🏞 ขึ้นดอยชมหมอกกิจกรรมหน้าฝน แวะจุดไฮไลท์ดอยอินทนนท์ 'พระมหาเจดีย์คู่' ค่ะ
🛕พระมหาเจดีย์คู่ ที่เรารู้จักกันในชื่อ 'พระมหาธาตุนภเมทนีดล' ที่อยู่เคียงคู่กับ 'พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ' ตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์บนความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 2,142 เมตร ในเขตพื้นที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ หลักกิโลเมตรที่ 41.5 ซึ่งจะถึงก่อนยอดดอยอินทนนท์ โดยพระมหาธาตุเจดีย์แห่งนี้เป็นพระธาตุที่ทางกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยร่วมใจกันสร้างขึ้น
🛕 'พระมหาธาตุนภเมทนีดล' สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2530 เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา โดยมีความหมายว่า 'พระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่ยิ่งใหญ่เพียงฟ้าจดดิน' ถือเป็นพระมหาสถูปเจดีย์องค์แรก ที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในประเทศไทย มีความสูง 60 เมตร ตัวองค์พระมหาสถูปเจดีย์จะเป็นสีน้ำตาล มีสัณฐานทรงระฆัง 8 เหลี่ยม มีลวดลายแบ่งออกเป็น 3 ช่วง เปรียบเสมือนพระบารมี 3 ขั้นตอนที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญเพียร อันประกอบด้วย บารมีขั้นแรก 10 ขั้น อุปบารมี 10 ขั้น และปรมัตถบารมี 10 ขั้น รวมเป็น บารมี 30 ทัศ
ส่วนที่เหนือรูปทรงระฆัง เป็นรูปบัวหงาย 8 กลีบ หมายถึงมรรคมีองค์ 8 และส่วนบนสุดขององค์พระมหาสถูปเจดีย์ มีรูปทรงเป็นยอดปลี ซึ่งหมายถึงการตรัสรู้สู่พระนิพพาน และที่ปลายยอดปลีกั้นด้วยฉัตรโลหะสีเงิน 9 ชั้น ฉลุลายสีเงิน มียอดเป็นสีทอง อันหมายถึง อุดมมงคลอันสูงสุด และเป็นร่มเกล้าที่พระมหากษัตริยาธิราช รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็น 'นวราชบพิตร' ถวายเป็นพุทธบูชา
ส่วนพื้นฐานอันเป็นที่ตั้งขององค์พระมหาสถูปเจดีย์ เป็นลานประทักษิณ 2 ชั้น ซึ่งมีซุ้มภาพปั้นด้วยดินเผาด่านเกวียน เป็นศิลปะแบบนูนต่ำ ภาพทศชาติชาดก ภาพธรรมชาติของป่าหิมพานต์ และสัตว์ในป่าหิมพานต์ และที่หน้าบันซุ้มทางเข้าภายในองค์พระมหาสถูปประดิษฐาน พระปรมาภิไธย ย่อ ภ.ป.ร. ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ
ภายในองค์พระมหาสถูปเจดีย์ เป็นห้องโถงโล่งทรง 8 เหลี่ยม เพดานสูง ตรงกลางห้องประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพร จำหลักด้วยหินแกรนิต ส่วนผนังห้องโถงประดับด้วยภาพศิลาจำหลัก แบบนูนต่ำ 4 ภาพใหญ่ แสดงพุทธประวัติ 4 ตอนสำคัญ คือ ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน สำหรับพระพุทธรูปปางประทานพรนี้ มีขนาดหน้าตักกว้าง 60 นิ้ว ตามจำนวนพระชนมพรรษา สูง 87 นิ้ว โดยแกะสลักจากหินแกรนิตสีเขียวอมเทาของประเทศอินโดนีเซีย
🛕 'พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ' องค์พระธาตุเป็นสีม่วงอมชมพู สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2535 เพื่อถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา โดยมีความหมายว่า 'เป็นกำลังแห่งฟ้า เป็นสิริแห่งดิน' ตัวองค์พระธาตุมีรูปทรง 12 เหลี่ยม แสดงความหมายถึงอัจฉริยธรรม 12 ประการ อันเกิดแก่พระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดา มีระเบียงกว้างโดยรอบเป็น 2 ระดับ ความกว้างที่ระดับระเบียงล่าง 37 เมตร แสดงความหมายถึงโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ ที่ขอบระเบียงแต่ละระดับมีซุ้มรูปกลีบบัวประดับอยู่ 6 ซุ้ม องค์พระมหาธาตุมีความสูงจากชานพักชั้นล่างถึงยอดปลี 55 เมตร สำหรับรูปลักษณ์ขององค์เจดีย์นั้น แสดงความหมายถึงโพธิปักขิยธรรมทั้ง 37 ประการ องค์เจดีย์ประดับโมเสกแก้วสีม่วงอมชมพูสีเดียวกันตลอดทั้งองค์ ที่ส่วนยอดขององค์เจดีย์เป็นยอดปลีล้อมด้วยกลีบดอกบัวตูม ประดับด้วยโมเสกแก้วสีทอง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กั้นด้วยฉัตรสีเงิน 9 ชั้น
ที่ผนังด้านนอกขององค์พระมหาธาตุเจดีย์และซุ้มระเบียง ประดับด้วยภาพปั้นดินเผา เป็นเรื่องราวของพระภิกษุณี ผู้เป็นเอตทัคคะ, เรื่องราวของอุบาสิกา ผู้เป็นเอตทัคคะ และภาพสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น ส่วนที่ด้านบนของซุ้มประตูทั้ง 3 ด้าน มีพระนามาภิไธยย่อ สก. ประดิษฐานไว้
ภายในเจดีย์เป็นโถงเพดานสูง มีพระพุทธรูปที่ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่บนแท่นกลางโถง เป็นพระพุทธรูปปางรำพึง ซึ่งเป็นพระประจำวันศุกร์ อันเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แกะสลักด้วยหินหยกขาว จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ขนาดความสูงเฉพาะองค์พระ 3 เมตร 20 เซนติเมตร ประทับยืนบนดอกบัว มีชายสังฆาฏิพาดอยู่บนบัลลังก์ หนักประมาณ 5 ตัน และได้รับพระราชทานนามว่า 'พระพุทธสิริกิติฑีฆายุมงคล' มีความหมายว่า 'พระพุทธเจ้าทรงเป็นสิริมงคลและทรงเจริญพระชนมพรรษา'
ผนังตอนบนโถงประดับด้วยภาพพุทธประวัติ ทำด้วยโมเสกแก้วสี เป็นภาพแสดงเรื่องราวของพระนางสิริมหามายา, พระนางมหาปชาบดีโคตมี, พระนางยโสธราพิมพา และนางวิสาขามหาอุบาสิกา
บริเวณพื้นที่โดยรอบพระมหาธาตุเจดีย์จะถูกจัดเป็นสวนพรรณไม้หลากหลายชนิด ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม โดยจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามแต่ฤดูกาล และที่นี่เป็นจุดที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยสามารถมองเห็นวิวภูเขาจากมุมสูงนี้ได้อย่างชัดเจนสวยงาม ประกอบกับช่วงที่เราไปเป็นช่วงฤดูฝน ก็จะมีฝนตกโปรยปรายเล็กน้อย ทำให้มีหมอกลอยมาปะทะร่างกายให้ได้เย็นฉ่ำ ลมพัดเย็นสบายอากาศดีมากเลยค่ะ 🌧☔️🌬🌫
📸 หลังจากที่ได้กราบสักการะพระมหาธาตุเจดีย์เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินถ่ายภาพเก็บบรรยากาศสายหมอก ดอกไม้สวยๆ ใช้เวลาไม่นานเราก็กลับลงไปที่จุดรอรถรับ-ส่ง เพื่อกลับไปยังลานจอดรถด้านล่าง🌺🌷🪻
🧏 ใครหลายคนน่าจะเคยมากันหลายครั้งแล้ว แต่!!! เชื่อมั้ยว่าเราเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งที่ 2 และครั้งนี้การเดินทางขึ้นไปยังพระมหาเจดีย์คู่ ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่คือ ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวเข้าไป ต้องนำรถไปจอดที่ลานจอดรถเท่านั้น! ซึ่งจะเลยจากทางเข้าพระมหาธาตุไปเพียงนิดเดียว อยู่ก่อนถึงจุดชมวิวกิโลเมตรที่ 41 ค่ะ
🚕 สำหรับการเดินทางขึ้นไปยัง 'พระมหาธาตุเจดีย์คู่' ทางหน่วยงานได้มีการจัดเตรียมรถสองแถวไว้คอยให้บริการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อบริการประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งขาไปและขากลับ โดยจะเสียแค่เพียงค่าเข้าชมสถานที่ค่ะ ซึ่งคนขับรถจะแวะจอดให้เราซื้อตั๋วตรงปากทางขึ้นค่ะ 🔅
อ๋อ!!! อย่าลืมแวะไปถ่ายรูป 📸 ที่ลานจอดรถกิ่วแม่ปานกันด้วยนะ อยู่ห่างจากจุดจอดรถสองแถวไม่กี่🚶♀️🚶♂️ก้าวเดินเองค่ะ
และอีกจุดไฮไลท์ที่ต้องไม่พลาด คือ จุดชมวิว กม. 41 อยู่ตรงช่วงทางโค้งพอดี วิวสวยมาก เรามาช่วงหน้าฝนมีแต่หมอก 🌬🌫 ไม่เจอพระอาทิตย์เลยจ้า 🌞 ทั้ง 2 จุดนี้เราแวะถ่ายรูปเก็บบรรยากาศก่อนที่ 'พระมหาธาตุเจดีย์คู่' จะเปิดให้เข้าชมค่ะ
🎫 : ราคาตั๋ว คนไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
🎯 : พระมหาธาตุนภเมทนีดล นภพลภูมิสิริ ตำบล บ้านหลวง อำเภอจอมทอง เชียงใหม่ 50160
⏰️ : เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
📱 : 080 924 5459
🌏 : https://maps.app.goo.gl/PEisDw...
-----------------------📝
🤗 สนุกกับการเที่ยว สนุกกับการกิน
ในแบบฉบับของตัวเองน๊าา 🚘🧳🏖
-----------------------🌅
#เที่ยวได้กินกินได้เที่ยว #พระมหาธาตุเจดีย์คู่ #พระมหาธาตุนภเมทนีดล #พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ #เที่ยวดอยอินทนนท์ #อินทนนท์ #เที่ยวเชียงใหม่ #เชียงใหม่ #เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน #ที่เที่ยวหน้าฝน
เที่ยวได้กิน กินได้เที่ยว
วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 18.15 น.