แม่ฮ่องสอน อ้อมกอดแห่งขุนเขา



ฝนนำพาให้พวกเราออกเดินทางอีกครั้ง ครั้งนี้เราเลือกที่จะไปแม่ฮ่องสอน “เฮ้ย!ทำไมต้องเป็นจังหวัดนี้วะ" เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของเพื่อนผม ก็จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดเล็กๆที่ห่างไกลผู้คน ระยะทางอันยาวไกลและจำนวนโค้งที่มีมากกว่าพันกว่าโค้ง ตรงนี้ล่ะ คือเสน่ห์ ที่ผมเลือกจะมาที่นี่



ฝากทีเซอร์ รายการเล็กๆของพวกเราด้วย (จะนำเพือนๆไปพบประสบการใหม่ๆกับพวกเรา Life is Short)




ติดตามเพจได้ที่ ถ้าชอบการเดินทางของพวกเรา ฝากไลค์ฝากแชร์เยอะๆนะครับ



https://www.facebook.com/Life-Is-Short-171855799903977/?ref=bookmarksมาเริ่มออกเดินทางไปกับพวกเรากันเลย

บทที่ 1 เส้นทาง...เราเลือกจะขับรถไปจากกรุงเทพตอนเช้าถึงเชียงใหม่เย็นๆ และนอนพักเอาแรงหนึ่งคืนก่อนลุยกันต่อตอนเช้า เหตุผลแรกที่เราเลือกที่จะขับรถมาเอง คือ เราจะสามารถที่จะแวะ จอดเที่ยวจอดถ่ายรูป ได้ตามที่เราต้องการ แผนแรกที่คิดกันไว้คือการนั่งรถไฟ แล้วมาเช่ารถที่เชียงใหม่ ผลสรุป ค่าใช้จ่าย เยอะกว่าการขับรถ ขึ้นมาเอง เราเลยที่เลือกขับรถ จากกรุงเทพฯ มาแม่ฮ่องสอน



บทที่ 2 ขอพร...รุ่งเช้าพวกเราขับรถขึ้นดอยสุเทพ เพื่อไปขอให้การเดินทางของพวกเราถึงที่หมายอย่างปลอดภัย เราเลือกทางหลวงหมายเลข 1095 เชียงใหม่ - ปาย จะเป็นจุดที่เราจะแวะ พัก ก่อนจะลุย ขึ้นไป อําเภอปางมะผ้า



บทที่ 3 ระหว่างทาง...เราได้แวะถ่ายรูปตลอดเส้นทาง จุดแรกคือน้ำตกหมอกฟ้า นี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่เลือกมาหน้าฝน ก็ คือความชุ่มชื่นของธรรมชาติ เพราะปีนี้ แร้งมาก ทำให้น้ำตกหลายที่แห้ง ละไม่มีน้ำ พอมาถึงน้ำตก พวกเราก็แอบตกใจเล็กน้อย ว่าทำไมมันสวยขนาดนี้ และแทบจะไม่มีคนเลย นี่คือเหตุผลที่สองของเราก็คือ นักท่องเที่ยวจะเลือกไม่เที่ยวในหน้าฝน เอาสิ ถ่ายรูปกันมันเลย จุดหมายต่อไป เราจะไปแวะอำเภอปาย เพื่อหาของอร่อยก่อนไปจุดหมายแรกของทริป



บทที่ 4 บ้านจ่าโบ่...เรามาถึงที่นี่เกือบสามทุ่มมาช้าเพราะแวะถ่ายรูปกันเพลินจนลืมดูเวลา เล่นมาถึงสะดึกเลย เอาแล้วสิ ทำไมหมู่บ้านนี้ มันมืดสนิทเลย ดีที่มีการวางแผนมาบ้าง ได้โทรมาหาที่พักโฮมสเตย์ ไว้แล้ว รอดไปอีกหนึ่งวัน นอนๆตื่นเช้ามาดูทะเลหมอกกันครับ



บทที่ 5 ทะเลหมอก...จุดหมายแรกของทริป ทำไมเราถึงเลือกที่นี่เป็นจุดหมายแรก ก็คือ บ้านจ่าโบ่ถือว่าเป็นสถานที่ ที่ยังใหม่อยู่ คนยังรู้จักกันน้อยมาก ละที่นี่จุดขายคือ การได้มาถ่ายภาพทะเลหมอกตอนเช้า ที่นี่อากาศดีเย็นสบาย มีทะเลหมอกเกือบทั้งปี ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ แต่เราโชคดีที่ได้เห็นหมอกลงปิดคุมไปทางเขา เป็นภาพที่ยังคงติดตาพวกเราไปตลอด บ้านจ่าโบ่ อยู่อำเภอปางมะผ้า ที่นี่เป็นชุมชนของชาวลาหู่นะ (มูเซอดำ) ที่อพยพโยกย้ายมาจากห้วยยาว โดยการนำจ่าโบ่ ไพรเนติธรรมและก่อตั้งเป็น “ชุมชนจ่าโบ่" ซึ่งมาจากชื่อของผู้นำหมู่บ้าน เมื่อปี พ.ศ.2521 คนในชุมชนล้วนเกี่ยวดองเป็นญาติกันทั้งหมดและยังคงใช้ภาษาและเครื่องแต่งกายแบบลาหู่ปัจจุบันบ้านจ่าโบ่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ 53 ครัวเรือน จำนวนประชากรทั้งหมด 226 คนเท่านั้น นับว่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับคนที่อยากหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่มาพักผ่อน



ในที่สุดเราก็ถึงจนได้



ถ่ายรูปไม่มีเบื่อเลย



ร้านนี้ต้องแวะกินนะครับ อร่อยๆ ร้านก๋วยเตี๋ยวที่วิวสวยที่สุดละ



บทที่ 6 บ้านรักไทย...ในวันที่เงียบสงบ เราเริ่มจากการหาที่พักกันก่อน และในครั้งนี้เราเลือกที่พักที่ ถือว่าโชคดีเอามาก เจ้าของโฮสเทล ใจดีมากๆ valley house ราคาไม่แพงแถมห้องใหญ่มาก และจุดไคลแมกซ์ อีกอย่างของที่นี่ก็คือ การได้กินอาหารยูนานแบบดั้งเดิม โดยฝีมือ มาม๊าเจ้าของที่พัก อร่อยมากกกกก หมุ่บ้านรักไทย เป็นอีกสถานที่ ที่ต้องมาเยือน เพราะอากาศบนนี้ เย็นตลอดทั้งปี



เฮียตรงๆ เจ้าของ Valley House



บทที่ 7 ในเมือง...คืนที่สี่ เราเข้ามาพักในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเพื่อเก็บภาพวัด พระธาตุดอยกองมู กับวัดจองคำในเวลากลางคืน


จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่นด้วยสภาพภูมิประเทศในหุบเขาสูงสลับซับซ้อน และมีหมอกปลกคลุมเกือบทั้งปีจนได้รับฉายาว่า “เมืองสามหมอก" จากเมฆหมอกที่มีครบทั้ง 3 ฤดู อากาศบริสุทธิ์เย็นสบายเหมาะแก่การเที่ยวพักผ่อนโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว และยังมีความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมจากชนเผ่ากลุ่มน้อยและชาวพื้นเมืองเหนือ จึงเป็นดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศแม้จะมีส้นทางที่คดเคี้ยวและต้องผ่านเขาสูงก็ตาม



ที่แม่ฮ่องสอน ถ่ายรูป สวยได้ทั้งเช้าจนถึงเย็นกันเลยทีเดียว



บทที่ 8 บทสรุป...ของการมาเยือนแม่ฮ่องสอนในช่วงหน้าฝน ผมว่าการเดินทางครั้งนี้ ได้อะไรต่างๆมากมายในระหว่างการเดินทาง เจอธรรมชาติ เจอมิตรภาพ เจอประสบการณ์ขับรถลุยพ้นกว่าโค้ง เจอสิ่งดีๆตลอดการเดินทาง แม่ฮ่องสอนมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด เปิดใจแล้วแพ็คกระเป๋าออกมาเปิดตาและเปิดใจไปกับมัน



พวกเราได้ภาพประทับใจกลับมาเต็มเลย แล้วเพือนๆละ จะรออะไรบทแถม นาขั้นบันได...เรามาเก็บตกอีกสถานที่หนึ่ง ก็คือ ป่าปงเปียงที่แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ถือว่าเป็นเส้นทางผ่านก่อนจะกลับเข้ากรุงเทพ ช่วงต้นหน้าฝนเป็นช่วงที่ชาวเขากำลังปลูกข้าวกันบนภูเขาเป็นนาขั้นบันไดที่เขาว่าสวยที่สุดในเมืองไทย แต่พวกเราแทบไม่มีข้อมูลในหัวเลย กับสถานที่นี้ ขับรถกันเข้าไป ถึงประมาน 6โมงเย็น แล้วเราก็มาติด ระหว่างทาง ที่มันไม่สามารถเอารถเก๋งเข้าไปได้ เดินต่อสิครับ ระยะทางเกือบ กิโล ถึงที่พักโฮมสเตย์ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีที่พักหรือไม่ ข้าวก็หิวกันมาก สรุปความโชคร้าย ที่หาที่พักไม่ได้ กับเจอความโชคดีที่เราได้เจอแกงค์ Biker หมู่คณะหนึ่ง หาที่พักให้พวกเราจนได้ แถมความเป็นมิตรที่ดีชวนตั้งวงกินข้าว (ย้ำว่าข้างบนป่าปงเปียงไม่มีร้านอาหาร ไม่มีไฟยามค่ำคืน ควรเตรียมสัมภาระขึ้นมาด้วยนะครับ) แต่พวกผม ไม่ได้หาข้อมูลกันเลย จนไม่ได้เตรียมอะไรติดตัวมาต้องขอขอบคุณ พี่ๆน้องๆ ชาว Biker ด้วยนะครับ



Piyanon Somboon

 วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.55 น.

ความคิดเห็น