"ดอยม่อนจอง" อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ : เดินทางพิชิตภูเขาหญ้าสีทอง แดนม้าเทวดา

        ดอยม่อนจอง ติด 1 ใน 10 ยอดดอยที่สูงสุดในประเทศไทย อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย จ.เชียงใหม่ เป็นภูเขาที่มีความสูง 1,929 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นที่อยู่อาศัยของกวางผาหรือม้าเทวดา เปิดให้คนมาเดินเขาในช่วง พ.ย.-ก.พ ของทุกปี ถ้ามาในช่วงเดือน ธ.ค.-ม.ค.จะได้พบดอกกุหลาบพันปีกำลังบานในช่วงนั้น

       การทางเดินป่า ระยะทางเดินสั้น ประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง เหมาะอย่างยิ่งกับนักท่องธรรมชาติและนักเดินป่ามือใหม่

ดอยม่อยจองต้องไปสักครั้ง!!

            การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยรถโดยสารประจำทางจากหมอชิต เพื่อไปลงที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เราไปกับเพื่อนทั้งหมด 4 คน ไปถึงอ.อมก๋อยประมาณ ตี 5 นั่งนอนๆในศาลาริมทาง ช่วงนั้นอากาศอันหนาวเหน็บมาก ช่วงตี 5ยังมืดสนิท พวกเราจึงต้องนอนรอที่ศาลาริมทาง เพื่อรอคุณลุงที่เรานัดหมายไว้จะพาเราขึ้นไปยังดอยม่อนจองชางหกโมงเช้า

            เวลา 06.00 น. เป็นเวลาที่คุณลุงมารับพวกเราเพื่อไปยังตลาด ในเมืองอมก๋อย ทานมื้อเช้า และซื้อเสบียงสำหรับไว้ทานบนดอยม่อนจอง

            เดือนกุมภาพันธ์ที่ อ. อมก๋อย ขอบอกว่าโครตหนาวมากเลย รู้สึกถึงหนาวจนปวดกระดูก พวกเราจึงเลือกจะเดินเล่นกลางแดดเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นก่อนจะชาจนแข็งตาย 

             เมื่อถึงเวลาพวกเราก็ออกเดินทางไปยังจุดทางขึ้นเดินเท้า แต่ระหว่างทางนั้นเจอทั้งต้นไม้ใหญ่ล้มขวางทาง จนต้องช่วยกันยกต้นไม้ออก แล้วช่วงที่ขับต่อไปเรื่อยๆอยากจะบอกว่าโครตชันมากๆ รถโฟร์วิวเหมือนกำลังต่ขึ้นบนท้องฟ้าเลย 555

            เมื่อเรามาถึงจุดเดินเท้าขึ้นดอย เราและเพื่อนๆเอาสัมภาระทั้งหมด จ้างลูกหาบของหมู่บ้านหาบขึ้นไป ส่วนพวกเรามีแค่น้ำใส่กระเป๋าเล็กๆและขนมนิดหน่อย เวลานี้ความหนาวนั้นหายไป ความร้อนมาแทนที่ ก่อนเริ่มเดิน มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่คอยให้พรพวกเราอยู่ พวกเราจึงไหว้พระก่อนเดินเท้าขึ้นไป ตามสภาพมือใหม่หัดเดินนั้น แทบค่อยๆต้วมเตี้ยมเดินกันไป

          เส้นทางค่อยๆไต่ขึ้นเล็กน้อยช่วงแรกเป็นป่าโปร่ง ดงสน เห็นแสงแดด แผดเผาเป็นระยะ เดินกว่าจะพ้นขึ้นไปเห็นท้องฟ้าเกือบจะเป็นลม ทั้งเหนื่อยและร้อนมาก ได้เห็นท้องฟ้าทิวเขา ท้องฟ้าใสๆ แถมลมเย็นๆพอให้คลายเหนื่อยเมื่อยล้าไปได้

            เดินดันเนินขึ้นไปเรื่อยๆ จึงถึง "เนินหมาหอบ" เนินอะไรทำไมชั๊นนนนนน ชันนมากๆ เห็นแล้วท้อแท้เลย555 เพื่อนๆทั้งดัน ทั้งเข็นเราขึ้นเนิน แล้วสภาพคือฉันมาทำอะไรที่นี่ ฮ่าๆ กว่าจะพ้นเนินหมาหอบกัน ก็ทุลักทุเลเอามากๆ มือใหม่หัดเดินป่าอะช่วงนั้น ก็จะสู้ชีวิตกันเกิ๊นนนนน มองลงไปด้านล่างหลังจากมาถึงสันเขา...ขาสั่นเลย "เนินหมาหอบ" ก็เอาเรื่องอยู่นะ 55

          ในที่สุดก็เดินขึ้นมาถึงสันเขาจนได้ นั่นคือ "สนามกอล์ฟช้าง" เป็นสันเขาของดอยม่อนจอง ที่ค่อนข้างกว้าง สามารถมองทิวเขาสลับซับซ้อน และยังมองเห็นผาหัวสิงห์อยู่ไกลๆ

         เราถึงกลับกระโดดดีใจและล้มตัวนอนด้วยอาการเหนื่อยและที่สำคัญสามารถพิชิตใจตัวเองจากอาการกลัวความสูงตรงเนินหมาหอบได้ เหมือนได้ปลดล็คไปอีกหนึ่ง

      เมื่อพักหายเหนื่อยก็เดินตามสันเขา เดินตามเจ้าหน้าที่ไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังจุดกางเต็นท์พักแรมในคืนนี้ แดดตอนบ่ายสาม บ่ายสี่ ช่างไม่ปราณีเราเสียเลย ร้อนจัดดดด

    ลานกางเต็นท์ของที่นี่จะต้องเดินลงจากสันเขามากางเต็นท์ในหุบเขาเป็นพื้นที่ป่าโปร่ง มีแสงพาดผ่าน มีลมเย็นเบาๆ พวกเรามาถึงพวกพี่ลูกหาบกางเต็นท์ให้เสร็จเรียบร้อย พร้อมก่อไฟไล่แมลงและหุงข้าวรอพวกเรา ส่วนอาหารพวกเราทำกันเอง กินง่ายๆ ผัดๆทอดๆ 

          พวกเราก็นั่งพักผ่อน รอแดดร่มลมตก จะเดินขึ้นเนินไปดูพระอาทิตย์ตกสวยๆกัน

ป้ายบอกทาง ก่อนดันเนินเดินขึ้นขึ้นไปยังสนามกอล์ฟช้าง อีกรอบในช่วงเย็นๆ

           บรรยากาศยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตก เรานั่งเล่นถ่ายรูปกันเพลินมาก เพราะด้วยอากาศดีวิวสวย และความเงียบสงบของที่ดอยม่อนจองในช่วงนั้น ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก และพวกเราเป็นนักเดินทางกรุ้ปสุดท้ายที่มาปิดดอยในช่วง เดือนกุมภาพันธ์

             หากตัวเราไม่มีใครให้บอกรัก ในวันวาเลนไทน์ ก็ให้บอกรักธรรมชาติ ท้องฟ้า ป่า ภูเขา ใบไม้ และสายลมเย็นๆไป สาเหตุของการของการเลือกมาวันวาเลนไทน์ ก็เบื่อความรักแบบมนุษย์มั้ง ฮ้าๆ

"เธอคือสายลมยามฉันร้อนใจ เธอคือแสงไฟยามฉันสิ้นทาง"

ท้องฟ้าไม่เคยเหมือนเดิมเลยสักวันแล้วจะเอาอะไรกับใจคนละ ที่เปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา

              แอบถ่ายมุมเท่ๆของพี่เจ้าหน้าที่นำทาง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างนั่งมองพวกเราชาวกรุงหลงใหลกับธรรมชาติอันสวยงามของที่นี่ แสงเย็นบนยอดเขาที่นี่สวยจัง สงบใจดี

        "แด่ความคิดถึงไม่มีที่มาไม่มีที่ไป..." น่าจะเป็นช่วงที่สงบสุดในชีวิตตอนนั้นแล้วละ นั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆ บอกเล่าชีวิตผ่านสายลม บางครั้งเราก็แค่ให้ธรรมชาติเยียวยาการแตกสลายบางสิ่งในชีวิต และบ่อยครั้งก็บอกเล่าความสุขผ่านสายลมกลับไปอีกที...ว่า....

"ดอยม่อนจอง วันนี้ฉันมีความสุขมากเลยนะ...!! "

           กระโดดบายๆให้แสงสุดท้ายที่ลับขอบฟ้าไปแล้ว ขอบคุณที่ Heal ใจ ในวันวาเลนไทน์

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

- สวัสดีเช้าวันใหม่ วันนี้ตื่นสาย -

           ผิดแผนไปแล้วว่าจะตื่นมาดูทะเลหมอก แต่ด้วยความเพลียเราก็เลยนอนกันตะวันโด่ง 555 รีบตื่นมาใช้เวลาในช่วงเช้า เพื่อทำกับเข้าเช้ากิน เตรียมตัวเดินทางกลับ แผนที่จะไปผาหัวสิงห์ก็ไม่ไปกันแล้ว เพราะออกสาย เกินเวลา ร้อนอีก....อดเลย

เราเริ่มเดินทางกลับลงไปด้านล่างช่วงสายๆ ท้องฟ้าตอนเช้าสวยมากๆ

ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่และพี่ๆน้าๆลูกหาบที่ดูแลเป็นอย่างดี 

มือใหม่หัดเดินป่าจะปวดหัวหน่อยๆนะคะ 555

            วิวระหว่างทางขากลับนอกจากมีภูเขาแล้วยังมีน้องวัวภูเขาอีกด้วย เสียงกรุ้งกริ้ง ของกระดิ่งน่ารัก วัวตกใจเรา เราก็ตกใจวัวเช่นกัน ฮ่าๆ

          ใกล้ถึงทางออกแล้ว ใจหายเหมือนกัน ไว้จะกลับมาหาใหม่นะ "ดอยม่อนจอง" ถ้าเราไม่จากโลกใบนี้เสียก่อน ถ้าชีวิตและหัวใจยังพอมีแรง มีความคิดถึงส่งไปหา..... สักวันเราคงได้พบกันใหม่

---- ขอบคุณที่ Heal ใจ ----

              สุดท้ายนี้ ต้องขอบคุณรองเท้าราคาถูกๆ ที่ฝ่าฟันไปด้วยกันตลอดทริป แล้วตลกรองเท้าตัวเองมาก สมกับเป็นมือใหม่หัดเดิน รองเท้าก็คู่ 199 บาท ไม่ได้เตรียมตัวพร้อมเดินป่าเลย จริงๆคือไม่รู้ว่ามีรองเท้าสำหรับเดินป่า ขึ้นเขาด้วยตอนนั้น แต่รองเท้าคู่นี้สู้ชีวิต ตอนขึ้นเนินหมาหอบ ก็ไม่พัง แถมพาลื่นไถลเก่งอีกต่างหาก 555

-บันทึกคิดถึงดอยม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่-

😺 แมวพเนจร 🌿

 วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 21.26 น.

ความคิดเห็น