เที่ยวคุ้ม เที่ยวครบ แบบขาลากกก กับเงิน 15,000 บาท (รวมทุกอย่างแล้ว)
... แถมตื่นเต้นกับการโดนกักตัวครั้งแรกที่ตม.ฮ่องกง หุหุหุ หัวใจจิวาย...
- ไปเอง หลงเอง และอยากแบ่งปันข้อมูล เผื่อจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างค่ะ -
การเดินทางครั้งนี้ เราได้โปรจากหางแดง
ดอนเมือง - มาเก๊า = 3,222.00
ฮ่องกง ดอนเมือง = 4,774.31
หาร 2 ไป-กลับ ราคาอยู่ที่คนละ 3,998.15 บาท
ที่พัก มาเก๊า 1 คืน, ฮ่องกง 2 คืน
คืนแรก พักที่เกาะมาเก๊า Ole London (ทำเลดีมาก) ราคาคืนละ 2,390.00 บาท / 2 คน ไม่รวมอาหารเช้า
คืนที่ 2-3 พักที่เกาะฮ่องกง (ฝั่งเกาลูน ย่าน Tsim Sha Tsui ทำเลดีงาม) Sandhu Hotel ราคา 2 คืน 3,689.62 บาท / 2 คน ไม่รวมอาหารเช้า
ค่าเรือเทอร์โบเจท จากเกาะมาเก๊า ข้ามไป เกาะอ่องกง (ฝั่งเกาลูน) = คนละ 710 บาท
ค่ากระเช้านองปิง (ควรซื้อจากไทยไปเลยนะคะแนะนำมากๆ) = คนละ 630 บาท
ค่าบัตรเครื่องเล่นโอเชี่ยน พาร์ค = คนละ 1,404.00 บาท
สรุปค่าใช้จ่ายหลักๆที่ต้องจ่ายไป = คนละ 9,778.95 บาท
ส่วนที่เหลือ 5,221.05 บาท คือ ค่าอาหาร ค่ารถ (งดช๊อป เพราะเวลาไม่พอ... แถมเงินเหลือกลับบ้านอีก)
หมายเหตุ : เรทเงินวันที่เดินทาง 1 ดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) เท่ากับ 4.68 บาทค่ะ (แลกที่เดอะริช BTS สยาม)
*** มาเก๊ามีสกุลเงิน ที่เรียกว่า “ปาตากาส์" หรือ MOP$โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 103.20 MOP$ = 100 HK$ เงินดอลล่าร์ฮ่องกง เป็นที่ใช้กันแพร่หลายในมาเก๊า โดยมักจะใช้แลกเปลี่ยนในอัตรา 1 ต่อ 1 คือ หากมูลค่าสินค้าเท่ากับ 5 MOP$ ก็สามารถชำระเป็น 5 HK$ ก็ได้ ที่มาเก๊า เขาก็รับเงิน สกุลของ ฮ่องกงด้วย แต่ที่ ฮ่องกง จะไม่รับ สกุลเงิน mop ของมาเก๊า ในการใช้จ่าย ดังนั้นอย่าแลกเงินมาเก๊าไปเยอะค่ะ *** ขอบคุณข้อมูลดีๆจากอินเตอร์เน็ต23.11.15
13.40 น. ตามเวลาท้องถิ่นมาเก๊า
เฮลโล่วววว มาเก๊า
แพลนคร่าวๆของวันนี้นะคะ
1. ลงเครื่อง ฝากกระเป๋าที่เวเนเชี่ยน (ใบละ 50 บาท)
2. นั่งรถเมล์ไปวัดอาม่าที่เกาะโคโลอาน
3. หลังจากไหว้พระที่วัดอาม่าแล้วนั่งรถเมล์สายเดิมไปลงที่เกาะโคโลอานชิมทาร์ตไข่แสนอร่อยนามว่า " Lord Stow's "
4. กลับจากเกาะโคโลอานแวะรับกระเป๋าเดินชมเวเนเชี่ยน+คาสิโน นั่ง Taxi เข้าที่พัก
5. เช็คอินที่พัก Ole London เกาะมาเก๊า เก็บกระเป๋า ออกมาหาอะไรกิน เดินเที่ยว จตุรัสเซนาโด้ + โบสถ์เซนต์ปอล
6. อาบน้ำพักผ่อน ZZZZzzzzz23.11.15
Mon 23 Nov 2015 FD762 DMK 10:20 MFM 13:45
กายพร้อม ... ใจพร้อม .... ลุยค่ะ
ทริปนี้เราไปกัน 2 คนค่ะ ... ชะตาชีวิตขึ้นอยู่กับกระดาษโน๊ตกับแผนที่แผ่นเล็กๆ ที่ปริ้นส์ออกมาคนละชุดเท่านั้น (ถ้าทำหายก็คือตายอย่างเดียวอะ)
ปล. ขอไม่แต่งภาพนะคะ ... ถ่ายสดกันไปเลยย
แผนที่ชุดนี้เป็นแผนที่ ที่เราพอจะเข้าใจได้ง่ายๆ ว่าเราจะไปไหนบ้าง (เครดิต.จากอินเตอร์เน็ต)
13.45 น. แตะพื้นโดยสวัสดิภาพ เวลาไม่ขาดไม่เกิน (สนามบินมาเก๊าตั้งอยู่เกาะไทปานะคะ)
ถึงปุ๊บบบบ แทบจะถอดเสื้อกันหนาวอันมุ้งมิ้งของเราแทบไม่ทัน .... จะบอกว่าอากาศร้อนค่ะทั่นผู้ชม (ประมาณ 23-25 องศา) ถ้าไม่ใส่เสื้อหนาวก็เย็นๆ สบายๆ แต่เราเห่องัย ใส่เสื้อหนาวคนละ 2 ตัว 5555++
เราก็เริ่มเร่งสปีดการเดิน เพื่อแข่งกับเวลา แพลนวันนี้ คือต้องไปเยือนเกาะโคโลอานกับไปชิมทาร์ตไข่ให้ได้
ว่าแล้วก็รีบบึ่งสะพายกระเป๋าก้าวขายาวๆ .... ผ่านตม.มาเก๊า มาโดยง่ายดาย ออกมาประตูทางออกหารถเมล์ฟรีของเวเนเชี่ยน
เพื่อจะเอากระเป๋าเดินทางที่เราแบกมา ไปฝากไว้ที่นั่น ..............
ปูลู : อัพเดทข่าวล่า คือไม่ฝากฟรีแล้วค่ะ ถ้าไม่ใช่แขกของโรงแรมเค้าคิดใบละ 50 บาทไทยนะคะ
รถฟรี Hotel Shuttle Bus
รถฟรีเวเนเชี่ยนค่ะ คันสีน้ำเงิน ท่าเทียบท่าแล้วแสดงว่ากำลังจิออกค่ะ ขึ้นได้เลย
ไม่ถึง15 นาที รถก็พาเรามาถึงอาณาจักรของคาสิโน นั่นก็คือ เวเนเชี่ยน นั่นเอง
รถเมล์ฟรีจะพาเรามาส่งด้านหน้า (Main Lobby) เราสามารถฝากกระเป๋าได้ทั้ง ด้านหน้า (Main Lobby) และด้านหลัง (West Lobby)
หรือฝากข้างหน้า แล้วไปรอรับข้างหลัง หรือฝากข้างหลัง ไปรอรับข้างหน้า ก็ได้ค่ะ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่และเผื่อเวลาด้วย
สำหรับเจ้าของกระทู้ฝากไว้ที่ Main Lobby ค่ะ เพื่อรอรถเมล์สาย 25 ขึ้นที่หน้า City of Dream ตรงข้าม The Venetian (ค่าโดยสารประมาณ 5 เหรียญ) ไปวัดอาม่าที่เกาะโคโลอาน
โคโลอาน (Coloane)
เดินทางด้วยรถเมล์สาย 25 ขึ้นที่หน้า City of Dream ตรงข้าม The Venetian (ค่าโดยสารประมาณ 5 เหรียญ)
หมายเหตุ : การแลกเงินไปมาเก๊า ไม่ควรแลกเงินมาเก๊าไปเยอะนะคะ เพราะเราจะแลกคืนไม่ได้เลย ควรขอแลกร้านค้าหรือที่ฝากกระเป๋าในเวเนเชี่ยนก็ได้ ซัก 20-30 เหรีญมาเก๊า (MOP) ใช้เวลาหยอดกระปุกรถเมล์ หรือไว้จ่ายตามร้านที่เค้าไม่รับเงินฮ่องกงค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะรับหมดค่ะ ........ แต่ฮ่องกง จะไม่รับเงินมาเก๊าเลย (เจ้าของโพสเหลือกลับมาบ้านเกือบ 100 เหรียญ เลยได้เก็บเอาไว้เป็นที่ระทึกแทน 555+)
ส่วนสายอื่น ๆ ที่สามารถเดินทางไปได้จะมี 26A, 15, 21A และ 25จาก City of Dreams ไปยังจุดหมายแรกไม่ไกลค่ะ
ประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว ระหว่างทางมีป้ายชัดเจนว่าไปโคโลอานเกาะโคโลอานนี้มีพื้นที่ประมาณ 8 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น จะตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะไทปา มีการถมทะเลจึงทำให้ 2 เกาะนี้กลายเป็นพื้นที่เดียวกัน (ขอบคุณข้อมูลจากลุงเด้งป้าไก่ค่ะ ช่วยชีวิตหนูได้ดีมากๆ)
หมู่บ้านวัฒนธรรมอาม่า (A-Ma Cultural Village)
หมู่บ้านวัฒนธรรมอาม่า จะมีองค์เจ้าแม่อาม่าสีขาว สร้างจากหินอ่อนแกะสลัก จะตั้งอยู่บนยอดเขา Coloane Hill Park และสามารถเห็นวิวสวย ๆ ของมาเก๊าจากบนนั้นได้อีกด้วย
ไม่ถึง 10 นาที เราก็จะถึงเกาะโคโลอานคะ .... เสียใจ ลืมถ่ายป้ายรถเมล์ ( ป้ายรถเมล์กับประตูวัดจะใกล้ๆกันเลยค่ะ ถ้ากลัวลงผิดป้าย เราเดินไปกระซิบคนขับก็ได้แล้วนั่งอยู่ใกล้ๆเค้า พอถึงเค้าก็จะไล่เราลงเองค่ะ ..... น่าร๊ากกกกกกกกอ่ะ ^^
บริเวณหน้าวัดจะมีรถตู้บริการขึ้นเขาฟรีค่ะ ......... 15-20 นาทีก็ออก ขากลับก็เหมือนกัน
ตะวันจะตกดินแล้วเรารีบเร่งฝีเท้า เพื่อเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านโคโลอานกันต่อค่ะหมู่บ้านเกาะโคโลอาน
การเดินทางคือ นั่งรถสายเดิมที่เราลงวัดอาม่า พอรถขับมาถึงวงเวียน เราจะเห็นขวดแฟนต้ายักษ์ พอเจอละรีบลุกขึ้นแล้วกดกริ่งลงป้ายเลยค่ะ
ลงแล้วเราก็เดินนนนนนนนนนน ชมนกชมไม้ชมเมือง หาทางไปโบสถ์้เซนต์ฟรานซิสเซเวียร์ .... (มาตามรอยซีรี่ย์ 555++)
และแล้วสุดท้ายเราก็ได้เจอกัน .......... " ทาร์ตไข่แสนอร่อย แซ่บนัว เจ้มจ้น " ชิ้นละเท่าไหร่ก็จำไม่ได้นะคะ เพราะหิวมาก ตาลาย ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน
พอได้พักเหนื่อย แป่บบบนุงก็ต้องรีบกลับ เพราะจะค่ำแล้ว กลัวหลงทาง
การเดินทางกลับก็เหมือนเดิมค่ะ คือนั่งรถสายเดิมตรงขวดน้ำแฟนต้า ไปลงแถวๆเวเนเชี่ยนเลย ... (ไม่ต้องกลัวหลงค่ะ เพราะเราหลงมาแล้ว เค้าจอดให้ตรงไหนไม่รู้ แต่วิวมันสวยอะก็เลยเดินๆๆๆๆ)
อ่อ ... วิวฝั่งตรงข้ามเค้าบอกว่าเป็น เซินเจิ้นนะค่ะ ......... สวัสดีค่ะ จีน เกิดมาเพิ่งเคยเห็นเซินเจิ้น นั่งมองตั้งนาน 5555+++
ประมาณเวลา 6 โมงเย็นนิดๆเราก็มาถึงเกาะไทปากันค่ะ
เห็นโรงแรมโฟร์ซีซั่นเราก็ เตรียมกดกริ่งเลยค่ะ
ลงแล้วก็เดิน ....... วิวสวยมากกกกกกกกกกก อากาศเย็นสบายเลย
เรารีบไปรับเอากระเป๋าที่ฝากไว้ Main Lobby แล้วเดินทะลุไปที่ West Lobby (ถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปี เดินผ่านไม่ได้นะคะ ต้องขึ้นบันไดเลื่อนเดินผ่านข้างบน) เจ้าของโพสโดยตรวจพาสปอร์ตค่ะ รปภ.ไม่ให้เข้าไป 5555555++ ต้องสปีคกันเลยว่า " แอม นอท ยัง โอเค๊ . . . "
เสร้จก็เดินเพื่อหารถฟรี ที่จะไป Yoet Tung Pier ในรีวิวบอกว่า ด้านขวามือสุด เจ้าของโพสเดินนนนนน ตั้งแต่ป้ายที่ 100 จนถึงป้ายที่ 1 ก็ม่ายเจอ ยิ่งเดินก็ยิ่งมืด เลยตัดสินใจขึ้น Taxi ค่ะ ....
เสียค่า Taxi ประมาณร้อยกว่าบาท (เสียดายจุงง)
หลังจากรถออกก็นั่งไปประมาณ 20 นาที
Taxi ก็จะพาเราข้ามสะพานจากเกาะไทปา มายังเกาะมาเก๊า ถ้างง เลื่อนขึ้นไปดูแผนที่นะค๊า
*** นั่งผ่านมาเก๊าทาวเวอร์ด้วย ***
รถจะผ่านวัดอาม่าอยู่ด้านขวามือ จากวัดอาม่าก็จะเลยไปประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะถึงท่าเรือ Yoet Tung Pier แต่เรามา Taxi
เค้าก็จะพาเราจอดหน้ารร.เลย สบายขาไปอีกนิด ... แต่ถ้านั่งรถฟรีของรร. เราก็มาลงที่ท่าเรือ Yoet Tung Pier และก็เดินย้อนมานิดนึง ให้สังเกตอาคารสีเหลืองกับตู้ไปรษณีย์สีแดงอันใหญ่ เดินเข้าไปในนี้จะผ่านโรงแรมเบสเวสเทิร์น ซัน ซัน ก่อนแล้วถึงจะเป็น Ole London ค่ะ
**** เห็นหลายรีวิวจาย Deposit (ค่ามัดจำ) แต่เราไม่ได้จ่ายนะ ... เจ้าหน้าที่ก็ยิ่มแย้มดี ให้ข้อมูลดีมาก น่ารักด้วย ***
หน้าตาห้องพักของเรา .... เราได้ห้อง 106 ขึ้นบันไดก็เจอเลย ข้างในโอเคมากๆๆๆ ก็สมกับราคาแหล่ะ
เอาละ นี่ใกล้จะ 2 ทุ่มแล้ว
เรารีบเก็บของล้างหน้าล้างตา รีบออกไปหาอะไรกิน เราแพลนว่า จะรีบไปดูโชวร์ของโรงแรม Wynn กับ Grand Lisboa และ Casino Lisboa เพื่อชมแสงสียามค่ำคืน (รถเมล์สาย 17 ผ่านค่ะ ) แต่วันนี้เราเหนื่อยและล้าเหลือเกิน ข้าวก็ยังไม่ได้ทาน เดินทางก็หลง
เลยตัดสินใจตัดทริปนี้ไป เพราะคิดว่าคงไม่ทันแล้ว (โชว์เค้าเริ่ม 2 ทุ่ม)
ก็เลยเดินลัดเลาะออกมาจากรร. (เดินย้อนขึ้นมาทางตู้ไปรษณีสีแดงค่ะ แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่องๆ จะเจอแยกไฟแดงใหญ่ๆ ก็เลี้ยวขวาเลยค่ะ จะเจอถนนเส้นที่จะไป (Senado Square) กับโบสถ์เซนต์ปอล)
ก่อนถึง เราเจ๊อะ ร้านอาหารร้านนึง คิดว่าน่ากินอะ ก็เลยแวะ .......... อาหารที่สั่งก็ไม่รู้หรอกว่าอะไร ใช้มือชี้ๆเอา แค่ไม่ใช่ บีฟ ก็กินได้หมดอะ
โห่ววววว ชามบะเร้อบะร้า ใหญ่จริงอะไรจริง .... สมกับราคา ( 2 ชามนี้ราคาประมาณชามละ 80 บาท ค่ะ โค๊กกระป๋อง 30 บาท )
กินเสร็จก็เดินต่อนะคะ ............ เดินๆๆๆๆ ขาใหญ่ ขาย้อย ก็ต้องเดิน
แป่บก็ถึง เซนาโดสแควร์ (Senado Square)
อากาศตอนกลางคืนเย็นสบายค่ะ วิวสวย .... แต่ร้านค้าปิดหมดแล้ว
พรุ่งนี้เรามีแพลนมาที่นี่อีกแต่เช้า .... พอเดินถ่ายรูปได้หอมปากหอมคอ เราก็เดินทางกลับที่พัก
เพื่อเก็บแรงไว้เดินต่อพรุ่งนี้ค่ะ
ขากลับ เราแวะซื้อเชอร์รี่ที่แผงลอยตรงหน้าเซนาร์โด้มาชิม จะบอกว่า หวาน หอม กรอบ อร่อยมากกกก
กล้วยหอมก็หวาน อร่อยฟินน์ๆ นั่งพักขาซักพักก็เดินกลับโรงแรม
ขากลับเจอเค้าขายลูกชิ้นทอดด้วย
ร้านอาหารไทยคนเยอะมาก
เดินไปเดินมาเจอร้านน้ำเต้าหู้ ........... ก็เลยลองซุปงาดำ โอ้ววแม่เจ้า อร่อยมาก เนื้อนวลละเอียดดด หอมมด้วย
มิน่าคนเยอะ (จำชื่อร้านไมได้ค่ะ ลืมถ่ายรูปมาด้วย เสียดายๆ) ชามนี้ 35 บาท ค่ะ
เดินนนนจนสาแก่ใจแล้วก็เข้าที่พักค่า อาบน้ำพักผ่อน พรุ่งนี้ยังต้องเดินกันอีกไกลลล ........... ZZZzZZzzZzzzzz
เช็คค่าใช้จ่ายของวันแรกนะคะ
23-11-15
1. ค่ารถเมล์ ไป-กลับ เกาะไทปา ไปเกาะโคโลอาน = 10 เหรียญ คูณ 4.68 / 46 บาท
2. ค่าทาร์ตไข่ + เครื่ืองดื่ม คนละประมาณ / 150 บาท
3. ค่าแทกซี่จากเกาะไทปา มายังเกาะมาเก๊า คนละประมาณ / 150 บาท
4. ค่าอาหารก่อนถึงเซนาร์โด้ คนละประมาณ / 100 บาท
รวมค่าใช้จ่ายวันแรก 446 บาทวันที่ 2 ของการผจญภัย
24.11.15
6.30 น. ยังไม่อยากลุกเลยยยยยยยยยยยย ปวดขา เมื่อยขา โอ้ยย กลับบ้านได้มั้ยเนี่ย ยย ยย ย น้ำตาจิไหล
เพิ่งผ่านมาวันเดียวพลังก็จะหมดแล้ว /// ว่าจบก็กะโดดเข้าห้องน้ำ กว่าจะแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จทั้ง 2 นาง
ก็ปาเข้าไป 8 โมงเช้าละ
ได้เวลาเก็บกระเป๋าเตรียมเช็คเอ้าท์ค่ะ
ที่ Ole London สามารถเช็คเอ้าท์ก่อนเวลา และฝากกระเป๋าเดินทางได้นะค่ะ ถ้าต้องการที่จะท่องเที่ยวในมาเก๊าต่อ
ไม่จำกัดเวลาและก็ไม่คิดค่าฝากด้วย ใจดีที่สุ๊ดดดดดดดดดดด
ฝากเสร็จ เราก็เตรียมตัวเดินอีกครั้ง
อ้อ ..... แพลนวันนี้นะคะ
1. ช่วงเช้าไปวัดอาม่าค่ะ (ที่เราผ่านตอนขามาจากเกาะไทปา)
2. ไปเซนาโดสแควร์ (Senado Square) + โบสถ์เซนต์ปอล อีกครั้ง
3. เดินทางไปเกาะไทปา ฝากกระเป๋าที่เวเนเชี่ยน + ชมเวนิชจำลองที่เวเนเชี่ยน
4. จากเวเนเชี่ยน กลับมาเกาะมาเก๊า เพื่อชม Fisherman 's Wharf
5. ไปท่าเรือเทอร์โบเจทที่อยู่ข้างๆ Fisherman 's Wharf เพื่อข้ามไปเกาะฮ่องกง (ฝั่งเกาลูน แถวจิมชาชุ่ย)วัดอาม่า
24.11.15
การเดินทางของเราวันนี้ก็คือ รถเมล์ . . . .(งดเดินนะ น่องระบม) (แต่ถ้าใครฟิตกว่านี้ ประหยัดงบกว่านี้ก็เดินได้ค่ะ ไม่ไกลมาก)
เดินออกจากรร.ก็เดินย้อนมาทางตู้ไปรษณีย์สีแดง ละก็ข้ามถนนผ่านสวนสาธารณะ ไปรอรถเมล์หน้าเซเว่นค่ะ
รถเมล์ที่วิ่งผ่านวัดอาม่าก็มีสาย 1, 2, 5, 6, 7, 10, 10A, 11, 18, 21A, 26, 28B เรานั่ง 10A นะคะ
รถเมล์ที่วิ่งอยู่ในเกาะมาเก๊าราคา 3.2 MOP / คน ราคาเท่ากันทุกสาย รถเมล์ทุกคันในมาเก๊าเป็นรถแอร์
ขึ้นข้างหน้า ลงข้างหลัง บนรถมีแค่คนขับ คนเก็บตังค์ไม่มีเพราะจะมีตู้ระบบหยอดเหรียญแบบอัจฉริยะ
ถ้าหย่อนเกินเครื่องจะไม่ร้อง แต่ถ้าหย่อนไม่พอถึงจะร้อง พอเครื่องร้องคนขับก็จะเรียกกลับมาให้มาหยอดเพิ่ม
วันนี้เผลอทำเหรียญ 10 บาท กับเหรียญ 5 บาท ลงไปไม่รู้ว่าป่านนี้กระปุกจะท้องอืดรึเปล่า เพราะกินเหรียญแปลกปลอมไป
เราไปกัน 2 คน ก็หย่อนลงไป 7 เหรียญฮ่องกง ไปเลย ขาดทุนนิดหน่อย นั่งมาแป่บเดียวไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงคะ
สายแล้วๆๆๆๆ ต้องเร่งฝีเท้าหน่อย เพราะเราจะไปทานข้าวเช้ากันที่ เซนาโดสแควร์ (Senado Square) กับโบสถ์เซ็นต์ปอล ค่ะ
ได้ทั้งวิวกลางวันกลางคืน คุ้มจริมๆๆๆ
การเดินทางจากวัดอาม่า ไป เซนาโดสแควร์กับโบสถ์เซ็นต์ปอล
เดินออกมาด้านหน้าวัดอาม่า ข้ามถนนหาป้ายรถเมล์ที่จะไป เซนาโด ถ้าไม่รู้ว่าสายไหน ก็อ่านที่ตรงป้ายรถเมล์จะมีบอกค่ะ
ว่าสายไหน ไปไหนบ้าง (แต่ตอนเจ้าของโพสไป ลืมแล้วค่ะ ว่าวิ่งขึ้นสายไหน เพราะถามคนแถวนั้นเอา เค้าชี้ให้ขึ้นก็ขึ้น แล้วก็ลงป้าย
ที่เราอยากลง .... เจ้าของโพสลงป้ายก่อนถึงเซนาโดนะคะ เพราะจะเดินดูของ ดูร้านค้าและหาอะไรกิน)
เดินมาถึงหัวมุมถนน ... (หัวมุมไหนก็ไม่รู้ฮ่ะ จำไม่ด้ายยยอีกแล้ว )
เจอร้านค้าเล็กๆ หน้าร้านจะมีร้านขายผลไม้อะค่ะ เราเห็นรูปมันน่ากิน คิดว่าพอจะกินได้ก็เลย
ลองซะหน่อย
นี่อารายยยยยยยยยยย .... ??
หมีผัดใส่ไส้กรอก .... หน้าตาธรรมดา แต่ปรุงรสอร่อยมากค่ะเส้นเหนียวนุ่ม เครื่องปรุงหลายขวดมาก !
นี่ลูกชิ้นหมู+กุ้ง ......... เนื้อหมูเยอะกุ้งเยอะสมคำร่ำลือ
เห้ยยย ก้มหน้าก้มตากินอยู่ดีๆ ก็เห็นมีคนมาซื้อนมไอ้นี่เยอะมาก ก็เลยลองคนละขวด
อืมมมม ก็มันๆ รสจืด
ข้องใจที่สุดคืออันนี้ .......... มันคืออะไรอ่ะ .... คนสั่งกินเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก
ตั้งหน้าตั้งตากิน กินแบบแทนข้าวเลย ............ เราข้องใจมาก จัดมา 1 จาน
สรุป ..... ข้าวเกรียบปากหม้อบ้านเรานี่แหล่ะ แต่ไม่มีไส้ ..... มันจะอร่อยเพราะมีซอสปรุงรสของเค้าอะคะ
อาหารมื้อนี้จ่ายไปเบาๆ คนละร้อยกว่าบาท ฟินนนนนนนน์ถึงฮ่องกงเบยยป่ะ อิ่มแล้วเดินต่อ ...
สองข้างทางก็จะเจอร้านขายหมูแผ่นเยอะแยะมากมาย .... แต่เราว่าหมูแผ่นที่สิงคโปร์อร่อยกว่านะ
แต่แล้วแต่คนชอบเนอะ ...............
มาเจอหมึกย่าง
ทาร์ตไข่
ของฝากขนมนี้อร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ร้านนี้คนเยอะนะฮ่ะ ตั้งอยู่หน้าโบสถ์เซ็นต์ปอล
เดินเตร่ดเตร่มาถึงหน้าโบสถ์แล้วค่ะ ......... ถ้าใครฟิตจัดก็เดินขึ้นไปดูวิวข้างบนด้วยก็ได้นะคะ
จะเห็นวิวมาเก๊าหมดเลย สวยๆค่ะ .... แต่เราสองคนไม่ไหวละ .......... รอเก็บแรงไปเดินเวเนเชี่ยนต่อค่ะ
เราถ่ายรูปกันหนำใจแล้วก็เดินทางกลับไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้รร. ค่ะ
การเดินทางก็เช่นเดิม ........ วิ่งข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามเซนาโด เดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้เหมือนเมื่อคืนอะคะ
11 โมงร้านค้าก็เริ่มทะยอยกันเปิด แล้ว
รับกระเป๋าเสร็จ หารถไปเวเนเชี่ยนอีกครั้งค่ะ เพราะวันแรกเรายังไม่มีเวลาแวะชมเวนิชจำลองเลย
เราเดินไปรอรถเมล์ฟรีของโรงแรมเวเนเชี่ยนที่ท่าเรือ Yoet Tung Pier ก็ไม่มีซักคัน ก็เลยตกลงกันว่า
ถ้ารอต่อ คงจะเสียเวลาแน่ๆ ก็เลยหารถเมล์สาธารณะไปเอง ....
อ่านตรงป้ายรถเมล์หน้าเซเว่นพอจะมีรถไปเวเนเชี่ยน (จำไม่ได้ละว่าสายไหน ... ถ้าไม่รู้ก็ถามคนแถวนั้นได้ค่ะ)
ค่ารถเมล์จ่ายไป 5 เหรียญนะคะ ข้ามระหว่างเกาะ ..........
พอถึงอาณาจักรคาสิโน ..... คนขับรถเมล์ก็ไล่เราสองคนลงค่ะ แต่จุดที่ลงไม่ใช่เวเนเชี่ยนนะคะ แต่เป็นโรงแรมอื่น
รับรองไม่หลงแน่นอน เพราะป้ายเวเนเชี่ยนใหญ่เบิ้ม ! .......... เราก็เดินอ้อมมมมมม อ้อมไป อ้อมมา .............
และแล้วก็เจอ โรงแรมกาแล็คซี่ แวะถ่ายรูปสิครัช รออัลไลลล ..... ทิ้งเลยกระเป๋า 5555+
เดินเข้าไปเลยค่าาาาา .. .. ...
อุ๊ยยย มีโชว์พอดีเลยยย โชคดีจัง
ขออภัยนะคะ คุณภาพของกล้องไม่สามารถเก็บความสวยงามจริงๆมาฝากได้
จะบอกว่า ของจริงสวยกว่า 10 เท่าค่ะ อลังๆๆๆๆ
โอเค ........... ดูโชว์จบละไปงัยต่อ
ถามรปภ. ในโรงแรมค่ะ ว่าไปเวเนเชี่ยนทางไหน
หันหน้าเข้าน้ำพุ เดินมาทางซ้ายมือ ................
เดินตรงมาเรื่อยๆ ผ่าน คาสิโน
เดินตรงไปจะเจอ สตาร์บัคส์ ละก็จะเจอทางออกค่ะ ...... เห็นป้ายเวเนเชี่ยนใหญ่ๆ
รู้สึกว่าเราจะเดินทะลุมาทางด้านหลังเวเนเชี่ยนนะคะ เพราะมีป้ายรถเมล์เยอะๆๆๆ
(เหมือนคืนแรกที่เราตามหารถเมล์ไป Yuet Tung Pier และหาไม่เจอ จนต้องได้นั่ง Taxi ไปโรงแรม Ole London)
เห็นเวเนเชี่ยนแล้วก็เดินเข้าไปเลยค่ะ ..........
ปล. เหตุการณ์สำคัญอยู่ตรงนี้คะ
*** คือ เราเข้าใจผิด คิดว่า คาสิโน Sand อยู่ตรงข้ามกับ เวเนเชี่ยน จึงได้ฝากกะเป๋าไว้ที่ด้านหน้า (Main Lobby) เพราะคิดว่าเวลากลับ
จะได้ไม่ต้องย้อนไปมา คือเที่ยวเวนิชจำลองเสร็จก็มารับกระเป๋าแล้วออกไปเลย
*** แต่ความจริงแล้วคือ ........ คาสิโน Sand ที่ว่า มันอยู่เกาะมาเก๊าฮ่ะ ไม่ใช่ที่นี่ .... โอ้ววว แม่เจ้า !!!
นี่ก็ไปฝากเลยครัชช เดินนนนจากด้านหลัง ทะลุ คาสิโน ไปฝากกระเป๋าด้านหน้า (Main Lobby)
พร้อมถามเจ้าหน้าที่ฝากกระเป๋าเรียบร้อยว่า จะไป Fisherman 's Wharf ต้องออกไปทาง (Main Lobby) ใช่มั้ย ??
เค้าก็บอก โน้วๆๆๆ " you must go west lobby "
หาาาาาาาาาา ... ทำไมต้องไป West Lobby ละ นี่ตอนไปโคโลอาน ชั้นเห็นป้าย โรงแรม Sand อยู่นะ .. ยูมั่วววว ปะเนี่ย
ไม่เชื่อๆๆ ยังงัยก็ Main
กระนั้นก็ดันทุรัง เชื่อในสายตาตัวเอง .... สรุปฝากกระเป๋าที่ Main Lobby คะ (แล้วน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า หึหึหึ)
อ่อ ... เวลาฝาก ถ้ากลัวมีปัญหาก็ถ่ายรูปกระเป๋าที่เราฝากไว้ด้วยนะคะ
ใบละ 50 บาท เช่นเดิม
ฝากกระเป๋าเสร็จ ก็ขึ้นไปลั่นลา เวนิชจำลองได้ อยู่ชั้น 3 นะค้าาา
แอบถ่ายนักเสี่ยงโชค
เพื่อนสาวขอถ่ารูปกะพ่อกอนโดล่านิดนุง
เดินเข้ามาชมข้างในกัน ....
ว้าวววววววววว สวยงามมากค่ะ ยังกะของจริง
เวลาเราเดินนะ เมฆงิลอยตามมาเลย
สวยๆ
สัมผัสเวนิชจำลองแบบอิ่มใจแล้ว ......... ต่อไปก็ต้องมาเจอกับความจริงที่เจ็บปวดด
คือลงจากเวนิชจำลองจากชั้น 3 แล้วก็เดินออกไป Main Lobby เพื่อตามหา Fisherman 's Wharf
ตามหายังงัยก็ไม่เจอ .......... เหนื่อย เพลียร่างฝุดๆ ............ ได้แต่กลับเข้ามาที่โรงแรม
และถามเจ้าหน้าที่ตรงฝากกระเป๋าอีกครั้งว่า จะไป Fisherman 's Wharf ต้องออกทางไหน
เจ้าหน้าที่ก็ตอบว่า West Lobby .......... โอเค๊ เวสก็เวสว่ะ ลองดู ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
ว่าละสองสาวก็เดินนนนนนทะลุ คาสิโน จากด้านหน้า มาด้านหลังอีกรอบ (ถ้ารวมทั้งหมด นับได้ 8 รอบละ)
เราก็ถามเจ้าหน้าที่ตรงฝากกระเป๋าด้าน West Lobby อีกรอบ ว่าจะไป Fisherman 's Wharf ยังงัย
เค้าก็ชี้บอกให้ขึ้นรถเมล์ฟรีที่จะไป Sand Casino นะ ออกประตูป้ายจะอยู่ด้านซ้ายมือ . .....
เค .. ซ้ายก็ซ้าย ........ วิ่งจู๊ด ไปต่อคิว ในใจก็ระแวงว่าไม่ใช่ แอบถามคนยืนข้างหน้าว่า "ใช่ไป Sand ใช่มั้ย "
เค้าก็พยักหน้า ......... อืมม อุ่นใจ งั้นคงไม่หลง
เห้ยยย ทำไมทางมันคุ้นๆๆ ........
เห้ยยยย นี่เกาะมาเก๊านิ .... นั่นมัน Wynn นั่นก็แกรนด์ริชบัว
นี่คือ Casino Sand ........
ตรงข้ามก็คือ ............ Fisherman 's Wharf ........... โอ้วววว จิเปนลม
โอเค .. ตอนนี้เราหลงจนรู้แล้วว่า Fisherman 's Wharf มันอยู่ตรงข้ามกับ Casino Sand เกาะมาเก๊า
เราก็นั่งรถคันเดิมที่นั่งมา ... กลับไปเอากระเป๋าที่ เวเนเชี่ยนที่เราฝากไว้
ชีวิตเร่ร่อนมาก บอกเลย ........ คือตอนนี้หลับตาเดินมาเก๊าได้ละคะ ไปกลับ ไปกลับขนาดนี้ขอตัดภาพมาที่ Fisherman 's Wharf เลยละกันนะคะ ...... ช้ำใจ !!!
เพื่อนสาวได้แต่ปลอกใจ .......... " เอาน่า หลงเป็นครูน่ะคุณเพื่อน อย่าซีเรียส "
เออ กรูไม่ได้ซีเรียส แต่กรูเหนื่อย เข้าใจม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย
ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน
Fisherman 's Wharf
ฟิชเชอร์แมน วาร์ฟ ถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ ส่วนท่าเรือแห่งราชวงศ์ (Dynasty Wharf) เป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณแบบจีนในช่วงราชวงศ์ถัง, ส่วนตะวันออกพบตะวันตก (East Meets West) พื้นที่บริเวณนี้จะห้อมล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกและตะวันออก และส่วนท่าเรือในตำนาน (Legend Wharf) เป็นพื้นที่ของร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร และกาสิโน (ขอบคุณข้อมูลจาก Google ค่ะ)
ประมาณ 5 โมงเย็น หลังจากเราได้ชื่นชมบรรยากาศโรมันจำลองแล้ว ก็ถึงเวลาต้องเดินทาง
ไปขึ้นเรือ เพื่อข้ามไปเกาะฮ่องกงกันค่ะ
การเดินทาง
เดินออกจาก Fisherman 's Wharf เลี้ยวขวา แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ ... จะเจอสะพานลอย ขึ้นบันไดเลื่อนไปเลยคะ
แล้วก็เดินเข้าไปท่าเรือเลย ตรงซื้อตั๋วจะอยู่ชั้น 3 ... สำหรับเจ้าของโพส ซื้อตั๋วของ เทอร์โบเจทคะ ลงฝั่ง Kowloon ย่าน Tsim Sha Tsui
เรือออก 18.00 น. ซื้อตั๋วเสร็จก็ต่อคิวลงเรือค่ะ ในตั๋วจะมีเลขที่นั่งตัวเองด้วยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะได้ยืน
บรรยากาศภายในเรือ
ราวๆ 1 ทุ่มนิดๆ เราก็ถึงท่าเรือ Kawloon ของห้าง China Hong Kong City ถ. Canton Road ,จิมซาจุ่ย
ค่ะครื้ดดดด ครึดๆๆ เสียงหัวเรือกระทบกับคลื่นทะเล เรือค่อยๆเอี้ยวตัวเพื่อจะเทียบท่า
(ท่าเรือ Kawloon ของห้าง China Hong Kong City ถ. Canton Road ,จิมซาจุ่ย)
อึ้มมมม .... นี่เราใกล้จะได้เหยียบแผ่นดินฮ่องกงแล้วซิ อิอิ..
ตื่นเต้ลๆๆๆ
ในใจก็คิด ..." กูจะผ่าน ตม.มั้ยน๊า าาาา จะโดนกักตัวมั้ยน๊าาาา..เค้าจะถามอะไรบ้างน๊าาา "
มือเย็น ขาสั่น ใจเต้นตุบๆเป็นจังหวะ 3 ช่า (อย่างกะไปทำอะไรผิดมา 5555+++)
ส่วนอีคุณเพื่อนนางชิลล์ค่ะ นางให้กำลังใจว่า ..."เราผ่านตม.มาเก๊ามาได้ เราก็ต้องผ่านฮ่องกงได้สิน่า ....
มีข้อมูลอยู่เต็มมือจะกลัวอะไร"
เออๆ ใช่ๆ ... ข้อมูลกูปริ้นส์มาเพียบเลยเนี่ยทั้งตั๋วจองขากลับ ทั้งโรงแรมที่พัก ทั้งข้อมูลทริปที่จะเที่ยว
กระดาษ A4 ประมาณ 20 แผ่นได้ (ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย)
เอาว่ะ เป็นงัยเป็นกัน !!!!!!!!!
หลังจากลงเรือเรียบร้อย เราก็เดินตามคนอื่นๆมาเรื่อยๆค่ะ จนถึงจุดตรวจ (เขียนใบตม.ตามปกติค่ะ )
เขียนเสร็จก็ต่อแถวตรวจตราประทับเหมือนปกติ ....
ณ จุด จุดนี้ มีช่องประมาณ 3-4 ช่อง เราเลือกช่องที่ผู้ชายหน้าตาใจดีมากที่สุด ....... (คิดผิด จริงๆ T.T)
พร้อมเดินเข้าไปด้วยมือที่เฉียบเย็น ( เอ้าาา กูเป็นไรเนี่ย กูไม่ได้ฆ่าคนตายมานะ กูกลัวไรว่ะ #%$%%^ คิดไปเรื่อย ต้องดึงสติกลับมาก่อน)
ขณะที่ยื่นเอกสาร ตม. ก็ยิ้มให้ พร้อมถามว่า " That Your Friend " พร้อมชี้มาที่ my เฟรนด์ด้านหลัง me
เราตอบกลับว่า "yah that my friend '
ตม. "you come together"
เราตอบกลับว่าใช่เรามาเที่ยวกันสองคน
พูดจบ นางก็กวักมือเรียกเพื่อนเราเข้ามาละรวบพาสปอร์ตเราสองคนให้กับเจ้าหน้าที่อีกคนผู้ชายด้านหลัง
ตม.คนนั้นก็เชิญเราไปที่เคาท์เตอร์ด้านหลัง (ไม่ใช่ห้องเย็นนะคะ เป็นเค้าท์เตอร์เปิดโล่ง เหมือนเค้าท์เตอร์ประชาสัมพันธ์)
เค้าบอกว่า เค้ามีบางคำถามอยากจะถาม พร้อมดูนาฬิกาและจับเวลา
เค้าถามเราว่า
1. มากี่วัน-กลับวันไหน
2. พักที่ไหน
3. ได้เอาตั๋วขากลับมามั้ย
เราก็ตอบคำถามแบบชัดถ้อยชัดคำ พร้อมยื่นเอกสารการจองที่พัก (จองผ่านอะโกด้า) ตั๋วขากลับให้เจ้าหน้าที่คนนั้นดู
เค้าก็เอาเอกสารทั้งสองไปเชคในคอมฯ เราสองคนก็ยืนรอ พร้อมเจ้าหน้าที่อีก 2 คน (ยังกะทำความผิดมา)
เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที ................. เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ยื่นเอกสารกับพาสปอร์ตคืนเราสองคน พร้อมกล่าวคำว่า
Welcome to Hongkong .... Have a Nice Trip พร้อมยิ้มบางๆให้เรา 1 ที ***
คร่าาาาา แทงยูวววววววววว์ ปล่อยให้กรูเสียวตั้งนานนนนน
จำไว้นะคะทุกคน จะเดินทางไปไหน อย่าลืมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เอกสารการจองที่พัก กับตั๋วขาออกเด็ดขาด!!!!!!!!!!!ค่ะ......... ตัดภาพมาที่วิธีการหาทางไปที่พักของเรานะคะ
ที่พักของเราที่ฮ่องกง เราจอง Sandhu Hotel ทั้ง 2 คืนค่ะ (คืน 24-26 พ.ย. 58)
ผ่านอะโกด้า ราคาทั้งสิ้น THB 3,689.62 (Standard Twin Room)
ที่อยู่ Flat A & B, 13/F, Harilela Mansion, 81 Nathan Road, Tsim Sha Tsui, Tsim Sha Tsui, Hong Kong, Hong Kong
ทำเลดีงาม สะดวกสบาย แต่ห้องแคบนะคะแต่สะอาด ไม่น่ากลัว พนักงานยิ้มแย้มใจดี (เดี๋ยวมีรูป)
หลังจากที่ผ่าน ตม.ฮ่องกงมาแล้ว เราก็ขึ้นบันไดเพื่อหาทางออกไปยัง ถนน Nathan Road
ขณะนั้นจำไม่ได้ว่าออกทางไหน รู้แต่ว่าถามทางออกจากรปภ.ของห้างคะ เค้าบอกให้ตรงไป
แล้วเลี้ยวซ้าย ... ค่ะ อ่านป้ายเช่นเดิม ............. เดินๆๆหา MTR สถานี Tsim Sha Tsui ทางออก C2
ทางผ่าน
เย้ ... เดินหลงๆมาซักพักเราก็เจอ MTR สถานี Tsim Sha Tsui ล้าววววววว
เจอแล้วก็เดินลงไปเลยค่ะ เพื่อที่จะหาทางออก C2เห็นป้ายแล้วก็เดินออกไปเลยค่ะ
ทางเข้าตึกอยู่ขวามือ (เดินไม่ถึง 20 ก้าว) ทางเข้าตึกจะมีป้ายขายนาฬิกา Emperor
ทางเข้าตึกจะแคบๆ มีโต๊ะเจ้าหน้าที่เฝ้าลิฟต์อยู่ 1 ตัว มีลิฟต์ขึ้นลง 2 ตัว
แต่จะมีป้ายชื่อโรงแรมตลอดทางนะคะ ไม่ต้องกลัวหลง
กดไปชั้น 13 ........... เจอเจ้าหน้าที่ผู้ชาย (เป็นแขกดำ)
เราก็ยื่นเอกสารการจองให้เจ้าหน้าที่ เค้าก็เช็คเรียบร้อย
ก็พาเข้าห้อง ......... แต่ห้องเราอยู่ชั้น 12 ต้องลงบันไดหนีไฟไปอีกชั้น
ภาพห้องพักนะคะ
ที่นอนโอเค + ห้องน้ำโอเค
ปล. ที่พักดีมากค่ะ คืนที่ 2 เค้ารู้ว่าอากาศจะหนาวมาก เรากลับเข้าห้องก็เจอผ้าห่มผืนใหม่ใบโต้โต
ไว้ให้คนละผืนนน อุ่นมากก
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย check point แรกที่เราจะไปคือ ..
1. Avenue of Star
2. อ่าวVictoria Harbour
ออกจากตึกที่พัก เราเลี้ยวซ้ายแล้วก็ตรงมาเรื่อยๆค่ะ อ่านตามป้ายว่าไป Victoria Harbour
ระหว่างทางเดิน สวยๆๆๆ
เดินชมเมืองมาซักพัก ถ้าเจอห้างสวยๆแบบนี้ แสดงว่าใกล้ถึงอ่าวแล้วค่ะ
(นี่ชื่อห้างอะไรไม่รู้ค่ะ สวยมากๆๆๆ ดึงดูดให้เราเข้าไป เด็กๆมาถ่ายรูปรับปริญญากันเต็มเลย)
เดินมาๆๆ เราเจอท่าเรือเกาลูนล๊าวววววววววววววว สวยจุงงง
นั่นคือตึกที่สูงที่สุดใช่ม้ายยยย
ที่เราเห็นอยู่นี่คือฝั่งของฮ่องกงนะคะ สวยงามจริงๆ
ป่ะ เดินต่อ ......... เดี๋ยวเราต้องเดินข้ามถนนไปฝั่งที่มีหอนาฬิกานะคะ ตรงนั้นจะเป็น
จุดที่ถ่ายมิวสิกวีดีโอเพลง ความรักดีๆอยู่ที่ไหน ......... อิอิ มาตามรอย
ความรักดีๆอยู่นี่เอง
จุดชมวิวตรงนี้ จะปิดประมาณ 3 ทุ่มนะคะ ถ้าจำไม่ผิด จะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาเช็คนักท่องเที่ยว
หลัง 3 ทุ่มจะไม่ให้ใครขึ้นมาบนนี้ค่ะ
หลังจากโดนไล่จากจุดชมวิวแล้ว เราก็เดินขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ เพื่อตามไปหา Avenue of Star แต่หาไม่เจอ
คือบับบบว่า เมื่อยขามากๆ เพื่อนสาวเลยชวนกลับ บอกว่าพรุ่งนี้ค่อยมากันใหม่นะ ถ้ามีเวลา อดเบย T.T
ก่อนกลับเรามาแวะทานอาหารมื้อค่ำของเรากันที่ใกล้ๆที่พัก ชื่อร้านอะไรจำไม่ได้เลยค่ะ เพราะมันเป็นภาษาจีน
ค่าเสียหายหมดไปประมาณคนละ 300 บาท ค่ะ อิ่มแปร้
เมนูแรก ข้าวผัดแมงกานิส
เมนูที่ 2 หมูอบกรอบ
เมนูที่ 3 ผัดผักฮ่องกง
หลังจากทานเสร็จก็กลับไปอาบน้ำพักผ่อน พร้อมลุยกับพรุ่งนี้ค่ะ
ZZZzzzzzzzzzzzzzzzz
รวมค่าใช้จ่ายวันที่ 2
1. ค่ารถเมล์จากที่พัก Ole London ไปวัดอาม่า คนละ 3 HKD (3x4.68 = 14.04 บาท)
2. ค่ารถเมล์จากวัดอาม่า ไปเซนาโด้ สแคว์ คนละ 3 HKD (3x4.68 = 14.04 บาท)
3. ค่าอาหารเช้า หมี่ผัดไส้กรอก คนละประมาณ 100 บาท
4. ค่าฝากกระเป๋า ที่เวเนเชี่ยน ใบละ 50 บาท
5. ค่าอาหารค่ำ ข้าวผัดแมงกานีส คนละประมาณ 300 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 478.08 บาทมาต่อเช้าวันที่ 25 พ.ย. 58 กันนะคะ
แพลนวันนี้คือบับว่าแน่นมากค่ะ เราไปที่ไหนบ้าง ตามมาดูเล้ยยย
1. ตื่นเช้ามาเราก็ไปตามรีวิวแฟนพันธ์แท้ฮ่องกงจิ เราได้ข่าวว่าโจ๊กร้านนี้เลิศมากกก
เราอยากไปลิ้มลองโจ๊กเนื้อนวลๆ ปาท่องโก๋นิ่มๆ น้ำเต้าฮู้หอมๆ " ร้าน Hung Lee สิ จะอะไรล่ะ "
(อร่อยจริงๆ มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลาน)
2. ทานโจ๊กเสร็จ เรารีบเดินทางไปต่อกันที่ " Repluse Bay " มีองค์เจ้าแม่กวนอิม , เทพเจ้าโชคลาภต่างๆ ที่ตั้งประดิษฐานอยู่
เพื่อให้เราได้ไหว้ขอพรเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต (อยากได้ลูกขอลูก อยากได้แฟนขอแฟน อยากได้เงินขอเงิน อีกอย่าง ที่นี่เค้าว่าเป็นหาด
ที่สวยที่สุดในฮ่องกงด้วยนะคะ)
3. ไหว้พระเสร็จ เด็กๆใสๆ ไฟแรงอย่างเราก็ต้องไปหาอะไรที่ตื่นเต้ลลกว่าดีสนีย์แลนด์จิครัช นั่นก็คือ ...
" Ocean Park " (เครื่องเล่นตื่นเต้นเร้าใจ มีให้เล่นเยอะแยะ หลากหลาย ชอบมากก ที่สำคัญวิวสวยที่สุ๊ด)
4. ที่สุดท้ายของวันนี้ คือ " The Peak " จุดชมวิวที่สวนที่สุดในฮ่องกง ถ้าใครมาฮ่องกงละไม่ได้ขึ้นมา The Peak ถือว่ามาไม่ถึงนะ
เออ .... อิอิ เที่ยวกับเรา รถรงรถรางไม่ต้องขึ้นค่าาาา ขึ้นรถบัส 2 ชั้นไปเล้ยยยย วิวโค-ตะ-ระ สวย แถวเสียวตลอดเส้นทาง จริมๆนะ ที่สำคัญไม่
ต้องแน่นเบียดกับใคร แถมไม่แพงอีก หุหุ
......25 พ.ย. 58
08.30 น. เตรียมตัวออกเดินทางไปยังจุดแรกที่แพลนไว้ (เอาจริงนะ.. ตอนแรกที่แพลนคือ จะตื่นแต่เช้าไปตลาดดอกไม้กับตลาดปลาทอง
แต่เพราะเราปวดขา อีกอย่างกลัวไม่ทันเวลาไปจุดหลักๆของเราด้วยก็เลยยกเลิกแพลนนี้ไปค่ะ แต่ถ้ามีโอกาสมาอีกจะไม่ให้พลาดเลยคอยดู้)
1. " ร้าน Hung Lee "
การเดินทาง
มาง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้า MTR สถานี Tsim Sha Tsui exit B2 เดินตามถนน Cameron แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Carnarvon แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยเล็กอีกทีนึง ใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณ 3-7 นาที (ถ้าไม่หลงเหมือนเรา .... เราเดินเกือบๆ 30 นาที 5555++ ) คือ ตอนแรกเจ้าของโพสกะจะไม่ได้กินแล้วค่ะ เพราะเดินวนตั้ง 3 รอบ ก็หาไม่เจอ เค้าบอกว่ามีจักรยานจอดหน้าร้าน เดินวนเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ก็ยังหาไม่เจออีก แต่พอจะกลับ ดั้นนนเหลือบไปเห็นคำว่า Hung Lee 55555 (เหตุที่หาไม่เจอก็เพราะร้านปรับปรุงใหม่ค่ะ ป้ายร้านถูกผ้าใบปิดอยู่ เกือบๆ ไม่ได้กินของอร่อยแระ)
เมนูที่เราสั่งก็พื้นๆค่ะ มีโจ๊กหมูก้อน , ปาท่องโก๋ ละก็น้ำเต้าหู้หอมๆ อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆนะ มันนวลๆละเอียดๆหมูก็นุ๊มนุ่ม ไม่เสียแรงที่เดินตามหาตั้งนาน
ค่าเสียหายหมดไปร้อยกว่าบาทคะ มื้อนี้
บรรยากาศภายในร้าน คนเยอะมาก ทั้งคนไทยคนฮ่องกง
อิ่มท้องแล้ว ได้เวลาเดินทางต่อแล้วสินะ ...
ครั้งแรก กับการใช้งานบัตรปลาหมึก อิอิ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่า ตั้งแต่เรามาใช้ชีวิตอยู่ฮ่องกง เรายังไม่ได้นั่ง MTR เลย
เพราะที่พักของเรา สามารถเดินไปจุดท่องเที่ยวอื่นๆ ได้
มีวันนี้แหล่ะวันแรก ที่เราจะได้ใช้บริการ บัตรปลาหมึกซะที .... Let's go
จุดที่ 2 ของวันนี้ คือ " Repluse Bay "
เราเดินทางออกจากร้านโจ๊ก Hung lee ประมาณเก้าโมงครึ่งได้
ทานเสร็จ ก็รีบเดินมุดลง MTR จิมช่าจุ่ย .......... ซื้อบัตรปลาหมึกคนละใบ ราคา 150 HK$ (ซื้อได้ทุกสถานี ในเซเว่นก็มีขายนะคะ)
***** บัตรใบละ 150 HK$ ใช้ได้ 100 HK$ เป็นค่ามัดจำ 50 HK$ ( เวลาคืนบัตรจะได้ 43 HK$ หัก 7 HK$ จากการที่ใช้ไม่ถึง 3 เดือน )
ใช้ในการขึ้น MTR รถเมล์ เรือข้ามฟาก รถราง แล้วก็ใช้ในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7Eleven เติมเงินได้ทั่วไป ทั้งร้านสะดวกซื้อ สถานีMTR และที่อื่นๆ *****
การเดินทาง
นั่ง MTR ไปลงสถานี Central ... ทางออก A ตามป้าย จะเห็น Exchange Square กับ Bus Terminus ออกไปข้างนอก ก็จะเห็นบันไดเลื่อน ให้ขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อข้ามไปอีกฝั่ง
Bus Terminal จะอยู่ใต้ตึก ตรงกลางนะคะ
แล้วต่อรถบัสสาย 6 6A 6X 260 (รถบัส 2 ชั้น ) จาก Bus Terminal ที่ Exchange Square ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ถึง หาด Repulse Bay เจ้าแม่กวนอิม
เรานั่งชั้นบน วิวสวย ชัดเจนค่ะ แนะนำๆ
ระหว่างทาง จะผ่านโอเชี่ยน พาร์ค ด้วยนะคะ
ถ้าเจอโรงแรมที่มีช่องๆ แบบนี้ ก็เตรียมตัวกดกริ่งลงเลยค่ะ ......... จุดนี้คนลงเยอะ
ลงเสร็จก็ข้ามถนนมาอีกฝั่ง ลงบันไดเพื่อจะเดินเลียบชายหาดนะคะ
เดินขึ้นไปเรื่อยๆก็เจอแล้วค่ะ "วัดเจ้าแม่กวนอิม " สักการะ ขอพร เจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม กันได้เลย
เดินมาเจอพี่ได์กำลังสาธิตวิธีการขอพรพอดีค่ะ
ข้ามสะพานอายุยืน ไปอีก 3 ปี ข้ามไปแล้วห้ามข้ามกลับนะ
องค์เทพองค์นี้แหล่ะที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ใครมีลูกยากมักจะมาขอกันที่นี่ ......... เคยได้ยินมานานแล้วเพิ่งมีโอกาสมาเห็นกับตาตัวเอง
วันนี้มาขอต่อ สถานที่ต่อไปกันนะคะ คื้ออออออ ...
" Ocean Park " (เครื่องเล่นตื่นเต้นเร้าใจ มีให้เล่นเยอะแยะ หลากหลาย ชอบมากก ที่สำคัญวิวสวยที่สุ๊ด)
หลังจากที่ไหว้พระขอพรกันเสร็จพิธีแล้ว ขณะนี้ก็เวลาเกือบๆจะ 11 โมงครึ่งละคะ รีบหาอะไรรองท้องกันที่เซเว่นแถวๆนั้นเลย
ได้ข้าวปั้นมาคนละชิ้น น้ำคนละขวด ชมวิวซักพักก็รีบเดินทางไป โอเชี่ยนพาร์คต่อค่ะ
เพิ่มพลังโหน่ยๆๆๆ
สำหรับการเดินทางนะคะ
วันนี้เราเริ่มต้นจาก หาด Repulse Bay Beach โดยการเดินขึ้นไปบนถนนแล้วก็รอรถเมล์ตรงฝั่งชายหาดนะคะ ไม่ต้องข้ามถนน
จะมีรถเมล์สายที่ผ่านโอเชี่ยนพาร์ค แต่เนื่องจากว่าเรารีบมาก กลัวจะไปถึงโอเชี่ยนพาร์คช้าไป เราก็เลยตกลงกันขึ้น Taxi
ที่จอดรอผู้โดยสารอยู่ริมถนน ค่ารถก็ไม่แพงค่ะ อยู่ที่คนละประมาณ 60-70 บาท คุณลุง Taxi ส่งถึงหน้าโอเชี่ยนพาร์คเลยคะ ดี๊ดีย์ ^^
ไม่ถึง 20 นาที ....................ก็ถึงแว้ววววววววววววววววว อาณาจักรของราววววววววววววววววว
มาถึงปุ๊บก่อนจะไปขึ้นกระเช้า เราก็ไปชมสัตว์โลกใต้ทะเล ที่ อะควอเรี่ยมกันก่อนเลยนะคะ .............
ไหนๆดูซิ สวยเท่าบ้านเราป่าว
ตอนนี้ก็เดินทะลุออกมาข้างนอกละคะ ............ มาๆๆๆ รีบต่อแถวไปขึ้นกระเช้ากัน
ขึ้นมาถึงข้างบนก็เหรอหรา ไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี แต่แพลนไว้แล้วแหล่ะ ว่ามาโอเชี่ยนพาร์คทั้งที ต้องดูโชว์น้องโลมาให้ได้
ดังนั้น จุดแรกที่ต้องไปคือ
ดูเวลาซิ ......... เริ่มกี่โมง
เครื่องเล่นอื่นๆ คนอายุมากแล้วก็เล่นได้นะคะ อาซิ่ม อาม่า สู้ตาย ....
วิวอีกฝั่งนึง ของโอเชี่ยนพาร์ค
เสียวปะล๊าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ....... โห้ยยยย เล่นรถไฟเหาะตีลังกา วิวข้างล่างเป็นทะเล มันส์สุดๆคะ วิวก็สวยสุดยอด
มาฮ่องกงอย่าพลาดนะคะ ............ ทั้งไวกิ้ง ทั้งชิงช้า ทั้งปลาหมึก ...........เสียวสุดคือ ยักษ์ตกตึกนะคะ (เรียกเหมือนสวนสยามป่าวนะ 5555+นั่นแหล่ะ เหมือนๆกัน)
ข้อเสียอย่างนึงคือ .... เล่นไม่ครบ เพราะกว่าจะเดินทางไปแต่ละจุดนี่นานคะ เพราะพื้นที่มันกว้าง ต่อคิวนานด้วย ขนาดวันธรรมดาคนก็เยอะมั่ก บัตรเข้าชมก็ถือว่าราคาสูง ถ้าจะให้คุ้ม บัตรควรมีอายุประมาณ 2 วันโน๊ะ
ตอนกลางคืนเห็นว่ามีการแสดงโชว์ด้วยนะคะ แต่เจ้าของกระทู้ไม่ได้อยู่รอดูอะ ประมาณ 5 โมงเย็น ก็ต้องไปรอคิวขึ้นกระเช้ากลับละคะ แอบเสียดาย
วันนี้มาต่อที่ "The Peak " ที่สุดท้ายของวันนี้
หลังจากที่เราอดทนกับการต่อคิวนั่งกระเช้าขาลงแล้ว (ทนทำไมไม่รู้ ถ้าไม่อยากต่อคิวก็ไปนั่งท่อนซุงก็ได้นะคะ คิวน้อยกว่าถึงเร็วกว่าด้วย ... แต่เจ้าของกระทู้กลัวไม่คุ้มงิ ก็เลยต้องทนขาแข็งยืนต่อคิว ซึ่งคิวยามมากกกกกกกก จริงๆ)
กว่าจะพาร่างมาถึงข้างล่างได้ ก็เกือบๆ จะ หกโมงครึ่งละคะ ฟ้าเริ่มมืด อากาสก็เริ่มหนาวขึ้นมาเรื่อยๆ (คืออากาศเริ่มหนาวตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะ วันนั้นเป็นวันแรกเลยมั่งที่เข้าสู่หน้าหนาวอย่างเป็นทางการของฮ่องกง)
สำหรับการเดินทาง
หลังจากที่เราลงกระเช้ามาแล้ว ก็รับวิ่งไปขึ้นรถเมล์ที่จะไปรถไฟฟ้า MTR สถานี Adminalty เลยค่ะ (ถ้าไม่รู้ว่าสายไหน ถามเจ้าหน้าที่ได้ค่ะเราก็ลืมแล้วว่าสายไหน แฮ่ะๆ ) ถึงแล้วก็นั่งไปลงสถานี Central ... (ทางออก A ตามป้าย จะเห็น Exchange Square กับ Bus Terminus ออกไปข้างนอก ก็จะเห็นบันไดเลื่อน ให้ขึ้นบันไดเลื่อน เพื่อข้ามไปอีกฝั่ง) ง่ายๆก็คือ ทางเดิมที่ขึ้นรถเมล์ไปเจ้าแม่กวนอิมเมื่อเช้าค่ะ
ถ้าเดินมาถึงป้ายรถเมล์แล้ว ก็ขึ้นสาย 15 เลยนะคะ สำหรับค่าโดยสาร ประมาณ 10 HKD (สามารถดูตรงป้ายได้ เค้าจะเขียนบอกว่า ถึงไหนราคาไหน)
เราสามารถใช้บัตรปลาหมึกแตะตอนขึ้นได้เลยค่ะ หรือถ้ากลัวบัตรไม่พอก็จ่ายเป็นเหรียญหย่อนลงกระปุกเลยค่ะ ถ้าหย่อนไม่พอเครื่องจะร้อง
ถ้าเกินจะไม่ร้อง ขึ้นข้างหน้าลงข้างหลังเหมือนมาเก๊าเลยค่ะ เป็นระเบียบ สะดวก สะบาย
เส้นทางแบบ เสียวมากกกกกกก นี่พยายามถ่ายหลายครั้งมาก แต่ถ่ายไม่ได้เลยค่ะ ถนนเป็นตัว S แถมข้างๆเป็นเหว
คนขับ ขับเก่งมากๆๆๆ วิวระหว่างทางคือ แจ่ม .....
ถึงล้าววววว The Peak .......... ลงๆๆ
คือว่า ........... อากาศเย็นมากกกกกกกกก ประมาณ 10 องศานิดๆ
บัตรนี้ซื้อเพิ่ม ราคาประมาณ 150 บาท ไทยค่ะ ซื้อเพื่อเราจะได้ดูจุดชมวิวที่สวยที่สุ๊ดดด
ขณะนี้ วันนี้ ตอนนี้ ที่ไทยแลนด์เค้าก็ ลอยกระทงวันเพ็ญเดือน 12 กันซินะ
อากาศเย็น ลมแรง มากกกกกกก ความสวยงามทำให้ลืมความหนาวไปชั่วขณะ
สวย สวย สวย สวย ............ ได้แต่พึมพำอยู่อย่างนั้น สวยจนลืมเพื่อนไปเลย
มัวถ่ายแต่รูป จนหาเพื่อไม่เจอ ........ เอ๊า ซวยแล้ว เพื่อนกรูหาย !!!!
" ค้างงงงงงงง มุงอยู่ไหน ... ?? "
" กะ กุ กู .. อยู่นี่ .... "
" ไหน วะ ....." พร้อมกับมองหาไปรอบๆ ในความมืด
" กุ อยู่นี่ ใต้ กระโปรงมุงเนี่ยยย ...."
" เอ๊า ... ไมมาอยู่นี่ "
" ไปเถอะ กูหนาว มากกๆ กู ไม่ไหวแล้ว มือกูแข็งไปหมดแล้ว ลงเห๊อะ นะ ๆๆ "
" เดี๋ยวววววก่อนจิ กว่าจะมาถึง เราต้องอยู่ชื่นชมนานๆให้สาแก่ใจก่อน เข้าใจมะ !!!! "
" กู ไม่ไหว กูจะตายแล้ว กูหนะ หนะ หนาววว ว ว ไม่สงสารกูเหรอ ... ถ้ายังไม่สาแก่ใจ เดี๋ยวพากูลงไปใส่เสื้อขนมิ้งฟรุ้งฟริ้งก่อน ค่อยขึ้นมา เอามะ ถ้ามีเสื้อกูสู้ตายเลย "
" ไม่ได้ !!! จะขึ้นลง ขึ้นลงทำไม ให้เสียเวลา .... เดี๋ยวกูอัด VDO ก่อนค่อยกลับ "
*** ใจนึงก็สงสารเพื่อน อีกใจก็ยังอยากอยู่ต่อ ....พอถ่ายรูปเสร็จเท่านั้นแหล่ะ ถึงรู้ว่ามันหนาวมากกกกกก ทั้งลม โอ้ยยย ยืนไม่ไหว กลับๆๆ ***
ขากลับก็เช่นเดิมค่ะ .......... นั่งสาย 15 ที่เราขึ้นมาเช่นเดิม แล้วลงสถานี Central แล้วต่อไปสถานี Jordan เพื่อไปทานมื้อค่ำกันที่ร้าน
" Majesty Chinese Restuarant "
การเดินทาง
ลงสถานี Jordan ระหว่าง Exit E กับ Exit D แต่ออกทาง Exit E จะใกล้กว่านิดหน่อยขึ้นบันไดไปตามรูปแล้วกดลิฟต์ไปชั้น 3 เลย
มาถึงล้าวๆๆๆ (ตอนแรกหาร้านไม่เจออีกแล้วค่าาา ต้องถามพี่รปภ.อีกแว้วว สะกดชื่อก็ไม่ถูก ต้องปริ้นส์รูปได้ด้วยนะคะ จะได้สื่อสารเข้าใจง่ายๆ)
ไปถึงก็งงๆ พนักงานเอาเมนูมาให้ ดูยังงัยก็ไม่มีติ่มซำ ก็เลยถามเค้าว่า เราได้ยินชื่อของร้านนี้ว่าติ่มซำอร่อยมาก แต่ทำไมเราไม่เห็นมีในเมนูเลย
พนักงานก็เลยบอกว่า อ๋อ ติ่มซำมีขายเฉพาะตอนเช้า (หลัง 11 โมงเช้าน่าจะไม่มีแล้วค่ะ) เราก็เลย โอเค ๆ I see
แล้วจะกินไรดีล่ะทีนี้ นี่จะ 4 ทุ่มละ ร้านจะปิดละ เอาไรดี ........... เปิดไปเปิดมาเจอราดหน้าหมี่กรอบฮ่องกง ว้าววว น่ากินอะสั่งเลยๆ หิวๆ
ไม่ถึง 15 นาที ราดหน้าก็มา ......... โอ้ววว แม่เจ้า เยอะมั่ก ยังกะงานโต๊ะจีน จานนี้น่าจะสำหรับ 2-3 คนอะ
อร่อยมาก กุ้งตัวโต๊โต หวานกรอบบบ ฟินนนน์อะ (หรือว่าเราหิว รึเปล่าก็ไม่รู้ 555+)
มื้อนี้หมดไปคนละเกือบๆ 300 บาทค่ะ ........... หนังท้องตึง หน้าตาก็หย่อน .... ป่ะ กลับห้องกัน พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายละ
เราจะไปไหนกันบ้าง คอยติดตามนะก๊ะ............
ขอเพิ่มเติมค่าใช้จ่ายของวันนี้ค่ะ
1. ค่าอาหารเช้า โจ๊ก Hung Lee คนละประมาณ 200 บาท
2. ค่าข้าวปั้น+น้ำ ที่วัดเจ้าแม่กวนอิม หาดรีพัสเบย์ คนละประมาณ 100 บาท
3. ค่าอาหารค่ำ ราดหน้าฮ่องกง คนละประมาณ 250 บาท
4. บัตรชมวิวจุดสูลสุดที่ The Peak คนละ 150 บาท
4. ค่าบัตรปลาหมึก คนละ 150 HKD (150x4.68 = 702) บาท
รวมแล้วจ่ายไปทั้งหมด 1,402.00 บาท
วันนี้ขอมาต่อ วันสุดท้ายของการเดินทางนะคะ แพลนวันนี้คร่าวๆค่ะ
วันที่ 26 /พย. / 58
1. 08.00 น. เช็คเอ้าท์ พร้อมฝากกระเป๋าไว้ที่ ที่พัก
2. เดินทางไปดีสนีย์แลนด์
3. เดินทางไป Nong Ping
4. จากนองปิงไป ไปวัดหวังต้าเซียน+สวน Nan Lian **** ทริปนี้ไม่ทันค่ะ เวลาไม่พอ เสียดายมากๆๆๆ
5. แวะรับกระเป๋าที่ฝากไว้ ที่พัก
6. จากที่พักไปสนามบิน
สถานที่แรกของวันนี้คือ " Disney Land "
ปล. ที่ไปนี่ไม่ได้เข้าไปเล่นเครื่องเล่นนะคะ แค่เข้าไปถ่ายรูปตรงทางเข้าอะคะ ไหนๆก็มาแล้ว ก็เลยคิดว่าไปดูซิว่ามันเป็นยังงัย
การเดินทางก็ ตามจุดตัวเลขเลยค่ะ 1-4 (จาก Tsim Sha Tsui ลง Central แล้วต่อ สายสีเหลืองลง Sunny Bay ต่อสายสีชมพูเข้า Disneyland)
หลังจากชื่นชมบรรยากาศแบบ 14 อีกครั้งเรียบร้อย เราก็ต้องรีบกับมาลงรถไฟฟ้าเพื่อเดินทางต่อไปยัง Nong Ping กันคะ
เดินเร็วๆ เนื่องจากได้ข่าวมาว่า ที่ขายตั๋วคนเยอะมั่ก
การเดินทาง
จาก Disneyland มาลง Sunny bay แล้วต่อไปที่ Tung Chung ค่ะ
มาถึงแล้วค่ะ ....... คนเยอะตามความคาดหมาย วันนั้นโชคร้ายมากกก นี่ขนาดซื้อตั๋วไปที่เมืองไทยแล้ว ยังต้องได้รอคิวเกือบ 1 ชม.
คือจะเยอะไปไหน ........
ต่อคิวรับบัตร 1 ชั่วโมง ต่อคิวขึ้นกระเช้าอีก 1 ชั่วโมง
เห็นวิวสวยๆละคลายหงุดหงิดไปเลยค่ะ ............... สวยมากกก
ทางเดินแห่งปรัชญา Wisdom Path
ทางเดินแห่งปรัชญาเรียงรายไปด้วยเสาไม้ 38 ต้น (อนุสาวรีย์แนวตั้ง) ที่มีบทกวีจากพระสูตรอายุนับศตวรรษ โดยพระสูตรนี้เป็นหนึ่งในบทสวดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของโลกซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชน รวมถึงผู้ที่นับถือลัทธิเต๋าและขงจื้อเช่นเดียวกัน แผ่นไม้เหล่านี้จารึกบทสวดเป็นภาษาจีน โดยเขียนตามลายมืออันวิจิตรของปรมาจารย์ร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เจ้า ซุง อี้ และมีการจัดเรียงเป็นรูป ∞ ซึ่งหมายถึงอนันตภาพ
ตั้งอยู่ในเนินเขาของนองปิง และอยู่ไม่ไกลจาก พระใหญ่และอารามโป๋หลินทางเดินแห่งปรัชญายังเป็นที่ที่ท่านสามารถมองเห็นทะเลจีนใต้อันงดงามได้อีกด้วย (จากพระใหญ่ เดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 15-20 นาทีค่ะ เหนื่อยนิดหน่อย)
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ค่ะ
Source: http://www.discoverhongkong.com/th/see-do/great-outdoors/lantau-island/wisdom-path.jsp#ixzz42UQeGUsa
ระหว่างทางจะเจอไร่กาแฟ ไร่ชา
แปลว่าอะไรไม่รู้ค่ะ วานผู้รู้ช่วยชี้แนะ
หลังจากกลับมาจาก Wisdom Path เราก็ต้องไปโดน Honeymoon dessert สิ จะรออะไรละ ไปลองรสชาติว่าจะอร่อยสู้ข้าวเหนียวมะม่วงบ้านเราได้ป่าว
คะแนนความพอใจจากเรานะคะ เต็ม 10 เราให้ 7 ค่ะ
คือผิดหวังนิดนึง แบบว่า ไม่เจ้มจ้นเลยค่ะ มันเบาไปนะเราว่า
กลับๆมากินพุดดิ้งมะพร้าว กับข้าวเหนียวมะม่วงบ้านเราดีกว่าค่ะ อิอิ
ค่าเสียหายหมดไปคนละ 300 นิดๆ
หลังจากดื่มด่ำของหวานเสร็จก็ต้องรีบไปต่อคิวขึ้นกระเช้าเพื่อกลับไปเอากระเป๋าแล้วค่ะ
ขณะนี้เวลา 4 โมงเย็น คาดว่า จะไปวัดหวังต้าเซียน+สวน Nan Lian ไม่ทันแล้วค่ะ เสียดายๆๆๆ
ลงมาถึงสถานี Tung Chung ประมาณ 5 โมงครึ่ง ต้องรีบไปรับกระเป็นที่เราฝากไว้ที่พักค่ะ
(จาก Tung Chung มาลง Central ต่อไปที่ Tsim Shs Tsui )
รับกระเป๋าเสร็จ ก็ไปทางเดิมค่ะ (Tsim Sha Tsui ต่อไปที่ Central มาลงTung Chung) เพื่อขึ้นรถเมล์ สาย S1 เข้าสนามบิน
ถึงสนามบินแล้วยังไม่จบค่ะ ต้องวิ่งต่อ ไฟล์บินกลับของเราคือเวลา 20.50 น. ขณะถึงสนามบินเวลาประมาณ 19.20 น.
วิ่งงงงงงงง จนตับแล่บ Gate อยู่ไกลมากกกก ดูภาพอีกครั้ง
เชคอิน อาคารขวามือ แต่ Gate อยู่อาคารซ้ายมือ โอ้ววว จะทันมั้ยๆๆๆ
ในที่สุดก็ .............. ทัน
Bye Bye Hong Kong I Love You Nha . . . . .
สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 4
1. ค่าบัตรปลาหมึก ซื้อเพิ่ม 50 เหรียญ (50 x 4.68 = 234.00 บาท)
2. ค่าลูกชิ้นทอดที่ Nong Ping คนละ 100 บาท
3. ค่า Honeymoon Dessert คนละ 300 บาท
รวมทั้งสิ้น 634.00 - 327.60 = 306.40 บาท (แลกเงินคืนจากบัตรปลาหมึก 70 เหรียญ (70x4.68 = 327.60 บาท)
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 23-26 พ.ย. 59
1 วันที่ 23 (446.00 บาท )
2. วันที่ 24 (478.08 บาท)
3. วันที่ 25 (1,402.00 บาท)
4. วันที่ 26 (306.40 บาท)
รวมทั้งสิ้น 2,632.48 บาท ลบ กับงบที่ตั้งไว้ 5,221.05 .... จะเหลือตังค์กลับบ้านเท่ากับ 2,588.57 บาท
สรุปว่าทริปนี้ หมดค่าใช้จ่ายไปเพียง 12,411.43 บาท เองนะ
Whatdayistoday Playplern
วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.41 น.