อาแปะกำลังง่วนอยู่กับการหั่นแป้งเป็นชิ้น ๆ ประกบเข้าด้วยกัน แล้วโยนลงในกระทะที่มีน้ำมันเดือดพล่าน ภรรยาวัยเดียวกันของแกก็กำลังยกถุงกาแฟชงอย่างขะมักเขม้น มีเสียงช้อนกระทบแก้วใบใสดังก๊องแก๊ง ทำให้คนรอได้รู้ว่าอีกไม่นานก็จะถึงคิวได้ดื่มกาแฟที่สั่งไว้ ส่วนลูกสาวที่มีครอบครัวแล้ว แยกออกมาตั้งร้านขายโจ๊กอยู่ต่างหาก นี่ถือว่าเป็นธุรกิจแบบครอบครัวที่ครบวงจรได้เลย

ผมกำลังนั่งดื่มกาแฟแกล้มปาท่องโก๋อยู่ที่ร้านประจำหน้าปากซอยที่ทำงาน ไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะมีเวลามานั่งที่ร้านก่อนเวลาเข้างานแปดโมงครึ่ง ปกติผมจะหาซื้ออะไรขึ้นไปนั่งกินที่โต๊ะทำงานมากกว่า แต่เมื่อคืนผมเพิ่งลงเครื่องกลับจากไปเที่ยวที่หังโจว เช้านี้ผมจึงต้องการคาเฟอีนจากกาแฟช่วยกระตุ้นให้พร้อมรับมือกับงานที่กองอยู่บนโต๊ะ เมื่อได้ลิ้มรสปาท่องโก๋กรอบอร่อย เห็นอาแปะประกบแป้งโยนลงกระทะอย่างไม่ยั้งมือเหมือนโกรธแค้นใครมา พลันให้คิดถึงแหล่งกำเนิดของมันที่หังโจว เมืองที่เพิ่งจากมา



หากจะบอกว่าปาท่องโก๋เป็นความอร่อยที่เกิดจากความเกลียดชังก็คงไม่ผิดนัก เพราะตามตำนานเล่าว่า มีแม่ทัพผู้ซื่อสัตย์แห่งราชวงศ์ซ่ง นามงักฮุย เขาเกิดมาในยุควิกฤตที่บ้านเมืองเกิดความระส่ำระสาย มีกองทัพของพวกจินรุกรานโจมตีแย่งชิงดินแดนไป งักฮุยได้ตั้งปณิธานตั้งแต่เด็กว่าจะต้องกอบกู้ดินแดนกลับคืนให้ได้

ก่อนออกจากบ้านมาเป็นทหาร มารดาของเขาได้สักอักษร 4 ตัวไว้ที่กลางหลังของเขา 'จงรัก ภักดี พลีชีพเพื่อชาติ' แต่คำว่าชาติยังสักไม่เสร็จ ยังขาดไปหนึ่งขีด ซึ่งแสดงถึงภาวะความเป็นชาติที่สมบูรณ์ไม่ได้ในขณะนั้นนับแต่เริ่มรับราชการทหาร งักฮุยก็มีความมุ่งมั่น กล้าหาญ และรบชนะข้าศึกเป็นจำนวนมาก จนแม่ทัพได้ถ่ายทอดวิชาการทำศึกสงครามให้อย่างรอบด้าน และเมื่อแม่ทัพสิ้นชีวิตลง งักฮุยก็เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง



ชื่อเสียงของงักฮุยโด่งดังไปทั่ว ทั้งในเรื่องความสามารถ ความมีระเบียบวินัย และความซื่อตรง กองทัพของเขาจะไม่มีการเบียดเบียนชาวบ้านอย่างเด็ดขาด แม้แต่ทหารคนหนึ่งที่ขอเชือกปอเพียงเส้นเดียวจากชาวบ้านจะถูกลงโทษ รางวัลที่ได้จากเบื้องบนเขาจะแบ่งปันให้ทหารอย่างทั่วถึง ทำให้กองทัพของเขามีความแข็งแกร่ง มีชื่อเสียงในเชิงรบ และเป็นที่รักของชาวบ้าน



ความพยายามในการกู้ชาติของงักฮุยเกือบจะสำเร็จ กองทัพของเขาบุกโจมตีผู้รุกรานจนได้ดินแดนคืนมาเกือบทั้งหมด แต่ด้วยความอิจฉาริษยาของฉินฮุ่ย อัครมหาเสนาบดี ทำให้ฮ่องเต้เรียกตัวงักฮุยกลับ โดยอ้างว่าทัพของงักฮุยจะเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสงบศึก และเมื่องักฮุยกลับเข้าเมืองหลวงแล้ว ฉินฮุ่ยได้ป้ายสีงักฮุยต่าง ๆ นานา รวมทั้งกล่าวหาว่างักฮุยจะก่อการกบฏล้มล้างราชบัลลังก์ จนในที่สุดงักฮุยถูกประหารชีวิต



เมื่อเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ด้วยความโกรธแค้นของพ่อค้าขายของทอดร้านหนึ่ง เขาได้นำแป้งมาปั้นเป็นฉินฮุ่ยและภรรยาผู้มีส่วนสมรู้ร่วมคิด ประกบติดกันแล้วทอดลงไปในน้ำมันร้อน ๆ นำมากินเพื่อให้หายแค้น ชาวบ้านคนอื่น ๆ เมื่อรู้เรื่องก็พากันกินแป้งทอดที่ทำเป็นรูปคนทั้งสองนี้ด้วยความเกลียดชัง กินไปกินมาก็คงจะอร่อยกัน ปาท่องโก๋จึงเป็นอาหารเช้าของชาวหังโจวตั้งแต่นั้นมา



แต่ทุกวันนี้ ผมว่าฉินฮุ่ยและภรรยาก็ยังตามมาทำร้ายคนอื่นอยู่ดี เพราะปาท่องโก๋เป็นอาหารที่มีไขมันมากและการใช้น้ำมันเก่าทอดซ้ำหลาย ๆ ครั้งนั้นย่อมไม่ดีกับสุขภาพแน่ ตัวผมเองนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้แต่ก็อดใจไม่ได้สักที เมื่อได้ปาท่องโก๋ทอดร้อน ๆ กับกาแฟสักถ้วยหรือโจ๊กสักชาม



ความจริงแล้วปาท่องโก๋ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาอย่างที่เราเห็นกันอยู่ แต่เป็นขนมที่ทำจากน้ำตาลทราย ปาท่องโก๋ที่เรากินกันนั้นจะเรียกว่า “อิ่วจาก้วย" สมัยก่อนขนมทั้งสองชนิดนี้ขายคู่กัน คนไทยเรียกสลับกันไปมาจนเรียกอิ่วจาก้วยเป็นปาท่องโก๋ แล้วปาท่องโก๋ตัวจริงก็หายไป เนื่องจากถูกปาท่องโก๋ตัวปลอมมาบดบังรัศมี แล้วปาท่องโก๋ตัวปลอมก็กลายเป็นตัวจริงในหัวใจคนไทยในที่สุด ทั้งกินเปล่า ๆ กินกับกาแฟ กินกับน้ำเต้าหู้ ใส่ในโจ๊ก ใส่ในเต้าฮวย จิ้มสังขยา และอื่น ๆ

หลุมศพของท่านงักฮุยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของทะเลสาบซีหู มีการสร้างศาลเจ้างักฮุยเพื่อยกย่องท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์องค์หนึ่ง ที่บริเวณหลุมศพของท่าน ผมยังเห็นชาวจีนมาจุดธูปกราบไหว้และบางคนก็เข้าไปใกล้เพื่อสัมผัสกับหลุมศพ สัมผัสกับดินที่กลบร่างของท่านงักฮุยอยู่



อีกด้านหนึ่งมีรูปหล่อของฉินฮุ่ยกับภรรยาและสามีภรรยาอีกคู่หนึ่ง ที่สมคบกันใส่ร้ายงักฮุย ทั้งสี่อยู่ในท่านั่งคุกเข่า มือไพล่หลัง ขอขมาต่องักฮุย รูปหล่อเหล่านี้มีรอยถูกตบตีจนโลหะลอก และถูกถ่มน้ำลายใส่ จนทางการต้องสร้างรั้วกั้นไว้พร้อมกับติดป้ายห้ามถ่มน้ำลาย คนจีนนั้นเกลียดฉินฮุ่ยมาก ไม่มีใครกล้าตั้งชื่อลูกตัวเองว่า “ฉินฮุ่ย" เด็ดขาดที่หังโจว นอกจากจะเป็นต้นกำเนิดปาท่องโก๋แล้ว ที่นี่ยังมีตำนานสาวงาม “ไซซี" ที่ถือได้ว่าเป็น 1 ใน 4 สาวงามที่สวยที่สุดของจีน ซึ่งคุณถาวร สิกขโกศล เขียนไว้ว่า


“ไซซี" มัจฉาจมวารี

“หวางเจาจิน" ปักษีตกนภา

“เตียวเสี้ยน" จันทร์หลบโฉมสุดา

“หยางกุ้ยเฟย" มวลผกาละอายนาง

เฮ้อ ! แค่ได้ยินก็อยากเห็นตัวเป็น ๆ ของสี่สาวงามจัง ว่าสวยอย่างไรขนาดฝูงปลายังลืมว่ายจนจมสู่ใต้น้ำ สวยอย่างไรฝูงนกจึงลืมบินจนตกลงมาจากฟากฟ้า สวยอย่างไรดวงจันทร์ที่ว่าสวยยังต้องหลบเลี่ยงให้ และสวยอย่างไรหมู่ดอกไม้ที่ว่างามยังต้องรู้สึกละอาย



ความงดงามของไซซีนั้นถือได้ว่าเป็นอาวุธลับของรัฐเยว่ที่ตกอยู่ใต้อำนาจของรัฐอู่ ไซซีถูกส่งตัวไปเป็นสนมของท่านอ๋องแห่งรัฐอู่ เพื่อทำหน้าที่สายลับคอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวภายใน หลังจากที่ไซซีถูกเลือกไปถวายตัวแล้ว อู่อ๋องมีความลุ่มหลงในตัวนางมาก จนละเลยราชการงานบ้านเรือน รัฐอู่อ่อนแอลงเป็นลำดับ จนกองทัพเมืองเยว่บุกโจมตีรัฐอู่และกู้ชาติได้สำเร็จ ชื่อของไซซีจึงได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ด้านความงดงามและความเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง

ขณะที่นั่งเรือล่องทะเลสาบซีหู ผมยังไม่เห็นมัจฉาจมวารีหรือมีปลาที่ไหนลอยตายในทะเลสาบ แสดงว่าในเวลานั้นคงยังไม่มีใครสวยงามเทียบเท่าไซซีได้ แต่ถึงจะมีใครงามเทียบไซซี บัณฑิตหนุ่มที่ชื่อซือเซียนก็คงจะไม่สน เพราะเขาพบรักและมอบใจให้กับซู่เจินสาวงามอีกคนของเมืองหังโจวไปแล้ว



ในวันนั้นที่ริมทะเลสาบซีหู ซู่เจินและเสี่ยวชิงกำลังเดินชมดอกไม้รอบทะเลสาบอย่างเพลิดเพลิน แต่ไม่นานลมก็พัดพาพายุฝนกระหน่ำลงมา ทั้งสองรีบวิ่งไปที่เรือลำหนึ่งเพื่อหลบฝน

“ขออภัยแม่นางทั้งสอง เรือลำนี้มีคนจองไว้แล้ว" คนแจวเรือบอก

“ขอข้าและพี่สาว ลงเรือเพื่อหลบฝนก่อนเถอะ" เสี่ยวชิงร้องขอ

“ท่านถามคุณชายท่านนี้เอง ก็แล้วกัน" คนแจวเรือตอบ

ยังไม่ทันมีเสียงถามตอบใด ๆ ตามมา สายตาของซือเซียนบัณฑิตหนุ่มและซู่เจินก็ประสานกันเข้าอย่างจัง เกิดเป็นรักแรกพบบนเรือลำน้อย ท่ามกลางสายฝน เมื่อเห็นเสื้อผ้าเปียกโชกของทั้งสอง บัณฑิตหนุ่มรีบกางร่มออกไปรับทั้งสองขึ้นเรือหากใครเป็นคอหนังจีน คงจะทราบว่าที่ผมเล่ามานั้นเป็นฉากหนึ่งในเรื่องนางพญางูขาว ซึ่งเป็นนิยายอมตะเรื่องหนึ่งของจีน ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์แล้วหลายรอบ ผมจำได้ว่า ผมเคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่ยังเด็กที่โรงหนังใกล้บ้าน ผมรบเร้าให้พ่อพาไปดูเพราะคืนนั้นมีหนังจีน 2 เรื่องควบ หนังควบสมัยนั้นจะบอกชื่อเรื่องว่าเป็นเรื่องอะไร และนาน ๆ ทีโรงหนังแถวบ้านผมจึงจะมี 2 เรื่องควบ ไม่เหมือนกับหนังควบสมัยนี้ที่ไม่ต้องบอกชื่อเรื่องก็เป็นที่รู้กัน ซื้อตั๋วใบเดียวดูได้ตลอด ฉายวนตลอดวันและเปลี่ยนหนังทุก ๆ 5 วัน มีทั้งฝรั่ง ไทย จีน ญี่ปุ่น เปล่า ผมยังไม่เคยเข้าไปดูหนังควบแบบนี้หรอก แค่ฟังเอาจากที่เขาเล่ากันน่ะ



ผมจำอะไรไม่ได้มากนักตอนที่ไปดูนางพญางูขาวกับพ่อ มาดูรู้เรื่องก็ตอนที่กลับมาสร้างใหม่อีกครั้งโดยหวังจู่เสียนรับบทซู่เจิน และจางหมั่นอวี้รับบทเสี่ยวชิง



ซู่เจินนั้นเป็นงูขาวที่บำเพ็ญเพียรมากว่า 1,000 ปี ส่วนเสี่ยวชิงเป็นงูเขียวที่บำเพ็ญเพียรมา 500 ปี ทั้งสองสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ จึงเปลี่ยนสภาพจากงูเป็นสาวสวยแล้วมาเที่ยวในเมือง



ซู่เจินเมื่อพบรักกับบัณฑิตหนุ่มซือเซียนแล้ว ก็แต่งงานอยู่กินกันอย่างมีความสุข จนกระทั่ง ไต้ซือฝาไห่มาพบเข้า และตัดสินว่ามนุษย์ไม่ควรอยู่กับเดรัจฉานแม้จะมีความรักต่อกันเพียงใดก็ตาม จึงออกอุบายให้ซู่เจินกลายร่างเป็นงูต่อหน้าซือเซียน เขากลัวจนลนลาน ต้องหนีไปอยู่วัด แต่สุดท้ายทนคิดถึงภรรยาไม่ไหว กลับมาอยู่กินกับซู่เจินอีก ทำให้ฝาไห่โกรธและตามมาจับซู่เจินขังไว้ในบาตร ฝังไว้ใต้เจดีย์เหลยเฟิง ริมทะเลสาบซีหู ด้วยความรักต่อพี่สาว เสี่ยวชิงกลับไปฝึกฝนวิชาจนมีอิทธิฤทธิ์มากขึ้น กลับมาทำลายเจดีย์เหลยเฟิง และปลดปล่อยนางพญางูขาว ซู่เจิน ออกมาได้สำเร็จในอีกสิบกว่าปีต่อมา

เจดีย์เหลยเฟิงนั้นพังทลายลงในปี ค.ศ. 1924 ด้วยความเก่าแก่ หรือเป็นเพราะเสี่ยวชิงกลับมาช่วยพี่สาวผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่ในปัจจุบัน เจดีย์เหลยเฟิงยังคงตระหง่านอยู่ริมทะเลสาบซีหูด้วยการบูรณะขึ้นมาใหม่ โดยยังคงเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมและมี 5 ชั้นเช่นเดิม ในช่วงที่มีการตัดสินใจบูรณะนั้นก็เกิดกระแสสังคมขึ้นมาคือ มีบางพวกที่ไม่อยากให้สร้างใหม่ เพราะจะเหมือนเป็นการทรยศต่อนางพญางูขาวผู้ซึ่งมีรักแท้แม้จะเป็นเดรัจฉานก็ตาม เนื่องจากเจดีย์แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งการจองจำเธอ



เรื่องนางพญางูขาวนั้น มีการตีความกันไปหลายอย่างในแต่ละยุคสมัย เช่น การเน้นความเข้มแข็งของผู้หญิง การโต้แย้งว่า ระหว่างงูขาวอย่างซู่เจินที่มีรักแท้กับนักบวชอย่างฝาไห่ใครน่าจะถูกหรือผิดมากกว่ากัน มีการตีความแม้กระทั่งว่า ซู่เจินเป็นตัวแทนของประชาชนคนธรรมดาที่ถูกกดขี่ เอารัดเอาเปรียบจากฝาไห่ที่เป็นตัวแทนของเจ้าขุนมูลนาย



อย่างไรก็ตาม ผมว่ามรดกทางวัฒนธรรม ทั้งตำนานสาวงามอย่างไซซี นางพญางูขาว และเรื่องต้นกำเนิดปาท่องโก๋จากชีวประวัติวีระบุรุษอย่างงักฮุย ประกอบกับทัศนียภาพ บรรยากาศรอบทะเลสาบซีหูที่สวยงาม และความสะอาดของเมืองที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์นั้น จะทำให้เมืองหังโจวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจีนไปอีกนานแสนนาน



เมื่อผมยกกาแฟที่อยู่ก้นถ้วยขึ้นดื่มจนหมด พร้อมกับปาท่องโก๋ชิ้นสุดท้าย ก็ได้เวลาเข้าทำงานพอดี ผมไม่ลืมหันไปสั่งปาท่องโก๋ถุงใหญ่จากอาแปะเจ้าของร้าน เอาไปฝากเพื่อน ๆ ในที่ทำงาน

ปาท่องโก๋นี่แหละเป็นของฝากจากผม ของฝากจากหังโจว

eakpawintravel

 วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.08 น.

ความคิดเห็น