คนหลงทาง #6 : ตุปัดตุเป๋ เทเมืองกรุง - แบกเป้ แล้วไปเสเพลที่ 'เ มื อ ง ง า ว'


เมื่อวันลาพักร้อนกำลังจะหมดไป บวกกับความเหนื่อยล้าของชีวิตในเมืองกรุง ก็เริ่มอยากหาเวลาออกไปไหนสักแห่ง ไปที่ไกลๆ สงบๆ และเที่ยวได้แบบไร้ความวุ่นวาย


คำถามเกิดขึ้นในใจ... แล้วผมจะไปไหนดี?
คิดอยู่นานครับ จะไปใกล้ๆ หรือจะไปไกลๆ ดีนะ
จะไปป่า ไปเขา ไปทะเล หรือไปไหน ก็เลยนั่งหาที่จะไปมันทุกวัน (ในเวลางาน)


จนไปสะดุดกับโพสๆนึงของเพจลำปาง และเห็นภาพของเมืองเล็กๆเมืองนึง ที่อยู่ไกลออกไป ดูชื่อแล้ว 'เฮ้ย! ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อน' อ่านรีวิวท่องเที่ยวมาก็เยอะ (เยอะมากแค่ไหนไม่รู้ เท่าที่รู้ผมดูตอนทำงานทุกวันครับ ทำงานมากี่ปี ก็คูณไปเพลินๆ นั่นคือปริมาณที่แท้จริง 55555+) แต่ก็ไม่เคยเห็นเมืองนี้ ผ่านสายตา เมืองที่ชื่อสั้นๆ ได้ใจความว่า งาว ฟังแล้วรู้สึกว่าต้องได้ไปเยือนกันสักครั้ง...

เมืองงาว เป็นเมืองเงียบๆที่ใช้ชีวิตอย่างช้าๆ ไม่วุ่นวาย ไม่หวือหวา และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้ไปอยู่หลายแห่ง


หลังจากหาข้อมูลกันอยู่ได้ 1-2 วัน ก็ตัดสินใจจองตั๋วรถทัวร์ในทันที (เรื่องแบบนี้ผมจะไวมากนะครับ) เพราะตัดสินใจแล้วว่า อีก 4-5 วันนี้ จะไปแน่นอน ก็ยื่นลาพักร้อนเลยครับ จะรออะไรรรรร ซึ่งตามความจริงแล้วเท่าที่พอจะมีข้อมูลอยู่ (ข้อมูลของเมืองนี้ค่อนข้างหาอ่านได้น้อยครับ) ก็พอจะได้ความว่า เดือนกันยานี้ ที่ผมเลือกไป คือไม่ใช่น่าท่องเที่ยวของที่งาวเลยครับ ฝนจะตกทุกวัน, เส้นทางการเดินทางจะไม่สะดวก เละเทะ เป็นดินโคลนแดงๆ รถเข้าไม่ได้, ถ้าไปน้ำตกอาจจะไม่สวย หรืออาจจะไม่มีเลย, บางสถานที่ไปแล้วน้ำจะขุ่น เรียกว่าดินฟ้าอากาศอาจจะไม่เป็นใจอะไรสักอย่าง...เอาแล้วไงงงง แต่ผมไม่สน ผมจะไปครับ ยื่นวันลาไปแล้ว 5555+


อีกอย่างคือผมคิดว่า 'ไปเหอะ ไปวัดดวง!' ถ้าไปแล้วสวยคือจะโชคดีมาก เพราะไปตอนนี้คือจะไม่มีคนเลย คือคนน้อยมาก ธรรมชาติจะเป็นของเราเเต่เพียงผู้เดียว วิ่งเล่นไม่เบียดใคร สบายอุรายิ่งนักและเเล้ว ทริปแบกเป้ไปเสเพลที่เมืองงาวของ ค น ห ล ง ท า ง จึงเริ่มต้นขึ้น....


:- DAY 1

การเดินทางของผมในครั้งนี้ เริ่มต้นในเย็นวันพฤหัส กับการเดินทางโดยรถทัวร์ สายกรุงเทพ-ลำปาง ของสมบัติทัวร์ โดยผมเลือกไปขึ้นที่สาขาตรงวิภาวดีนะครับ จะอยู่เยื้องเซ็นทรัลลาดพร้าวไปหน่อย ใกล้ที่อยู่ผมมาก เดินทางแปปเดียวถึง โชคดีมากที่วันนี้รถไม่ติดเลยสักนิด นั่งแท็กซี่มาเฮือกเดียว! ถึงเลย!

รอบเดินทางของผมที่จองไว้ จะเป็นรอบประมาณ 3 ทุ่มกว่านะครับ โดยจะถึงที่บขส.ลำปาง ประมาณตี 5 ถึงวันนี้จะทำงานมาเหนื่อยทั้งวัน แต่คืนนี้เราคงนอนยาวตลอดเส้นทาง เรียกว่าพรุ่งนี้เช้ามา ก็เที่ยวตามกำลังอันมากล้นได้เลย

ไม่ต้องพักครับ ไม่ต้อง...คิดจะเที่ยว ต้องเปรี้ยวให้เป็น วันพักร้อนอันมีค่าของเราจะได้ใช้ให้คุ้มทุกนาที


ระหว่างรอขึ้นรถก็เอาสักหน่อยครับ หิ๊ววววหิวววว คืนนี้ยังอีกยาวไกล ต้องเติมพลังกันบ้าง ผัดกระเพราง่ายๆนี่แหละครับ อร่อยดีแบบเบสิคๆ ไม่ต้องคิดเยอะ


นั่งรถกันมานานดีทีเดียว นอนพลิกไปพลิกมาเป็นสิบท่าครับ ถึงรถจะนอนได้สุขสบายกับเบาะนวดไฟฟ้า แต่มันไม่มีทางหรอกครับที่จะไม่เมื่อย การที่เราอยู่ในอิริยาบถเดิมนานๆ เส้นมันต้องยึดต้องตึงกันบ้าง ถึงลำปางที ลุกขึ้นมาสะท้านไปทั้งตัว

พระอาทิตย์ยามเช้ากำลังจะมาแล้วครับบบบ ผมมาถึงสักตี 5 กว่าเห็นจะได้ แต่ๆๆๆ ผมยังไปไหนไม่ได้ครับ เพราะต้องรอ...รอออออ รออัลไลนะ ?


รอร้านเช่ามอไซค์เปิดครับบบบ


ก่อนจะมาผมมีจองมอไซค์ไว้ล่วงหน้า เอาไว้ขับแว๊นไปให้ทั่วทุกที่ทีเราอยากจะไป บิดไหวแค่ไหนก็บิดไปครับ รถพังก็โดนยึดค่าค้ำไปก็เป็นอีกเรื่องนึง อิอิ


ด้วยความที่มีเวลาในการนั่งรอร้านเปิดตอน 8 โมง ก็เอาเป็นว่ามีเวลาเหลือๆ 2 ชม. ในการเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆแถวนี้ และใช้ชีวิตรอเวลากันไป


มาครับ...เราออกมาเดินยืดเส้นยืดสายกันหน่อยยยยย นั่งรอนิ่งๆมาได้สักพักแล้ว เริ่มจะหิวล่ะสิ


เดินไปเดินมา เจอนี่เลยครับผม หมูปิ้ง ของโปรด คุณป้าแกจะขายอยู่ตรงหน้าปั๊ม แถวๆบขส.ลำปางนั่นแหละครับ จัดกันหน่อยยยย หมูปิ้งร้อนๆสักหน่อยมั้ยครับ อิ่มอร่อยยามเช้า


หลังจากกินกันอิ่มท้องแล้ว ผมก็เดินเล่นเข้าซอย บขส.ลำปาง นั่นแหละครับ เดินเข้ามาเรื่อยๆๆ


ไปจนถึงประมาณกลางซอย ก็เจอร้านเช่ารถที่ผมติดต่อไว้พอดี ก็ขอแอบไว้ไปดูหน่อยว่าร้านเช่ารถเปิดรึยัง ? แต่จริงๆก็ยังไม่ถึงเวลาหรอกนะครับ ทางร้านบอกไว้แล้วว่าเปิด 8 โมง แค่แอบหวังเผื่อเปิดก่อนเวลา ก็ทำได้แค่เดินเลยผ่านไป เดินเล่นในซอยดูอะไรไปเพลินๆ


การได้มาเดินเล่น รับอากาศ และดูวิถีชีวิตยามเช้า ก็เป็นอะไรที่มันทำให้เราสดชื่นดีเหมือนกันนะครับ เพราะปกติผมก็คงไม่ค่อยจะได้ตื่นเเต่เช้าาาา แบบนี้สักเท่าไหร่...


เอาละครับ เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบ 8 โมงละ เราเดินกลับมาที่ร้านเช่ารถกันดีกว่า นั่นแน่ๆๆ...เปิดแว้ววววว เข้าไปในร้านกันดีกว่าครับ


ร้านเช่ารถที่ผมมาติดต่อเช่ารถไว้นั้น จะมีทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์นะครับ มีหลายแบบ หลายราคาให้เราเลือก ร้านอยู่ติด บขส. หาง่ายมากกกก

เห็นภาพนี้แล้วไม่ต้อง งงกันนะครับว่า 'อ้าวเฮ้ย!ไหนบอกจะไปร้านเช่ารถ' แล้วทำไมถึงมีของเก่า วินเทจๆ คือที่นี่เหมือนพี่เจ้าของแกจะชอบสะสมของเก่านะครับ มีอะไรเก่าๆน่าสนใจหลายอย่าง จัดเก็บไว้เป็นสัดเป็นส่วน แล้วก็จะมีกาแฟขายด้วย ระหว่างรอทางร้านจัดการเรื่องรถให้ ผมก็ขอสั่งกาแฟมานั่งจิบกันหน่อย แล้วนั่งชมของเก่าเก๋ๆในร้านไปด้วย ได้บรรยากาศดีทีเดียวเชียว


แม้แต่ร้านเช่ารถก็มีมุมเก๋ๆให้ถ่ายรูปเล่นกันได้นะ ที่นี่เค้าตกแต่งแบบวินเทจๆ ดูอบอุ่นๆ ดีครับบบบ


กาแฟร้อนยามเช้า...ปลุกจิตปลุกใจให้ตื่นๆๆๆ กันสักหน่อย เด่ววันนี้ ผมจะต้องขี่มอเตอร์ไซค์ทางไกล เพราะจากตัวเมืองลำปางไปถึงงาว ประมาณ 80กว่ากิโลได้ครับ 5555+

นี่แค่วันแรก เพิ่งเริ่มต้นทริปปาไปขนาดนี้แล้ว และผมต้องอยู่ถึง 3 วัน นึกไม่ออกเลยครับว่าจะปาไปกี่ร้อยโล เช่ารถทีวันละ 250.- ขี่เกินจะคุ้มมมมม


เอาครับได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว... งาว คือจุดมุ่งหมายที่มีไว้พุ่งชน บิดกันครับ บิดกันเข้าไปปปป


หลังจากผมขี่ๆไปได้สักพักนึง ระหว่างทางก็เจอป้าย เขื่อนกิ่วลม อยู่แว๊บๆ ก็เลยลองเลี้ยวเข้าไปสักหน่อย ระยะทางจากถนนเส้นหลักประมาณ 14-15 กิโลนะครับ เข้าออกก็ 30 กิโล บวกกับงาวอีก 80 กิโล

อื้มมมม...ครึ่งวันเช้านี้ ผมร้อยกว่าแล้วนะครับ 5555+

เข้าไปถึงข้างใน ก็จะเป็นบรรยากาศเงียบ กับเขื่อนสวยๆ สงบๆ ผมลองถามพี่ที่แกเป็นคนดูแลสวน บังเอิญแกอยู่แถวๆนั้นพอดี ว่าน้ำที่นี่ปกติเล่นได้มั้ย ? แกบอกเล่น 'เล่นได้ๆๆ' แหม...ก็เห็นน้ำใสมาก น่าเล่นให้เย็นปอด แต่วันนี้ผมคงไม่ได้เล่น เพราะต้องขี่รถไปอีกยาวไกล ไว้วันหลังเราว่ากันใหม่นะเขื่อนกิ่วลมมมม


ระหว่างทางออกจากเขื่อนกิ่วลม มายังถนนเส้นหลัก วิวสองข้างทางธรรมชาติร่มรื่น สวยงาม ก็ขอเก็บภาพกันไปสักหน่อยครับ ขี่มอเตอร์ไซค์ตอนเที่ยงๆนี่ มันช่างเป็นชีวิตท่ีท้าทายดีแท้นะครับ พระอาทิตย์กลางกบาล ผมก็เลยอยู่ในสภาพแบบนี้นี่แหละครับ ไอร้อนมันแรงจริงๆ เห็นอย่างงี้อย่าตกใจจจจ ผมมิใช่โจรนะครับ 5555+


หลังจากขี่กันมาได้น่าจะประมาณ 70 กิโล ก็เริ่มเข้าสู่เขตงาวกันแล้วครับ ผมนี่บิดมิดไมล์ น้ำมันจะเกลี้ยงถัง ก็ต้องหาที่แวะเติมน้ำมันกันหน่อย เห็นร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามลิบๆ ไม่แน่ใจว่ามีน้ำมันมั้ย ถามไปถามมา ได้ใจความมว่า มีแต่ก๋วยเตี๋ยว 5555+

นั่นไง...หิวพอดี เอานี่แหละครับ ก๋วยเตี๋ยวอาจจะทดแทนน้ำมันไม่ได้ เติมพลังรถไม่ได้ แต่เติมพลังคนได้นะครับ จัดๆๆๆเลย


มาแล้วววว... เส้นใหญ่แห้งของผม ทั้งถั่ว ทั้งซีอิ๊วใส่ได้ตามใจชอบเลยครับ อร่อยไม่อั้น


อร่อยมากกกกก ขอบอก ผมนี่สัง 2 ชามเลยครับ อร่อยชามเดียวไม่เคยพอ แล้วราคาแค่ชามละ 25 บาท ให้เยอะ รสชาติอร่อย ใครผ่านไปผ่านมาแวะกันได้นะครับ แต่ชื่อร้านเหมือนจะไม่มี แต่ใครผ่านมาลองสังเกตุๆดูได้นะครับ หาไม่ยาก ติดถนนใหญ่เลย มาอุดหนุนๆกันนะครับ เป็นร้านชาวบ้านแถวนั้น


เอาครับ...เติมพลังคนแล้วได้เวลาเติมพลังรถละ ไม่งั้นมอเตอร์ไซค์คู่ใจผมมันจะน้อยใจ ทำไมได้กินอยู่คนเดียว มันก็หิวนะ


วิถีชีวิต คนหลงทาง เติมน้ำมันท่ามกลางแดดอันแผดเผา แทบไหม้เลยครับบบ


เมื่อเราเริ่มเข้าสู่ตัวงาวกันแล้ว ระหว่างทางที่เราไปนั้น ก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราแวะชมได้ ที่แรกที่ผมจะแวะเข้าไป คือ อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ครับ


เข้ามาถึงก็พูดคุยกับพี่เจ้าหน้าที่สักแปป พี่เจ้าหน้าที่ท่านนี้ ชื่อ #พี่กรกช นะครับ พี่กรกชก็บอกผมว่า โดยปกติแล้วการเข้าไปชมภายในถ้ำนั้น นักท่องเที่ยวจะไม่ได้เดินไปชมเองนะครับ จะต้องมีเจ้าหน้าที่พาไป เพื่อการให้ความรู้ที่ถูกต้องและความปลอดภัย เพราะภายในถ้ำ จะมีงูและค้างคาว ภายในค่อนข้างจะมืด และที่สำคัญคือถ้าใครมาช่วงหน้าฝนแบบผม ทางเดินเข้าในถ้ำอาจจะลื่น เราก็ควรมีเจ้าหน้าที่พาไปเพราะจะรู้จักเส้นทางในการเดินไปเป็นอย่างดี


อ้อออ..แล้วที่นี่นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรีนะครับ ไม่มีค่าใช้จ่าย ให้ทุกคนได้มาศึกษาธรรมชาติกันได้


แต่แหม...ได้ยินว่ามีงู ผมก็แอบเสียวๆนะครับ 5555+ แต่พี่กรกชบอกว่า งูจะไม่ได้มีพิษร้ายเเรง แต่ถึงยังไงก็เถอะ ผมก็ขอเดินตามหลังพี่กรกชไปจะดีกว่า ไม่ค่อยอยากไปเล่นกับงูเลยยย


เรามาเดินไปที่ถ้ำกันดีกว่า เส้นทางในการเดินไปในถ้ำนั้น จะต้องเดินขึ้นบันไดไปพอสมควร แอบเหนื่อยอยู่เหมือนกันนะครับ เรียกเหงื่อได้ดีมากกกก ถึงแม้อากาศจะไม่ได้ร้อน คือร่มรื่นชื้นๆ แต่เหงื่อท่วม เอ๊ะ! งงเหมือนกัน


เรามาชมบรรยากาศภายในถ้ำกันเลยครับ


ฝูงค้างคาวมากมาย ที่เกาะอยู่ตามพนังถ้ำ


ภายในก็จะมีหินงอก หินย้อย และหินที่มีแร่มากมาย ซึ่งพี่กรกชบอกว่า หินพวกนี่ ถ้าเรามาในฤดูท่องเที่ยว คืออากาศไม่ชื้น หินพวกนี้จะสวยงามระยิบระยับมาก เลยทีเดียว

ต้องบอกก่อนเลยว่า ถ้ำนี้เดินเข้ามาค่อนข้างจะลึกมากเลยครับ ผมเองรู้สึกว่าก็เดินเข้ามาได้ไกลพอสมควรแล้ว แต่ทำไมพี่กรกชรยังเดินเข้าไปเรื่อยๆๆๆ เลยลองถามดู พี่กรกชก็บอกว่า นี่เพิ่งแค่ครึ่งทางครับ ถ้ำนี้มีระยะทางเดินเข้าไปที่ลึกและไกลมากเหมือนกัน ข้างในก็จะมีหินสวยๆแบบนี้คล้ายกันไปจนสุดถ้ำ ซึ่งเราก็เข้ามาไกลพอตัวแล้ว งั้นเราวนกลับกันเลยดีกว่า


เดินไปเดินมาจนออกมาปากถ้ำแล้ว ได้เวลาที่เราจะบอกลาจากดินเเดนลึกลับนี้กันแล้วววว

วันนี้ผมต้องขอบคุณ พี่กรกช มากๆเลยนะครับ ที่พาเข้าไปเดินชม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แล้วยังให้คำแนะนำ ให้ข้อมูลความรู้เป็นอย่างดี

ผมยังจำได้ดีกับคำพูด ของพี่กรกชที่ว่า

'ทำงานตรงนี้ ก็มีเงินเดือนที่ได้รับเป็นปกติอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปเก็บค่าใช้จ่ายอะไรกับนักท่องเที่ยว ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของเรา'

ผมเองเดินทางไปตามอุทยานแห่งชาติมาหลายแห่ง เจอเจ้าหน้าที่มาก็หลายแบบ แต่ยังไม่เคยได้ยินคำพูดแบบนี้จากเจ้าหน้าที่คนไหนมาก่อน จากการได้พูดคุยเรื่องการทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานกัน ผมรู้สึกได้จริงๆ ว่าพี่ทำหน้าที่ด้วยใจ และมีความเสียสละเพื่อส่วนรวมเป็นอย่างดี ใครผ่านไปผ่านมาอย่าลืมแวะมาพูดคุยกับพี่กรกชกันนะครับ พี่แกน่ารักใจดีมากครับ


ได้เวลาออกเดินทางกันต่อไป กว่าระยะทางประมาณ 80 กิโลที่ขี่มา นี่ก็เหลืออีกเพียงน้อยนิดมากเเล้วครับ หลังออกจากถ้ำภูผาไทมาแล้ว ขี่เลยออกมาได้สักระยะ ก็จะถึง วัดจองคำ อยู่ติดริมถนนเลยครับ สังเกตุได้ง่ายมาก เราจะเห็นรั้ววัดสวยๆเป็นแนวยาว สะดุดตามาก ว่าเเล้วก็เลี้ยวเข้าไปกันเลยยย

ข้างในวัดจองคำนั้น จะมีเจดีย์พุทธคยาที่เป็นไฮไลท์ สวยงามแบบได้อารมณ์ปูนเปลือย มีความละเอียดอ่อนช้อยที่แฝงอยู่บนความดิบของพื้นผิววัตถุ ซึ่งผมว่ามันดูเป็นอะไรที่ลงตัวมากจริงๆ ตามมาดูบรรยากาศวัดและภายในกันครับ...



หลังจากเก็บภาพกันเต็มอิ่ม และเข้าไปกราบไหว้สักการะภายในกันเต็มที่ ต่อไปผมจะมุ่งหน้าเข้าที่พักกันแล้วนะครับ ซึ่งที่พักของผมในครั้งนี้ จองเอาไว้ล่วงหน้าที่ สมพรรีสอร์ท นะครับ นี่ก็อยู่ริมถนนเหมือนกัน เดินทางไปไหนมาไหนง่ายและสะดวกดีครับ ก็เลยเลือกจองที่นี่ไว้ นี่เวลาก็ล่วงหน้าถึงบ่าย 3 กว่ากันแล้ว เราไปเข้าพัก อาบน้ำพักผ่อนกับสักหน่อย นี่ตั้งแต่ลงรถทัวร์มา ก็ยังไม่ได้อาบน้ำเป็นเรื่องเป็นราวแบบคนอื่นเค้าบ้างเลย มัวแต่ตะลอนไปตะลอนมาทั้งวัน ไปคลุกคลี พูดคุยกับคนลำปางมาจะทั้งจังหวัดแล้วมั้งครับ ดีนะไม่มีใครทัก อิอิ


หลังจากที่เราพักฟื้นร่างกาย อาบน้ำกันให้สดชื่นแล้ว รอเวลาเย็นๆสักหน่อย ผมจะออกไปตามหา สะพานโยง ในตำนานกันครับ ว่าอยู่ที่ไหน ? เพราะมันคือสิ่งที่กระตุ้นต่อมอยากให้ผมออกเดินทางในครั้งนี้

ขี่รถออกมาจากที่พักแล้ว ผมก็พยายามมองหา และขี่รถตามป้าย ที่ว่าเข้าตัวเมืองงาวไปเรื่อยๆๆๆ ขี่ไปได้นิดเดียวเองครับ 10 นาที ไม่เกินนี้ ไม่ทันต้องได้หาเลยครับ แหม...การผจญภัยไม่ทันบังเกิด 5555+ สะพานโยงก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

มาแล้วผมก็ขอเดินเล่นไปเรื่อยๆรอพระอาทิตย์ตก ขี่มอเตอร์ไซค์วนไปออกรูโน่นที รูนี้ที จนได้เวลาพระอาทิตย์ตกดินก็กลับมาหามุมถ่ายเก็บภาพความงามของสะพานเก่าแก่แห่งนี้กัน


สะพานโยง นี้เรียกว่าเป็นจุดสำคัญที่ถ้ามางาวแล้วต้องได้แวะมา ไม่งั้นจะเหมือนมาไม่ถึง สะพานไม้สูงใหญ่ตระหง่าน มีสายโยงไปมา ให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ดีจริงๆ

ช่วงเย็นๆที่สะพานแห่งนี้จะมีชาวบ้านสัญจรไปมา และจะมีกลุ่มน้องๆเด็กวัยรุ่นมานั่งพบปะพูดคุยกันตรงอีกฟากฝังของสะพาน ข้างๆก็จะมีตลาดเล็กๆ ขายของกินอยู่ไว้เราจะเเวะไปหาอะไรกินกันแถวนั้นกันครับ


เห็นไฟระยิบระยับไกลๆนั่นมั้ยครับ นั่นแหละครับตลาดดดดด ผมจะพาไปหาอะไรกินกัน


ร้านนำ้เต้าหู้ครับ เล็งไว้ก่อนแล้วจะมาจัด ขอไปหาของคาวมากระแทกกันก่อน


ด้วยความที่ผมลากความหิวมาไกลแสนไกล เดินเข้ามาที่ #ตลาดงาว ก็ขอฟาดผัดไท ไปสักหน่อย แล้วเดินไปซื้อซาลาเปาคุณป้าร้านข้างๆ

เป็นซาลาเปาลูกพอดีคำ เคี้ยวกันแรงๆ ในราคาเบาๆ แค่ลูกละ 4 บาท!!! ขายราคานี้สงสัยกะว่าผมต้องเหมาหมดแน่เลย ตั้งแต่ใช้ชีวิตในเมืองหลวงมา รู้สึกได้เลยว่า อะไรๆก็แพงครับ มีเงิน 5 บาทซื้ออะไรแทบไม่ได้ แต่ถ้าที่นี่มา 5 บาทเหลือเงินทอนกลับไป 1 บาทให้ไปหยอดกระปุกกัน


แม่ค้าคนสวยครับผมมม


หลังจากกินซาลาเปากันหน่ำใจแล้ว ผมจะข้ามฝั่งกลับไปซื้อน้ำเต้าหู้ ซื้อโรตีกินสักหน่อย มีแต่ของโปรดผมทั้งนั้นนนน โรตีใส่ไข่ ณ ตลาดงาว สั่งมากินเล่นแฮปปี้ดี๊ดี ลืมอ้วนกันไปเลย 5555+


ร้านต่อไปมาครับผม ตามกันมาได้เลย น้ำเต้าหู้ร้อนๆ ขนมปังสังขยาร้อนๆ รอเราอยู่ที่ร้าน น้ำเต้าหู้เมืองง้าวเงิน เห็นชื่อร้านแล้วแปลว่าต้องลองครับ เรียกว่าเป็นน้ำหู้ประจำเมืองงาวเลยทีเดียว

เพิ่มด้วยขนมปังสังขยาต่ออีกสักชุดครับผม รู้สึกอยากกินแบบจิ้มสังขยานมอุ่นๆ ในยามดึก

โอ้ววว...แค่คิดก็ฟินแล้วครับ

นี่ถ้ากินท่ามกลางบรรยากาศหนาวๆนะครับ จะฟินขนาดไหน ลองนึกภาพตามดู แต่ในเมื่อผมมาหน้าฝน ก็ไปนั่งกินหนาวๆในห้องพักเปิดแอร์ฉ่ำๆแทนแล้วกันนะครับ


ได้แล้วววว ขนมปังสังขยา กับน้ำเต้าหู้ของผม กลับไปกินที่ห้องพักกันเถอะเนอะ


ว่าแล้วก็เดินกลับไปเอามอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ที่ตีนสะพานโยงกันสักหน่อย

อ้าวๆๆๆ เจ้าหมาน้อยยย ท่าทางจะหิว เดินมาดุกดิกๆอยู่ข้างๆ ผม สงสัยจะได้กลิ่นขนมปังอร่อยๆ เอาสักหน่อยครับ แบ่งปันเพื่อนร่วมโลก หยิบขึ้นมาป้อนมันกันหน่อย

ฮึบบบ! กระโดดงับตัวปลิวเลย 5555+

ได้เวลาที่ผมจะต้องบอกลาชีวิตในงาววันแรกกันแล้ว กลับไปพักผ่อน แล้วพรุ่งนี้มาเริ่มต้นใหม่ เส้นทางที่ยากลำบากกำลังรอผมอยู่ในวันพรุ่งนี้

ราตรีสวัสดิ์ครับ!


:- DAY 2

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ กับการใช้ชีวิตในวันที่ 2 ของผมในเมืองงาวแห่งนี้ เช้านี้ผมตั้งใจว่าอยากไปเดินเล่นที่ตลาดยามเช้ากันสักหน่อย ตลาดเช้านี้จะอยู่ติดกับสะพานโยง บริเวณเดียวกับตลาดที่ผมมาหาอะไรกินเมื่อคืนเลยครับ แต่ตอนเช้า บรรยากาศจะคึกคักกว่ามาก ร้านค้าเยอะกว่าหลายเท่าทีเดียว มีร้านค้าชาวบ้านมาขายของกันมากมาก ตามตรอกซอกซอย

เรามาเดินเล่นกันดีกว่า...


ปาท่องโก๋ร้านนี้น่ากินมากกก ผมเห็นมีโรยงาด้วย ก็เอาสักหน่อย มื้อเช้าของผม ขอฝากท้องไว้ที่ตลาดนี้ละกันนน


เดินไปเดินมา ไปสะดุดตากับร้านของคุณป้าท่านนึง ตอนแรกเห็นไกลๆ ผมนึกว่าแกขายปลาไหลรึป่าว ?

พอเดินมาใกล้ หืมมม !?! ขายงู ? 55555+ งงเลยครับ

เดินๆมา เห็นขายแต่ของกินของใช้ แต่เจอป้า เอางูมาขาย ผมเลยลองถามป้าแกดูว่าอันนี้ขาย แล้วคนเอาไปทำอะไรครับ ? ป้าก็ตอบกลับมาว่า 'บางคนเค้าก็เอาไปทำอาหารป่า บางคนก็ซื้อไปปล่อย'

ที่นี่ก็แอบมีของแปลกขายอยู่เหมือนกันนะครับเนี่ย


ใครใคร่ค้าก็ค้าครับ ส่วนใครใคร่จะใส่บาตรก็ใส่ ที่นี่ก็ยังมีวิถีชีวิตน่ารักๆแบบนี้ให้ได้ชมกัน


เสร็จจากตลาดแล้ว ผมก็ว่าจะเดินไปสะพานโยงกันสักหน่อย

สะพานอีกแล้ว ? ใช่ครับ 5555+

ชีวิตผมจะวนเวียนอยู่แต่แถวสะพานนี่แหละครับ ก็แหมมม เมื่อวานเรามาตอนเย็นๆค่ำๆ แต่นี่มันตอนเช้าแล้วนี่นา อารมณ์ในสถานที่เดียวกัน แต่ต่างเวลา ผมว่ามันก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันนะ ขอไปเดินเล่น เก็บบรรยากาศเมืองงาวเงียบๆ กับสะพานโยงสวยๆกันหน่อย


ข้างๆสะพานโยง จะมีสนามกีฬาสาธารณะอยู่ด้วยนะครับ เช้าๆ ผมเห็นก็มีชาวบ้านมาออกกำลังกายกันบ้างตรงนี้


มาเดินเล่นสะพานโยงกันเถอะเนอะ แสงยามเช้านี่สวยดีจริงๆครับ

อ้าวๆๆๆ เจ้านี่!?! จำกันได้มั้ยครับ เจ้าหมาน้อยตัวเมื่อคืนนี้ที่มากินขนมปังกับผม มันจะรู้มั้ยน๊าาาา ว่าผมคือคนเมื่อคืนที่เล่นกับมัน เดินมาหากันแต่เช้าเลยนะ


เสร็จจากการเดินเล่นในตัวเมืองงาวกันเเล้ว ผมเองก็ไม่รอช้าครับ วันนี้มีจุดเป้าหมายอันยิ่งใหญ่

ตั้งใจไว้ว่าวันนี้จะอุทิศชีวิตให้ น้ำตกและหล่มภูเขียว

ด้วยความที่ผม เดินทางมาหน้าฝน ซึ่งทางเข้านี่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความทรหดอดทน เพราะเป็นทางลูกรัง และดินแดงๆหนักมาก ผมเห็นใน website หนึ่ง ซึ่งก็บอกอย่างซื่อตรงเลยว่า ต้องใช้โฟร์วิลเดินทางเท่านั้น รถอื่นเข้าไปไม่ได้ แต่ผมเองมีแค่สองมือกับมอเตอร์ไซค์ 1 คัน

แถมยังลุ้นว่าฝนจะตกมั้ย ถ้าตกจะชิ-ายเอารึป่าว เละเทะเเน่นอน ไม่ต้องพูดถึงงงง...แล้วบางคนมาไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว ก็บอกเลยขี่ลุยเข้ามาแล้วไม่มีน้ำเลย มีแต่หิน งานนี้ผมมีแต่วัดดวงกับวัดดวง

ถึงจะแอบหวั่นแต่ก็ต้องไปครับ ตั้งใจไว้แล้ว อีกอย่างคือ เมื่อวานนี้ ตอนเดินเล่นที่ตลาดก็มีถามชาวบ้าน เรื่องทางไปน้ำตกอยู่เหมือนกัน พี่ๆชาวบ้านก็ยืนยันว่ามอเตอร์ไซค์ไปได้ เข้าได้อยู่แล้ว ผมก็ว่าตามนั้นเลยครับ

ก่อนจะไปก็แวะเติมน้ำมันกันให้เต็มถังสักหน่อย พอดีว่าพี่พนักงานปั๊ม ก็อู้กำเมืองอย่างน่าฮักขนาด ฟังแล้วสดชื่น ใจเย็นจริงๆ 5555+ ก็มาแนะนำว่า สนใจทำบัตรสะสมแต้มมั้ย เอาไว้สะสมเวลาเติมน้ำมัน เติมที่ไหนก็ได้

แหม...ภาษาเหนือนี่มีอิทธิพลนะครับ ถึงแม้จะเป็นการพูดเชิญชวน แต่ผมรู้สึกว่ามันนุ่มนวลน่าอุดหนุนเสียจริง ก็เอาสักใบครับ! อิอิ เดินทางมาก็ตั้งหลายหน ขับรถมาตั้งหลายปี เพิ่งรู้สึกได้ครับว่าควรจะทำ รู้สึกตัวช้าจริงๆ นี่ถ้าทำแต่แรก ป่านนี้ผมเอาแต้มไปแลกทองล่ะ


สำหรับการเดินทางไปน้ำตก-หล่มภูเขียวนั้น ใช้เส้นเดียวกับทางไปพะเยาเลยครับ ตรงไปเรื่อยๆจากงาว แล้วเลี้ยวซ้าย จะมีป้ายคอยบอกทางอยู่ เข้าไปทาง บ้านอ้อน นะครับ ตรงไปตามทาง จนเจอป้าย หล่มภูเขียว ก็เลี้ยวเข้าไปเลยครับ จนถึงทางแยกครับ จะมีป้ายเขียนไว้ว่า เลี้ยวซ้ายไปน้ำตกแม่แก้-น้ำตกเกาฟุ แต่ถ้าเลี้ยวขวาไปหล่มภูเขียว

ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเลือกแล้วครับ ว่าจะไปที่ไหนก่อนดี ถ้าไปน้ำตกก็ 10กว่ากิโล ส่วนหล่มภูเขียว ก็ใกล้กว่า ประมาณ 7 กิโล ถึงแม้ระยะทาง จะดูไม่ไกลนัก แต่ถ้าเห็นทาง บอกเลยโคตรไกลลล 5555+

สำหรับผม ผมเลยเลือกที่จะไปที่น้ำตกก่อนนะครับ ไปที่ไกลๆกว่าก่อน เพราะตอนนี้แดดยังเปรี้ยงมากกก ภาวนาฝนว่าอย่าตกเลยยยย

คุณจะใช้ความเร็วแค่ 10 กิโลเมตร/ชม.เท่านั้น เผลอๆน้อยกว่านี้อีกครับ เพราะต้องปล่อยให้รถค่อยๆไหลไปตามร่องดิน ความแอดเวนเจอร์กำลังจะเกิดล่ะครับ


ขี่ข้ามเขาไปเรื่อยๆครับ ไม่รุ้กี่ลูกต่อกี่ลูก ก็มีวิวสวยๆอยู่ตลอด ถึงแม้ทางเข้าจะลำบาก แต่มันมีวิวธรรมชาติที่ชดเชยความลำบากนั้นไป ซึ่งก็คุ้มค่าที่เราจะเข้ามาจริงๆ


มึนแล้วครับ ขี่มาตั้งนานทำไมไม่ถึงสักที จะเปิด GPS หาก็เน็ตเข้าไม่ถึงซะละ กลัวจะมาผิดทาง แต่เอาเข้าจริงๆคงไม่น่าผิด ด้วยทางที่มันเป็นแบบนี้ เลยรู้สึกเหมือนขี่มานาน ทั้งที่มันอาจจะยังไปไม่ถึงไหนเลยก็ได้นะครับ ครึ่งทางถึงแล้วรึยังก็ไม่รู้ 55555+


หลังจากทรหดอดทนกับเส้นทางที่เข้ามาอยู่นานสองนาน ถึงแล้วครับบบ น้ำตกแม่แก้ แค่ได้ยินเสียงน้ำอยู่ไกลๆ ก็ชื่นใจแล้วครับ ยิ่งได้เดินเข้ามาดูคือ สวยมากกกก

ชีวิตผมไม่ค่อยจะมีบุญได้เจออะไรแบบนี้ครับ นี่เป็นครั้งแรกที่มาน้ำตกแล้วมีน้ำเต็มสวยมากขนาดนี้ ทุกทีไปไหนมีแต่แห้งกับแห้งครับ วันนี้โชคชะตาฟ้าเป็นใจ น้ำสวยน้ำใส น้ำเยอะ และที่สำคัญมานี่ไม่มีใครเลยยยย ธรรมชาติเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว มาเที่ยวเวลาที่ไม่มีใครเที่ยวนี่ดีจังนะครับ


ต่อไป เราจะไปต่อกันที่ น้ำตกเกาฟุ กันต่อเลยครับ ขี่เลยจากแม่แก้ไปเล็กน้อยครับ ส่วนทางนั้น ก็คือๆกันครับ เตรียมใจไว้เลย


น้ำตกเกาฟุ จะต้องขี่มอเตอร์ไซค์ต่อเข้าไปอีกนิดหน่อย จากน้ำตกแม่แก้นะครับ พอขี่เข้ามาถึงบริเวณนี้ คือ ผมรู้สึกได้ถึงความเย็น ความร่มรื่นมากๆ คือพอลงจากมอเตอร์ไซค์ปุ๊บ แล้วก้าวขาลงมา คือมันมีเหมือนมีไอเย็นๆ ทำให้เรารู้สบาย ทั้งที่ไม่มีลมพัดแต่รู้สึกดีและร่มรื่นมากครับ

แล้วแน่นอนมาก มาที่นี่ก็ไม่มีใครอีกเช่นกัน ผมเชื่อว่า วันนี้ทั้งวันคงมีแต่ผมนี่แหละครับ ที่เเว๊นรถเข้ามาเที่ยวอยู่แค่คันเดียว นอกนั้นไม่มีใครจะสวนมาสวนไปกับผมเลยยกเว้นชาวบ้านแถวนั้น

เรียกว่าวันนี้ ผมเข้ามาไม่มีผิดหวังเลยครับ น้ำตกสวยมากทั้งสองแห่ง ถือว่าการมาวัดดวงของผมในวันนี้ผ่าน!

ต่อไปเราจะต้องขี่ออกกันไปล่ะครับ แต่ขาออกน่าจะไวกว่าขามานะครับ เพราะความสามารถในการขี่บนทางลูกรังน่าอัพเลเวลขึ้นแล้วจากตอนที่มา ไปกันครับบบ ออกเดินทางไป หล่มภูเขียวกัน


อื้อออหือ ทาง!?!

ใครได้มา เรียกว่าจะได้ฝึกสกิลการขี่รถให้ฉมังมืออย่างแน่นอนครับผม

ผมนี่ยอมใจชาวบ้านแถวนั้นเลยจริงๆ ที่สามารถขับขี่แบบนี้กันได้ทุกวัน ผมนี่เข้ามาแค่วันเดียว ก็บิดรถจนมือเกร็งไปหมดล่ะครับ ถ้าบ้านผมอยู่ที่นี่ ผมอาจจะออกจากบ้านแค่เดือนละหนแน่ๆ 55555+


เล็งให้ดี อย่าให้ตกร่องนะครับบบบ ไม่งั้นมีเละ และมีเจ็บแน่ๆ อันตรายอยู่เหมือนกัน

แวะพักข้อมือสักหน่อยครับ นี่น่าจะออกมาได้ครึ่งทางแล้ว เราจะไปกันต่อ


นี่เวลาก็ล่วงเลยมา 11 โมงได้เเล้ว เริ่มหิวแล้วครับสิเนี่ย ผมก็มองๆหาร้านค้าชาวบ้านแถวนั้น หวังจะฝากท้องสักหน่อย ก็ไปเจอร้านนี้เลยครับ แวะกันๆๆๆ


มาม่าแห้งใส่ลูกชิ้นอร่อยๆ ลงมือกันเลยยยย ที่ร้านนี้จะมีขนมกินเล่นอะไรขายมากมาย ผมคงต้องได้ซื้อเพิ่มไว้ไปกินเล่นระหว่างทางสักหน่อย


ระหว่างที่ผมกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยของผมอยู่นั้น ก็มีชาวเขาเดินมาซื้อของที่ร้านครับ คุณป้าเจ้าของร้านเลยแนะนำ ว่าลองไปขอถ่ายรูปได้นะ วันนี้เค้ามีงานแต่งงานกัน ก็จะมีชาวเขาบางคนใส่ชุดชาวเขาจัดเต็มกันแบบนี้ ไว้ถ้ากินเสร็จลองแวะไปสิ ขี่เลยไปนิดเดียวก็ถึงหมู่บ้านชาวเขาล่ะ

ได้ความดังนี้ผมก็ว่าจะขอเเวะไปสักหน่อย ฟังแล้วน่าสนใจมากๆ


คุณลุง คุณป้าเจ้าของร้านผู้น่ารักครับผม ระหว่างที่ผมมานั่งกิน ก็ชวนคุย เล่านั่นเล่านี่ให้ฟังหลายอย่างน่ารักมากๆครับ

เดิมทีทั้งคู่ก็ไม่ใช่คนที่งาวนะครับ แต่เหมือนว่าลูกมาซื้อที่ดินตรงนี้ไว้ ก็ให้คุณลุงคุณป้ามาอยู่ ซึ่งทั้งคู่ก็ชอบมากครับ แกบอกว่า ชอบอยู่กับป่ากับธรรมชาติแบบนี้ ไม่อยากไปอยู่ในตัวเมืองแล้ว อยู่นี้สบายใจ อยู่มานาน ถึงทางจะไม่ดีหรืออะไร แต่ถ้าจะให้ย้ายไปไหน ก็คงไม่ไป ขออยู่ตรงนี้ดีกว่า มีความสุขดี อยู่จนชินพื้นที่ไปแล้ว แถมยังบอกว่า ไว้ถ้าผมกลับมาใหม่อีกครั้ง คุณลุงจะพาไปเก็บกาแฟอีกด้วย

ได้ฟังแบบนี้เเล้ว ผมนี่รู้สึกได้เลยนะครับ ว่าบางครั้ง ชีวิตในเมืองมันไม่ใช่เรื่องที่น่าพิศมัยเท่าไหร่ ยังมีอีกหลายชีวิตที่พอใจและมีความสุขอยู่ในสถานที่เล็กๆ ที่ไม่หวือหวา ไม่ต้องสะดวกสบาย หรือเจริญอะไรมากก็ได้ แค่มีความสุขแบบง่ายๆก็พอ...


หลังจากอิ่มท้องแล้ว ผมนี่ก็ขี่เข้าไปในหมู่บ้านชาวเขา ตามที่คุณลุงคุณป้าแนะนำเลยครับ ว่าจะไปดูงานแต่งแบบชาวเขาๆสักหน่อย แต่พอเข้าไป เหมือนเค้าจะมีแต่งชุดชาวเขากันแค่คน-สองคน และคนก็ยังน้อยอยู่ก็เลยไม่ได้เเวะเข้าไป

ผมเลยขี่เข้าไปข้างใน ไปดูบรรยากาศหมู่บ้าน ก็ไปเจอกับชิงช้าอันใหญ่หน้าตาแปลกๆ เข้าแล้วววว


ระหว่างที่ผมยืนงงๆ ว่าเจ้าชิงช้านี่มันเล่นยังไงนะ ? ก็เจอเเสบน้อย 2 คนครับ มาด้อมๆมองๆ ผมอยู่ สงสัยผมจะหน้าแปลก ไม่ๆๆ แปลกหน้า 5555+ ผมเลยเดินเข้าไปทักทายหน่อย


ผมว่า ผมจะลองเล่นดูสักหน่อยล่ะกัน จะรอด หรือจะร่วงเนี่ยยยย


โอ้วววว!?! พอได้มั้ยครับ นี่ลองเล่นดูไม่รุ้เค้าเล่นกันแบบนี้มั้ย แต่ชิงช้านี่ แลดูรากฐานมั่นคงนะครับ อันใหญ่ แข็งแรงใช้ได้เชียว


สงสัยเจ้า 2 แสบนี่จะทนไม่ไหว เล่นมั่วจังเลย 5555+ ก็เลยสาธิตวิธีเล่นให้ดู หืมมมม..มมม ดูสิครับ เล่นกันพริ้ว ตัวปลิวเลย แต่ละท่านี่คัดสรรมาแล้วว่าสวยจริง และเด็ดมาก


หลังจากได้ร่ำเรียนจากครูบาอาจารย์ของผมแล้ว ก็ลองบ้างครับ แต่ดูท่าผมสิครับ...ดูไม่ได้เลยยยย สงสัยจะหมดวัยเล่นแล้วจริงๆ 😁😁


นี่สิครับ ของจริงงงง...ท่านอาจารย์ของผม พริ้วสวยมาก ผมนี่ยอมเลย


ต่อไปเราจะไปที่หล่มภูเขียวกันครับ หลังจากตรงทางแยกที่เราเลี้ยวซ้ายเข้ามา ต่อไปเราจะไปทางขวากัน

ด้วยระยะทางที่ใกล้กว่า และผมต้องบอกก่อนว่า หลังจากไปเจอทางที่ไปน้ำตกมาแล้ว คือทางไปหล่มภูเขียวนี่เบาๆไปเลย เพราะทางไปน้ำตก คือเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทาง หาทางเรียบไม่มีเจอเลยครับ 555+ แต่ทางไปหล่มภูเขียว ยังมีทางเรียบๆอยู่บ้าง และเป็นหลุมเป็นบ่อน้อยมาก ที่เหลือก็จะเป็นดินแดงๆ แต่เรียบหน่อย วิ่งเรื่อยๆได้ ใช้เวลาไม่นานก็ถึง

แต่กว่าที่ผมจะมาถึงข้างใน คือตอนที่ขี่มาได้ครึ่งทางนั้น อยู่ดีๆ ฝนตกลงมา!?!

เอาจริงๆ ผมตงิดๆใจตั้งแต่อยู่ที่หมู่บ้านชาวเขาแล้วครับ ผมรู้สึกได้ถึงเมฆฝนบนฟ้า แต่ก็พยายามคิดว่า คงไม่ตกหรอก...แต่มันตกครับ มันลงเม็ดมาขู่ผมในทันใด

ซึ่งตอนนั้นที่มาได้ครึ่งทาง...คือผมก็ไม่รู้ว่า ทางที่เหลือ จะเป็นเหมือนที่ไปน้ำตกมั้ยนะ ถ้าใช่ แล้วฝนตกหนัก เข้าไปคือพัง สงสารรถมาก ผมมองท้องฟ้า มองทางข้างหน้า แล้วชั่งใจว่า จะเอายังไงดี? ใจลึกๆคิดว่า มาถึงขนาดนี้แล้ว ควรจะลุยควรจะเสี่ยงมั้ย ?

ผมจึงตัดสินใจ ลองเสี่ยงและขี่ต่อไป...

และไม่นานเลยครับ ฝนมันลงเม็ดมาได้แค่ 10 นาทีเบาๆปรอยๆ แล้วหยุดสนิท! แดดออกจ้ามากกกก

คือนี่ตกมาลองใจผมใช่มั้ย ? นี่ดีนะที่ไม่ตัดสินใจกลับลำไปยังจุดเริ่มต้น


เช่นเคยครับ มาถึงก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ นอกจากผม 5555+

เหมือนเที่ยวอยู่คนเดียวในงาวยังไม่รู้ ไปไหนไม่มีใครสักคนเลย

มาถึงก็เดินต่อไปอีกหน่อยนะครับ เดินขึ้นเขาลูกน้อยๆ แต่ระวังๆนิดนึงนะครับ พื้นดินมันชื้นจะลื่นเอาง่ายๆ และถ้าใครมาใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวคลุมๆมาหน่อยก็ดีนะครับ มียุงมีแมลงกัดได้เจ็บแสบมาก ผมนี่บวมกลับมาหลายจุดเลย


เข้ามาผมนี่ตื่นเต้นมาก น้ำสวยเป็นสีเขียวมรกต อยู่ภายใต้ยอดเขาสูงตะหง่านล้อมรอบบ่อน้ำแห่งนี้ ผมรู้สึกได้ถึงความมีเสน่ห์แบบลึกลับๆ หน่อย สีเขียวของบ่อ ทำให้ผมจินตนาการไปว่า

มีอะไรอยู่ใต้บ่อน้ำนี้กันนะ ?

มันลึกมั้ย ?

ใต้นี้มีสิ่งมีชีวิตอะไร นอกเหนือจากปลาที่ว่ายอยู่บนน้ำตื้นๆบ้าง ?

คิดไปเยอะมากครับ แต่ครั้นจะให้ลงก็คงไม่กล้าจริงๆ คือเราเดาไม่ออกเลยภายใต้ความเขียวสวยงามสะกดใจนั้น มันมีอะไรอยู่ ?


เอาล่ะครับ เราได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว นี่แค่ครึ่งวันเช้า ชีวิตผมมีหลายรสชาติมากจริงๆ ระหว่างทางกลับจากหล่มภูเขียว...เป็นยังไงครับ วิวสวยมากใช่มั้ย ? ด้วยความที่เราขี่รถกันอยู่บนเขา ก็จะได้เจอวิวแบบนี้ระหว่างทาง


อีกครึ่งวันที่เหลือ ผมตั้งใจไว้แล้วครับ ว่าจะขอไปที่ พิพิธภัณฑ์หนังกลางแปลง ซึ่งจะขี่เลยไปทางพะเยา เรียกว่าออกจากหล่มภูเขียวมาแล้ว ใช่เส้นทางเดียวกัน ขี่ต่อไปอีกประมาณ 16 กิโลครับ เราก็จะเห็นสถานที่แห่งนี้ อยู่ติดริมถนนใหญ่เลย

ฝั่งนึงจะเป็นร้านค้า มีอาหารมีน้ำ ให้ได้แวะพักเติมพลัง ส่วนอีกฝั่งจะเป็นคลังแห่งความรู้ของประวัติศาสตร์หนังไทย ที่ถูกอนุรักษ์เอาไว้ โดยหนึ่งใน ทีมพากย์ของพันธมิตร


พูดถึง ทีมพากย์พันธมิตร คงไม่มีใครไม่รู้จัก ดูหนังกันมากี่สิบกี่ร้อยเรื่อง อย่างน้อยๆคุณต้องเคยได้ยินเสียงท่านผู้นี้เป็นแน่ เจ้าของวลี 'ให้เสียงภาษาไทยโดย ทีมงานพันธมิตร' ที่ก้องอยู่ในหูทุกคนมาจนทุกวันนี้ วันนี้เราจะได้พบตัวจริงเสียงจริงกันแบบสดๆแล้วครับ

ชื่อเสียงเรียงนามของท่าน คือ คุณลุงมานิตย์ วรฉัตร ครับ


อันที่จริงตอนแรกที่ผมมา ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์หนังกลางแปลงคือใคร มาจากไหน ? ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเจ้าของเสียงพากย์ในตำนาน ที่ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ คือ ลุงมานิตย์ ท่านนี้ จนมีโอกาสได้พูดคุยกับท่าน จึงได้ทราบที่มาที่ไป และมันทำให้ผมตื่นเต้นเอามากๆเลย


ที่นี่ เป็นแหล่งเก็บสะสมหนังเก่าสมัยก่อนมากมาย มีตั้งแต่สมัยมิตร ชัยบัญชา และอีกมากมาย

ผมเชื่อว่าถ้าใครที่ได้มา เป็นรุ่นผู้ใหญ่ๆหน่อย จะต้องอินกับที่นี่มากๆแน่ ขนาดผมเองเป็นคนรุ่นใหม่ (นี่ไม่ได้โกงอายุนะครับ 5555+) หนังบางเรื่องผมเองก็เกิดไม่ทัน แต่ยังรู้สึกได้ถึงเสน่ห์ในความเก่า ของทุกสิ่งทุกอย่างในสถานที่แห่งนี้

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องฉายหนังเก่าๆ ฟิลม์หนังเก่าๆ โปสเตอร์หนังเก่าๆ เครื่องพากย์เสียงเก่าๆ หรือแม้แต่โรงหนังจำลองสมัยก่อนในแบบเก่าๆ มันช่างมีเสน่ห์เสียจริง


ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกเก็บไว้ที่นี่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานกี่ปี...ทุกวันนี้ก็ยังคงใช้งานได้ดี


ว่าแล้วผมก็ลองขอให้ คุณลุงมานิตย์พากย์เสียงสดๆให้ฟังหน่อย ผมนี่ขนลุกเลยครับ....คือเหมือนที่เราฟังกันในหนังมากกกกก แต่นี่คือพากย์สดๆ นักพากย์วัยเก๋านี่กาลเวลาทำอะไรไม่ได้จริงๆครับ


ปกติแล้ว ที่นี่จะมีฉายหนังฟรีด้วย จะมีรอบเวลาบอกอยู่นะครับ หรืออาจจะลองสอบถามตรงไปตามนามบัตรคุณลุงที่ผมให้ไว้ได้เลยครับ

บางครั้งที่นี่ก็จะมีน้องๆนักเรียนนักศึกษา มาชมหนังกัน โดยทางโรงเรียนหรือครูบาอาจารย์พามาหาความรู้ การดูหนังกลางแปลง และความเป็นมาของหนังไทยกันที่นี่อยู่บ้าง ผมว่าเป็นเรื่องดีทีเดียว ที่เราจะไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้สูญหายไป ให้เด็กๆตัวเล็กตัวน้อยเค้าได้ศึกษาซึมซับสิ่งเหล่านี้ไปทีละเล็กทีละน้อย ให้เค้าได้เห็นถึงคุณค่าของมัน


เสร็จจากพิพิธภัณฑ์แล้ว ผมเลยลองสอบถามลุงมานิตย์ดูครับ ว่าถ้าผมจะไปพะเยา จะอีกไกลมั้ย ? คุณลุงบอกไม่ไกลๆ อีกแค่ 30 กิโลก็ถึง ตามนั้นครับ ผมขี่มาขนาดนี้เเล้ว อีกแค่ 30 โลไม่สะทกสะท้าน ข้อมือจะเบี้ยวละครับ 5555+ แต่ไปกันครับ ไปกัน ผมอยากจะไปแวะชม กว๊านพะเยา กันสักหน่อย


บิดมาเรื่อยๆครับ บิดกันไปอย่าได้หยุด

เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองพะเยาแล้ว ผมก็มึนๆงงๆ ไม่รู้ว่า กว๊านพะเยา ไปทางไหน เอาครับ สเต็ปเดิม คว้ามือถือขึ้นมา แล้วให้ google map มันพาไป....เซอร์ไพรส์เลยครับ เซอร์ไพรส์มากกกกกกกกก

คือเดิมทีผมเข้าใจว่า มันอยู่ในเมืองเส้นทางก็น่าจะเป็นในตัวเมือง แต่พอให้ google map มันพาเราไป มันก็พาผมเข้ารูเล็กรูน้อย จนไปออกนอกเมือง..แต่แหม ผมก็โลกสวยครับ คิดว่ามันอาจจะพามาทางลัดแน่ๆ

แต่พอมาถึงตรงที่มันปักหมุดไว้

ผมนี่อึ้ง! อึ้ง! อึ้ง!

คืออัลไลลลล อะไรคือกว๊านพะเยา โล่งเตียน เต็มไปด้วยหญ้าและดิน เอาแล้วครับ คิดในใจ มึงเล่นกูแล้วววววว...พากูไปไหนเนี่ย เลยขี่ไปถามชาวบ้านแถวนั้น พี่แกบอกเลย น้องขี่วนไปเลย วนไปปปป จนเข้าไปในตัวเมือง วนเป็นวงกลมเลยนะ เพราะทางมันเลียบกว๊านพะเยาอยู่

คือเอาง่ายๆว่าที่มันพามาก็คือกว๊านพะเยาครับ แต่แม่มเหมือนปักหมุดไว้อีกซีกโลกนึงของกว๊าน ไม่ใช่จุดที่คนเค้าเที่ยวกัน ผมนี่น้ำตาไหล ขอบพระคุณและซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งกับ google map...ไว้อาลัยให้ตัวเองแปปนะครับ TT

หลังจากทำใจได้ ก็บิดกลับเข้าไปในเมืองเหมือนเดิม วนไปตามทาง จนในที่สุดครับ...ถึงสักที อยากตะโกนให้ลั่นมากๆ 5555+


เปรี้ยวไปยันพะเยาแล้ว อิ่มอกอิ่มใจกับการขี่วนหลงทาง ตามคอนเซ็ปต์ชีวิตผม ก็ได้เวลากลับงาวกันแล้ว

เรามาเข้าที่พักอาบน้ำนอนพักกันให้ชื่นใจ แล้วคืนนี้เรามาหาอะไรกินกันดีกว่า ตรง 3 แยกทางเข้าตัวเมืองงาว จะมีตลาดอยู่นะครับ ลองแวะเข้าไปดูหน่อย แต่จะมีร้านขายอยู่แค่ 4-5 ร้าน ที่เหลือเก็บหมดแล้วครับ

ลองถามๆแม่ค้าดู เค้าบอกว่าเปิดตอนสายๆ ถึงบ่ายๆเย็นๆหน่อย แล้วก็ปิดครับ ผมมาค่ำแล้วเลยไม่มีใครอยู่รอผมแล้ว


ขี่วนเข้าไปในตัวเมืองงาวกันหน่อย นี่แค่สักประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆเห็นจะได้ครับ คนที่นี่เข้านอนกันไว ปิดร้านปิดบ้านกันหมดแล้วววว จะมีคึกคักแค่ตรงแถวๆตลาดตรงสะพานโยงเท่านั้นเอง


ขี่วนไปวนมา หาของกินได้สักพัก วันนี้ผมอยากจัดหนัก ขอเป็นสเต็กดีกว่า เห็นร้านนี้แล้วน่าเข้าไปลอง ก็จอดๆๆกันเลย


มาร้านเสต็ก ก็ขอสั่งเสต็กหมูเนื้อนุ่มๆร้อนๆ กันหน่อย น่ากินมั้ยครับ ?

บอกเลยอร่อยด้วยยยย เนื้อนุ่มลิ้นมาก ใครผ่านไปผ่านมา ลองมาแวะนะครับที่ ร้านเสต็กนายหมู อยู่ข้างทางหาง่ายครับ เลยจากสามแยกเข้าตัวเมืองงาวมา ร้านจะอยู่ขวามือ ข้ามถนนเข้าไปเลยครับ


มาที่อีกจานนึง ปีกไก่ทอดน้ำปลา กรอบอร่อย ร้อนๆ อันนี้ก็ติดใจมากเหมือนกัน ปิดท้ายคืนวันที่ 2 ของผมไปด้วยอาหารอร่อยๆจานนี้ วันพรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมต้องบอกลาเมืองงาวกันแล้วววว


:- DAY 3

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ ซึ่งเป็นวัดสุดท้ายที่ผมจะต้องบอกลาเมืองงาวแห่งนี้ไปแล้ว

หลังจากเก็บข้าวของ อาบน้ำเตรียมตัวออกจากห้องพักให้เรียบร้อยแล้ว เที่ยงตรงปุ๊บ! ผมก็เช็คเอ้าท์ออกเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่ลำปางกัน มีอยู่สถานที่นึง ที่ตอนขามานั้นผมผ่านแต่ผมไม่ได้แวะเข้าไป เพราะต้องยูเทิร์นข้ามไปอีกฝั่งถนน

นั่นก็แปลว่าขากลับนี้จะอยู่ฝั่งที่ผมต้องไปพอดิบพอดี ผมเลยตั้งใจว่า ไว้ขากลับผมจะต้องแวะอย่างแน่นอนครับ สถานที่แห่งนั้นคือ ศาลเจ้าพ่อประตูผา



ที่นี่เรียกว่าน่าจะเป็นที่สักการะบูชาของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาเป็นอย่างดี เพราะตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ จะได้ยินเสียงคนขับรถผ่านและบีบแตรกันตลอด แทบจะทุกคันเลยก็ว่าได้ครับ


ข้างๆศาลเจ้าพ่อประตูผา ก็จะมีภาพเขียนโบราณอยู่ครับ ว่าแล้วเราไปชมกันหน่อยดีกว่า



ถึงแล้วววว หน้าผาตรงนี้แหละครับ ที่เค้าว่ากันมีภาพเขียนโบราณอยู่ ว่าแต่...อยู่ตรงไหนกันนะ หาหน่อยๆๆๆ


พอจะมองออกกันมั้ยครับ ขนาดจะค่อนข้างเล็กสักนิดนึง ตรงป้ายด้านล่างก่อนทางขึ้นมา จะมีเขียนบอกอยู่นะครับว่า ข้างบนนี้จะมีภาพเขียนเป็นรูปอะไร ที่มาที่ไปและความหมายของภาพเหล่านั้น จะมีข้อมูลให้อยู่นะครับ

ว่ากันว่ามีอายุมานานกว่า 3000 ปีทีเดียว ก็อาจจะมีเลือนลางไปบ้างตามกาลเวลานะครับ บางจุดอาจจะดูยากหน่อย แต่ก็พอมีเค้าโครงให้เราได้เห็นได้ศึกษากัน


ท้องฟ้าสดใส แดดดี๊ดีนะครับวันนี้ 5555+ ตั้งหน้าตั้งตาแว๊นกันต่อไปครับอย่าได้หวั่นแม้วัน (แดด) มามาก


หลังจากเรามุ่งหน้ากลับลำปางกัน ระหว่างทางผมก็เเวะกินก๋วยเตี๋ยวชาวบ้านร้านเดิมตอนขามานะครับ ติดใจจริงๆ อร๊อยยยอร่อยยยย จัด 2 ชามอีกตามเคย

ตอนนี้เวลาก็บ่าย 2 กว่าเห็นจะได้ครับ หลังจากผมมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองลำปาง ก็ตั้งใจว่าจะหาที่พักสักที่ครับ เพราะตั๋วรถทัวร์ของผม ได้รอบกลับตั้ง 3 ทุ่มกว่า มีเวลาเหลือเฟือมากๆ ครั้นจะให้ตะลอนไปตะลอนมานี่ไม่ไหวเลยครับ แสงแดดแผดเผามาก ขนาดผมจอดติดไฟแดง

หืมมมมมม!?! แทบไหม้ เหมือนใครเอาแว่นขยายจ่อแสงแดดแล้วส่องมาที่ผมเลย ตัวแทบสุกครับ ร้อนจริงๆแดดวันนี้ ทะลุ 40องศาได้มั้ยเนี่ย

หลังจากตระเวนหาที่พักแบบง่ายๆ ราคาไม่แพง เพราะผมอยู่แค่ ไม่กี่ชั่วโมงเองครับ ขอแค่มีที่หลบแดด ฝากของแล้วเย็นๆออกไปวิ่งเล่นแถวนี้ อาบน้ำแต่งตัวให้สบายใจก่อนไปขึ้นรถทัวร์เป็นอันพอ และขอแบบใกล้ๆ บขส.

ขี่หาไปหามาก็ไปเจอที่นี่เลยครับ เห็นป้ายแล้วคือ นึกถึงโรงแรมในหนังไทย เอาวะ! นี่แหละ! ลองแบบนี้ก็น่าจะได้อีกบรรยากาศนึง


ตามมาดูบรรยากาศรอบๆกันครับ




เป็นไงครับ เหมือนในหนังไทยเลยมั้ย ที่นี่ยังดีไซน์แบบสมัยก่อนอยู่นะครับ ที่แบบว่าที่พักจะตึกสี่เหลี่ยมๆ ห้องพักหันหน้าเข้าหากันแล้วมีโถงตรงกลาง เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่ผมได้มาลองสัมผัสกัน


ตกเย็นแล้ว ผมก็ลองเปิดเน็ตหาดูเลยครับว่าที่ลำปางยามเย็น เค้ามีถนนคนเดินอะไรกันมั้ยน๊าาาา หาไปหามาได้ความว่า ที่นี่เค้ามี กาดกองต้า เห็นภาพตัวอย่างเเล้วคึกคักใช้ได้ น่าไปเดินเล่นมากๆ ไปๆๆครับ ไปกันๆๆๆๆ

แต่ก่อนที่เราจะไปที่กาดกองต้า ก็ขอแวะถ่ายรูปตึกรามบ้านช่อง และไปหาอะไรกินรอเวลา เพราะผมอยากไปเดินบรรยากาศตอนค่ำๆหน่อย


เดินไปเดินมา เจอร้านนี้เลยครับ บ้านนม แวะเข้าไปสั่งน้ำเย็นๆให้ชื่นนนนใจ กินขนมหวานเพิ่มน้ำตาลกันหน่อย


ที่นี่จะตกแต่งสไตล์น่ารักๆนะครับ ผมว่าน่าจะเป็นร้านดังของที่นี่แน่ๆ เหมาะกับวัยรุ่น มุ้งมิ้งแบบผมมากกกกกก 55555+

เห็นหน้าแล้วอย่าคิดว่าผมจะเป็นแนว ม้ากระทืบโรง หรืออะไรนะครับ นี่เลยครับของโปรดผม นมเย็นนนน เข้ากับผมมั้ยละ แต่ผมกินตลอดนะครับชอบมาก ถ้าใครติดตามทริปผม ก็จะเจอนมเย็นโผล่มาเรื่อยๆครับบบบ


ของหวานเคียงคู่เครื่องดื่มเย็นๆชื่นใจ ขนมปังปิ้งครับผม นั่งพักกันให้ชื่นใจ กินกันให้อิ่มหนำสำราญ แล้วเราจะเดินกลับไปที่กาดกองต้ากันครับ


เอาละครับ! ถึงแล้ววว ร้านเริ่มตั้งกันเเล้ว เรามาเดินเล่นกันเถอะ ที่นี่ร้านค้าเยอะมากกกก หลายซอกหลายซอย ใครชอบช้อปเดินเพลินแน่นอน ของกินก็เยอะ น่าลองหลายร้านมาก แต่ผมดันกินมาซะจุกละครับ ยัดไม่ไหวละ

ที่นี่นอกจากจะทีร้านค้าน่ารักๆมากมายแล้ว อีกสิ่งนึงที่สะดุดตามากคือที่พักที่นี่ล่ะครับ เห็นชื่อแล้ววันหลังน่าจะลองมาสักหน่อยละ อยู่กลางกาดกองต้าเลยด้วย คราวหน้าจะได้มาเดินตลาดกันให้สะใจไปเลย



โอ้ววว เฉาก๊วยร้านนี้น่าลองมากครับ เห็นคนขายแล้วรู้เลยว่าต้องอร่อย แซวอีก 5555+ แต่คนเข้าคิวซื้อตลอดครับ ผมต้องลองสักหน่อยแล้ว ที่ร้าน นายเฉาก๊วย



เฉาก๊วยใบเตยของผมมมม แต่เมนูที่คนส่วนใหญ่สั่งกันเหมือนจะเป็นเฉาก๊วยนมนะครับ แต่ผมของลองใบเตยดีกว่า กินนมมาเยอะเเล้วครับวันนี้ อร่อยชื่นนนใจ ไม่มีผิดหวัง


ร้านผมเดินผ่าน คือน่าลองมากกกก แต่คนแน่นมาก เลยไม่ได้ลองเลย ใครเคยชิมมาเล่าให้ฟังกันได้นะครับ ผมนี่อย๊ากกกกกอยากกกกก แต่หาช่องว่างไม่ได้เลย คนตรึม!


ของเก่าๆ บรรยากาศเก่าๆ หาชมได้ตลอดเส้นทางที่เราเดินเล่นกันเลย


มาครับ ได้เวลากลับกันแล้ววว นี่ก็สองทุ่มกว่าละครับ ผมต้องกลับไปเตรียมตัวออกเดินทางกลับเมืองกรุงกันแล้ว หลังจากเทเมืองกรุง มาเสเพลอยู่ที่นี่ซะหลายวัน...


ระหว่างทางกลับผมบังเอิญผ่าน วัดเชียงราย หันไปเห็นยามกลางคืนนี้สวยงามมากครับ ขาวสว่างตัดกับสีดสนิทท้องฟ้ายามค่ำคืน ก็แวะเก็บภาพกันสักหน่อย เสร็จวัดเชียงรายแล้ว ผมก็มุ่งหน้ากลับไปเช็คเอาท์ และเเวะเอามอเตอร์ไซค์คืนกัน


แหม..ตอนคืนรถนี่ลุ้นมากครับ เอารถไปลุยมาหนักมาก นึกว่าจะโดนปรับเท่าราคาค่ารถ 5555+ แต่เปล่าเลยครับ...คืนแล้วก็ได้รับค่าค้ำคืนมา 1000 บาทถ้วนเหมือนเดิม กลัวจะทำรถบอบช้ำเสียจริงๆ หลังจากนั้นผมก็เดินดุ่ยๆๆๆ ไปรอรถที่บขส.แล้วมุ่งหน้ากลับกทม.กัน กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง กับหน้าที่การงานที่รอเราอยู่


จบการเดินทางของ คนหลงทาง ในครั้งนี้ลงแล้ว และพบกันใหม่ทริปหน้าครับ..

ขอบคุณชาวงาว และชาวลำปางทุกท่านที่ให้การตอบรับรีวิวนี้อย่างอบอุ่น และขอบคุณที่เห็นถึงความตั้งใจในการเดินทางของผม ทริปหน้าจะเป็นที่ไหน ผมจะออกไปใช้ชีวิตในที่แห่งใด ติดตามกันได้นะครับ

.

.

.

เราคงไม่เห็นความงดงาม "ชีวิต"

หากไม่แต่งเติมสีสันด้วย "ประสบการณ์"

บางครั้งการเดินทางอาจทำให้เราได้พบสิ่งที่เราตามหาโดยบังเอิญ ดั่งเช่น เมืองงาว เมืองที่ไม่หมุนตามเข็มนาฬิกา เมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่โอบล้อมอยู่รอบตัวเรา เมืองทีีทำให้นักเดินทางอย่างผมต้องจดจำความสุขและความประทับใจ อย่างไม่รู้ลืม...

-------------------

คนหลงทาง : ทางเข้า สวนป่าแม่เมาะ จ.ลำปาง

พูดคุยการเดินทางเพิ่มเติมกันได้ที่ : https://www.facebook.com/Lost.Somewhere.Together

ค น ห ล ง ท า ง

 วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 21.43 น.

ความคิดเห็น