บินเดี่ยวเที่ยวภูเก็ต...เพื่อมางานถือศีลกินผัก
ครั้งนึงในชีวิต...ที่ขอให้ได้มาเห็นงานนี้ ต่อให้ต้องมาคนเดียวก็จะมา
เริ่มต้นของการออกเดินทาง วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ นั่ง Airport Rail Link เพื่อไปยังสถานีสุวรรณภูมิ
รวดเร็วทันใจ เพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ราคา ๔๕ บาทเท่านั้น
วันออกเดินทาง...ชุ่มฉ่ำตลอดทางเลยทีเดียว
ลืมตาตื่นมาก็เกือบจะถึงภูเก็ตแล้ว
พอมาถึงภูเก็ตนี่แดดเปรี้ยงๆเลยทีเดียว
เดินออกจากสนามบินดูราคารถ Taxi ถ้ามาหลายๆคน หารๆกันก็คงไม่แพง
แต่มาคนเดียวไม่ได้รีบร้อนอะไร ไปนั่ง Airport Bus ดีกว่า
Airport Bus จะออกเป็นเวลาตามนี้ค่ะ ออกตรงเวลาเป๊ะ
พอเดินทางมาถึงรถเพิ่งจะออกไปเอง ต้องรออีกชั่วโมงกว่าๆ
ยืนงงๆซักพัก มีคนขับรถตู้มาถามว่า ไปรถตู้ไหม รถจะออกตอนนี้เลย เข้าเมืองภูเก็ตราคาเดียวกับ Airport Bus เลย
ระหว่างนั่งรถตู้เข้าเมือง ก็ได้ชมขบวนแห่พระตามเส้นทาง เป็นที่ตื่นตาตื่นใจกับครั้งแรกที่ได้เจอ
งานใหญ่มากจริงๆ มีธงประดับตลอดทาง
รถตู้บอกว่าไม่ได้เข้าไปถึงในตัวเมือง มาส่งแค่หน้า Central Festival ให้รอสองแถวสีชมพูเพื่อเข้าไปในตัวเมือง ราคา ๑๕ บาท
นั่งรออยู่หน้า Central Festival อยู่ไม่นานก็มีสองแถวสีชมพูมาจอด
สองแถวสีชมพู คือ รถโพถ้องของเมืองภูเก็ต หน้าตารถเป็นแบบนี้ค่ะ
ภายในรถจะมีสามแถว แปลกใจจังทำไมถึงเรียกรถสองแถว ฮ่า ฮ่า ฮ่า
รถมาจอดที่วงเวียนน้ำพุ จากตรงนี้เดินไปถึงที่พักนิดเดียวเอง
เราเลือกพักที่ อ้าย ภูเก็ต โฮสเทล ราคาเตียงละ ๒๕o บาท เท่านั้น พักสามคืนเลยแล้วกัน ๗๕o บาท
ภายในที่พักมีมุมให้นั่งเล่น ดูทีวี บรรยากาศสบายๆ
ภายในห้องพักจะมี locker ไว้ให้เก็บของด้วย ห้องที่เราพักจะเป็นเตียงสองชั้น มีทั้งหมดหกเตียง
มีอีกมุมให้นั่งอ่านเงียบสงบดีจริงๆ ด้านล่างมีที่ซักผ้าและตากผ้าให้ด้วยนะ ที่นี่มีตู้ให้หยอดเหรียญซักผ้าด้วยราคา ๓o บาท
เราเช่ามอเตอร์ไซค์กับที่พักราคา ๒๕o บาท ต่อวัน เช่าสองวันแล้วกัน รวม ๕oo บาท
มื้อแรกที่ภูเก็ต ร้านนี้แล้วกันอยู่แถววงเวียนน้ำพุ ไม่ไกลจากที่พัก
เห็นคนเต็มร้านดี...น่าจะอร่อยมั้งคนเลยเยอะ
ขี่รถมอเตอร์ไซค์ หลงวนไป วนมาอยู่หลายรอบ
เนื่องด้วยด้านหน้าที่พักเป็นการเดินรถทางเดียว
หลงไป...หลงมา และแล้วก็มาถึง อ๊ามบางเหนียว
อ๊ามบางเหนียวอยู่ไม่ไกลจากสะพานหิน
คืนแรกวันนี้ ขึ้นไปชมวิวเขารัง
บรรยากาศดี๊-ดี สวยงามตามที่เห็น
เมฆครึ้มมาขนาดนี้...ฝนกำลังจะตกแน่ๆ
ร้านขายน้ำด้านบนบอกว่าฝนตกแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หยุดเพราะคืนนี้มีพิธีลุยไฟที่สะพานหิน
ชมวิวหอนาฬิกา ยามค่ำคืน
ก่อนชมพิธีลุยไฟในค่ำคืนนี้...ไหว้ศาลเจ้ากิ้วเที้ยน ที่ปลายแหลมสะพานหิน
ภายในศาลเจ้า
ผู้คนมากมายหลายพันคน...มาชมพิธีลุยไฟ
ที่นั่งเต็ม เราเลยต้องปีนมานั่งบนรั้วกำแพงด้วยความอยากเห็น
ขอบคุณคนข้างๆที่แบ่งปันที่นั่งให้...แม้เราไม่เคยรู้จักกัน
หลังจากเสร็จพิธีลุยไฟ แค่เราลองเดินเข้าไปถ่ายรูปกองไฟก็รู้สึกร้อนแล้ว
ชมการแสดงเชิดสิงโตพ่นไฟ
นั่งชมพลุแบบใกล้ๆเห็นเต็มสองตาเลย
มาที่นี่ช่วงกินเจ ยังไงก็ได้ชมขบวนแห่พระตามเส้นทางแน่นอน
เช้าวันที่สอง ได้ชมขบวนแห่พระผ่านหน้าที่พัก และได้นั่งร่วมทำพิธีไหว้พระกับทางที่พักด้วย
ช่วงเวลาที่เจ้าหยุดทำพิธีหน้าที่พัก บางครั้งก็จะมีการโยนประทัดมาที่บริเวณปลายเท้าร่างทรง
ร่างทรงจะยืนอยู่นิ่งๆไม่กลัว แต่เราอยู่ใกล้ๆร่างทรงกลัวมากเลย
มีการโยนประทัดมากมาย ถนนเต็มไปด้วยควันและเสียงของประทัด ควรเตรียมที่อุดหูและผ้าปิดจมูกไว้ให้พร้อม
ร่างทรงที่เดินผ่านบางองค์จะเอาเหล็กแหลมมาแทงปาก เชื่อว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ด้วยการทรมานร่างกายในรูปแบบต่างๆ เพื่อรับทุกข์แทนผู้ถือศีลกินผัก
วันที่สองขี่มอเตอร์ไซค์ไปไหว้เจ้าที่ อ๊ามกะทู้ อยู่ห่างจากตัวเมืองเกือบสิบโล ใช้ Google Maps คงไม่หลงทางหรอกมั้ง
อ๊ามกะทู้แห่งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีถือศีลกินผักของชาวภูเก็ต
ได้มาเจอเพื่อนที่อยู่อำเภอกะทู้
เพื่อนเป็นคนวงใน เลยพาไปกินร้านอาหารอร่อยของเมืองกะทู้
ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากศาลเจ้ากะทู้ มาช่วงเทศกาลกินเจ ภายในร้านจึงเป็นอาหารเจทั้งหมด
เปาะเปี๊ยะสดๆ ไส้ในกรอบกรุบกรับอร่อยจริงๆ
เต้าหู้ทอดติดกับตัวแป้งแปลกดี เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกที่ภูเก็ตเลย
มาภูเก็ตต้องลองชิม " หมี่หุ้น " ลักษณะจะคล้ายๆกับเส้นหมี่
คืนนี้ที่ศาลเจ้ามีการทำพิธีไหว้ดวงดาวทั้ง ๗
ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่อยู่กลางเมืองภูเก็ต
อยู่ติดกับศาลเจ้าปุดจ้อ
วันนี้ไม่สามารถเข้าไปทำพิธีด้านในได้ เนื่องด้วยร่างกายไม่สะอาด เพื่อนชาวภูเก็ตบอกว่าผู้หญิงที่มีประจำเดือนไม่ควรเข้าไป
เลยแวะมากินก๋วยเตี๋ยวร้านเยาว์เย็นตาโฟ
ก๋วยเตี๋ยวเจแบบแห้ง
ต่อด้วยขนมหวาน
ขอถ่ายภาพกับร่างทรงร้านเยาว์เย็นตาโฟ
งานนี้พี่ริวก็มาด้วยน๊า
ขอบคุณเพื่อนๆชาวภูเก็ตที่พาเที่ยว
บรรยากาศถนนคนเดินช่วงกินเจ
ถนนคนเดินยามค่ำคืนเงียบมาก
เงียบจนลงไปนอนเล่นถ่ายรูปได้เลย
ร้านน้ำเต้าหู้สามกอง มาช้าน้ำเต้าหู้หมดเลยสั่งเต้าฮวยน้ำขิงกินแทน กินอะไรอุ่นๆคืนนี้จะได้นอนหลับสบาย
จะไปไหนไม่ยาก ใช้ Google Maps ตลอดทางเลย
เช้านี้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานหิน
ศาลเจ้ากิ้วเที้ยน ยามเช้าที่สะพานหิน
สิงโตในขบวนแห่พระของอ๊ามกะทู้ กำลังดินทางมาที่สะพานหิน
แวะมาหาเพื่อนที่โรงแรม แกรนด์สุพิชฌาย์
ที่พักที่นี่สวยมากตกแต่งสไตล์ชิโน-โปรตุกีส มีห้องพักบางห้องที่สามารถกระโดดลงสระน้ำเลย
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีโรงแรมแบบนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต โรงแรมแห่งนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน
ช่วยเจ้าถิ่นขับรถเที่ยวรอบเกาะภูเก็ต
เจ้าถิ่นแนะนำว่าร้านนี้อร่อย...ต้องลอง
หลังจากกินอิ่มแล้วก็ไปชมเครื่องบินที่หาดในยาง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ
เครื่องบิน...บินลับหายไปในกลีบเมฆอย่างรวดเร็ว
I Believe I Can Fly
ขับรถตั้งแต่ด้านเหนือของเกาะ มาถึงด้านใต้ของเกาะ เพื่อมาชมวิว
จุดชมวิวสามอ่าว เมืองภูเก็ต มุมนี้จะเห็นวิวทั้งสามหาดเลย
อยากมาชมพระอาทิตย์ตกน้ำทะเล ที่แหลมพรหมเทพ
แต่มองดูแล้วคงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เล่นน้ำทะเลแน่ๆ
บอกพิกัดแผนที่ร้านอาหาร...ร้านนี้อร่อย
ชื่อร้าน " ตงอันเหลา " คนภูเก็ตเค้าแนะนำมาค่ะ
บรรยากาศภายในร้าน เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
คืนสุดท้ายที่ภูเก็ต
วงเวียนน้ำพุยามค่ำคืน
ถ่ายภาพคู่กับเพื่อนใหม่ที่นอนห้องเดียวกันทั้งสามคืน เธอชื่อ Roman เป็นชาวอเมริกัน
เราแบ่งปันข้อมูลท่องเที่ยวให้กันและกัน นางก็มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน
เดินหาซื้อของฝากก่อนกลับ
ทุกๆครั้งที่เราออกเดินทาง เราชอบเล่าเรื่องราวผ่านโปสการ์ด แล้วส่งถึงตัวเองเป็นประจำ เพื่อเก็บตราประทับเป็นที่ระลึก
เช้าวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๙ เราเตรียมตัวเดินทางกลับโดยรถ Airport Bus เที่ยวแรก เวลาหกโมงเช้า
เดินทางมาถึงก่อนเวลาเลยมานั่งพักที่ Bangkok Airways Lounge ที่นี่ข้าวต้มมัดอร่อย ไม่เชื่อ...ต้องมาลอง
ได้เวลาบินกลับกรุงเทพฯแล้ว
ภูเก็ตจ๋า...ฉันจะคิดถึงเธอ
หลับตาตื่นมาก็ถึงกรุงเทพฯแล้ว
นั่ง Airport Rail Link กลับเหมือนเดิม...ที่เพิ่มเติมคือสีเหรียญต่างกับตอนมา แต่ราคาเท่าเดิม
Hello Bangkok :-)
Little Princess
วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.29 น.