การเดินทางทริปนี้ถือเป็นเรื่องราวแรกบนบล็อกนี้ ขอแนะนำตัวเล็กน้อยว่าเราเป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวและได้เห็นสิ่งแปลกใหม่และเป็นคนอารมณ์ดี ชอบเล่นมุขตลกจนบางทีคนก็ไม่พอใจ 5555 เอาละเอาเรื่องทริปที่เราเดินทางกันต่อดีกว่า ทริปนี้เป็นทริปเมื่อไม่กี่วันนี้เองละสดๆ ร้อนๆ วันนั้นเที่ยวตระเวนในจังหวัดตราดแล้วยาวทะลุออกไปกัมพูชาเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาสั้นๆ ใน จ.เกาะกงก็เถอะ จะว่าไปแล้วยุคนี้สมัยนี้มันเป็นการเปิดโลกกว้างอย่างแท้จริงเพราะเราจะไปไหนมาไหนข้ามพรมแดนกันไปมามันเป็นเรื่องง่ายกว่าเมื่อก่อนมากเลย ออกเดินทางทริปนี้เราเลือกไปหน้าฝนคือไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เองแหละอย่างหนึ่งเลยคือเวลาไปเที่ยวไหนในหน้าโลว์มันเป็นอะไรที่สบายๆ มีฝนตกลงมาบ้างแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราลำบากอะไรมากขึ้นเพราะอยู่บ้านฝนก็ตกลงมาเราก็ใช้ชีวิตตามเดิมอยู่ดี แต่ที่มันดีตอนไปเที่ยวคือค่าใช้จ่ายมันน้อยดีหลายๆ อย่างมันถูกลงเยอะเลย ทั้งที่พักและของกินร้านอาหารไปถึงก็สั่งแล้วก็ได้กินอย่างรวดเร็วไม่ต้องมานั่งรอแกร่วๆๆๆ ให้มันหงุดหงิด ว่าแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางกันซะเลยสิ

กรุงเทพฯ-ตราด นั่งรถกันไปใช้เวลาไม่นานเกินไปไม่เร็วเกินไป เป็นการเดินทางระยะกลางๆ ถ้าไปเช้าก็ถึงเอาเที่ยง ถ้าไปเที่ยงก็ถึงเย็น ออกแบบทริปกันง่ายๆ สบายๆ การท่องเที่ยวในจังหวัดตราดก็มีมากมายหลากหลายแบบให้เราเลือกตามความชอบ เข้ามาถึงเมืองตราดตามที่เล่าลือกันเค้าว่าควรมากินก๋วยเตี๋ยวป้าศรีที่สุขุมวิท ร้านป้าศรีเป็นร้านเล็กๆ แต่คนรู้จักเยอะนะ ดีที่ว่ามาเที่ยวหน้าโลว์และมาถึงก่อนเที่ยงนิดนึงทำให้ร้านยังไม่แน่น สั่งอาหารแบบรองท้องเดี๋ยวค่อยไปว่ากันมื้อใหญ่

เอาละสยบเสียงท้องร้องของเราเรียบร้อยออกเดินทางกันต่อคร้าบ เส้นทางที่เราจะไปต่อจากนี้เป็นเหมือนเส้นทางท่องโลกทะเลเมืองตราดดูจากแผนที่ของจังหวัดตราดมีถนนสายหลักทอดยาวไปจนถึงอำเภอคลองใหญ่และสุดแผ่นดินไทยที่บ้านหาดเล็ก ลักษณะภูมิประเทศของถนนสายนี้ด้านหนึ่งเกือบติดทะเล ส่วนอีกด้านติดแนวเขายาวคู่กันไป มีถนนเป็นเหมือนเส้นแบ่งตรงกลาง ซึ่งคงมีไม่กี่แห่งในประเทศไทยเราเป็นเส้นทางที่ฟินมาก การเดินทางเปิดโลกกว้างสู่ท้องทะเลบังเอิญไปเจอศัพท์แปลก เค้าเขียนว่า Sea Espace หาคำแปลไม่เจอ แต่ไปพ้องกับคำฝรั่งเศส ดูเก๋ดีเลยขอหยิบมาใช้ ถนนสายนี้พาเราเดินทางไปช้าๆ ผ่านจุดที่สามารถแวะลงหาดได้หลายจุด ได้แก่ หาดทรายแก้ว หาดไม้รูด หาดบานชื่น และที่รู้จักกันดีก็คือหาดราชการุณย์ เลือกแวะได้ตามอำเภอใจเราเลยละแต่ทั้งนี้ถ้าเวลาไม่ได้มีมากพอที่จะแวะทุกหาดเอาหาดราชการุณย์นี่แหละเค้าว่าแวะแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน หาดแห่งนี้มีความสวยงามและอยู่ในความดูแลของสภากาชาดไทย จึงทั้งสะอาดและสงบแบบสุดยอด

ได้กลิ่นไอทะเลติดเนื้อติดตัวกันมาพอสังเขปต่อไปเราก็เดินทางต่อตามแผนที่วางเอาไว้ ไปที่อำเภอคลองใหญ่ ขับไปเรื่อยๆ จนมาถึงแยกลงหาดไม่รูด ถ้ามีเวลาลองไปเที่ยวเส้นทางนี้แล้วเลี้ยวลงหาดไม้รูดจากนั้นขับตามถนนร่วมใจอนุสรณ์เป็นถนนสายเล็กๆ ผ่านหาดหลายหาด ผ่านรีสอร์ทหลายแห่ง แล้วถนนจะบังคับเลี้ยวซ้ายมาบรรจบกับสายหลัก ตราด-คลองใหญ่ อีกรอบตรงโรงเรียนบ้านตาหนึก ถนนหนทางอาจจะขรุขระไปบ้างแต่ความฟินไม่เป็นรองใคร เราแวะเข้าไปดู เราแวะแมงโก้บีชรีสอร์ทบนหาดบานชื่น ดูห้องพักบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ท พักผ่อนริมหาด เจ้าของอัธยาศัยดีเราก็คุยเพลินจนลืมเวลาไป ตอนนี้ได้เวลาอาหารเย็นก็เลยกินที่แมงโก้บีชรีสอร์ทนี่ซะเลย

จากแมงโก้บีชกินข้าวเย็นกันแล้วก็ได้เวลาเดินทางไปที่พักของเราค่ำคืนที่ริมหาดแบบนี้ที่พักมีผลกับความสุขของทริปไม่ใช่น้อย อย่างน้อยต้องติดหาด เราเลือกพบทะเลรีสอร์ทเป็นที่พักก่อนที่ฟ้าจะมืดดับไปก็ต้องเก็บภาพรอบๆ แสงยามเย็นนี้เหมาะสำหรับการถ่ายรูปดีเหมือนกัน แสงและเงาที่ทอดยาวไปบนพื้นเพิ่มมิติให้กับรูปของเราได้ดีเลย จัดแจงข้าวของเก็บเข้าห้องพักก็ได้เวลาที่นักเดินทางอย่างเราจะได้พักเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้ลุยวันต่อไป

....เอ้ก อี เอ้ก เอ๊กกกกก.... ไม่มีเสียงไก่ขันเราคิดเองว่าน่าจะมี 555 เช้าวันนี้โปรแกรมของเราช่างยาวไกล การเดินทางของเราวันนี้จากคลองใหญ่ตามเส้นทางเชื่อมไปยังจังหวัดเกาะกงของกัมพูชา ฉะนั้นแล้วเราต้องเดินทางกันเร็วหน่อยเผื่อเวลาสำหรับการไปเที่ยวในเกาะกงให้มากขึ้น ออกจากที่พักเข้าตัวเมืองคลองใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคลแวะไหว้เจ้าแม่ทับทิมคลองใหญ่กันหน่อย จากประวัติคร่าวๆ ไม่สามารถบอกปีได้ชัดเจนประมาณ 2470 เศษๆ มีคนไปพบเจ้าแม่ซึ่งแกะสลักจากไม้จันทน์ลอยมากับแพมาติดโป๊ะจับปลากลางทะเล ชาวบ้านได้นำขึ้นมาบนฝั่งสร้างศาลเป็นเหมือนเพิงไม้ ต่อจากนั้นมามีคนแวะมาบูชากราบไหว้ขอพรหลายคนก็ได้ดังที่ขอเลยมีเงินมาแก้บนบริจาคให้ศาล ต่อมาก็มีการสร้างเป็นศาลเจ้าแม่ทับทิมใหญ่โตอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ศาลเจ้าแม่ทับทิมใหญ่และสวยงามมาก เมื่อคืนมีฝนตกลงมานิดหน่อยทำให้พื้นชุ่มฉ่ำไปทั่ว อากาศเย็นสบายเหมาะกับการเดินทางของเราซะจริงๆ

ออกเดินทางจากศาลเจ้าแม่ทับทิมขับมาเรื่อยๆ ตามทางไปชายแดนที่มีเส้นหลักอยู่เส้นเดียวไม่ต้องกลัวว่าจะหลงไปไหน ผ่านส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทยก็จอดแวะถ่ายรูปกันอีกหน่อย ตรงนี้มีพื้นที่ที่เป็นของไทยนับเฉพาะแผ่นดินของเราจากเขตแดนไทยกัมพูชาไปถึงหาดทรายมีความยาว 450 เมตรเท่านั้นเอง แคบกว่านี้คงไม่มีอีกแล้วละ

ไม่นานเราก็มาถึงตลาดชายแดนบ้านหาดเล็กแต่วันนี้เรายังไม่มีเวลาเดินช้อป ไปติดต่อด่านครวจคนเข้าเมืองเพื่อทำเรื่องข้ามไปกัมพูชากันเลยดีกว่า ที่นี่สำหรับชาวไทยใช้บัตรประชาชนก็ได้ หรือใช้พาสปอร์ตก็ได้เหมือนกัน ยิ่งถ้าพักที่เกาะกงรีสอร์ทยิ่งสบายเพราะทางรีสอร์ทติดต่อให้เราไว้หมดแล้วแค่แสดงบัตรก็ผ่านได้สบาย เกาะกงรีสอร์ทมีออฟฟิศติดต่อในไทยได้เราใช้เวลาไม่นานก็ผ่านเข้าไปได้เลย ตั้งแต่ตราดมาจนคลองใหญ่ด้านทิศตะวันออกของไทยเป็นแนวเขาที่กั้นพรมแดนของสองประเทศเราเลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ด้านตะวันออกสักเท่าไหร่ พอข้ามพรมแดนนี้ไปแล้วด้านตะวันออกของเราก็จะเปิดโล่ง เป็นเส้นทางการเปิดโลกกว้างทางตะวันออก ซึ่งขอใช้ศัพท์เท่ห์ๆ อีกสักรอบ คือ Sun Espace เที่ยวไปตามตะวันกันดีกว่า

สำหรับคนไม่เคยมากัมพูชาขอบอกก่อนว่าประเทศเค้าขับรถเลนขวาตรงข้ามกับบ้านเรามันก็เลยตื่นเต้นดี บางทีเวลาจะเลี้ยวเวลาจะจอดมันก็เงอะๆ งะๆ บางทีจอดแวะเสร็จขับออกมาอ้าวผิดเลน แต่ดูเหมือนคนที่นี่ชินแล้วกับการขับรถหลงเลนของคงไทย สักพักมันจะค่อยๆ ปรับได้เอง ในกัมพูชาเฉพาะที่เกาะกงที่เที่ยวเค้าก็มีไม่น้อย ทั้งทางวัฒนธรรม ทางธรรมชาติ มีให้เลือกกันเยอะนะ อย่างที่แรกที่เราไปคือวัดปากคลอง วัดแห่งนี้มีความสัมพันธ์กับประเทศไทยมายาวนานในช่วงระหว่างที่มีการสร้างเสนาสนะบูรณะส่วนต่างๆ ของวัดมีพุทธศาสนิกชนชาวไทยจำนวนมากทำบุญผ้าป่าไปช่วยงานแต่คนรุ่นหลังๆ อาจจะไม่รู้จักสักเท่าไหร่ สมัยก่อนมีพระรูปหนึ่งเรียกกันว่าหลวงพ่อหมึก หรือจริงๆ แล้วน่าจะเป็นหลวงปู่หมึก ท่านปลุกเสกเครื่องรางให้ทหารตอนสงครามเวียดนามตอนนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเวียดนามมีกำลังพลน้อยเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่สุดท้ายศัตรูก็ทำอะไรไม่ได้มากจนต้องถอยออกไป นอกจากความสัมพันธ์ระหว่างวัดนี้กับคนไทยแล้ว ความสวยงามของวัดก็ทำให้หลายคนเลือกมาที่นี่ทุกครั้งเวลาที่มาเกาะกง วัดปากคลองตั้งอยู่ติดหาดด้วยเลยสวยเข้าไปใหญ่

วัดปากคลองอยู่ห่างจากชายแดนใช้ได้ทีเดียวถนนหนทางบางช่วงดีบางช่วงยังต้องปรับปรุง เสร็จจากการไหว้พระชมวัดก็ได้เวลาใกล้เที่ยง เราเลยเดินทางไปที่ร้าน Cafe Laurent เกาะกง ร้านนี้เป็นร้านอาหารริมน้ำสไตล์ฟิวชั่น มีเมนูทั้งเวียดนาม กัมพูชา และฝรั่งเศส ให้เลือกเราก็ลองเมนูแบบไม่แปลกมากกลัวว่าท้องไส้จะลำบาก

หลังจากที่ชิมอาหารที่ไม่เคยกินมาก่อนไปบ้างแล้วอิ่มกำลังดีเรานั่งรถเดินทางต่อตามถนน NR48 เป็นถนนสายหลักของเกาะกง สถานที่ต่อไปเป็นสถานที่ที่น่าไปมากๆ ไม่ได้เชียร์ให้ไปเที่ยวต่างประเทศแต่บังเอิญว่าบ้านเราไม่มีแบบนี้จริงๆ ชื่อว่าน้ำตกตาไต Tatai เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มากๆ ไปถึงได้ด้วยทางเรือ เรานั่งเรือใช้เวลาไม่นานมากก็ได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ น้ำตกตาไตเกิดจากแม่น้ำทั้งสายคล้ายคอนพะเพ็งของลาวแต่เราเดินทางด้วยเรือพอได้เห็นขนาดน้ำตกเทียบกับเรือที่เรานั่งนี่มันใหญ่อะไรขนาดนี้ อลังการมากๆ เสียงอู้หู โอ้โห ดังกันทั้งลำเรือแวบแรกที่ได้เห็นน้ำตกอยู่ตรงหน้า พอลงไปยืนถ่ายรูปใกล้ๆ น้ำตกละอองน้ำฟุ้งกระจายสายน้ำซ่านกระเซ็นลงมาอย่างแรงยิ่งสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของสายน้ำนี้ได้ชัดกว่าเดิม

ทุกคนเดินถ่ายรูปกับน้ำตกจวบจนนาทีสุดท้ายเรียกขึ้นรถยังไม่อยากจะไปไหน แต่โปรแกรมที่เราวางไว้มันยังต้องไปกันต่อ จากน้ำตกใช้รถเป็นพาหนะเดินทางต่อไปไม่ไกลกันมากนักเป็นที่เที่ยวทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งของเกาะกงคือป่าโกงกางทำให้เรารู้ว่าต่างประเทศก็เริ่มเอาป่าชายเลนที่ปกติไม่มีคนสนใจมาเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมือนเราเลย ป่าโกงกางที่นี่ชื่อว่า บางคายัก เป็นป่าโกงกางใหญ่ที่สุดในเอเชียมีพื้นที่ 25,000 ไร่ การจะเข้าไปเที่ยวมันต้องเดินข้ามสะพานแขวนที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำเรียกว่ายาวมากๆ ตอนเดินมันก็โยนๆ ตื่นเต้นดีเหมือนกัน พอเข้าไปในป่าโกงกางแล้วสภาพก็เหมือนป่าโกงกางบ้านเรามีสะพานให้เดินชมพื้นที่ป่าที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์นานาชนิดเป็นป่าที่สำคัญต่อระบบนิเวศรวมถึงแหล่งอาหารของคนเราด้วย

เดินกันสนุกเพียงพอแล้วเราก็เข้าที่พักคืนนี้เราพักที่เกาะกงจบเรื่องราวการเดินทางตามรอยตะวัน Sun Espace ของเรากันที่เกาะกงรีสอร์ทเก็บภาพยามเย็นสวยๆ ริมหาดทรายที่เงียบสงบบอกลาพระอาทิตย์ที่เส้นขอบฟ้าแล้วเข้าห้องนอนราตรีสวัสดิ์

อึ๊บบบบบ บิดขี้เกียจแต่เช้าเมื่อคืนนอนสบายจังเป็นครั้งแรกที่นอนโรงแรมระดับหรูในต่างประเทศ (ว่าไปนั่นแต่ก็จริงนะ) เกาะกงรีสอร์ทเป็นที่พักที่สวยมากๆ ทั้งการออกแบบอาคารและทำเลที่ตั้งที่ติดหาดเดินชมทะเลได้แต่ไม่ยักเห็นใครลงเล่นน้ำเหมือนบ้านเรา ^^ อาจเป็นเพราะน้ำทะเลที่นี่ดูไม่ค่อยใสหรือเปล่าไม่รู้แต่เราก็ไม่เล่นเหมือนกัน โรงแรมมีสระว่ายน้ำไปลงตรงนั้นน่าจะดีกว่า

เช้าวันนี้เป็นวันที่เราต้องเดินทางกลับเข้าประเทศ จากเกาะกงรีสอร์ทเดินทางนิดเดียวถึงบ้านหาดเล็กชายแดนประเทศไทยซะแล้ว แต่เวลาเดินทางทริปนี้ของเรายังเหลืออีกตั้ง 1 คืน เอาไงละเส้นทางจากบ้านหาดเล็กเข้าเมืองตราดเราก็ตะลอนเที่ยวไปแล้วตอนขามาเอางี้ดีกว่าตียาวเข้าเมืองตราดไปเลี้ยวลงแหลมศอกต่อเรือไปเกาะกูดเปิดโลกหาดทรายสวยอีกซะหน่อยค่อยกลับเมืองหลวง สองวันที่ผ่านมาเราท่องเที่ยวไปตามคอนเซปต์ Sea Espace , Sun Espace งั้นวันนี้เราไปเลาะเที่ยวตามหาด ขอใช้คำว่า Sand Espace ละกันครับ

จัดการอาหารเช้าจากโรงแรมให้เรียบร้อยขนของเช็คเอาท์กระโดดขึ้นรถแล้วเดินหน้า ปายยยยย เล้ยยยย ไม่นานมากมายอะไรกับการเดินทางในจังหวัดตราดเรามาถึงท่าเรือแหลมศอกทันที่จะขึ้นเรือไปเกาะกูดเที่ยงกว่าๆ จอดรถที่ลานจอดรถแล้วซื้อบัตรเรือเฟอร์รี่ เรือของเราเข้าจอดที่อ่าวสลัดจากนั้นก็มีรถมารับไปอ่าวพร้าวบีชรีสอร์ตที่พักที่เราจองเอาไว้เมื่อไม่นานมานี้เอง (เที่ยวหน้านี้มันสบายอย่างนี้แหละยังไงก็หาที่พักว่างๆ สวยๆ ได้ และไม่แพงด้วยสิ) เกาะกูดเป็นเกาะขนาดใหญ่พอสมควรนะมีโรงพยาบาลบนเกาะ ที่เที่ยวหลักๆ รวมๆ อยู่แถวอ่าวพร้าว จะไปไหนมาไหนหามอเตอร์ไซค์เช่าหรือนั่งสองแถวแป๊บเดียวก็ทั่วเกาะ แต่ถ้าจะลงเที่ยวจริงๆ แต่ละที่ก็ใช้เวลานานอยู่แหละ ถ้าเวลาไม่มากพอก็พักผ่อนอยู่รีสอร์ตเล่นน้ำบ้างถ่ายรูปบ้างเดี๋ยวก็ค่ำ กินข้าวเย็นฟังเพลงเคล้าเสียงคลื่น เข้านอน รุ่งเช้าไม่ค่อยมีเวลาจะได้ไปไหนไกลเราก็ต้องไปที่ท่าเรือเพื่อเดินทางกลับ แบบนี้นี่เองที่เค้าว่าเที่ยวเกาะกูดมาคืนเดียวไม่สนุก แต่เอาเถอะถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีถ้าชอบเกาะกูดกันจริงๆ จังๆ คราวหน้าก็จะได้มาสักสองคืน แต่จะว่าไปเฉพาะช่วงบ่ายของวันที่เดินทางมาถึงเกาะกูดเราก็ตระเวนเที่ยวหาดซะจนจะหมดแล้วนิ ถ้าจะมาอีกคงต้องออกไปเสาะหาโลกกว้างแห่งหาดทรายที่เกาะหมาก เกาะขาม กันบ้างแล้วล่ะ หรือจะไปพ่วงกับเกาะช้างในทริปหน้าก็ว่ากันไป จะได้มาชมความสวยงามของเกาะต่างๆ ให้ทั่วๆ สมกับเป็นเมืองเกาะครึ่งร้อย จ.ตราด จริงๆ ....

แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ ทริปนี้ขอบคุณที่อดทนอ่านซะจนมาถึงบรรทัดสุดท้าย ขอบคุณครับ

เที่ยวเอาฮา

 วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.23 น.

ความคิดเห็น