Green Season แบบนี้จะต้องนึกถึงผืนป่า ทุ่งหญ้า และสีเขียว หลายๆคนคงมีสถานที่ในใจและที่นี่ก็คงเป็นสถานที่ใจในของใครหลายคนเหมือนกัน “อำเภอปัว จังหวัดน่าน"
ทริปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีโปรแอเอเชีย ตามสโลแกน โนโปร โนไฟท์ เมื่อมีโปรต้องรีบจอง ได้ราคาไปกลับน่าน 2,200 บาท ก่อนจะถึงวันบินได้ไปเดินงานท่องเที่ยวที่ศูนย์สิริกิติ์ เพื่อไปจองรถเช่า ซึ่งที่สนามบินน่านจะมีแค่เจ้าเดียวที่ให้บริการรถเช่า คือ AVIS (เจ้าเดียวภายในงานท่องเที่ยว แต่ที่สนามบินน่านก็มีหลายเจ้าอยู่) ราคาเช่าวันละ 990 บาท
เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ได้รถแล้ว ก็ออกเดินทางกันนน
วันที่ 1
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2559 ตื่นแต่เช้าเพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง ไฟล์ 07.25 น. ถึงน่าน 08.45 น. ออกจากเกตก็ยื่นเอกสารรับรถเช่าที่เคาเตอร์ AVIS กันค่ะ กว่าจะยื่นเอกสาร กรอกนู้น นี่ นั่น เสร็จก็ปาเข้าไป 09.20 น. เช้าๆแบบนี้มีสองความรู้สึกคือ ง่วงและหิว แต่ความง่วงเก็บไว้ก่อน วันนี้เรามาเที่ยว แต่ความหิวเก็บไม่ได้จริงๆ หิวตั้งแต่อยู่ดินแดงแล้วววว ว่าแล้วก็ search google ร้านของกินในตัวเมืองน่าน พลางก็ขับรถชมเมืองไปเรื่อยๆแล้วก็ค้นพบว่าเมืองน่าน เงียบ สงบมากกก ผู้คนก็ไม่ค่อยมี หรือยังไม่ตื่นก็ไม่รู้ แต่ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน ฮักน่านตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอเลย วนหาที่กินอยู่สักพักก็ตกลงกันที่ร้าน บ้านขนมจีน กินๆเข้าไปพอให้หายหิวแล้วก็ไปกันต่อค่ะพี่สุชาติ‼
ส่วนที่ที่เราไปกันต่อคือวัดภูมินทร์ เข้าไปกราบไหว้พระและชมภาพเขียนฝาผนังอันโด่งดัง กระซิบรักบันลือโลก และอุโมงค์ต้นลีลาวดี ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน
ก่อนจะเข้าที่พักขอแวะเที่ยวที่วัดภูเก็ตกับสักนิด วัดภูเก็ตสร้างบนเนินเขา ทำไมถึงชื่อวัดภูเก็ต เพราะหมู่บ้านแห่งนี้ชื่อว่า บ้านเก็ต ส่วนคำว่าภู ก็แปลว่าภูเขา เนิน นั่นเอง ไม่ใช่สาขาวัดจากจังหวัดภูเก็ตนะ เนื่องจากวัดอยู่บนเนินเขาจึงสามารถมองเห็นวิวได้ 180 องศา กลายเป็นจุดแลนด์มาร์กแห่งหนึ่งในอ.ปัวที่ใครๆก็ต้องมาเยือนเลยก็ว่าได้ เพราะหันไปทางไหนก็เจอแต่สีเขียวของทุ่งนาที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
บ้านตานงค์โฮมสเตย์
วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2559
เนื่องจากกลางคืนฝนตกหนักมาก ในใจคิดกลัวว่าจะมีน้ำป่าไหลพาเราออกทะเลมั๊ยเพราะนอนใกล้ภูเขามาก มารู้อีกทีตอนเช้าว่าเมื่อคืนไม่ใช่ฝนธรรมดาๆแต่เป็นพายุ!! และคงจะตกหนักแบบนี้ไปอีกหลายวัน
เช้าแล้วฝนยังตกปรอยๆ กะว่าจะเดินชมคันนาซะหน่อย ทำได้แค่นอนต่อแค่นั้นเอง และเนื่องจากฝนตกหนักมาก แผนที่วางไว้ว่าจะขับรถไปบ่อเกลือก็ต้องล่มไป เพราะหมอกลงจัด ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี ทำให้ต้องเที่ยวแต่ในปัว
ทุ่งนาสีเขียว กับ หมอกลอยเอื่อยๆในตอนเช้า
เป็นร้านกาแฟหลักร้อยแต่วิวหลักล้าน จิบกาแฟไปชมวิวทุ่งนาสีเขียวมี background เป็นภูเขาที่มีหมอกลอยปกคลุมยอดเขาไว้ บวกกับอากาศเย็นๆกำลังสบาย โอ๊ยยย‼ มีความสุขอะไรเบอร์นี้ แอบบอกว่าเครื่องดื่มก็รสชาติโอเคเลยนะ
ติดกับร้านกาแฟก็จะเป็นร้าน ลำดวลผ้าทอ สามารถหาซื้อผ้าทอจากชาวบ้านได้ที่นี่เลยค่ะ
เจ้าประคุณรุนช่อง‼ กระเพาะคนหรือควาย หิวได้หิวดีหิวตลอดเวลา 5555 ไปกันต่อค่ะพี่สุชาติ วันนี้น้องไม่รีบ
ที่นี่มีเห็ด มีข้าวให้กิน มีโฮมสเตย์ให้นอน และมีวิวที่สวยงาม อีกแล้ว
ระหว่างทางไปฟาร์มเห็ด วิวสวยมากกกกกก
"วัดพระธาตุแช่แห้ง" ชื่อนี้ติดหูตั้งแต่เรียนวิชาพระพุทธศาสนาตอนประถมแล้ว
ทำไมต้องเอาวัดไปแช่แห้ง? นี่เป็นคำถามที่ติดอยู่ในใจตั้งแต่เด็ก
แล้ววันนี้ก็ได้มากราบนมัสการแล้ว
ขอบคุณค่ะ
Tidarat Khanom
วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.37 น.