวยๆที่ผาจำศีล.....
กว่าจะจบครบตามตั้งใจ ถึงเต็นท์ก็ค่ำแล้ว เหนื่อยก็เหนื่อย เนื้อตัวก็มอมแมม ฝุ่นทั้งตัว ได้เวลาฝึกความเข้มแข็งของจิตใจ อุณหภูมิโดยประมาณต่ำกว่า ยี่สิบ องศา สู้ตายยยย สระผมด้วย เดินเข้าห้องอาบน้ำ ไม่ต้องคิดเยอะ เปิดฝักด้วยสาดเข้าตัว ให้มันจบให้ไวที่สุด เพราะเมื่อมันจบมันจะสบายจริงๆนะ....
ภาพเก็บตกระหว่างทาง....
คืนที่สองหลับแบบรู้ตัวอีกทีคือเช้าวันใหม่แล้ว แสดงว่าเหนื่อยจริงไรจริง เช้าวันนี้ตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์สองดวงที่อ่างเก็บน้ำวังกวาง ที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นใกล้ๆที่พัก เดินไปประมาณสามร้อยเมตร ก็ถึงแล้ว ครั้งแรกเลยที่ได้มาชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ ส่วนใหญ่จะไปแต่ที่ผานกแอ่น ต้องบอกเลยว่า สวยมากกกกกก คราวหน้าไม่เดินไปนู่นแล้วดีกว่า....
สวยที่สุดสำหรับภูกระดึงรอบนี้
ตามมาถึงตรงนี้ต้องไปดู https://youtu.be/epbiBitdHAA?si=fb0H2ySpCePQ2n2g
วันนี้ก็ต้องร่ำลาภูกระดึงกันอีกครั้ง สามวันสองคืน ไม่เคยพอสำหรับภูกระดึง อยากจะอยู่นานๆ แต่ก็ได้เท่านี้แหละ ลงมาแล้วยังคิดอยู่ว่า จะมาอีกเหรอ.....มาดิ
จบจากภูกระดึง แล้วไปพักผ่อนที่ภูผาม่านต่อ ตามมากันด้วยนะ.....
....จบบริบูรณ์.....
คน ฟ้า ป่า น้ำ
วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2567 เวลา 15.41 น.