ริปนี้ตอนเริ่มเป็นแบบไม่ตั้งใจ คือ มีโปรถูกออกมา ไม่ตั้งใจนะแต่ลองกดไปดู ปรากฎว่ามีช่วงเสาร์ อาทิตย์ (ปกติโปรดีจะมีกลางสัปดาห์) ก็เลยลองชวนๆ กันไป ได้มา 3 คน แบบคิดสั้นมาก ชวนปุ๊ป ไปปั๊ป ตั๋วมาเลยที่นี่ก็เริ่มจริงจังละตั้งธงไว้ที่แรกเลย ไร่แสงอรุณ ที่เหลือจะไปไหนต่อยังไม่รู้ แต่เอาไร่นี้ก่อน อยากไปมานานแระ ที่อื่นๆ ก็ค่อยๆ ตามมา เอาสรุปๆ ให้ดูก่อน
สรุปค่าใช้จ่าย (3 คน โดยประมาณ)
1. ค่าเดินทาง (ตั๋วเครื่องบิน, รถเช่า+น้ำมัน, รถราง) 8,100 บาท
2. ค่าที่พัก (2 คืน) 7,400 บาท
3. ค่ากิน 4,700 บาท
รวม 20,200 (คนละ 6,700 บาท)
ที่พัก
1. ไร่แสงอรุณ
2. A Star Phulare Valley
ที่กิน
1. ร้านอาหารภูภิรมย์
2. ไร่แสงอรุณ
3. ไร่ชาฉุยฟง
4. ร้านชีวิตธรรมดา
5. ร้าน Melt in Your Mouth
ที่เที่ยว
ไม่มี !!! คือ ไปกิน กับไปนอน มีนิดนึงก็ได้ มีไร่บุญรอด กับวัดห้วยปลากั้ง
ออกเดินทางจากกรุงเทพจองไฟลท์เช้าสุด 7.35 น. กลัวเที่ยวไม่คุ้มว่างั้นเหอะ บรรยากาศก็ครึ้มๆ แต่ฝนยังไม่ตก ดูท่าว่าฟ้าจะไม่สวยไปทั้งวัน ก็เล่นมาเที่ยวหน้าฝนก็ต้องทำใจนิดนึง ถึงสนามบินรับรถเช่าเรียบร้อย ช่วงหลังเจ้านี้รถเช่าแอบเก่า คันที่ได้มาประตูหนักมาก นี่ไปซ่อมมาใช่มะ (โจ๊กกุ้งเค้าอร่อยนะ หน้าตาไม่ดี แต่รสชาติได้)
จุดหมายแรก ไร่บุญรอด (GPS :: 19.852950, 99.743917) คราวที่แล้วมาช่วงเย็นผิดหวังเล็กน้อยเนื่องจาก
1. มาถึงแสงหมดไปแล้ว
2. คนเยอะด้วย และ
3. ไร่อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่เลยไม่เปิดให้เข้าชมสวนด้านใน
รอบนี้มาซ่อมค่ะ กะมาถึงเช้าๆ หน่อย คนได้น้อยๆ (ก็ไม่เช้า และคนก็ไม่น้อย แต่ก็ดีกว่ารอบแรก)
ได้ตั๋วขึ้นรถรางเที่ยว 10.30 น. ราคาตั๋วคนละ 50 บาท ชมรอบไร่ประมาณ 1 ชั่วโมง มีจุดจอดให้ถ่ายรูป 3 จุด ตั๋วสามารถแลกน้ำดื่มและขนมได้ (น้ำดื่มตรงสิงห์ แน่นอนคงไม่เอายี่ห้ออื่นมาลง)
หรือถ้าไม่อยากนั่งรถรางชมวิว มีจักรยานให้เช่าค่ะ
บนรถรางมีไกด์นำชม 1 คน บรรยายตามจุดต่างๆ ที่รถวิ่งผ่าน รอบนี้ดีกว่ารอบที่แล้ว คือ ได้วนชมไร่ แต่...ค่ะ...แต่...ช่วงที่ไปหน้าฝน เป็นช่วงปรับปรุงดินเตรียมปลูกดอกคอสมอส (ดาวกระจายบ้านเรานี่หละ) สิ่งที่เห็น คือ พืชปรับปรุงดินทั้งหลายเต็มทุ่งเลย ก็เขียวๆ กันไป จุดแรกแวะไร่ชาค่ะ ถ่ายรูป 5-10 นาที (จุดนี้สามารถแลกน้ำและขนมได้ นอกเหนือจากจุดแรกที่ขึ้นรถราง นอกนั้นไม่มีให้แลกนะคะ ต้องกลับมาแลกที่จุดขึ้นรถ)
จุดที่สอง แวะชมยีราฟ ม้าลาย และวัว เป็นจุดโปรดของเราเป็นพิเศษค่ะ มาเพื่อดูยีราฟโดยเฉพาะ จุดนี้แวะให้อาหาร ถ่ายรูปนานกว่าจุดแรก อาหารที่จัดไว้ให้เป็นกล้วย ตะกร้าละ 4-5 ลูก (20 บาท)
จุดที่สามเป็นโซนเครื่องเล่น ซิปไลน์ (300 บาท) ถามว่าเล่นมั๊ย (No !!!!)
ช่วงที่ไป (1-3 ก.ค.59) พิเศษๆ เปิดให้ชมจุดที่สี่ เป็นโรงเรือนปลูกเมล่อน ช่วงที่ไปเมล่อนกำลังออกลูกขายได้พอดี มีให้ชิม ให้ชม และให้ช้อปตามความสะดวก (เราแผนกชิม และชม ค่ะ)
จบการทัวร์รอบไร่ (แต่ยังอยากไปช่วงหน้าหนาว อยากเห็นทุ่งดอกไม้ และสตรอเบอรี่ด้วย มีโอกาสเดี๋ยวกลับไปซ่อมค่ะ)
ไปต่อเรื่องกิน มื้อนี้ที่ร้านอาหารภูภิรมย์ อยู่ภายในไร่บุญรอดค่ะ
อาหารน่ากินหลายอย่างแต่จำกัดด้วยปริมาณ 3 กระเพาะเลยต้องสั่งแบบประมาณตัวนิดนึง
ยำยอดชาสดทอดกรอบ (น้ำยำเข้มข้น ใบชาทอดกรอบกำลังดีติดขมๆ ตอนท้ายๆ นิดนึง)
ผัดหมี่ภูภิรมย์ (รสชาติเข้มข้น กุ้งเนื้อแน่น ตัวโต)
ออเดิร์ฟเมือง (น้ำพริกหนุ่มรสพอดี หมูยอเด้งๆ)
ไก่ย่างภูภิรมย์ (ตอนสั่งคิดว่าตัวน้อยๆ พออาหารมาเท่านั้นแหล่ะ นี่มันแม่ไก่นี่ รสชาติดีกว่าที่คาดไว้ค่ะ เนื้อนุ่ม น้ำจิ้มเปรี้ยวนำ)
แตงโมปั่น และแพชชั่นฟรุ๊ตโมจิโต้ (กลิ่นสาระแหน่จางไปหน่อย)
ถัดจากลานจอดรถของร้านอาหาร มีจุดให้ถ่ายรูป ฉากหลังเป็นไร่ชา ตรงนี้แนะนำค่ะได้วิวมุมสูงนิดๆ ด้านล่างเห็นไร่ชาลิบๆ
จบจากทริปดูยีราฟ กินไก่ แทะยอดชา เราเดินทางต่อกันยาวๆ ไปเชียงของค่ะ จุดหมายปลายทางคือ ไร่แสงอรุณ
ระหว่างทางเราแวะพระธาตุจอมกิตติกันก่อนค่ะ ความเชื่อในการไหว้ พระธาตุดอยจอมกิตติเชื่อกันว่า ถ้าได้กราบไหว้ จะอุดมไปด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ ลาภยศ ผู้คนสรรเสริญ เป็นเจ้าคนนายคน เราไม่หวังอะไรกันสักนิด อ่านความเชื่อจากในเน็ตเสร็จ ปักหมุกพุ่งเป้าเลย
สามารถเดินขึ้น หรือเอารถขึ้นไปจอดที่ลานจอดรถได้เลย (เราเลือกอย่างหลัง เพื่อความปลอดภัยของข้อเข่า)
สำหรับไร่แสงอรุณ เรารีวิวแบบละเอียดไว้แล้วจากกระทู้
https://th.readme.me/p/4388
หลังจากเชคเอ้าท์ไร่แสงอรุณแล้ว จุดหมายต่อไปของเรา คือ ไร่ชาฉุยฟงค่ะ (GPS :: 20.199773, 99.817629)
เห็นว่ามีทำร้านเค้กขึ้นใหม่ต้องลองไปชิม ว่ากันว่า ที่เด็ดอยู่ที่เครปเค้ก
สั่งเค้กแบบ self service ค่ะ สั่งหน้าเคาน์เตอร์แล้วจะได้ก้อนกลมๆ มา 1 ก้อน (ให้แทะเล่น...ไม่ใช่) แล้วจะไปรอตรงไหนของร้านก็ไป (ฟังเหมือนไล่นะ) ถ้าออเดอร์ที่สั่งเรียบร้อยแล้วก้อนกลมๆ นี้จะส่งสัญญาณเตือนค่อยมารับของค่ะ
สั่งเครปชาเขียว เครปชาเย็น ชาร้อน และชาเย็นปั่นมาค่ะ
รสชาติรวมๆ ยังไม่สุดนะ เครปชาเขียวยังไม่เขียวอย่างที่ตั้งใจ (ตั้งความหวังไว้เยอะ) ชาเย็นค่อนไปทางนมมากกว่าชา แต่ชาร้อนนี่เริ่ดนะ ขอให้ลอง ไปหน้าฝน หน้าร้อน ก็สั่งไปเหอะ ชาร้อน มันได้ฟิลลิ่งงงงง
ก่อนกลับแวะร้านของฝาก มีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากชามากมาย ตอนเลือกตาลาย ตอนจ่ายตาเหลือก
การซื้อของของพวกเรายังไม่สิ้นสุดค่ะ สมาชิกบอกอยากได้สารพัดถั่ว จำได้ว่าคราวที่แล้วซื้อจากไร่ชานี่หละแต่ไร่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ฉุยฟง ไม่มี อาจจะเป็นไร่ชาที่แม่สลอง เพราะคราวที่แล้วแวะทั้ง 2 ไร่เลย เราเดินทางกันต่อค่ะ จุดหมายที่ไร่ชา 101 แม่สลอง
ปีนกันขึ้นไป ไต่กันขึ้นมา เพื่อจะพบกับความว่างเปล่า คนขายบอกว่าหน้าฝนไม่มีถั่วค่ะ (จบกัน ที่ขับมา 30 กว่าโล แล้วต้องขับกลับอีกนะ) สรุป ปีนขึ้นมาเข้าห้องน้ำ และถ่ายรูปการเก็บชาแบบใช้เครื่อง
ลงจากดอยแม่สลองด้วยความหิวโซ มื้อเย็นเลยจัดหนักจัดเต็มที่ “ร้านชีวิตธรรมดา" (GPS :: 19.921872, 99.845392) ร้านนี้ทางเข้าเหมือนเข้าหมู่บ้านดีที่มีป้ายบอกร้าน ที่จอดรถมีพอประมาณค่ะ จอดได้น่าจะ 10 กว่าคัน ถ้าเต็มสามารถจอดได้ริมถนน มีพนักงานดูแลค่ะ
ช่วงที่ไปหน้าฝน น้ำในแม่น้ำเลยไม่สดใสเท่าไหร่
เมนูที่แนะนำให้ลอง คือ ข้าวผัดหนุ่มสาวค่ะ เป็น ข้าว+น้ำพริกหนุ่ม มีเครื่องเคียงเป็นไข่ต้ม แคปหมู และหมูฝอย
(อร่อยมาก อร่อยจริง อยากให้ลอง จริงๆนะ ไม่ได้ค่าโฆษณา)
ข้าวห่อไข่น้ำพริกอ่อง (ชื่อเมนูจริงๆ จำไม่ได้ อันนี้ก็อร่อย น้ำพริกเข้มข้น )
เส้นหมี่ผัดซ๊อสปูนิ่ม (จำชื่อเมนูไม่ได้อีกเหมือนกัน น้ำราดเปรี้ยวหวานกำลังดี)
ใส้อั่ว (อันนี้เยอะมาก)
จบเรื่องกิน เข้าเรื่องนอนค่ะ ที่พักของเราคืนนี้ คือ A Star Phulare Valley (GPS :: 20.064041, 99.865703) ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 20 กม. ไปทางเดียวกับเส้นทางไปดอยตุง ใช้เส้นหลักพหลโยธินยาวๆ เลย พอถึงปั๊ม ปตท.ซ้ายมือก็เตรียมชิดซ้าย ทางเข้ามีป้ายโรงแรมสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่ติดอยู่ ไม่น่าหลง (แต่อาจเลย) ตัวโรงแรมตั้งอยู่ลึกเข้าไปอีกพอสมควรแต่ด้านในมีป้ายบอกชัดเจนค่ะ แยกไม่เยอะอันนี้ไม่น่าหลง
ด้านหน้ามีป้อมยาม เมื่อผ่านเข้าไปเจอกับส่วนของอาคารสำหรับจัดประชุม ถัดเข้าไปถึงเป็นลานจอดรถค่ะ ให้จอดรถได้จุดนี้แล้วจะมีรถของทางโรงแรมมารับอีกที เดินได้ถ้าไม่เมื่อย แต่ถ้ามาพร้อมสัมภาระ รอรถดีกว่าค่ะ
จากรูปถ่ายจากอาคารล้อบบี้โรงแรมค่ะ มองออกไปลิบๆ คือลานจอดรถ
ส่วนล้อบบี้ไม่ได้กว้างขวางนัก จัดชุดรับแขก นิดหน่อย
สำหรับบ้านพักมี 4 แบบค่ะ
1. Chalet
2. Premier Chalet
3. Pool Villa
4. 4 Bedroom Pool Villa
เราเลือกบ้านพักแบบที่ 2 อยากได้วิวภูเขา ด้วยความเป็นโรงแรมที่พื้นที่ค่อนข้างกว้าง มาครั้งแรกให้รถพาวนไปค่ะ หลังจากนั่นเดินค่ะ จริงๆ สามารถเรียกรถมารับได้ตลอดแต่จังหวะที่แขกเยอะก็มีช้าไปบ้าง ไม่อยากรอแนะนำให้ค่อยๆ เดินดูนู้นนี่นั่นไปเรื่อยๆ ดีกว่าค่ะ
ชื่อบ้านพัก มีตัว T และ K นำหน้า บางโซนก็ T บางโซนก็ K ไม่แน่ใจว่ามีความหมายในการแบ่งชนิดบ้านพักมั๊ย (แล้วทำไมไม่ถามมาเนอะ)
จองไว้แบบเตียงเดี่ยว 2 เตียง เพิ่มเตียงเสริม ห้องพักกว้างค่ะขนาดมีเตียงเสริมมาแล้วก็ยังให้ความรู้สึกกว้างอยู่ (คือ ถ้าเดินไม่ชนมุมเตียง เราแปลว่ากว้างหมดอ่ะ)
ในตู้เย็นกินได้หมดนะคะ ตอนแรกเรานี่เผลอเปิดมองเฟรอ หมุนฝาไปแล้วมีชะงัก ตายละ 130 บาทมั๊ยหละ ถามพนักงานบอกว่ากินได้หมดเลยค่ะ สบายเฮฯ
ส่วนของห้องนอนว่ากว้างแล้ว ห้องน้ำก็กว้างอีก เรนชาวเวอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ใครขี้หนาวที่นี่เครื่องทำน้ำอุ่น (เรียกเครื่องต้มน้ำร้อนเหอะ) อุ่นจริงจังค่ะ รับประกันความสุก
ระเบียงหลังห้องเป็นแนวยาว ได้วิวภูเขานิดๆ สระน้ำลิบๆ ถ้าเป็นห้องอีกฝั่งจะได้วิวภูเขาใหญ่ๆ แต่สระน้ำไม่ได้ ตั้งใจว่าจะไปเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ โรงแรมช่วงเย็น แต่ฝนตกลงมาอีกค่ะ เลยได้แต่วิวหลังห้องไปแทน
ตอนเช้าฝนยังตกอยู่ค่ะ แต่ด้วยสปิริตนักรีวิวที่ดี ร่มคัน กล้องตัว (เป็นหวัดช่างมัน กล้องพังช่างซ่อม) ไปค่ะ ไปส่องวิวบ้านพักอีกฝั่งที่ว่าได้วิวภูเขาใหญ่ๆ หมอกกำลังไต่ระดับลงมาจากยอดเขาพอดี เริ่ดนะ
เดินไปเดินมาให้ตัวเสื้อผ้าโดนละอองฝนเล่นเป็นที่พอใจ เราเรียกรถไปส่งที่ห้องอาหารเช้าค่ะ แขกเยอะ รอแพรพพพ จริงๆ เดินได้ แต่คิดว่าหลงแน่นอน รถเถอะค่ะ
ห้องอาหารเช้าอยู่โซนเดียวกับล้อบบี้ คือ ถ้าเดินตรงจากล้อบบี้ผ่านเคาน์เตอร์เชคอินเข้ามา จะเจอห้องอาหาร จัดโต๊ะไว้ทั้งด้านนอกและด้านใน เลือกนั่งตามสะดวกค่ะ ด้านในใกล้อาหาร ด้านนอกใกล้วิว เดาซิคะ ว่าเราเลือกใกล้อาหารหรือใกล้วิว
ไลน์อาหารค่อนข้างเยอะ และหลากหลาย ตกแต่งอาหารก็สวยงาม รสชาติก็คละกันไปค่ะ ระหว่างอร่อยน้อย (บัวลอย กับบวดฟักทอง) กับอร๊อย อร่อย (ขนมจีบ ก๋วยเตี๋ยวไก่) ถ่ายไลน์อาหารมาเล็กน้อย
ติดกับห้องอาหารเป็นสระว่ายน้ำค่ะ ได้วิวภูเขาลิบๆ เป็นฉากหลัง แต่ถ้าคิดว่าว่ายน้ำตอนเช้าจะรู้สึกเอิกเกริก เป็นที่บันเทิงของแขกอื่นที่กำลังกินอาหารเช้าอยู่ อ้อ...ไม่ค่ะ เพราะสระเปิด 10.00 น. ห้องอาหารเช้าปิด 10.30 น. เหลื่อมกันนิดหน่อย ปลอดภัยกับสายตาผู้คนรอบข้าง
วิวตรงสระว่ายน้ำสวยมากค่ะ แช่น้ำไป มองภูเขาไป พื้นสระเป็นแบบลาดเอียง น้ำลึกสุด 1.50 ม. ลองโดดลงไปก็ปริ่มจมูกค่ะ ที่เห็นนั่นคือเขย่งสุดปลายเท้าและตะกายขอบสระขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว (เหนื่อยโฮก)
ขากลับจากห้องอาหารเราเดินกลับบ้านพักกันค่ะ ถ่ายวิวรอบๆ โรงแรมด้วย เดินย่อยด้วยส่วนหนึ่ง ที่นี่มีลานกว้างๆ ไว้จัดกิจกรรมกลางแจ้งด้วย (ดูจากเว็บไซต์ของโรงแรมมานะคะ) ถัดจากลานกว้างเป็นโซนเลี้ยงสัตว์ ที่นี่มีแกะค่ะ แกะเล็กแกะใหญ่ ร้องกันระงม ด้านหลังปลายโรงแรมเลยเป็นโซนกิจกรรมแอดเวนเจอร์ เห็นแว้บๆ มี ATV แต่ไม่ได้ไปสำรวจราคา
ออกจากโรงแรมเกือบบ่ายสอง (มัวเดินในน้ำเพลิน) แวะไหว้พระกันที่วัดห้วยปลากั้ง (GPS :: 19.949710, 99.807068) จริงๆ ตั้งใจแวะวัดนี้ช่วงเย็นจะไปถ่ายรูปว่างั้นเหอะ หาข้อมูลมาว่ากันว่าไฟสวย แต่ฝนตกค่ะอย่างที่บอกงดกิจกรรมกลางแจ้งทุกชนิด เราเข้าไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมในธรรมเจดีย์ เจดีย์มีทั้งหมด 9 ชั้นค่ะ
ชั้น 1 มีองค์เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพร แกะสลักด้วยไม้จันทร์หอม
ชั้น 2 เจ้าแม่กวนอิมปางประทับยืน (ถ่ายมาบางส่วน)
ชั้น 3 เจ้าแม่กวนอิมปางประทับนั่ง (ถ่ายมาบางส่วน)
ชั้น 4 หลวงพ่อพระพุทธโสธรจำลอง
ชั้น 5 เจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ
ชั้น 6 หลวงปู่โต พรหมรังสี และหลวงปู่ทวด
ชั้น 7 พระพุทธรูปปางนาคปรก (อ้าว มาเชคถึงเพิ่งรู้ ว่าไม่ได้ถ่ายมา)
ชั้น 8 พระสังกัจจายน์หรือพระศรีอริยเมตไตรย
ชั้น 9 พระอิศวร (เราขึ้นไปถึงแค่ชั้น 8 ค่ะ พอชั้น 9 บันไดเป็นแบบวนๆ ขึ้นลงทางเดียวกัน คนจะลง หัวก็จะชน เลยตัดใจลงดีกว่า)
ข้อมูลด้านบนจากเว็บไซต์
http://www.paiduaykan.com/province/north/chiangrai/wathyuaplakang.html
ออกจากวัดเราก็แวะกิน เพื่อนแนะนำให้มาร้านนี้ Melt in Your Mouth (GPS :: 19.917269, 99.836011) ด้านในมีที่จอดรถประมาณ 6-7 คัน แต่ถ้าไม่พอมีลานจอดด้านนอก มีพนักงานโบกรถเรียบร้อย ทางเข้าตกแต่งเป็นสวนเขียวครึ้ม ได้บรรยากาศแบบฝนหยุดตกใหม่ๆ นะ สดชื่นเลย
เมนูอาหารที่ทั้งคาว และหวาน แต่เน้นของหวานมากกว่า (แต่เราเน้นของคาว กินหนักไว้ก่อน)
เมนูแรก หมูย่างคุณย่า เนื้อหมูหมักเครื่องเทศมาอย่างหอม เนื้อค่อนข้างนุ่ม น้ำจิ้มมี 2 แบบ คือ คล้ายๆ น้ำจิ้มซีฟู๊ด กับแบบน้ำจิ้มแจ่ว จิ้มอันไหน อร่อยอันนั้น ไม่จิ้มเลยก็อร่อย
เมนูที่สอง ยำแซลมอน (จำชื่อเมนูไม่ได้อีกละ) น้ำยำแบบเดียวกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดในเมนูหมูย่างคุณย่า
เมนูสุดท้ายสำหรับของคาว พิซซ่า หน้าอะไร จำไม่ได้ จำได้ว่าสั่งแบบ 2 หน้า อร่อยทั้ง 2 หน้า ใครมาแนะนำ พิซซ่านะคะ สั่งเถอะ อร่อยจริง
มาต่อกันที่ของหวานค่ะ สั่งเบาๆ น้ำ 3 ขนม 2 อะไรที่เป็นของดีของเด่นประจำร้านเราไม่สั่งค่ะ และโดยมิได้นัดหมาย ปรากฎว่าน้ำที่สั่งมาสีเดียวกับเป๊ะ ต่างที่รสชาติ ซ้ายสุดแก้วสวยนั่น แอปเปิ้ลอะไรซักอย่าง รสชาติปรี๊ดปร๊าดสมใจ แก้วปั่นด้านหน้ารสชาติแบบมะนาวปั่นเปรี้ยวน้อยกว่าแอปเปิ้ล ส่วนแก้วขวาสุด อร่อยสุด จำชื่อไม่ได้ แต่ขมปนเปรี้ยว หึ่งๆ ละมุนๆ (มีแอลกอฮอล์นิดหน่อย)
ส่วนของหวาน เป็นพานาคอตต้า ค่อนข้างนมไปค่ะ อันไม่ไม่ชอบ และไอติมชาโคล่ ให้ความรู้สึกเหมือนกินทรายรสถ่านเย็นๆ แปลกดี
ปิดจบการเดินทางท่องเที่ยวเชียงราย ครั้งที่ 2 ของเราค่ะ ยังมีอีกหลายที่ยังไม่ได้ไป โอกาสหน้าจัดโปรแกรมดีดีไปเที่ยวอีก (ข้าวไก่ผัดพริกแกงในรูปนี่ก็อร่อยดีนะ)
ไปกินไปเที่ยว - หญิงเฮเทกระจาด
วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.09 น.