เฮ้ยไงพวกวันนี้พวกเราจะพาไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานกันนนนนนนนน


ขอย้อนกลับไปก่อนสอบไฟนอลลลลล มีเพื่อนคนนีงพูดขึ้นมาว่า "เห้ย ตั๋วเครื่องบินลดราคาวะ" ทันใดทั้งทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า จอง!!!!!! พวกเราเลือกที่จะมาจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสถานที่ที่เราต้องการนั้นก็คือออ อุทยานแห่งชาติเขาสก หรือที่เรียกว่า เขื่อนเชี่ยวหลานนั้นเอง พวกเราเลือกที่จะเดินทางกันวันที่ 26 ก.ค 2559 และพวกเราก็จองที่พักกัน โดยในครั้งนี้เราจะพักกันที่ แพนางไพร เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน

วันที่1

วันที่ 26 ก.ค 2559 ณ สนามบินนานาชาติดอนเมือง เที่ยวบินที่ บลาๆๆๆๆๆ 55555 พร้อมเดินทางสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้วโดยสารการบินแอร์เอเชียครับ นั่งแค่ 45 นาที และแล้วเราก็มาถึงสนามบินจังหวัดสุราษฎร์ธานี

จากสนามบินจะมีรถตู้ไปเขือนนะครับสนนราคาที่ 200 บาทต่อท่านนะครับบบบบบ นั่งรถตู้ประมาณ1ชั่วโมงก็ถึงครับ พวกผมได้ติดต่อเรือไว้แล้วเมื่อมาถึงก็ทำตามกฎของอุทยานนะครับ คือจ่ายค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท แล้วก็รอเรือมารับนะครับ

คนขับเรือของเรานะครับ ชื่อพี่หยัมมม ระหว่างทางพี่เค้าจะบรรยายถึงประวัติต่างๆของทีนี่นะครับและบอกชื่อของภูเขาโน้นนี่นั้นและแวะให้พวกเราได้ถ่ายรูปด้วย

ที่พักของพวกเรานะครับ คือแพนางไพร เป็นแพแรกของอุทยานนะครับและที่สำคัญคือถูกที่สุดแล้ววววววว 55555

มาถึงก็ติดต่อเจ้าหน้าที่จ่ายเงินค่าที่พักค่าข้าว ก็ตกคนละ 800 บาทต่อคนต่อคืนนะครับ เรามาก็มื้อเที่ยงพอดี กับข้าวของทางแพนะครับขอบอกเลย ดีมากๆเยอะด้วยนะครับบางอย่างสามารถขอเติมได้นะครับ ที่เด็ดๆก็คือ ปลาแรดทอดกระเทียมซึ่งเป็นปลาเขือนจากประมงพื้นบ้าน อร่อยโคตรๆแล้วก็แกงเหลืองนะครับ เด็ดสุดๆๆไปเลย

ห้องพักของพวกเราอยุ่ริมสุดของแพเลยครับ บรรยากาศเยี่ยมมากถึงแม้ว่าที่พักจะไม่มีพัดลมไม่มีปลั๊กไฟ แค่ได้นั่งมองธรรมชาติมันก็โอเคแล้วครับ (หึหึ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ไง 55555) นี่คือที่พักของพวกเราครับ

โดยบริเวณที่พักจะมีปลาตะเพียนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากครับ เราสามารถให้อาหารพวกมันได้นะครับ แต่ไม่แนะนำครับ เก็บขนมปังไว้กินตอนหิวเถอะ 55555 แล้วนี่ก็คือบรรยากาศบริเวณที่พักของพวกเราครับ


หลังจากที่เอาสัมภาระเข้าที่พักแล้ว พวกเราก็พักผ่อนกันโดยการเล่นน้ำไงครับ น้ำใสขนาดนี้ใครจะอดใจไหว ปล.คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นแนะนำให้ใส่ชูชีพนะครับ เพราะน้ำลึกถึง 150 เมตร อันตรายมากๆๆ ว่าแล้วก็นับ 1 2 3 ตู้มมมมมมมมมมม เย็นชื่นจายยยยยย แต่น่าเสียดายครับ เราคุยกับทางพี่หยัมไว้ว่าตอนเย็นจะไปดูพระอาทิตย์ตกแต่!!!!ฝนตกครับ เหอะๆๆ ก็อดไปสิ แต่ไม่เป็นไรครับ ตอนเช้าเราก็ไปได้อยู่ตั้ง2คืนเอาให้คุ้มมมมม



วันที่2

ตื่นเช้ามาทานโอวัลตินเสร็จพวกเราก็ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ก็น่าเสียดายคือฟ้าไม่เปิดเลย ไม่เป็นอะไรครับในความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่ได้เห็นนกเงือก ประมาณ6-7ตัวครับ และก็เจอชะนี ถึงจะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแค่นี้ก็โอเคแล้วเนอะๆ 5555 ปล. ถ่ายรูปไม่ทันครับ กล้องiphone5ของผมมันกากเกินไปเลยถ่ายแต่บรรยากาศยามเช้ามาให้ชมกันครับ 5555

ไฮไลท์ของที่นี่ ถ้าไม่มาที่นี่แสดงว่ายังมาไม่ถึงเชี่ยวหลานนะครับ คือ เขาสามแกลอนะครับ


แล้วพวกเราก็กลับมาทานอาหารเช้าที่แพเหมือนเดิม รูปอาหารไม่ค่อยได้ถ่ายไว้หรอกครับเพราะหิวเลยจ้วงกันอย่างเดียว

ทานอาหารเสร็จแล้วพวกเราก็ถามเจ้าหน้าที่และพี่หยัมคนขับเรือของเราว่ามีที่เที่ยวที่ไหนอีกบ้าง โปรแกรมมี2เส้นทางครับ 1.เดินป่า ชมถ้ำปะการัง 2.เที่ยวน้ำตกและส่องสัตว์ ไหนๆก็มาแล้วเนอะ ไปทั้ง2โปรแกรมเลย จัดไป ครึ่งวันเช้าเราจะไปเดินป่า ชมถ้ำปะการัง แล้วก็กลับมาทานอาหารเที่ยงที่แพ แล้วบ่ายโมงก็ออกไปเที่ยวน้ำตกและส่องสัตว์ เอ้าลุย!!!! นั่งเรือประมาณ 15นาทีก็ถึงแล้วครับ

มีร้านค้าอยู่หน้าทางเดินเข้าป่านะครับ แต่ถ้าซื้อแล้วอย่าทิ้งขยะไว้ในป่านะครับเพราะที่นั้นยังอุดมสมบูรณ์มีลิงมีค่างอยู่ เขาอาจจะกินเข้าไปได้และอันตรายถึงตายได้เลยนะ แล้วที่ร้านค้ามีไม้เท้าให้ยืมใช้นะครับแต่ก็นำกลับมาไว้ที่เดิมด้วยอย่าทิ้งไว้ข้างทางเด้อออ ตลอดเส้นทางเราเดินทั้งหมด2กิโลเมตรนะครับ ไปกลับก็4กิโลเมตรพอดิบพอดีเลย ลุยกันเถอะสายแล้วแดดมันร้อนนนน พี่หยัมคนขับเรือของเราเดินนำหน้าไปแล้วครับ พร้อมมีดพร้าของแก แกบอกว่าจะหาหน่อไม้สดไปทำกับข้าวเย็นที่แพวันนี้

ถึงแล้ววววววววววทะเลใน (500ไร่) เราต้องต่อเรือจากตรงนี้เพื่อไปถ้ำปะการังนะครับ โดยมีเจ้าหน้าที่ของที่นี่พาไปนะครับ

ขากลับโชคดีมากๆเลยยยพวกเราได้เจอค่างถิ่นใต้แบบประชิดตัวประมาณว่าจะขี้ใส่หัวอยู่แล้ว ประมาณ 5 ตัวครับตัวอื่นถ่ายไว้ไม่ทันครับ ขออภัยด้วยหากรูปคุณภาพแย่นิดนึง 555แล้วพวกเราก็กลับมาทานอาหารเที่ยงที่แพเหมือนเดิม ระหว่างเดินออกจากป่า พวกเราก็สงสัยว่าพี่หยัมของเราหายไปไหนวะ แต่ที่ไหนได้ พี่แกเดินออกจากป่ามาพร้อมกระสอบที่เต็มไปด้วยหน่อไม้ที่จะทำอาหารเย็นวันนี้ สุดยอดหวานปากแล้ววว 555555 หลังจากที่ทานอาหารเที่ยงเสร้จพวกเราก็เดินทางต่อ โดยจุดหมายคือน้ำตก แต่ชื่ออะไรนั้น พี่หยัมไม่ได้บอก 5555 แต่ก็พาทัวร์ผ่านแพนั้นแพนี้ เช่น แพ500ไร่ เป็นต้น และแล้วก็ถึงซักทีน้ำตกนี้อาจจะเดินลำบากสักหน่อยนะครับเพราะทางลื่นมากเพราะเมื่อคืนฝนตก ต้องใช้ความระมัดระวังหลังจากนั้นเราก็มาพักผ่อนที่แพคลองแสง (หน่วยคลองหยา) เพื่อรอไปนั่งเรือดูสัตว์ พี่หยัมบอกว่า ที่ยังเห็นอยู่ก็มีกระทิงเยอะที่สุด แต่ก็แล้วแต่เวรกรรมของเราว่าจะเจอมากน้อยแค่ไหน ปล.เราสอบถามจากเจ้าหน้าที่อุทยาน เค้าบอกว่า คนเรือที่จะพาไปดูสัตว์ได้ก็มีแค่พี่หยัมและพี่ชายของพี่หยัมเท่านั้นเพราะพี่เค้าชำนาญเส้นทางสุดแล้ว ประมาณ4โมงเย้นพวกเราก็นั่งเรือเข้าไปอย่างช้าๆ ต้องสายตาดีหน่อยนะครับเพราะกระทิงตัวใหญ่ก้จริงแต่ถ้าเราเข้าไปใกล้มาก มันจะได้กลิ่นและวิ่งหนีไป ตลอดเส้นทางเราเจอกระทิงประมาณ12 ตัวครับ แต่ดูได้จากที่ไกลๆ กล้องก็ซูมไม่ถึง ขนาดกล้อง DSLR ยังไม่ชัดเลย 555555 เก็บไว้ในความทรงจำก็พอแล้วกัน กลับมาที่พักแล้วก็ทานอาหารเย็น พักผ่อนกัน



วันที่3

และแล้วงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา พวกเราต้องบอกลาซะแล้ววว เช้านี้บรรยากาศดีมากๆเลยครับ มีหมอกให้เห็นแถมฝนตกด้วยย พวกเราต้องรอฝนหยุดตกก่อนถึงจะเดินทางกลับได้นั่งเรือประมาณ 15 นาทีครับพวกเราก็ถึงจุดหมายนั้นก็คือท่าเรือขึ้นฝั่งนะครับบริเวณสันเขื่อน หลังจากบอกลาพี่หยัมคนขับเรือของเราแล้วพี่เค้าก็แนะนำให้ไปบริเวณสันเขื่อนเพื่อถ่ายรูป บลาๆๆๆ เก็บภาพมาฝากนะครับ แต่ฝนยังเทลงมาไม่หยุดเลยถ่ายได้แค่นี้ 55555ก่อนกลับพวกเราแวะไปถ่ายรูป ภูเขารูปหัวใจ ก่อนจะไปทริปที่2 อยู่ใกล้ๆกับเขื่อนเลยครับ หาไม่ยาก นี่ไงๆๆ

สุดท้ายนี้ผมต้องขอลาไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันทริป2ของพวกเราที่จังหวัดกระบี่และพังงา

#firsttrippeuktothesouth

ภาพทั้งหมดผมใช้ iphone5 ตัวเก่งของผมอย่างเดียว5555 ไม่มีเงินซื้อกล้อง และใช้โปรแกรม VSCO ในการแต่ง หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

IG: zongpa

Mellamoz.

 วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.13 น.

ความคิดเห็น