Wora Bura Resort & Spa ได้รับการออกแบบให้บ่งบอกถึงวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์ของไทย และสะท้อนถึงบรรยากาศในศตวรรษที่ 19 เมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรป



โดยในยุคนั้น ประเทศไทยได้เปิดรับอารยธรรมของชาวตะวันตกหลายอย่าง อาคารที่งดงามของโรงแรมผสมผสานสถาปัตยกรรมของไทยและยุโรปในสมัยโบราณเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อเดินทางมาถึง Wora Bura Resort & Spa จะได้สัมผัสกับเสน่ห์แห่งอดีต รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่เลียบอ่าวไทย บนหาดอันเงียบสงบของหัวหิน มีห้องพัก ห้องสวีท และวิลล่าหรูหราไว้บริการ 77 ห้อง แต่ละห้องออกแบบและตั้งชื่อตามจังหวัดในไทย พร้อมกับตกแต่งด้วยภาพวิถีชีวิตที่หลากหลายของชาวสยามในภูมิภาคต่างๆ



Wora Bura Resort & Spa นี้ได้แรงบันดาลใจจากพระราชวัง 3 แห่ง ได้แก่ พระที่นั่งมฤคทายวัน พระที่นั่งวิมานเมฆ และในส่วนของ The Wora Spa ได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชวังบ้านปืน



แม่ประนอมได้มาพักที่โรงแรมนี้เมื่อวันที่ 21-23 ส.ค. เป็นเวลา 2 คืน โดยได้รับการเชิญชวนจากทางโรงแรม เรามาดูกันครับว่าโรงแรมนี้จะสวยงามแค่ไหน



แม่ประนอม จ้าโรงแรมอยู่ติดหาดทางไปเขาตะเกียบครับ


ขับจากกรุงเทพมาก็ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงก็มาถึง


เมื่อเข้ามาในบริเวณ ได้บรรยากาศเหมือนวังเลย


ไปเช็คอินกันครับ บรรยากาศสวยงามมาก มุมถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย


บริเวณหลังล๊อบบี้ครับ


ถัดไปก็จะเป็นอาคารห้องพักซึ่งตั้งอยู่ 2 ฝั่งของรีสอร์ตโดยมีสวนอยู่ตรงกลาง



ห้องพักของทางรีสอร์ทมีทั้งหมด 77 ห้อง โดยห้องพักแต่ละห้องจะเป็นชื่อของจังหวัดในประเทศไทย 76 จังหวัด กับอีก 1 ห้อง อำเภอหัวหิน และภายในห้องพักแต่ละห้องจะมีของตกแต่งที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละจังหวัดที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดนั้นๆ

ไปดูห้องกันครับ เราพักห้องชื่อ สงขลา ครับ



ห้องที่เราพักเป็นห้องแบบ Deluxe ขนาดห้อง 50 ตร.ม. ซึ่งที่นี่มีห้องแบบนี้ทั้งหมด 24 ห้อง

ในห้องก็จะมีของตกแต่งที่เกี่ยวกับจังหวัดสงขลาประดับอยู่ครับ


ไปดูห้องน้ำกันก่อนครับ


ภายในห้องครับ



กระติกที่มินิบาร์อันนี้เค้าจะมาเติมน้ำแข็งให้ตอนทำห้องและตอนเทิรน์ดาวน์ครับ ไม่ต้องบอกครับ

เอาห้อง Superior ที่เป็นห้องแบบที่ถูกที่สุดของที่นี่มาให้ดูด้วยครับห้องนี้ชื่อห้อง ยะลา ครับ



ห้องตกแต่งก็เหมือนๆกัน ต่างกันที่ขนาดห้องนิดหน่อย ซึ่งก็สั้นเข้ามาประมาณ 2 เมตร



ห้องมี ขนาด 44 ตร.ม. และมีทั้งหมด 48 ห้อง

ภายในเหมือนกันหมดครับ


ต่างกันด้านท้ายห้อง ที่สั้นเข้ามาหน่อยครับ


แล้วก็ของตกแต่งที่เกี่ยวกับจังหวัดยะลาครับ


มื้อเย็นเราทานกันที่ห้องอาหารรักษ์ทะเล ซึ่งอยู่หน้าหาดของโรงแรม แนะนำว่าอาหารไทยที่นี่รสชาติอร่อยถูกปากแน่นอน


อาหารที่ทานกัน 2 วันครับ อร่อยมากจริงครับ


หาที่เหมาะๆนั่งทานกันครับ


อาหารไทยที่นี่อร่อยจริงๆครับ โดยเฉพาะผัดไท ที่นี่ทำได้อร่อยถูกปากเราจริงๆครับ


สระว่ายน้ำที่นี่ก็กว้างใหญ่จริงๆ มาดูกันครับ


บรรยากาศโรงแรมยามค่ำคืนครับ อยากบอกว่ามันโรแมนติกมาก


อีกหลายๆมุมซักนิดนะครับ


อาหารเช้าเราทานกันที่ตึกนี้ครับ


เป็นแบบบุฟเฟ่ ในไลน์อาหารมีอาหารไทยที่อร่อยมากด้วยครับ


อาหารเยอะครับ แต่เราถูกใจอาหารไทยมากกว่า


จัดอาหารมาเต็มที่เลยครับ แต่พอชิมน้ำพริกเต้าเจี้ยว น้ำพริกกะปิไปเท่านั้น อาหารฝรั่งหมดท่าเลยครับ จีดสนิทไปเลย


ทานอาหารเช้าบรรยากาศเหมือนทานในวังเลยครับ


เมนูไทยที่ห้ามพลาดเวลามาทานครับ


เอาสระว่ายน้ำมาให้ดูกันครับ ว่าใหญ่แค่ไหน


และชายหาดหน้าโรงแรมครับ


มาดูห้องอีกแบบของที่นี่ครับ สำหรับผู้ที่พอมีกำลัง และอยากพักแบบสะดวกสบายขึ้น


ห้องวิลล่าภูเก็ตครับ เป็นวิลล่า 1 ห้องนอน ขนาด 115 ตร.ม. ซึ่งตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส

ไปดูห้องน้ำกันครับ


เปิดประตูออกไป มีลานอาบน้ำกลางแจ้งด้วยนะ


และก็ห้องนอนครับ สวยงามมากครับ


ชานนอกหน้าห้องนอนก็มีอ่างจากุชชี่ใหญ่ๆให้แช่เล่นด้วยครับ


มื้อเที่ยงที่ห้องอาหารรักษ์ทะเลเหมือนเดิมครับ แต่มื้อนี้เราทานอาหารฝรั่งกันครับ


เอาเมนูมาให้ดูด้วยครับ


จัดเครื่องดื่มอร่อยๆกันก่อนครับ


อาหารฝรั่งที่นี่ก็ทำอร่อยครับ หน้าตาดีด้วยนะ


มาดูห้องวิลล่าเชียงใหม่กันครับ เป็นวิลล่า 1 ห้องนอน ขนาด 115 ตร.ม. ตั้งอยู่ริมชายหาด ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านนา


และก็ห้องน้ำ ที่ใหญ่มาก


และที่อาบน้ำกลางแจ้ง


ห้องนอนและอ่างจากุชชี่ใหญ่ๆหน้าห้อง


บ่ายแล้ว ไปรับชายามบ่ายกันครับ



ชายามบ่ายของที่นี่ไม่มีขายแยกนะครับ จะขายเป็นแพ็กรวมห้องพักสำหรับคนที่จองมานอน 2 คืนครับ

ชาที่นี่ใช้ยี่ห้อ Ronnefeldt ครับ ชายี่ห้อนี้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1823 ณ นครแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดย Mr. Johann Tobias Ronnefeldt ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชาที่ได้ออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อตามหาแหล่งชาที่ดีที่สุดสำหรับการมอบประสบการณ์อันแสนวิเศษให้กับผู้บริโภคของเขา



ซึ่งปัจจุบัน Ronnefeldt เป็นแบรนด์ชาระดับเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับโรงแรมและธุรกิจบริการอาหารระดับพรีเมี่ยมเท่านั้น

ส่วนขนมใน afternoon tea ก็มี


ช่อม่วง เป็นของว่างของชาววังในสมัยก่อน

ถุงทอง เป็นของว่างที่มีชื่อเป็นมงคล

แครมบูเล่ และราสเบอรี่ช็อคโกแลตมูส เป็นขนมสัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่ ร.5 เสด็จประพาสยุโรป

ตรวนทอง มีรูปทรงคล้ายโซ่ ในที่นี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของการเลิกทาสในสมัย ร.5

ผลไม้ สำหรับรับประทานปิดท้าย เพราะนิสัยคนไทยมักรับประทานผลไม้ปิดท้ายมื้ออาหารเพื่อเป็นการล้างปาก

มารับชาบ่ายๆแบบชาววังกันครับ อิ อิ


คือที่นี่เค้าจะมีชุดไทยให้เรายืมใส่ถ่ายรูปเล่นครับ ก็เลยถือโอกาสแต่งไทยๆเดินถ่ายรูปเล่นซะเลยครับ


อีกอย่าง น้องพนักลานที่นี่จะพูดลงท้ายเจ้าค่ะ เจ้าขา กันทุกคนเลยครับ ได้บรรยากาศสุดๆเลยครับ

ถ่ายรูปเล่นประมาณนี้ครับ


แล้วก็มาทำสปากันครับ


สปาที่นี่จะใช้เทคนิคผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก และถ้าเป็นสครับจะใช้สครับจากวัตถุดิบสดๆจากธรรมชาติมาบดและทำเป็นสครับ ไม่ได้ใช้วัตถุดิบสำเร็จรูป เพราะฉะนั้นจะมีความเป็นธรรมชาติและไม่มีสารเคมี


อันนี้ห้องนวดเท้าครับ


อันนี้ห้องนวดสปาจ้า


ห้องแบบสุดท้ายของที่นี่ซึ่งเป็นห้งที่ใหญ่ที่สุดและแพงที่สุดครับ


• วิลล่ากรุงเทพ เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนขนาด 130 ตร.ม. ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมในยุครัตนโกสินทร์ตอนกลาง



ห้องนอนแรกและห้องน้ำ


ห้องนอนที่ 2 และห้องน้ำครับ


ก็จบแล้วครับ


ใครมานี่อยากใส่บาตรตอนเช้าๆ ก็จะมีพระเดินบิณทบาตรผ่านหน้าโรงแรมด้วยนะ ถ้าไม่ได้เตรียมอะไรมาก็ซื้อชุดใส่บาตรจากทางโรงแรมก็มีขายชุดละ 99 บาทด้วยครับ

ขอบคุณเพื่อนๆที่รับชทกัน หวังว่าคงพอใจกันนะครับ


ขอบคุณครับ

แม่ประนอม ครับผม

ความคิดเห็น