"ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ผู้คนล้นหลาม ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่"
ทำให้หลายๆท่านนึกถึงประเทศจีนเป็นแน่แท้ เมืองจีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่
และยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มากด้วย เพราะด้วยกฏหมายของบ้านเค้า
มีโทษที่แรงมาก กว่าบ้านเราหลายเท่า ทำให้การกระทำผิดจึงน้อยมาก ถ้าเทียบกับบ้านเรา


++สะพายกล้องเที่ยวตะลุยแดนมังกร++


มหัศจรรย์ความยิ่งใหญ่อลังการที่ธรรชาติสรรค์สร้าง เชียงใหม่, ฉางซา, จางเจียเจี้ย, เฟิ่งหวง

5 วัน 5 คืน แบบจุ๊ใจไปเลยครับ





สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดในทริปนี้



+ จิตรกรรมภาพวาดทราย เป็นศิลปะแบบใหม่ที่เรียกกันว่า จิตรกรรม ภาพเม็ดทราย

+ เขาเทียนเหมินซาน,ประตูสวรรค์

+โชมการแสดงแสงสี เสียงสุดอลังการ "จิ้งจอกขาว THE LOVE STORY" กำกับการแสดงโดย“จางอี้โหมว"

+ นั่งรถรางไฟฟ้าชมภาพเขียน 10 ลี้

+ ยอดเขาเทียนจื่อซาน หรือ หุบเขาอวตาร

+ ถ้ำมังกรเหลือง

+ เมืองโบราณเฟิ่งหวง

+ เกาะสวนส้ม สวนสาธารณะกลางแม่น้ำใจกลางเมืองฉางซา



+การออกตะลุยครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก ThaiAirAsia ขอขอบคุณมากๆๆครับ



ปล. สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการติดตามการเดินทาง หรือทักทายกันได้ ได้ที่ https://www.facebook.com/SaPhayKlongTieow/

ปล2. ถ้าเพื่อนๆชอบรีวิวนี้ให้กำลังใจผมสักนิดโดยการกด Vote (+) ให้ด้วยนะคร้าบบ ขอบคุณมากครับ
เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ได้เวลา Check In Go To China

ปัจจุบันการเดินทางเข้าไปยังประเทศจีนยังต้องทำ VISA อยู่นะครับ

เอกสารยื่นวีซ่าจีน

1. รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว จำนวน 2 รูป

2. หนังสือเดินทาง (Passport) ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับจากวันเดินทาง และ ต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า

3. ใบจองตั๋วเครื่องบิน

4. ใบจองที่พัก / โรงแรม

3. กรอกเอกสารแบบฟอร์มให้ครบถ้วน สามารถ download ได้จากเว็บไซท์สถานทูตจีน

4. ค่าธรรมเนียม VISA จำนวน 1000 บาท สำหรับเข้าออกได้ 1 ครั้ง ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 4 วันทำการ

+ กระแสไฟฟ้าที่ใช้ 220 V. เหมือนเมืองไทยแบบสองขา

+ สกุลเงินที่ใช้เป็น หยวน (CNY) อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณจะอยู่ที่ 1 CNY = 5.5 บาท ปล.แลกที่ธนาคารกรุงไทย สนามบินเชียงใหม่

+ เวลาที่จีน จะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชม.ครับ

การเดินทาง

บินไปจีนครั้งนี้โดยสายการบิน AirAsia มีบินตรง เชียงใหม่-ฉางซา ทุกวัน

ทำไมต้องบินจากเชียงใหม่ไป เพราะบ้านผมอยู่เชียงราย ไม่ต้องเสียเวลา

นั่งเครื่องไปลงกรุงเทพ แค่นั่งรถแปบเดียวก็ถึง เชียงใหม่แล้วครับ

+ ขาไป(เชียงใหม่-ฉางซา) 18.15 - 22:20

+ ขากลับ(ฉางซา เชียงใหม่) 23:20 - 01.15

ไฟท์บิน จากเชียงใหม่ - ฉางซา ค่อยข้างเย็น ผมเลยสั่งอาหารผ่านทางเว็บไซต์


ไม่ต้องกลัวหิวบนเครื่องครับ วันนี้ขอเสนอเมนู ข้าวเขียวหวานไก่ + พุดดิ้งชาเขียวถั่วแดง +ชาเขียวร้อนๆๆ

ปิดท้ายด้วยโค๊กสักกระป๋องเข้ากันมากครับขอบอก

เดินทางช่วงเย็นดีแบบนี้ นี้เองเห็นพระอาทิตย์ตกจากบนเครื่องสวยมากครับ


ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 3 ชม. จากสนามบินเชียงใหม่ - สนามบินฉางซา


เดินทางถึงสนามบินฉางซาเรียบร้อย ก็เดินทางไปยังตัวเมืองฉางซา

เพื่อเข้าโรงแรมพักผ่อนกันก่อนครับ ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินฉางซา - โรงแรม ประมาณ 1 ชม.Day1 : หนีห่าวฉางซา ฉางซา เมืองหลวงของมณฑลหูหนาน เป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมาก และมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

นอกจากเป็นเมืองบ้านเกิดของผู้นำคนสำคัญของประเทศจีน “เหมาเจ๋อตุง" แล้ว ฉางซายังเป็นประตูสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม

น่าตื่นตาตื่นใจจำนวนมาก อาทิ อุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน จางเจียเจี้ย ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ และเมืองโบราณเฟิ่งหวง ดังนั้น ฉางซาจึงเหมาะที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยไปในประเทศจีน

ตื่นกันแต่เช้า ออกเดินทางไปยังเมืองจางเจียเจี้ย ใช้เวลาเดินทางจากฉางซาไปยังจางเจียเจี้ย ประมาณ 3-4 ชม.


มาถึงตัวเมืองจากเจียเจี้ย ก็เที่ยงพอดี กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ต้องหาอะไรกินก่อน มื้อแรกที่กินอาหารที่จีน

ไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไหร่ จืดๆๆ มันๆๆ เลียนๆๆ นึกถึงไก่ย้างส้มตำเป็นที่สุด อิอิ

ซักกรึ๊บก่อนกินข้าว จะได้ทานอร่อยๆๆ


+ ทานข้าวอิ่มแล้ว ลุยเที่ยวกันจุดแรกเลยครับ จิตรกรรมภาพวาดทราย เป็นศิลปะแบบใหม่ที่เรียกกันว่า จิตรกรรม ภาพเม็ดทราย


ภายในมีทั้งหมด 4 ชั้น ถ่ายภาพได้ชั้นล่างชั้นเดียวครับ แต่สวยจริงๆครับ เหมือนภาพสามมิติมากครับ

+อุทยานแห่งชาติเทียนเหมินซาน จางเจียเจี้ย


อุทยานแห่งชาติเทียนเหมินซานที่ตั้งของภูเขาเทียนเหมินนี่ มีกระเช้าลอยฟ้าขึ้นเขาที่ยาวที่สุดในโลกระยะทาง 7,455 เมตร

ทั้งหมดถึง 98 กระเช้า เมื่อขึ้นไปแล้วคุณจะได้พิสูจน์ความกล้าของคุณกับ “เส้นทางแห่งศรัทธา" ทางเดินกระจกแก้วที่มีความยาวถึง 50 เมตร

ตั้งอยู่ริมหน้าผาขนานไปตามแนวภูเขาเทียนเหมินอันยิ่งใหญ่ สถานที่เที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันที่เขาเทียนเหมินแห่งนี้

คือถ้ำประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน ถ้ำนี้เกิดจากการกัดกร่อนของน้ำตามธรรมชาติ โดยช่องหินกร่อนนี้อยู่ในระดับที่สูงที่สุดในโลก



อันดับแรงก่อนจะไปถึงยอดเขา ต้องนั่งกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลก ขึ้นสู่จุดสูงสุดของเขาเทียนเหมินซาน ซึ่งมีความยาวถึง 7.5 กิโลเมตร

ใช้เวลาถึง 40 นาที หวาดเสียวใช่ย่อย ระหว่างนั่งกระเช้าจะได้เห็นวิวสวยๆของเขาเทียนเหมินซาน

วันนี้เป็นวันที่ฟ้าสวยที่สุด ตลอดเวลาที่อยู่ในจีนครับ ที่เหลือฝนตกทุกวันครับ

และถนนที่เลื่องชื่อ ถนน 99 โค้ง และประตูสวรรค์ โดยทุกๆโค้งจะมีป้ายบอกว่าโค้งที่เท่าไหร่จนครบ 99 โค้ง


วิวอันสวยงามสุดลูกหู ลูกตา จากบนยอดเขาเทียนเหมินซาน ก่อนเดินไปที่ทางเดินกระจก SkyWalk


นอกจากประตูสวรรค์อันเลื่องชื่อแล้ว ทางเดินกระจก หรือ Skywalk ก็เป็นจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวผู้กล้าหาญไม่ควรพลาด


ทางการได้จัดทำทางเดินเลาะขอบผาเพื่อให้นักท่องเที่ยวสัมผัสความหวาดเสียวไว้ด้วย

มีทางเดินแบบกระจกใสที่มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,433 เมตร

หลังจากเสียวสุดติ่งไปกับ ทางเดินกระจก หรือ Skywalk เรียบร้อยก็เดินกลับมาทางเดิม


เพื่อลงบันไดเลื่อน ลงไปยังประตูสวรรค์ อาจจะดูเป็นบันไดเลื่อนธรรมดา แต่มันน่าจะเป็น

บันไดเลื่อนที่ยาวที่สุดในโลกก็ว่าได้ ลงบันไดเลื่อนจนเบื่อ ไม่รู้กี่ต่อ กี่รอบ น่าจะประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้

ในที่สุดเราก็มาถึงหุบเขาประตูสวรรค์ ว๊าวๆๆ มันสวยงามและยิ่งใหญ่มากครับ


ตรงบริเวณมีมีคู่รัก มาคล้องกุญแจ และผูกผ้าสีแดงเป็นจำนวนมาก

ชาวจีนเชื่อว่าการผูกผ้าสีแดงแล้วจะโชคดีครับ

ใครที่แรงยังเหลือก็เดินลงบันได 999 ขั้นแบบสบายๆเลยครับ


แต่ลงมาถึงข้างล่างเล่นเอาขาสั่นเหมือนกันครับ

ตอนมานั่งกระเช้ามา แต่ตอนขากลับนั่งรถบัสอุทยานกลับครับ ผ่านถนน 99 โค้ง


โยกกันมันเลยครับ คนขับรถที่นี้เซียนมากครับ ถนน 99 โค้งที่นี้จะบินตอนฤดูหนาว

นะครับเพราะหิมะตกหนัก เป้นอันตรายมากครับ

+หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินเที่ยวชมยอดเขาเทียนเหมินซาน


และเดินลงบันได 999 ขั้นที่ ประตูสวรรค์ ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วครับ

กองทัพต้องท้อง ก่อนที่จะไปรับชมการแสดงแสง สี เสียงสุดอลังการ

"จิ้งจอกขาว THE LOVE STORY" กำกับการแสดงโดย“จางอี้โหมว"

ยอดผู้กำกับระดับโลกชาวจีน ที่สร้างชื่อมามากหลาย ทั้งในภาพยนตร์ พิธีเปิดโอลิมปิก

หรือโชว์แบบมิวสิกคัลกลางแจ้ง ที่ฝากฝีมืออันยอดเยี่ยมไว้ทั้ง โชว์หลิวซานเจี่ยที่กุ้ยหลิน โชว์ที่ลี่เจียง

ถึงเวลาที่ลอยคอ รอคอยแล้วครับ กินข้าวอิ่มรีบนั่งรถมาที่แสดงโชว์ "จิ้งจอกขาว THE LOVE STORY"


แค่รถเข้ามาถึง ก็ถึงกับว๊าวๆๆ ว่าสถานที่แสงสี สวยมากๆๆ ฉากหลังเป็นยอดเขาเทียนเหมินซาน

ก่อนการแสดงจะจบ เห็นฉากยอดเขาเทียนเหมินซานสวยๆ เลยจัดถ่ายดาวซ่ะเลยครับ
การแสดงจบลงแล้วครับ เวลาก็ประมาณ สี่ทุ่มครึ่งครับ โปรแกรมสำหรับวันนี้ก็หมดเท่านี้ครับ


กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมเพื่อเก็บแรงไว้วันที่2 ต่อครับ สู้ๆๆDay2 : อุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน จางเจียเจี้ย

อุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน มีความน่าสนใจทั้งในด้านประวัติศาสตร์และทัศนียภาพที่งดงาม

ตั้งอยู่ในมณฑลหูหนานซึ่งเต็มไปด้วยเสาหิน สถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ก็คือ นั่งรถรางไฟฟ้าชมภาพเขียน 10 ลี้

ซึ่งมีความยาว 5 กม. ภาพเขียนสิบลี้ไม่ใช่ภาพจริงๆ แต่คือคำเปรียบเปรย หุบเขาเทียนจื่อซาน (เขาจักรพรรดิ์) เป็นอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาด

หากมาเยือนอุทยานแห่งชาติอู่หลิงหยวน คุณจะได้ลองขึ้นลิฟท์แก้วไป่หลง เป็นลิฟท์แก้วที่สร้างขึ้นด้านข้างหน้าผาอุทยานอู่หลิงหยวน

ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นลิฟท์ภายนอกอาคารที่สูงที่สุดและรับน้ำหนักได้มากที่สุดในโลก ที่สำคัญอย่าลืมเก็บภาพบริเวณเขาเทียนจื่อซาน

ซึ่งเป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องอวตารไว้ด้วย

+นั่งรถรางชมภาพเขียน 10 ลี้

+ ขึ้นลิฟท์แก้วไป่หลง ซึ่งเป็นลิฟท์แก้วแห่งแรกของเอเซียที่สูง และเร็ว ที่สุดในโลก 326 เมตร


ใช้เวลาประมาณ 2 นาทีถึงยอดเขาเทียนจื่อซาน ไกค์เล่าให้ฟังว่าถ้าช่วงหยุดยาว

อาจจะต้องรอคิวขึ้นลิฟเป็น 2-3 ชม.กันเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้คณะเราประมาณ 30 นาทีครับ

+ยอดเขาเทียนจื่อซาน (เขาจักรพรรดิ์) เขตเอี๋ยนเจียเจี้ย มีเนื้อที่ 65 ตารางกิโลเมตร


บนยอดเขา เทียนจื่อซานสูงประมาณ 1,250 เมตร ยอดเขาเทียนจื่อซาน หรือหุบเขาอวตาร

ที่เรียกว่าหุบเขาอวตาร เพราะหนังเรื่องอวตาร เอาภาพถ่ายของยอดเขาไปทำ CG ในหนังเรื่องอวตาร

คือโลก Pandora เสียดายวันที่ผมขึ้นไปวันนั้น สภาพอากาศไม่เป็นใจ ฝนตก ฟ้าปิด มองเทียบไม่เห็น

ยอดเขา ผิดหวังเล็กๆครับ

ขากลับนั่งกระเช้าผ่าสายฝนอีกแล้วครับ ได้อารมณ์ไปอีกแบบครับ


แต่กระเช้าไม่ไกลเท่า ตอนขึ้นยอดเขาเทียนเหมินซานครับ

วันนี้เบาๆ เดินประมาณ 10 กม.เอง พอกลับถึงที่พักหลับเป็นตาย


เหนื่อย และเมื่อยมากครับคืนนี้ขอพักสายตาเท่านี้ก่อนนะครับ

พรุ่งนี้จะมาต่อวันที่ 3,4,5 ให้จบนะครับวันนี้ร่างกายพร้อมแล้ว ขอลุยต่อให้จบทริปเลยนะครับ

พร้อมแล้วก็ไปต่อวันที่ 3 ที่จางเจียเจี้ย กันเลยครับ

Day3 : และอีกหนึ่งสถานที่ ที่มีชื่อเสียงอีกที่หนึ่งของจางเจียเจี้ย คือถ้ำมังกรเหลือง หรือถ้ำพญามังกร

เป็นถ้ำที่มีความงดงามและใหญ่ที่สุดในจางเจียเจี้ย มีความสูง 50 ม. และยาวถึง 30 กม. แต่เปิดให้เข้าชมได้แค่ 4.5 กม.

ภายในประดับตกแต่งไฟสีสันไว้สวยงามตระการตามาก โดยภายในถ้ำลำน้ำใต้ดินซึ่งไหลผ่านกลางถ้ำ สามารถล่องเรือได้

ภายในมีหินงอกหินย้อยที่มีความวิจิตรงดงาม จำนวนมาก และมีเสาหลักมังกรขนาด 10 คนโอบ

ล่องเรือไปตามลำน้ำใต้ดินซึ่งไหลผ่านกลางถ้ำ มีความยาวถึง 30 กม. แต่เปิดให้รับชมแค่ 4.5 กม.เท่านั้น


ล่องเรือเสร็จแล้ว ก็ต้องเดินไปชมห้องที่ใหญ่ที่สุดภายในถ้ำ เดินขึ้นไปค่อยข้างสูง


เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน อิอิ

ชมความงามของถ้ำมังกรเหลือเรียบร้อยได้เวลาออกเดินทางไปยังเมืองโบราณเฟิ่งหวง


ใช้เวลาเดินทางจากจางเจียเจี้ย ถึงเมืองโบราณเฟิ่งหวง ประมาณ 4 ชม.

แต่กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องเช่นเคย แวะกินข้าวกันก่อนครับ ร้านนี้ต้อนรับแบบเป็นเองมาก

ด้วยการแสดงของชนเผ่า แล้วมีเหล้าข้าวรสชาติหวานกินง่าย หรือที่ภาคเหนือเรียกว่าเหล้าน้ำขาว

ผมว่ารสชาติคล้ายๆกัน บรรยากาศภายในร้านค่อยข้างดี วิวสวย

ภายในห้องครัวจะเป็นกระจกใสๆ เรายังสามารถเห็นกระบวนการทำอาหารภายในนั้น


อาหารรสชาติกลางๆ รสไม่จัด แต่มัน พอกินอาหารจีนเยอะๆหลายวันเริ่มเบื่ออาหารขึ้นมาทันที


เพราะมันจืด มัน และมันมาก 5555

นั่งรถบัส ใช้เวลาเดินทางจากจางเจียเจี้ย ถึงเฟิ่งหวง 4 ชม. พอดี


หลับได้หลายตื่นเลยครับ มาถึงเฟิ่งหวงก็เกือบมืดพอดีครับ

แวะเก็บกระเป๋าเข้า โรงแรมก่อนครับ แล้วค่อยออกไปเดินเที่ยว

ชมแสงสี เมืองโบราณเฟิ่ง สองข้างแม่น้ำถั่วเจียง สองฝั่งแม่น้ำที่เมืองโบราณ

ยามค่ำคืนส่วนมากจะเป็นผับบาร์ เสียมากกว่า เสียงค่อนข้างดัง ไม่เหมาะสำหรับ

ผู้ที่ต้องการความเงียบสงบ เป็นอย่างยิ่ง

หลังจากเดินชม เมืองโบราณจนทั่วแล้ว เมื่อยขาแวะกินเบียร์แปบหนึ่ง อิอิ


เบียร์ที่เมืองโบราณตามร้าน ตามบาร์ จะแพงกว่าข้างนอกค่อนข้างเยอะ

อย่างขวดที่ผมดื่มนี้ข้างนอกน่าจะไม่เกิน 5 หยวน แต่ที่นี้จัดไปเบาๆ 40 หยวน

Day4 : หนีห่าว เช้าวันที่ 4 ที่ฉางซา โปรแกรมเที่ยววันนี้เดินเที่ยวเมืองโบราณเฟิ่งหวง


และร่องเรือแม่น้ำถั่วเจียง ไหลผ่านกลางเมืองโบราณ สองฝั่งแม่น้ำมีบ้านแบบโบราณเรียงรายกันริมแม่น้ำสวยงามมาก

สวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน กลางวันกลับกลางคืน อารมณ์คนละแบบเลยครับ เมื่อคืนตื๊ดๆๆ แต่ตอนเช้าเงียบมาก

บรรยากาศของชาวบ้านสุดๆๆ ต่างกันลิปลับจากเมื่อคืนที่เรามา

ที่นี้มีบริการถ่ายภาพ กับชุดชาวม้งเยอะมาก มืออาชีพป่ะหละดูจากท่าครับ


เต้าหู้เหม็นของขึ้นชื่อ ของเมืองจีน ถ้ามาแล้วไม่ได้ลอง ถือว่ามาไม่ถึง


ตอนกินไม่ค่อยเห็น แต่ถ้าไม่กินเดินผ่านเฉยๆเหม็นมากๆๆ

บรรยากาศ ร้านค้าบริเวณ เมืองโบราณ เดินเลือกซื้อของกิน ของฝากได้ตามใจชอบครับ


ฤกษ์งาม ยามดีแล้ว ได้เวลาลงเรือล่องแม่น้ำถั่วเจียงแล้วครับ ล่องเรือไม่ไกลมาก น่าจะประมาณ 1 กม.ครับ


ล่องเรือเรียบร้อยแล้ว ก็ขึ้นไปชมวิวยังจุดชมวิวชั้นสอง ของสะพายสายรุ้งครับ


ถึงเวลากลับเข้าเมืองฉางซาแล้วครับ นั่งรถกันมันเลย ใช้เวลาเดินทางจากเมืองโบราณเฟิ่งหวง ถึงตัวเมืองฉางซา ประมาณ 6 ชม.ครับ


นั่งรถจนตัวเปื่อยเลยครับ อิอิ เป็นการนั่งรถที่ยาวนานที่สุดในทริปนี้เลยครับ ออกจากเฟิ่งหวงประมาณเที่ยง มาถึงฉางซาสองทุ่มครึ่ง

โอ้วแม่เจ้า ถึงโรงแรมก็พักผ่อนสิครับ นั่งรถมาทั้งวัน



Day5 : เช้าสุดท้ายที่เมืองจีน วันนี้ตื่นสายหน่อย เนื่องจากเหนื่อยมาหลายวัน

วันนี้เที่ยวแบบเบาๆๆ เที่ยวเกาะสวนส้ม สวนสาธารณะกลางแม่น้ำใจกลางเมืองฉางซา

นั่งรถรางชมวิวรอบเกาะ ชมหินแกะสลักรูปหน้าของท่านประธานเหมาเจอตุง สมัยเมื่ออายุ 35 ปี

และแล้วก็ถึงเวลาโบกมือลาเมืองฉางซาได้แล้วครับ ได้เวลาเดินทางกลับ เชียงใหม่ แล้วครับ


ด้วยสายการบิน AirAsia เที่ยวบินเวลา 23.20 น. ฉางซา - เชียงใหม่ เดินทางถึงเชียงใหม่ประมาณ 01.15 น.





ปล.ค่าใช้จ่ายสำหรับเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ



Day1 + ค่าเข้าประตูสวรรค์ 261 หยวน

+เดิน SkyWalk 5 หยวน

+ ลงบันไดเลื่อน 32 หยวน

Day2 + ค่าเข้าอุทยาน 248 หยวน

+ ค่านั่งกระเช้า 72 หยวน

+ ค่าขึ้นลิฟแก้ว 72 หยวน

+ ค่าขึ้นลิฟแก้ว 72 หยวน

+ ค่านั่งรถรางภาพเขียน 10 ลี้ 38 หยวน/รอบ

Day3 + ค่าเข้าถ้ำมังกรเหลือ 103 หยวน

Day4 + ค่าเที่ยวชมเมืองโบราณเฟิ่งหวง 148 หยวน (บ้านนักกวี, ชมวิวสะพานสายรุ้ง)

สำหรับค่าไกค์นำเที่ยว แล้วแต่ตกลง 400-500 หยวน/วัน แล้วแต่บริษัท แต่ไกค์ท้องถิ่นไม่น่าจะถึงครับ

อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับเงินหยวน ณ วันที่ผมเดินทาง 5.55 บาท / 1 หยวนครับ



++สิ่งที่ควรปฏิบัติเวลาเข้าคิวที่อย่าให้ใครแซงคิวเด็ดขาด ไม่งั้นคุณอาจได้รอเพิ่มอีกเป็น ชม.

เพราะว่าเค้าแทรกเรามาหนึ่งคน เค้าจะเรียกเพื่อนมาเพิ่ม และที่สำคัญอย่าชะล้าใจอาม่าที่จีน

ทำเป็นเหมือนจะเดินช้าๆ แต่พอถึงคิวขึ้นรถ วิ่งเร็วอย่าบอกใครครับ วิ่งตามแทบไม่ทัน 555



สำหรับทริปนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่ติดตามชมจนจบนะครับ

แล้วเจอกันใหม่การเดินทางครั้งต่อไปนะครับ

เพจสะพายกล้องเที่ยวขอขอบคุณทุกๆท่านอีกครั้งครับ

สะพายกล้องเที่ยว

 วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.12 น.

ความคิดเห็น