สวัสดีครับ เพื่อน ๆ
รีวิวครั้งนี้ SOtraveler ได้รับ Voucher จากทางโรงแรม VIE Hotel Bangkok ให้มาลองชิมอาหารฝรั่งเศสมื้อค่ำ
“ณ ห้องอาหาร La VIE โรงแรม VIE Hotel Bangkok"
SOtraveler จึงอยากจะนำเอาประสบการณ์ครั้งนี้ มาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกัน
ห้องอาหาร La VIE จัดเป็นห้องอาหารที่มีเอกลักษณ์ ในความเป็นห้องอาหารฝรั่งเศสอย่างสมบูรณ์แบบ
"การประดับตกแต่ง บรรยากาศ แสง สี โทน รวมถึงการบรรเลงทำนองดนตรีเพราะ ๆ จากเครื่องดนตรีประเภทคลาสสิก
ล้วนเสริมสร้างบรรยากาศของห้องอาหาร La VIE ให้มีความอบอุ่น และโรแมนติคอย่างละมุน"
นอกจากนี้ การบริการของพนักงาน ผมสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า มีการปฏิบัติออกมาได้อย่างมีมาตรฐาน
สมกับความเป็นร้านอาหาร Fine Dining แต่ละคนให้บริการได้ในระดับมือโปร ใส่ใจในรายละเอียด
คอยซักถามความพึงพอใจอยู่เสมอ บริการสุภาพ อ่อนน้อม และมีความกระฉับกระเฉงในคราวเดียวกัน
รูปแบบของอาหารมื้อค่ำมื้อนี้ของผม จะเสิร์ฟเป็นคอร์ส ซึ่งประเทศฝรั่งเศสก็ถือเป็นประเทศที่เป็นต้นตำรับ
ผู้คิดค้นการให้บริการอาหารในรูปแบบคอร์ส ห้องอาหาร La VIE จัดคอร์สมื้อค่ำไว้บริการ โดยที่ La VIE
จัดไว้ดังนี้
4-Course at THB 1,999++
5-Course at THB 2,199++
ประกอบด้วย
1. Starter
2. Soup
3. Pasta
4. Main Course
5. Dessert
ตอนจบมี Coffee or Tea ปิดท้ายมื้ออาหารอย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งที่ 4-Course ต่างจาก 5-Course คือ 4-Course จะสั่ง Pasta หรือ Main Course ได้อย่างใด อย่างหนึ่งครับ
ทั้งนี้ หากไม่อยากทานเป็นคอร์ส ก็สามารถสั่งเป็นจานเดี่ยว A la carte ได้เช่นกัน รีวิวฉบับนี้เป็น 4-Course set Dinner for 2 Persons จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร มาติดตามอ่านไปพร้อม ๆ กันนะครับ
Elegant Classic Style French Cuisine
คอนเซ็ปต์การตกแต่งห้องอาหารเป็นลักษณะ หรูหรา ดูสง่างาม
และ มีความคลาสสิกผสมผสานร่วมอยู่ ให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น
ใช้สีเอิร์ธโทนในการตกแต่ง มีกระจกรอบด้าน ใช้มู่ลี่ไม้แทนการเปิดโล่ง
หรือใช้ผ้าม่านบังแสง ซึ่งในความรู้สึกผม ผมว่ามันเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศ
ของห้องอาหาร La VIE คล้ายว่า ไม่ได้ต้องการให้ดึงจุดสนใจออกไปยัง
บรรยากาศข้างนอก ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ต้องการให้ห้องอาหารมืดทึบ
การเลือกใช้มู่ลี่ไม้ในการตกแต่ง เป็นการเสริมเอกลักษณ์ของห้องอาหาร La VIE ได้ดี
ต้องชมเชยการออกแบบและการเลือกเฟอร์นิเจอร์ ประดับตกแต่งห้องอาหารที่ทำได้ดี
เป็นเอกลักษณ์ที่ใครต่อใครต่างจดจำบรรยากาศของห้องอาหารไว้ได้
หลังจากที่ได้โต๊ะนั่งแล้ว พนักงานก็เสิร์ฟ ขนมปัง และ Complimentary
มาให้ทานในขณะที่กำลังเลือกเมนูอาหารในคอร์ส Complimentary มีลักษณะ
เป็นเนื้อครีมซุปข้น รสชาติออกหวานเค็ม มัน ๆ
ถึงเวลาสั่งอาหารมาทานแล้ว !!!!
เริ่มต้นจาก Starter เรียกน้ำย่อยกันก่อน เมนู Starter แต่ละเมนูจะเสิร์ฟในปริมาณน้อย
และมีรสชาติที่ค่อนข้างจัด เพื่อกระตุ้นให้เกิดความอยากกิน ปลุกประสาทการรับรสให้ตื่นตัว
พร้อมทานเมนูถัดไป ผมเลือกสั่งมาเป็น
“หอยเชลล์ฮอกโกได เสิร์ฟพร้อมกับกะหล่ำดอกบด ยอดถั่วลันเตาและน้ำมันสกัดเห็ดไวท์ทรัฟเฟิล"
และ “หน่อไม้ฝรั่งนำเข้า เสิร์ฟพร้อมครีมทรัฟเฟิลกับมาสคาโปเน่และน้ำส้มสายชูเชอร์รี่"
หน่อไม้ฝรั่งอ่อน ยังคงความกรุบกรอบ หอมมันกลิ่นทรัพเฟิลกับราชินีแห่งชีสมาสคาโปเน่ขึ้นจมูก
ด้วยกรรมวิธีปรุงอาหารของเชฟ เป็นการเรียกน้ำย่อยได้ดีจริง ๆ เพราะผมตักทานไม่กี่คำก็หมด
ความรู้สึกเริ่มต้นตอนนี้คือ เครื่องติด พร้อมลุยจานต่อไปแล้ว
หอยเชลล์ฮอกไกโด เน้นรสชาติและความแน่นของหอยเชลล์เป็นหลัก หอมกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลมากเช่นกัน
อยากสั่งหอยเชลล์ฮอกไกโด มาต่ออีก 2 จาน แต่ก็ไม่ลืมว่า นี่เป็นเพียง Starter เท่านั้น
ยังมีเมนูอื่น ๆ กำลังปรุงและทยอยเสิร์ฟตามมา เกือบพลาดท่าความหิวให้กับ เมนูเรียกน้ำย่อย
หอยเชลล์ฮอกไกโด เมนูนี้ซะแล้ว
เห็นรึยังครับว่า เมนู Starter ทั้งสองจานที่ผมสั่งมา จะเป็นเมนู เบาๆ มีความกรุ่นของความหอม
วัตถุดิบที่นำมาปรุง ที่ทำหน้าที่กระตุ้นต่อมรับรส ปลุกกระเพาะให้พร้อมรับเมนู อื่น ๆ ต่อไปได้เป็นอย่างดี
หลังจาก Starter ก็ต่อด้วย Soup ผมสั่งมาเป็น
“ซุปเห็ดป่ากับเห็ดทรัฟเฟิลเสิร์ฟในถ้วยกาแฟคาปูชิโน่"
และ “ซุปปูม้าขนสีน้ำเงิน"
ซุปเห็ดป่ากับเห็ดทรัฟเฟิลเสิร์ฟในถ้วยกาแฟคาปูชิโน่ เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของ La VIE เลยล่ะครับ
และ เป็น Recommended Dished ของผมเช่นกัน ซุปมีความหอม รสชาติเข้มข้นดีเยี่ยม
อีกเมนูเป็นซุปปูม้าเสิร์ฟร้อน ๆ ซดทีละนิด รู้สึกอบอุ่นดี ชอบตอนกัดโดนคาเวียร์
แล้วแตกดังกรุบ จะได้ความเค็มอ่อน ๆคล้าย ๆ มีน้ำเกลือผสมอยู่
ในระหว่างที่ทานอาหารไป ก็จะมีเสียงเปียโนคลาสสิคบรรเลงให้ฟัง
ในมุมนึงของห้องอาหาร
เข้าสู่อาหารจานหลักแล้ว ผมสั่งมาเป็น
“คาปเปลินี่อบาโลนผัดกับกระเทียมและผักชี"
กับ “ไก่ฝรั่งเศส เสิร์ฟคู่กับทรัฟเฟิลพูเร และถั่วลันเตา"
คาปเปลินี่อบาโลนผัดกับกระเทียมและผักชี ถ้ากลับไปทานอีกครั้ง ผมก็คงสั่งเมนูนี้อีก
รสชาติเรียบ ๆ เลยครับ เน้นกลิ่นหอมกระเทียมและผักชี เด่นที่เส้นมีความเหนียวนุ่ม
ไก่ฝรั่งเศส เสิร์ฟคู่กับทรัฟเฟิลพูเร และถั่วลันเตา เมนูนี้เข้มข้น มีรสเค็มนำ
ทานแล้วอยากได้ข้าวเปล่ามาทานคู่ เพราะผมทานแล้วรู้สึกว่า การทานแต่ไก่ฝรั่งเศสเดี่ยวๆ
มันได้รสชาติที่เข้มข้น แน่นทุกคำที่ทาน มากไปหน่อย
ปิดท้ายมื้ออาหารด้วยของหวานสไตล์ฝรั่งเศส Sweet Time กันกับ
“Espresso sliced, vanilla ice-cream"
และ “Summer Berry Mille-Feuille"
หน้าตาเมนูของหวานจัดมาแบบชนะเลิศไปเลย แล้วรสชาติเป็นยังงัยบ้าง
Summer Berry Mille-Feuille มิล เฟยล์ เป็นขนมฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นแป้งพายสลับชั้นกับครีม
สอดไส้ผลไม้และครีมสด รสชาติหวานของแป้งและครีมตัดกับ ความเปรี้ยวของเบอรี่ ทานแล้วรู้สึกสดชื่น
ร่างกายกลับมาตื่นอีกครั้ง หลังจากที่เริ่มตอบสนองช้าลงหลังจากที่ได้ทานอาหารจานหลักไป
Espresso sliced, vanilla ice-cream เนื้อขนมเป็นลักษณะมูสครีม ค่อนข้างหวาน
ตามสไตล์ของขนมหวานฝรั่งเศสก็จะเป็นแนว ๆ นี้ หนักไปทานหวานมัน
Info
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์: +66 (0) 2309 3939
อีเมล์: [email protected]
Map
โรงแรม วี กรุงเทพฯ เอ็มแกลลอรี่ บาย โซฟิเทล
111/7-40 ถนน พญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์ : 02309 3939
สำหรับห้องอาหาร La VIE โรงแรม VIE Hotel Bangkok เป็นห้องอาหารที่ขยันครีเอท
เมนูอาหารน่าทาน ๆ ออกมาบ่อยมาก และสวย ๆ ทั้งนั้น ครับ
อย่างที่กล่าวไว้ ตอนต้น 4-Course ที่ผมทานนี้ราคาตกอยู่ที่ 1,999++ บาท ราคาถือว่า สมฐานะกับวัตถุดิบ
การปรุงแต่ง และการให้บริหารของห้องอาหาร อาหารเสิร์ฟมาในพอชั่นกลางๆ ไม่ใหญ่เกินไป และไม่เล็กเกินไป
จบคอร์สแล้วอิ่มกำลังพอดี บรรยากาศก็เข้ากับจานอาหารสวย ๆ ทานไป เพลินไป ฟังเสียงเปียโน บรรเลงเพลงไป
เล่าไว้เป็นหนี่งในตัวเลือกสำหรับท่านที่มองหาร้านอาหาร แนวๆ นี้อยู่นะครับ หรือใครยังไม่เคยลอง ก็ลองดูสักครั้ง
อาจค้นพบสไตล์อาหารและบรรยากาศที่คุณชอบจาก La VIE ก็เป็นได้
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมาครับ : )
SOtraveler.COM
วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 20.54 น.