รีวิวนี้ขอมาเล่า มาแชร์ข้อมูลของ การเช่ารถขับที่คิวชู (KYUSHU) กันสักนิด เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังวางแผนขับรถเที่ยวครั้งแรก จะได้เตรียมตัว คำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆได้คร่าวๆ เช่น ราคาค่าเช่ารถ /ประกันภัย / ค่าทางด่วน / ค่าน้ำมัน / วิธีการรับ-คืนรถ เป็นต้น
(จริงๆเป็นข้อมูลพื้นฐานของการเช่ารถ สามารถนำไปใช้เช่ารถได้ทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น)

รวมถึง ประสบการณ์ โดนตำรวจจราจรเรียกเขียนใบสั่ง  ฐานขับรถผิดกฏจราจร ตั้งแต่วันแรกของทริปเลย ฮือออ T-T
เดี๋ยวมาดูกันว่าเราโดนข้อหาอะไร โทษปรับเท่าไหร่ และไปเสียค่าปรับยังไงบ้าง ไว้เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่จะเช่ารถขับ.ให้ระมัดระวังมากขึ้นด้วยนะค้าบบบบ

ก่อนหน้านี้เคยเช่ารถขับที่โอกินาว่า มาแล้วครั้งนึง ก็รู้สึกว่ามันก็ง่ายๆ ไม่ได้ยากอะไร พวงมาลัยขวา ขับฝั่งซ้ายเหมือนบ้านเรา แล้วมันก็สะดวกดี สามารถไปไหนมาไหนได้แบบไม่ต้องเดินไกล รอเวลารอบรถ แบกกระเป๋าขึ้น-ลงรถไฟ ซึ่งเดี๋ยวนี้ JR PASS ก็ขึ้นราคาเยอะซะด้วย

(ย้อนอ่านรีวิว ขับรถเที่ยวโอกินาว่า ได้ที่ ลิ้งนี้ [ EP.2 ] 20 ที่น่าแวะ สำหรับสายเที่ยว " O K I N A W A " แบบนอกกระแส | ขับรถเที่ยวรอบเกาะกับ อีก 10 จุด ที่ไม่ควรพลาด

แต่พอมา จองรถขับคิวชู มันไม่เหมือนกับตอนเช่าที่โอกินาว่าเท่าไหร่ รู้สึกมีขั้นตอนยากกว่านิดนึง แล้วด้วยความที่ขับในเมือง Fukuoka รถเยอะกว่าที่โอกินาว่า ก็จะทำตัวไม่ค่อยถูก แต่ถ้าออกต่างจังหวัดเมืองชนบทก็ชิล ขับสบายกว่า 

เหตุผลที่เช่ารถขับเที่ยว

การวางแผนเที่ยวคิวชู จริงๆเราก็คิดก่อนว่าจะเดินทางแบบไหนดี จะเช่ารถขับ หรือ จะซื้อ JR Pass นั่งรถไฟ หรือ จะสองแบบรวมกัน ซื้อ JR Pass ครึ่งนึง แล้วก็เช่ารถด้วย เพื่อที่จะไปในที่ๆรถไฟไปไม่ถึง เพราะเกาะคิวชูค่อนข้างกว้าง และจุดท่องเที่ยวจะกระจายตัวกัน เหมือนแผนที่บนกระเป๋านี้เลย (ซื้อที่สนามบินฟูกุโอกะ)

เราก็เลยมานั่งแพลนทริปก่อนว่าเราจะไปไหนบ้าง เนื่องจากเรามี fixed วันที่ต้องมางานเทศกาลที่จัดแค่ปีละครั้งเป็นหลักมันก็เลยทำให้การเดินทางค่อนข้างที่จะซับซ้อน สรุปสุดท้าย การเช่ารถขับทั้งทริป เป็นเวลา 6 วันคือตอบโจทย์ที่สุด 

นี่คือ แผนการเดินทางคร่าวๆทั้งหมด 6 วัน (ที่ได้ไปมาแล้วจริงๆ เพราะแผนแรกที่เราวางไว้ไปได้ไม่ครบ เลยไม่ได้ใส่มาในนี้)

  • DAY 1 : 
    • FUKUOKA : รับรถเช่าแวะวัด Tochoji Temple - ITOSHIMA (โดนตำรวจเรียกได้ใบสั่งเลยทำให้ไม่ได้ไป  Shimabara)
    • NAGASAKI (ป้ายรถเมล์ผลไม้เมือง Konagai -  ย่านไชน่าทาวน์  เมืองนางาซากิ สถานีรถไฟติดทะเล สถานีChiwata)
    •  SAGA : งาน TEAMLAB ที่สวนมิฟูเนะยามะ เมือง TAKEO 
    • FUKUOKA : พักโรงแรม FUKUOKA TOEI Hotel  
  • DAY 2:
    • FUKUOKA : วัดพระนอน NANZOIN - ป้ายรถเมล์แมวกวัก
    • YAMAGUCHI:  เมือง Shimonoseki แวะกินข้าวท่าเรือ  KARATO / สะพาน Tsunoshima /  ศาลเจ้า Motonosumi 
    • HIROSHIMA: เข้าพัก โรงแรม Miyajima Coral Hotel / ขับไปตัวเมือง Hiroshima เพื่อไป Okonomimura  ตึกที่ขายเฉพาะโอโคโนมิยากิอย่างเดียวทั้งตึก อาหารขึ้นชื่อของเมืองฮิโรชิม่า
  • DAY 3:
    • HIROSHIMA : เกาะมิยาจิมะ - Sandankyo Gorge หุบเขาซันดังเคียว
    • YAMAGUCHI
      • IWAKUNI : ศาลเจ้างูขาว Shirohebi Shrine / สะพานไม้โค้ง  Kintaikyo Bridge
      • SHIMONOSEKI :  เข้าพักโฮสเทลชื่อ UZU HOUSE HOSTEL  ใกล้ตลาดปลาKARATO
  • DAY 4 :
    • YAMAGUCHI : ตลาดปลา KARATO
    • OITA : 
      • KITSUKI : KITSUKI Castle Town ปราสาทคิตสึกิ - Harmony Land (ไม่ได้ลงเพราะหาที่จอดไม่ได้ วันเสาร์คนเยอะ)
      • BEPPU: ร้านของนึ่งจากความร้อนใต้พิภพ  JIGOKU MUSHI (ไม่ได้กินเพราะคิวยาว ได้แค่ถ่ายรูปมา)
      • YUFUIN: Floral Village - คาเฟ่หมาชิบะ
    • FUKUOKA : OMUTA - งานเทศกาล Omuta Daijayama Festival
    • OITA : HITA เข้าพักโรงแรม HITA SOCIA
  • DAY 5 :
    • OITA : HITA  งานเทศกาล HITA GION 
    • KUMAMOTO :
      • OKUNI : น้ำตกม่าน Nabegataki Fall 
      • ASO :  ขับรถชมวิวเส้น Milk Road -  แวะทานข้าวจุดพักรถ สถานี  ASO
    • MIYAZAKI : 
      • TAKACHIHO : Takachiho Gorge - ชมการแสดง KAGURA - เข้าพักโรงแรม Hotel Grateful Takachiho
      • HINOKAGE :  แช่ออนเซนสถานีรถไฟเก่า Hinokage Onsen Station
  • DAY 6 :
    • TAKACHIHO :  พายเรือชมวิวช่องแคบ Takachiho Gorge - ศาลเจ้า Amanoiwato -  ศาลเจ้า Takachiho
    • KUMAMOTO : ศาลเจ้า KATO  จุดถ่ายรูปปราสาทคุมาโมโต้
    • FUKUOKA :
      • OGORI : วัดกบ Nyoirin-ji
      • KURUME :  สถานีรถไฟกัปปะ Tanushimaru Station
      • FUKUOKA : เข้าพักที่โรงแรม Hotel Front Inn Fukuoka Airport -  คืนรถ
      • หลังจากคืนรถบริษัทเช่ารถจะไปส่งที่สนามบิน ซึ่งมีสถานีรถไฟ เรานั่งรถไฟไปกิน Yatai แถว Hakata แล้วกลับมานอนที่โรงแรมซึ่งโรงแรมไม่ไกลจากสนามบิน เดินไปได้ แล้วนั่งรถ Shuttle Bus ของสนามบินไป International Terminal

จากแพลนเที่ยวที่ว่ามานี้ คงเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่า . . .  ทำไมเราถึงเลือกเช่ารถ ^^'  (นี่ขนาดไปไม่ครบตามแพลนแรกนะเนี่ย) 

จริงๆ เหตุผลหลักของการเช่ารถขับ ก็คือ รถไฟ JR มันไม่ครอบคลุมสถานที่ที่เราจะไปได้ทั้งหมด (ถึงแม้จะซื้อพาสแบบ All area Kyushu ก็ตาม ) และในหลายที่ที่เราไปมันค่อนข้างไกลจากจุดขนส่งสาธารณะ แล้วเราเปลี่ยนที่นอนทุกวัน การจะแบกสัมภาระไปด้วยมันเหนื่อยมาก ขับรถนี่ล่ะ ตอบโจทย์ที่สุด

จองรถเช่าออนไลน์

เราจองรถผ่านเว็บนี้ >>> https://www2.tocoo.jp/en/


เลือกวัน / เวลา และสาขาที่สะดวกรับรถ ซึ่งเราเช่าตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบ Fukuoka ก็เลือกสาขาสนามบิน Fukuoka Airport International Terminal

เราจองของบริษัท Toyata Rent A Car  พอจองผ่านเว็บเรียบร้อย เค้าก็จะส่งอีเมลมายืนยันการจอง

*** ตัวอย่าง อีเมลยืนยันการจอง ***

■ รายละเอียดการจอง

  • บริษัทรถเช่า: TOYOTA Rent a Car
    รับรถ: Jul 19, 2023 Wed 08:00    / คืนรถ: Jul 24, 2023 Mon 20:00
    สาขารับรถ: Toyota Rent a Car สาขาสนามบิน Fukuoka - เทอร์มินัลระหว่างประเทศ

*** เนื่องจากไฟลท์ที่เราบินมาคือ แอร์เอเชีย บินมาถึง ฟูกุโอกะ 7.05 น. ออฟฟิศเช่ารถเปิด 8 โมงเช้า เราก็เลยจองรับรถ 8 โมงเลย เร็วทันใจ 

  • แพลน: Normal Plan
  • ชนิดรถ (คลาส): รถขนาดคอมแพคท์(C1)
    *** ตัวอย่างรุ่นรถ: Yaris,Vitz,ROOMY, และอื่นๆ,ROOMY,TANK,Vitz,ROOMY,
          ข้อมูลด้านบนเป็นเพียงตัวอย่างรุ่นรถ ToCoo! ให้ท่านสามารถเลือกกำหนดได้เฉพาะคลาสรถเท่านั้น
  • ออฟชั่น: เครื่องอ่านบัตร ETC ×1 /GPS ภาษาอังกฤษ ×1
    *  ในออพชั่นเสริมให้ติ๊กเอาเครื่องอ่านบัตรทางด่วน ETC มาด้วย แต่เดี๋ยวพาสทางด่วน เราไปซื้อเพิ่มที่สาขาตอนเรารับรถ

สรุปเราเช่ารถทั้งหมด 6 วัน ค่าใช้จ่ายรวม คือ

ยอดรวมค่าเช่า  *(จ่ายวันรับรถ)
 - ค่าเช่ารถ : 44,880 เยน ( ~ 11,220 บาท )
 - ระบบยกเว้นการชดใช้ค่าเสียหาย (ประกันภัย) : ค่าประกัน วันละ 1,100 เยน เราเช่ารถขับ 6 วัน รวมเป็น 6,600 yen (~ 1,650 บาท)
  >> ยอดรวมค่าเช่าทั้งหมด: 51,480 yen (~12,870 บาท)


วิธีการมารับรถเช่าที่จองไว้

มาถึงวันรับรถ พอเราลงเครื่องผ่านตม.อะไรเรียบร้อยแล้ว เดินมาที่เคาน์เตอร์ของ Toyota Rent A Car แล้วก็โทรเข้าออฟิศ พร้อมแจ้งหมายเลขการจองรถ กับชื่อเรา ปลายสายจะบอกว่าโอเค เดี๋ยวจะให้รถมารับเราที่ประตูทางออกหมายเลข 1 อยู่ที่ชั้น 3

งามไส้ . . . ฝนตกหนักต้อนรับการมาเยือนของเราเลย

รถตู้มารับพร้อมผู้โดยสารท่านอื่นที่เช่ารถไว้เหมือนกัน นั่งรถตู้มาที่ออฟฟิศสาขาสนามบินนานาชาติฟูกุโอกะ ซึ่งใช้เวลาไม่เกินห้านาที ใกล้มาก

มาถึงก็ติดต่อที่เคาน์เตอร์แจ้งชื่อและหมายเลขการจองกับเจ้าหน้าที่

การเช่ารถขับที่ประเทศญี่ปุ่น ใช้เอกสารตามนี้

  1. ใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ (ใช้ได้เฉพาะที่เป็นแบบอายุ 1 ปี เท่านั้น) จริงๆติดใบขับขี่ของประเทศไทยไปด้วยก็ได้ เผื่อไว้ใช้ไม่ใช้อีกเรื่องนึง
  2. พาสปอร์ตของผู้ที่เป็นคนขับ
  3. เอกสารยืนยันการจองรถที่ได้รับจากอีเมล
  4. บัตรเครดิต

แล้วก็จ่ายเงินทั้งหมด ทั้งค่าเช่ารถ ค่าประกัน ค่าบัตร KEP ทางด่วน (ตัวบัตร KEP จะเสียบที่เครื่องอ่านเก็บข้อมูลการใช้ทางด่วน ETC)

เจ้าหน้าที่ก็พามารับรถ เราควรถ่ายวิดีโอรอบๆคันรถไว้หน่อยดีกว่า เผื่อรถมีรอยอะไรอยู่ก่อนรึเปล่า เพื่อที่จะได้เซฟตัวเองเวลาเอารถมาคืน แต่รถเช่าที่นี่ค่อนข้างใหม่และดูแลอย่างดี ไม่มีริ้วรอยอะไร

แล้วเจ้าหน้าที่ก็แนะนำการใช้งาน ซึ่งส่วนที่อาจจะใหม่สำหรับคนไทยหน่อยก็คือ การใส่ MAPCODE ที่หน้าจอในรถ ที่สามารถใช้นำทางเราได้ ปกติสถานที่หลักๆจะมีเลข MAPCODE มาให้ หรือ ถ้าไม่มีก็ใส่เบอร์โทรศัพท์ของสถานที่นั้นได้เลย แต่ต้องใส่เฉพาะตอนที่รถจอดสนิทที่เกียร์ P เท่านั้น

. . . แต่ส่วนตัวคิดว่ายุ่งยากก็เลยใช้ Google Map ของมือถือเราง่ายกว่า ^^


รถทุกคันจะมีการตั้งค่าความเร็วไว้ ในกรณีที่เราขับเร็วเกินกำหนด มันจะแจ้งเตือน หรือ ถ้าเราเบี่ยงซ้าย เบี่ยงขวา เปลี่ยนเลน โดยไม่เปิดไฟเลี้ยว มันก็จะแจ้งเตือน เผื่อว่าบางทีคนขับอาจจะหลับใน รถมันแถเบี่ยงเลนไปผิดปกติ เสียงเตือนก็จะได้เรียกสติคืนกลับมาได้ แต่โดยรวมก็ขับง่ายมาก ไม่มีอะไรน่ากังวล


ประกันภัย (Insurance) 

ประกันภัยเป็นค่าใช้จ่ายที่เราเลือกที่จะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ ไม่ได้บังคับ แต่ก็ต้องมั่นใจว่าแบกรับความเสี่ยงไหว เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนตัวเชียร์ให้ซื้อประกันไว้ดีกว่า อุ่นใจกว่าเยอะ 

ราคาประกันรถเช่า อยู่ที่ 1,100 เยน /วัน

ซึ่งกรมธรรม์คุ้มครองทั้งตัวผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ตัวรถ และสถานที่ เท่าที่อ่านคร่าวๆก็ได้รับความชดเชยที่โอเคเลย เพราะฉะนั้นซื้อประกันพ่วงไปด้วยเถอะ อย่าเสียดายเงินเลย

ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ เราจะต้องติดต่อบริษัทเช่ารถทันที เพื่อให้เรียกประกันมาชดเชยค่าเสียหายให้ได้ แต่ถ้าไม่ แล้วมาเห็นว่าเจอรถได้รับความเสียหายตอนคืนรถ ประกันก็จะไม่รับผิดชอบ เราต้องเป็นคนดูแลค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเอง 

ที่สำคัญ หากเกิดอุบัติเหตุ สัญญาเช่าถือว่าสิ้นสุด เพราะฉะนั้น ก็ขับขี่อย่างระมัดระวังนะจ๊ะ 

เราซื้อแค่ประกัน ที่ราคา 1,100 เยน/วัน  ส่วน NOC ที่ราคา 550 เยน ไม่ได้ซื้อ แต่ก็ซื้อไว้ก็ได้มันก็แค่วันละร้อยกว่าบาท เผื่อเกิดเคสหนักจะได้ไม่ต้องเสียค่าชดเชยค่าเสียเวลาให้บริษัทรถในขณะที่เค้าส่งซ่อม

N.O.C. คือ ตัวย่อที่ใช้แทน Non-Operation Charge หรือค่าเสียหายทางธุรกิจ ค่าเสียหายทางธุรกิจ (N.O.C.) คือ ค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าจะต้องจ่ายให้ทางบริษัทรถเช่า เพื่อเป็น "ค่าชดเชยการหยุดใช้งานรถชั่วคราว" ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดความเสียหายจนใช้งานไม่ได้ จึงจำเป็นต้องหยุดการใช้งานชั่วคราวเพื่อซ่อมแซมหรือทำความสะอาด กล่าวคึอ ค่าเสียหายทางธุรกิจ (N.O.C.) คือค่าใช้จ่ายที่ชดเชยช่วงเวลาที่บริษัทรถเช่าไม่สามารถให้บริการรถได้


การขับรถขึ้นทางด่วน และ พาสทางด่วนแบบเหมาจ่าย

เวลาเราเช่ารถขับ แล้วต้องขับไปหลายๆเมือง การขึ้นทางด่วนค่อนข้างจำเป็นและช่วยเซฟเวลาเราได้มากๆ ยิ่งเวลาเราตั้งค่า GPS นำทาง มันจะแนะนำให้เราขึ้นทางด่วนเสมอ เพราะเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุด

ดังนั้น เรามาทำความเข้าใจการขับรถขึ้นทางด่วนจากข้อมูลของเว็บ JNTO การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่เขาให้ข้อมูลเบื้องต้นไว้ตามนี้


*source: JNTO (Japan Natioanl Tourism Organization) Official website
https://www.jnto.or.th/kanto20...

สำหรับการใช้ทางด่วนที่ญี่ปุ่น  จะมี 2 แบบ

  • สามารถจ่ายเงินผ่านตู้อัตโนมัติ หรือ จ่ายเงินสดกับพนักงานที่ตู้ทางด่วน
  • การใช้บัตรทางด่วน (แนะนำให้ใช้วิธีนี้เพราะสะดวกกว่า เร็วกว่า และประหยัดกว่า)
    โดยหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
    • ETC (Electronic Toll Collection) :

       บัตร ETC คือบัตรที่เอาไว้ใช้กับระบบ ETC (Electronic Toll Collection) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการบันทึกการใช้งานทางด่วนโดยอัตโนมัติ  โดยจะเสียบบัตรไว้กับเครื่องอ่านบัตรที่ติดตั้งมากับรถเช่า 

ตัวกล่องจะติดอยู่ตรงคอนโซลหน้ารถฝั่งคนขับ มันทำหน้าที่เหมือนเครื่อง easy pass  ของบ้านเราเลย เวลาจะขึ้นทางด่วนก็เข้าช่องสีม่วงที่เขียนว่า ETC ได้เลย แล้วผ่านได้เลย ตัวบัตรก็จะเก็บข้อมูลการขึ้นทางด่วนแล้วก็จะหักเงินตามจริงจากบัตรเครดิตที่เราผูกไว้

 *Source: https://guide.toocooljapan.com...       
  • Expressway Pass บัตรทางด่วนเหมาจ่ายสำหรับภูมิภาค 

                Expressway Pass ก็คือ บัตร ETC แบบพิเศษ เป็นพาสที่เหมาจ่ายในราคาที่กำหนดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก็จะสามารถใช้ทางด่วนได้ไม่จำกัด!

          สมมติว่าเราเช่ารถขับ 6 วัน ก็ซื้อพาสแบบ 6 วัน ซึ่งภายใน 6 วันนี้ เราสามารถขับขึ้นทางด่วนในภูมิภาคที่เราเช่ารถนี้ได้แบบไม่อั้น ขึ้นไปเลย ไม่เสียตังเพิ่ม (ยกเว้นออกนอกเส้นทางที่ไม่รวมอยู่ในพาส)

          ขอดอกจันตัวโตๆว่า  . . . ใครเช่ารถขับหลายวัน ขับต่างเมือง แนะนำเลยว่า  

          **** ซื้อ Expressway Pass พาสทางด่วนแบบเหมาจ่ายคุ้มกว่า ประหยัดกว่าแน่นอน

          เพราะ ค่าทางด่วนค่อนข้างแพงมาก ***

          ในส่วนของพาสทางด่วนที่วิ่งเฉพาะในคิวชู เรียกว่

          KYUSHU EXPRESSWAY PASS (KEP ) ราคาตามตารางนี้เลย 

          อย่างเราเช่ารถขับ 6 วัน ก็ จ่ายค่าพาสทางด่วนอีก 7,600 เยน หรือ ประมาณ 1,900 บาท

          แผนที่เส้นทางด่วน เส้นสีน้ำเงิน คือ เหมาจ่ายรวมอยู่ในพาสนี้แล้วขึ้นได้เลยในภูมิภาคคิวชู เหมือนใช้Easy Pass บ้านเรา ส่วน เส้นสีส้ม ไม่ใช่ทางด่วนหลัก เป็นเส้นเลี่ยงเมืองก็จะไม่รวมในแพคเกจนี้ จะใช้เงินสดจ่าย

          ในส่วนที่เกินมาจากเส้นทางที่ไม่ครอบคลุมในพาส KEP (เพราะเราขับออกไป Yamaguchi กับ Hiroshima ออกนอกเขตคิวชูไปแล้ว) ทางบริษัทเช่ารถ จะนำการ์ดข้อมูลจากการใช้งานของเราไปตรวจสอบ และจ่ายเพิ่มตามราคาจริงตอนคืนส่งรถ


          เติมน้ำมันรถ 

          ส่วนการเติมน้ำมัน ที่ญี่ปุ่นเราจะต้องเติมน้ำมันเอง ไม่มีเด็กปั๊มมาเติมให้แบบบ้านเรา

          วิธีง่ายที่สุด
          คือ ปกติจะมีคนประจำปั๊มอยู่อย่างน้อย 1 คน ไม่มีปั๊มไหนไม่มีคนเฝ้า เราก็เดินไปหาเค้า โค้งคำนับ 1 ที คอนนิจิวะ พี่ค้าบบบ ....ช่วยเติมน้ำมันให้หน่อยเดสก๊ะ ทำไม่เป็นอ่ะค้าบบบ ^^ เค้าก็จะถามว่าเติมเท่าไหร่ แล้วก็เติมให้เสร็จ ก็โค้ง คำนับ อาริงาโตะ ไปอีก 1 ที

          ถ้าจะเติมเองก็ไม่ได้ยากมาก เรียนรู้ครั้งเดียวก็ทำได้แล้ว

          • เลือกประเภทน้ำมันที่เราจะเติม  : หัวจ่ายน้ำมันที่รถเราใช้  อย่างที่เราเช่ามาจะเป็นหัวจ่ายสีแดง 

              *ประเภทของน้ำมันที่ประเทศญี่ปุ่น จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

              • น้ำมันเบนซินธรรมดา (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า RE-GYU-RA-A) สีหัวจ่ายสีแดง
              • น้ำมันดีเซล (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า KE-I-YU) สีหัวจ่ายสีเขียว
              • น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า HA-I-O-KU) สีหัวจ่ายสีเหลือง
          • เลือกวิธีจ่ายเงิน : จะจ่ายแบบไหน เงินสด หรือใช้บัตรเครดิต ถ้าใช้เงินสดก็ใส่พอดี หรือ ใส่เกินไปก็ได้ เดี๋ยวเครื่องมันทอนให้เอง
            • เช่น จะเติม 2,000 เยน  ก็สอดแบงก์ไป 2,000 เยน หรือ ใช้บัตรเครดิตก็กด จำนวนเงินที่จะเติมแล้วรูดบัตร 
          • เสียบหัวจ่ายที่ฝาถังน้ำมันเราให้แน่น แล้วบีบให้หัวจ่ายทำงาน ถ้าเสร็จมันก็จะหยุดอัตโนมัติ 

          อธิบายยากง่ะ ต้องให้คนที่ปั๊มทำให้ดูสักครั้งนึงก่อน ครั้งต่อไปทำได้เองแน่นอน

          แต่ในบางเมืองที่เป็นปั๊มเล็กๆแบบบ้านๆ ภูธรๆ ก็จะมีเจ้าของปั๊มเป็นคุณป้ามาคอยบริการเติมให้เลย 

          แต่ด้วยความที่รถมันเป็นรถ Eco เพราะฉะนั้น ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้เติมบ่อย เราขับ 6 วันเติมแค่  4 ครั้งเอง ตอนก่อนคืนรถเราต้องเติมน้ำมันให้เต็มด้วย คือถ้าไม่เติมให้เต็มก่อนคืน ทางบริษัทก็จะคำนวณค่าส่วนต่างน้ำมันแล้วชาร์จเราอยู่ดี

          สรุปรวมแล้วค่าน้ำมันทริปนี้อยู่ที่ประมาณ 5,000 บาท ราวๆนี้ พอดีไม่ได้จดไว้เป๊ะๆ


          การจอดรถในญี่ปุ่น

          ตอนแรกก็แอบกังวลว่า ถ้าเราขับรถไปเที่ยวเมืองต่างๆ โดยเฉพาะแบบโซนที่เป็นย่านท่องเที่ยว เป็น City ใหญ่ๆ อย่างเช่น Fukuoka / Nagasaki / Hiroshima จะมีที่จอดรถมั้ยน้าาาา . . . กลัวจอดไม่ถูกที่ถูกทางโดนล็อกล้อ โดนใบสั่งเสียค่าปรับอีก 

          แต่พอได้ลองไปแล้ว ก็ฮึ่ย!!! ที่จอดรถเต็มเลย ไม่ได้หายากอย่างที่คิด แต่ก็เป็นที่จอดแบบเสียเงินทุกที่เช่นกัน อ่ะ ไม่เป็นไรๆ สบายใจกว่าจอดมั่วๆแล้วเสียค่าปรับเนาะ

          โดยปกติจะมีที่จอดรถหลายแบบ เช่น  ที่จอดรถหยอดเหรียญ  / มิเตอร์ที่จอดรถ / ที่จอดรถแบบเสียค่าบริการ เป็นต้น 

          วิธีการหาที่จอดรถนั้นไม่ยาก ให้สังเกตป้ายตัว P แบบนี้


          แต่ละราคาค่าจอดของจุดจอดรถจะไม่เท่ากันแล้วแต่เจ้าของที่จะตั้งราคา ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 300 เยน 

          ตัวอย่างวิธีการจอดรถแบบตู้จ่ายเงินอัตโนมัติ ที่เราจะเจอบ่อยสุด 

          • ถอยรถเข้าไปจอดในซองที่เค้าขีดเส้นไว้
          • ดูที่พื้นว่าที่จอดล็อคเลขอะไร แต่ยังไม่ต้องเสียค่าจอด ไว้จ่ายก่อนออก
          • ตอนจะเอารถออก ไปที่ตู้จ่ายเงินอัตโนมัติ แล้วกดหมายเลขช่องที่เราจอด ระบบก็จะคำนวณค่าจอด แล้วก็ขึ้นราคาบนหน้าจอ เราก็จ่ายเงิน จะหยอดเหรียญ หรือ จะสอดแบงก์ก็ได้ แล้วมันก็จะออกใบเสร็จมา
          • พอจ่ายเงินเสร็จ ตรงช่องจอดรถมันก็จะปลดล็อกที่มันล็อกล้อรถเราอยู่ ถ้ามันปลดแล้วก็ขับออกมาได้เลย

          ทำผิดกฎจราจร ได้ใบสั่ง และวิธีเสียค่าปรับ

          อันนี้เคยมีใครรีวิวรึยัง!?!?!?

              . . .  หรือนี่จะเป็นคนไทยคนแรก กับการโดนตำรวจจราจรเรียกแล้วได้ใบสั่ง ให้ไปเสียค่าปรับ

          เรื่องมันเกิดตั้งแต่วันแรกของการเดินทางไปถึงเลยด้วยซ้ำ หลังจากเครื่องแลนดิ้งที่​ Fukuoka ปุ๊บ​ เราก็ไปรับรถเช่าที่จองไว้ตามที่เล่ารายละเอียดไว้ข้างต้น​ แล้วออกเดินทางไปยังจุดใกล้ๆเมือง Fukuoka ก่อน คือ​ แถวๆ​ Itoshima

          ในขณะที่เรากำลังงมทางตาม GPS ​โดยไม่ได้สังเกตป้ายอะไร​เลย​ เพราะมั่นใจว่าเคยขับที่​โอกินาว่ามาแล้วสบายมาก​ ไม่น่ามีปัญหา​อะไร
          แต่แล้ว​ พอถึงทางที่เราขับมาเป็นทางรอง​ กำลังรวมเลนเข้าเส้นหลัก​ ขับเลยมาได้สัก​ 50 เมตร​ มีเสียงรถตำรวจพูดภาษาญี่ปุ่นผ่านโทรโข่ง ประมาณว่า. . . คุณรถคันหน้า คุณขับรถฝ่าฝืนกฎจราจร หยุดรถข้างทาง แล้วมาคุยกันเดี๋ยวนี้ (เดานะ... เดาว่าพูดประมาณนี้  . . . จริงๆคือ ฟังไม่ออก) 

          เราก็.. หึ?!?... อะไร?!? เรียกใคร!?!
          .... เรียกเราหรอ​ เราทำไรผิด​ . . . แกเป็นใคร . . . จับฉันมาทำไม . . . แกต้องการอะไร  . . . ?!?!?

          ก็เลยชะลอๆ​รถ ดูท่าทีว่าจะยังไงดี แต่คุณรถตำรวจที่ตามมาด้านหลังก็ยังพูดใส่โทรโข่งไม่หยุด และยังขับตามมาเรื่อยๆ​ 

          เอาว่ะ... ไม่ผิดตัวแล้วล่ะ จังหวะนั้น​ เราก็เลยเข้าข้างทางจอด​ แล้วคุณตำรวจจราจรก็เดินมาที่รถ​แล้วบอกว่าเราขับฝ่าฝืนป้ายจราจร​ (คุยกันโดยมีGoogle Translation เป็นล่ามกิตติมศักดิ์)​

          เนื่องจากความที่เราไม่ใช่คนญี่ปุ่น​ และใช้ใบขับขี่​สากล​ และสื่อสารกันยากหน่อย​ กว่าจะได้ใบสั่งนี้มาใช้เวลาเป็นชั่วโมง​ แต่เขียนตรงนั้นเลยไม่ต้องไปโรงพัก​
          ข้อมูลที่ตำรวจต้องการก็คือ​ ขอดูพาสปอร์ท​ ใบขับขี่สากล​ ถามว่าอยู่กี่วัน​ พักที่ไหน​ เบอร์ที่ติดต่อได้ในญี่ปุ่น​ เบอร์อะไร 

          นี่เดาว่าคุณตำรวจก็เซอร์ไพรส์เหมือนกัน  ที่เราเป็นชาวต่างชาติ ไม่ได้เตรียมใจจะคุยคนละภาษาแบบนี้ จึงทำให้มีกำแพงภาษากันนิดหน่อย เพิ่มความยากในการเขียนใบสั่งให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคิดว่านี่คงเป็นการเขียนใบสั่งให้กับต่างชาติครั้งแรกของเค้าเหมือนกัน

          เราก็ถามเค้าว่า เราทำผิดอะไรหรอ คือ โดนจับแล้ว มันยังไม่รู้ตัวเลยว่าผิดอะไร แหะๆๆ ^^'

          เค้าก็เลยเสิร์ชรูปให้ดูว่า เมื่อกี๊คุณขับผ่านตรงป้ายนี้แล้ว ไม่หยุด ก่อนเข้าทางหลัก 

          เค้าบอกว่า​ เราขับผ่านป้าย​หยุด​ ที่เป็นป้ายสามเหลี่ยมสีแดง​ และมีภาษาญี่ปุ่น​ ว่า ​"หยุด"  เหมือน ป้าย STOP  ซึ่งป้ายนี้จะอยู่ตรงกิ่งทาง​ ที่จะเข้ามาเชื่อมกับถนนเส้นหลัก​

          หากเห็นป้ายนี้ คือ​ คุณต้องหยุดรถสนิทแบบ​ 100% ก่อน ( ไหลๆก็ไม่ได้นะ )
          เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรถทางตรงวิ่งมา แล้วค่อยขับเข้าเส้นหลัก

             . . . แต่คุณไม่หยุดไง คุณขับผ่านมาดื้อๆเลย มันผิดรู้มั้ย  (อันนี้เติมบทเอง เค้าไม่ได้พูดขนาดนี้หรอก)

          อันนี้ยอมรับโดยดุษฏี​ว่าเราไม่รู้จริงๆ​ แต่นี่ไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างของการทำผิดกฎจราจรได้​ เพราะเราต้องศึกษามาก่อนที่จะมาขับ
          ..... เพราะฉะนั้น​ ก็รับรางวัลเป็น​ ใบสั่ง​ไปเลยจ้าาาคนเก่งงง
          ค่าปรับของการฝ่าฝืน​ป้ายหยุด​นี้​ คือ​ 7,000​ เยน​

          (ก็พันกว่าๆเกือบสองพันบาทไทย)​

          ได้ใบสั่งเรียบร้อย ก็แยกย้าย แล้วไปหาที่จ่ายค่าปรับกันจ้าาาาา

          วิธีการจ่ายค่าปรับ

          วิธีการเสียค่าปรับ เราไม่ต้องไปสถานีตำรวจ แต่ให้ไปจ่ายที่ธนาคารใดก็ได้ในญี่ปุ่น​ ไม่แน่ใจว่าต้องภายในวันนั้นเลยมั้ย​ แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้เรื่องยืดเยื้อ​ ก็เลยขับรถวนหาธนาคาร​ แล้วจ่ายวันนั้นทันที​ เพราะธนาคารปิดสี่โมงเย็น​ ไม่อยากให้ข้ามวัน​ เดี๋ยวจะยิ่งเสียแผนการเดินทาง​แล้วกลัวว่าจะมีโทษเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า​ถ้าจ่ายช้า​ เรายังต้องอยู่อีก 6 วัน​เนาะ​ เพราะฉะนั้น​ จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด​ เด้อสู ^^'

          ** ธนาคารที่นี่ จะเป็นสาขาแบบ
          stand alone ไม่มีอยู่ในห้างเหมือนบ้านเรา ตอนแรกแวะห้างอิออน นึกว่ามีธนาคาร สรุปคือไม่มี มีแต่ตู้  ATM เพราะฉะนั้น เสิร์ชใน Google map ว่าธนาคารใกล้ฉัน จะเจอง่ายกว่า **

          พอไปถึงธนาคาร​(ฺBank of Fukuoka) ก็ยื่นใบสั่งให้เจ้าหน้าที่​ธนาคาร​ ทางจนท.ก็ช่วยเราเป็นอย่างดี​ คือมันจะต้องเขียนใบนำจ่าย​ เป็นภาษาญี่ปุ่น​ เค้าเห็นเราเป็นต่างชาติ​ เค้าก็เขียนมาแล้วให้เราเขียนตามให้เป็นลายมือเราเองอีกที​ 

          แบบเรียนคัดลายมือ ฮิรางานะ - คาตาคานะ 101   จึงเกิดขึ้นที่ธนาคารแห่งนี้ คนญี่ปุ่นงงมาก คนไทยชื่อ-นามสกุลยาวจัง ช่องไม่พอเขียน

          เขียนเสร็จก็รอคิว ไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

          มีวิดีโอป้ายสัญญาณจราจรที่ออฟฟิศร้านเช่ารถเปิดอยู่นะ แต่ไม่ได้ดู มารู้ก็โดนตำรวจเรียกแล้ว 

          จัดไป 7,000 เยนนนนนน!!!

          หลังจากจ่ายเงินค่าปรับเรียบร้อย​ ก็เที่ยวต่อได้​ ไม่มีปัญหาอะไร​ (แต่ขับแบบเกร็งกิเดสสุด เจอป้ายอะไรแปลกๆก็หลอนไปหมด ได้ยินไซเรนรถตำรวจ หรือ รถตำรวจแล่นผ่านขนาบข้าง นี่เลิ่กลั่กสุดๆ ดูล่กไปหมด ไม่รู้ทำไม 55555+++ แต่วันหลังๆชิลมาก ปรับตัวได้แล้ว)

          เฮ้ออ​อ.. โล่งอกไปที ถึงแม้จะเสียแผนการเดินทางไปหลายที่​
          เพราะ​ ใช้เวลาทำเรื่องทั้งรอใบสั่ง​ กับทำธุรกรรมที่ธนาคาร​รวมๆแล้วประมาณ​ 2 ชม.กว่าๆ
          แต่ได้รับบทเรียนที่คุ้มค่า​ เพราะเชื่อว่าไม่โดนวันนี้​ วันอื่นก็โดนแน่ๆ​ เพราะเราไม่รู้​จริงๆ​ โทษฐานที่ไม่ศึกษามาก่อน แล้วเราขับรถตลอดทริป 6 วัน​ โดนซะตั้งแต่วันแรกจะได้ระมัดระวัง​ให้ขับรถให้ถูกต้อง​ ปลอดภัย​ ตลอดทั้งทริป​


          การส่งคืนรถ 

          เมื่อถึงเวลาก็ขับรถไปคืนที่สาขาเดิมที่เราเช่ามา (แล้วแต่เราเลือกตอนจองรถด้วยว่าต้องการไปคืนที่สาขาไหน ไม่จำเป็นต้องสาขาเดิมก็ได้) 

           *** ก่อนส่งรถอย่าลืมแวะเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนด้วยนะค้าบบบบ *** 

          พอถึงออฟฟิศเจ้าหน้าที่ก็จะทำหน้าที่เช็ครถ ดูรอบคัน เช็คของสัมภาระว่าไม่มีอะไรหลงลืมไว้ ก็ถือว่าโอเค แต่เราเก็บกวาดเรียบร้อยเหมือนใหม่ คนเช่าต่อไปสามารถใช้ได้เลย เอี่ยมมาก 

          หลังจากนั้นเราก็มาจ่ายค่าทางด่วนส่วนเกินที่เราขึ้นนอกพื้นที่เขต Kyushu โดยบริษัทเช่ารถเค้าก็จะเอาตัว   ETC card ไปเช็คแล้วรวมยอดมาให้ เราก็จ่ายเพิ่ม เป็นอันว่าจบ

          ถ้าใครคืนรถแล้วขึ้นเครื่องต่อ ทางบริษัทจะมีรถไปส่งให้ที่สนามบิน ส่วนเรายังนอนต่ออีกคืนเพราะบินไฟลท์ตอนเช้า เค้าจะไปส่งที่สนามบินฝั่ง Domestic terminal  ที่เป็นบินภายในประเทศ เพราะหน้าอาคารจะมีสถานีรถไฟอยู่ สามารถเดินทางต่อไปเองได้ ไม่ต้องเรียกแท็กซี่มันแพง

          ตอนเช้าที่เรานอนโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบิน เราก็จะเดินมาที่ Domestic Terminal นี้ แล้วรอรถ Shuttle Bus ที่ไปส่งตึกInternational Terminal เราไม่สามารถเดินไปเองได้ เพราะมันไกลมากกกกก.. ขนาดนั่งรถshuttle bus ยังนานเลย มันไม่ใช่อาคารเชื่มต่อเหมือนดอนเมืองบ้านเรา มันแยกไปคนละฟากเลย และสถานีรถไฟเข้าเมืองก็มีสุดแค่สถานีตรง Domestic Terminal เช่นกัน


          ครบถ้วนเรื่องการเช่ารถขับแล้ว . . . ใครกำลังวางแผนจะเช่ารถเซฟไว้อ่านได้เลยเราย่อยมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว 

          ก่อนจบขอสรุปค่าใช้จ่ายของการเช่ารถขับเที่ยวทริปนี้ 6 วัน ( Kyushu 4 วัน + Yamaguchi & Hiroshima 2 วัน)

          ยอดรวมค่าใช้จ่ายในการเช่ารับขับ 6  วัน  * 

          (เรทเงินเยนตอนที่ไปคือ ~ 1 เยน = 0.25 บาท)  
          • ค่าเช่ารถ : 44,880 เยน ( ~ 11,220 บาท )
          • ค่าประกันภัย (ระบบยกเว้นการชดใช้ค่าเสียหาย) : ค่าประกัน วันละ 1,100 เยน x 6 วัน = 6,600 เยน (~ 1,650 บาท)
          • ค่าบัตรทางด่วนแบบเหมาจ่าย (KEP) : 7,600  เยน (~1,900 บาท)
          • ค่าทางด่วนนอกพื้นที่คิวชู ไม่รวมอยู่ในพาสทางด่วน ประมาณ 14,000 เยน   (~ 3,500 บาท)
          • ค่าปรับใบสั่ง  : 7,000 เยน (~1,750 บาท)
          • ค่าน้ำมัน :  คร่าวๆ ประมาณ 5,000 บาท (+-)
          • ค่าจอดรถ  : คร่าวๆ ประมาณ 1,500 บาท (+-)

          >> ยอดรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด: ประมาณ 26,520 บาท / 2 คน / 6 วัน

          ก็ค่อนข้างแพงเอาเรื่องอยู่ แต่สะดวก สบาย ซอกแซกไปในที่ที่อยากไปได้โดยไม่ต้องรอรอบรถไฟ  ไม่ต้องเดินไกล แบกกระเป๋าหนัก และถ้าคุณมากันหลายคนกว่านี้ สัก 3-4 คน ก็หารต่อคนแล้วก็ไม่แพงขนาดนี้ (และต้องไม่โดนใบสั่งด้วยนะ แหะๆ)

          เดี๋ยวรีวิวหน้าจะพาขับรถข้ามเกาะคิวชูไปเกาะหลัก พาเที่ยว 2 จังหวัดทางตอนล่างสุดของเกาะหลัก นั่น คือ จังหวัด ยามากูชิ (Yamaguchi) และ จังหวัด ฮิโรชิม่า (Hiroshima) รอติดตามกันด้วยนะคร้าบบบบบ ^^

          *** แต่รีวิว Summer in Kyushu เราเขียนไว้แล้ว 3 บล็อก คลิกลิ้งไปอ่านกันได้เลย

          ติดตามการเดินทางของแมวน้ำ Seally.Go.Round เที่ยวแบบเจาะลึก ข้อมูลแน่นๆ

          Seally-Go-Round

           วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลา 17.20 น.

          ความคิดเห็น