มีคนมากมายที่เข้ามาเขียนรีวิวเกี่ยวกับการไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ถ่ายรูปสวยๆกันทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะรูปกลุ่ม รูปคู่เนี่ย น่าอิจฉาจริง แล้วคนโสดอย่างเราๆที่ไม่มีใครถ่ายรูปให้ล่ะจะทำยังไง? โสดไม่พอ แถมจน! อีกต่างหาก ไม่มีเงินเที่ยวที่แพงๆ ไม่มีใครถ่ายรูปให้
วันนี้เลยอยากจะเป็นกำลังใจให้คนโสด และงบน้อย แต่อยากเที่ยว และมีรูปเดี่ยวด้วย รูปเดี่ยวเป็นร้อย แต่ทยอยตัดออกเพียบ5555 หัวขาด ขาขาดบ้าง มือใหม่สุดๆ สำหรับคนยังไม่เคยไป เรามาดูวิธีเดินทาง และแจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายของทริปนี้กันค่ะ
เห็นมีคนรีวิวหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับการท่องเที่ยวคนเดียว วันนี้เลยอยากรีบ้าง ก็ทำเหมือนๆกันแหละค่ะเวลาไปเที่ยวคนเดียว
แค่คุณมีความ "มั่นหน้า และขาตั้งกล้อง"

บางครั้งก็แอบแว่วมาในหูตัวเองเบาๆว่า นี่เราโสดแอดวานซ์ถึงขั้นไปเที่ยวคนเดียว ถ่ายรูปคนเดียวแล้วเหลอ ไม่ค่ะ...เพื่อนมี แต่บางครั้งเราก็มีโมเม้นต์อยากอยู่คนเดียวบ้าง ถึงแม้เราจะไม่โสดก็ตาม คือเราทุกคนก็อยากอยู่คนเดียวบ้างแหละ อีกอย่าง บางทีไปกับเพื่อน เรางี้ถ่ายให้เพื่อนส๊วยสวย
แต่เพื่อน!! ถ่ายให้เราไม่สวยอ่ะ ไม่ได้มุมที่เราต้องการ นี่แกล้งกันป้ะ?


นั่งรถไฟครั้งนี้ เราไปกับขบวนรถไฟนำเที่ยว ขบวน 911 กรุงเทพ-สวนสนประดิพัทธ์ จากปีก่อนนู้น เคยไปเส้นกรุงเทพ - ทางรถไฟสายมรณะ -กาญจนบุรี ไปกับเพื่อน โหด มัน ฮามาก เพราะตกรถไฟด้วย ในครั้งนี้จึงไม่ยอมพลาดตกรถไฟอีกแน่นอน



ขบวนนำเที่ยวสวนสนฯครั้งนี้ มีทั้งแอร์ 240 บาท พัดลม 120 บาท แนะนำว่าถ้าไม่ติดสบายมาก เลือกพัดลมค่ะ ถูกและชิคๆ ได้บรรยากาศนั่งรถไฟจริงๆ อ่อ...โทรไปสอบถามที่นั่งได้ก่อนที่ Call Center การรถไฟ 1690 นะคะ เต็มไม่รู้ด้วย


เช้าวันเสาร์ มาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงประมาณ ตี 5 กว่า รถออก 6.30 น. มาถึง เพื่อความรอบคอบ เดินมาดูก่อนว่าเราจะต้องขึ้นตรงไหน จากนั้นเวลาเหลือ ก็ไปเข้าห้องน้ำหาอะไรกิน เอ๊ย! ไปหาอะไรกินแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำได้ค่ะ รถออกตรงเวลามาก ช้า เอ้อระเหยไม่ได้เด็ดขาด เพราะจากคราวที่แล้ว ตกรถไฟไปแค่นาทีเดียว รถไม่รอจ้า ต้องนั่งวินไปต่ออีกสถานีนึงคือสถานีบางบำหรุ (แถวพระราม 7 ) เพื่อมาให้ทันรถมาถึงสถานีตอน 7 โมง ค่าวินฯ หึหึ 300 บาทค่ะ ลมแทบใส่งบเกินเลยทริปนั้น รอบนี้ไม่พลาด ก้าวขึ้นรถไฟก่อน 6.30 ด้วย ภูมิใจเบาๆ

ตลอดระยะทางก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการทั้งถูพื้น ถือถุงมาคอยเก็บเศษขยะ และที่สำคัญ ให้ข้อมูลและแจ้งเวลาขึ้นและลงรถในการเดินทางครั้งนี้ เพราะเวลาสำคัญมาก เอะอะมาไม่ทัน ตกรถลูกเดียวค่ะ นี่ก็ทำให้เราเป็นคนตรงต่อเวลามากขึ้นนะ เจ้าหน้าที่เทคแคร์ดีมาก ให้เบอร์โทรศัพท์เราจดกันไว้เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินโทรมาได้ ตามที่ จนท.กำลังประกาศ(ตามภาพ) จดรายละเอียดมาคร่าวๆค่ะว่า รถจะออกจาก กรุงเทพฯ 6.30 น. ถึงนครปฐม 7.40 น. ออกจากนครปฐม 8.20 น. จุดที่รถจะจอดให้นักท่องเที่ยวลงไปเที่ยวได้มี 3 จุด และจะมารับกลับอีกทีกี่โมงคือ จุดที่ 1 ชะอำ ขากลับจะออกจากชะอำ 15.58 น. จุดที่ 2 ชายหาดทะเลหัวหิน (ลงแล้วต้องนั่งรถต่อไปนะ) ขากลับจะออกจากหัวหิน 15.39 น. จุดที่ 3 ชายหาดสวนสนประดิพัทธ์(อยู่ติดสถานี) ออกจากสวนสน 15.30 น. ออกแล้วออกเลย ไม่มีขบวนไหนอีก มาไม่ทัน ตกรถค่ะ พูดง่ายๆก็คือ จุดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ปล่อยลงให้ไปเที่ยวก่อน ขากลับมารับนะจ๊ะ (แต่มาให้ทัน) ส่วนสถานีอื่นก็แวะรายทาง ส่วนใครจะสั่งของฝากสั่งกับ จนท.ได้เลย ขากลับจะหิ้วขึ้นมาบนรถให้
เราสั่งไป 3 อย่าง ก๋วยเตี๋ยวราชบุรี , หม้อแกงเพชรบุรี ,ห่อหมกปลากรายหัวหิน



ถึงนครปฐม 7.40 น. ให้แวะลงไปไหว้องค์พระแล้วกลับมาขึ้นรถไฟให้ทัน 8.20 น. องค์พระกว้างใหญ่มาก แนะนำให้ไหว้และรีบกลับ อย่าเดินรอบองค์พระ เพราะทางออกประตูเหมือนกันหมด จะหลงและกลับขึ้นรถไม่ทัน เพราะบริเวณนี้คนจะตกรถไฟมากที่สุด ตกแล้วตกเลย ไม่มีขบวนอื่น แล้วก็จะได้แค่หิ้วข้าวหลามกลับบ้านแทน (อันนี้จดตามที่ จนท.พูดเลยนะ 5555)
เลือกไม่เข้าไปไหว้ข้างใน คนเยอะด้วย ยืนไหว้พนมมือข้างนอกพอ เพราะต้องเดินไปขึ้นรถไฟอีกไกล แล้วก็ออกมากินข้าวต้มซี่โครงหมูข้างนอกเป็นอาหารเช้า คนขายน่ารักเชียว ให้เงินแล้วยกมือไหว้เราใหญ่ แล้วก็ยังแวะซื้อไก่ปิ้งอีก เผื่อหิวระหว่างทาง เวลาหิวจะไม่มีอารมณ์ทำอะไร เรื่องกินเรื่องใหญ่ หลังจากนั้นเหลือ 10 นาที แวะเซเว่นแป๊บ อ่า....คนก็เยอะ เกือบขึ้นรถไฟไม่ทัน
เอาไงล่ะ เอ๋วิ่งดิ่เอ๋วิ่ง วิ่ง!!!


ถึงสวนสนเวลา 11.00 น. พักแป๊บนึงแล้วไปเดินหาที่เงียบๆ ถ่ายรูปตัวเองกัน


เก้าอี้นั่งริมชายหาดเช่าตัวละ 20 บาทเท่านั้น แต่เราเดินตลอด ไม่เช่านั่ง เพราะเป็นคนที่นั่งตรงไหนนานๆ หลับตรงนั้น ไม่มีคนปลุก เดี๋ยวตกรถไฟ เจอลมเย็น อากาศสบายตาแบบนี้เข้าไป หลับยาวชัวร์ เลยเลือกจะเดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปเบื่อแล้ว ก็ไปรอรถไฟก่อนเวลาดีกว่า อ่อ....ห้องน้ำที่ร้านอาหารทิวสนสะอาดและกว้างมาก บริการฟรีด้วย


มีแต่คนถามว่ามาคนเดียวเหลอ? ก็ตอบมาคนเดียว ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมากันเป็นครอบครัว พักผ่อน รับลม ปิกนิก กินข้าว เหล้าเบียร์ก็ดื่มได้ แต่อย่าให้เมามายมาก เพราะอยู่ในเขตทหารนั่นแหละค่ะ ร้านอาหารไม่เยอะ เพราะจะเป็นร้านของสวัสดิการแม่บ้านทหารเป็นส่วนใหญ่ ไม่ให้คนนอกเอาของมาขาย คนเลยไม่ค่อยพลุกพล่าน แต่อากาศร้อนมากๆ เตรียมร่ม เตรียมแว่นไปด้วยก็ดี
อ่ะ...รีบไปหาที่ถ่ายรูป เพื่อทำเวลาก่อนรถไฟจะมากันค่ะ


เห้ยแกร คือดี...คือแบบ เรามีรูปที่เหมือนมีคนแอบถ่ายเรากำลังถ่ายรูปอยู่ด้วยอ่ะแกร #มโนหนักมาก


อุ๊ย! มีคนแอบถ่ายเราจากข้างหลังด้วยอ่ะ #มโนหนักกว่า


อ้าว! แชะ! แชะ! แชะ! แชะ! แชะ! แชะ! จากเทคนิคการถ่ายภาพของเต้ยที่เต้ยได้ร่ำเรียนมา บอกเลยไม่ได้ใช้ 5555
นั่งมโนมุมกล้องเองล้วนๆ


เดี๋ยวมาใหม่ ทำงานก่อน

อากาศร้อนมาก ถ่ายไปถ่ายมาก็เพลียแดด เดินไปเรื่อยๆชักเริ่มไกล แต่ไกลแค่ไหนก็ยังมีคนนั่งบ้าง ไม่ถึงกับอันตรายมากสำหรับผู้หญิงล่ำๆพร้อมที่จะทำร้ายร่างกายคนอื่นตลอดเวลาอย่างเรา พลาดที่ใส่รองเท้าผ้าใบมา กะจะถอดรองเท้าแล้วลงไปถ่ายรูปที่ทะเล
ถอดรองเท้าปุ๊บ เท้าไหม้จ้า ทรายร้อนมาก ไม่ไหวเลี้ยวววว อยู่แต่ในร่มแล้วกัน


คนไทยเดินผ่านเราตลอดไม่มีใครทักซักคำ แต่พอฝรั่งเดินมาเท่านั้นแหละแล้วหยุดคุย
"โอ๊ววววว ยูต้องการถ่ายรูปทาเลช่ายหม๊ายยยยยย??? โอ๊ววววว ยูไนซ์มากเรย" หารู้ไม่ กำลังถ่ายรูปตัวเองอยู่ค่ะ 5555



แค่มีความมั่นหน้าและขาตั้งกล้อง


แต่ขอหลบไปถ่ายเงียบๆหน่อย แต่ว่าตรงไหนก็มีคนเดินไปเดินมา อ่ะ...ไม่สนละ เก๊กๆ ฟอร์มๆไว้ ท่าโพสเลยไม่ค่อยเยอะ ได้แต่ยืนนิ่งๆ แมนๆ ขาตั้งกล้องและรีโมทซื้อได้ทั่วไปค่ะ ราคาไม่กี่ร้อย กล้องที่ใช้ในการถ่ายครั้งนี้เป็นโทรศัพท์ที่ใช้โทรเข้าออกทุกวันนี้แหละ samsung galaxy grand 1 เก่ามาก และ กล้องดิจิตอล Canon A1200 HD ธรรมดาซื้อตั้งแต่ปีมะโว้ ราคาประมาณพันกว่าบาท (เก่ากว่า) อ้าวก็ยังใช้ได้อยู่นี่นา ตั้งปุ๊บ ก็วิ่งๆ กดชัตเตอร์ปั๊บ (อ่อ..เปิดเสียงด้วยนา จะได้ได้ยินเวลาถ่ายจริง)

ไปคนเดียวจริงๆ ไม่เชื่อคงต้องอมอึมาพ่นหน้าเราแล้วล่ะ 55555 สังเกตได้จากรีโมทสีส้มที่อยู่ในมือ ยังถือตลอด รูปเดี่ยวเป็นร้อยก็จริง แต่ตัดออกเพียบ ตัดออกก็ไอ้รูปที่ถือรีโมทส้มอยู่นี่แหละเพียบเลย เห้ย! มันดูแบบตั้งกล้องถ่ายเองอ่ะ เห้ยอยากได้แบบไม่เห็นรีโมทอ่ะ ต้องหาวิธีบังให้เยอะที่สุด เลยตัดออกเพียบ อ่า...ได้แล้ว รูปทีเผลออันเผล๊อเผลอของข้า ร่าเริง วิ่งอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ กดชัตเตอร์รัวๆ (อันนี้ในใจคิด) แต่ภาพที่ได้นี่คือป้าอ้วนวิ่งหอบแฮ่กๆ ทำแป๊ะอะไรซักอย่างอยู่คนเดียว มากับกุมารทองค่ะ มั่นๆ เก๋ๆ



"มุมสาระ" ก๊อบมาล้วนๆ


สวนสนประดิพัทธ์
ตั้งอยู่บริเวณบ้านหนองแก ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของศูนย์การทหารราบ พื้นที่รวมทั้งสิ้น 1,065 ไร่ 1 งาน 86 ตารางวา ด้านหน้าติดถนนเพชรเกษม ตั้งอยู่บริเวณชายหาดสวนสนประดิพัทธ์ห่างจาก กรุงเทพ ฯ ประมาณ 190 กม. ซึ่งเป็นชาดหาดที่สวยงามและยังคงความเป็นธรรมชาติ เสน่ห์ของหาดสวนสนประดิพัทธ์จากการสัมผัส คือ ความเงียบสงบ ร่มรื่นตลอดแนว ทิวสนประดิพัทธ์ ชายหาดมองดูเป็นเวิ้งโค้งสวยงาม ทรายขาวสะอาด ระดับน้ำทะเลไม่ลึก เหมาะกับการลงเล่นน้ำ

สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆบนชายหาด ก็มีอยู่เพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำจืด ห้องสุขา รวมทั้งเตียงผ้าใบ เสื่อ ห่วงยางเล่นน้ำ ร้านอาหารและยังสามารถนำอุปกรณ์มาประกอบอาหารทานได้อีกด้วย แต่ต้องระมัดระวังเรื่องความสะอาดเป็นสำคัญเรื่อง ความปลอดภัยหายห่วงค่ะเพราะอยู่ภายใต้ความดูแลของทหาร
การเดินทาง
- ด้วยรถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพ ฯ มุ่งตรงสู่ภาคใต้ ผ่าน จังหวัดเพชรบุรี เข้าสู่ อำเภอชะอำ อำเภอหัวหินจากหัวหิน ประมาณ 9 กิโลเมตร อยู่ทางด้านซ้ายมือ เลี้ยวรถเข้าไปนิดเดียว ก็ถึงแล้ว

- เดินทางโดยรถทัวร์ ขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ สาย กรุงเทพ-หัวหิน-ปราณบุรี รถจะวิ่งผ่านหน้าสนสวนประดิพัทธ์

- การเดินทางโดยรถไฟ จะมีสถานีรถไฟสวนสนอยู่ภายในพื้นที่ สวนสนประดิพัทธ์เพียงเท่านี้ก็จะถึง สถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก (สวนสนประดิพัทธ์)


เนื่องจากเราชอบนั่งรถไฟเที่ยว เลยพอจะรู้ว่าการแต่งกายที่เหมาะกับการนั่งรถไฟไปเที่ยวคนเดียวเป็นยังไง ต้องเซฟตัวเอง รัดกุมนิด อากาศร้อน หมวก(เห้ย! หมวกหวานไปป้ะเธอ หยิบมาผิด กลับถึงบ้าน หมวกสีขาวฝุ่นพรึ่บ!) ร่ม แว่น อย่าลืม หรือถ้าจะพกอาวุธ ก็มีดคัตเตอร์สักอัน เผื่อเจอโจรเราก็ควักมาเล้ย ฮัดช่า! เอามากรีดถุงขนมแล้วกินต่อหน้าโจร! อ่อ...ที่สำคัญ หากแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ แนะนำล้มเลิกความคิดนั่งรถไฟไทยได้เลยค่ะ ไม่ก็ต้องนั่งห้องแอร์ ฝุ่นงี้เพียบ ต้องเอาผ้าปิดหน้าด้วย หากลืมเอามาไม่เป็นไรค่ะ ขึ้นรถไฟแป๊บๆ ก็จะมีคนขึ้นมาขายเอง เอาจริงๆนะ ความจริงแต่งตัวยังไงก็ได้แหละ แค่ไม่ประมาท แต่นี่เป็นคนที่นั่งตรงไหนหลับตรงนั้นไง ยิ่งใช้เวลานานๆบนรถไฟล่ะก็ หลับตลอด เลยเซฟตัวเองบ้าง
เพราะมาคนเดียว ไม่รู้จะได้นั่งกับใคร .......................ง่วงแล้วววววววว นอนก่อน เดี๋ยวมาเล่าต่อนะ ^^



สิ่งที่เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการเดินทางคนเดียวคือ ผู้คนที่เราจะได้พบเจอระหว่างทาง
เราไม่รู้ว่าเราจะได้เจอใคร คนดี คนไม่ดี โดยเฉพาะการนั่งรถไฟแบบ 4 ที่นั่งและหันหน้าเข้าหากันกับ "คนแปลกหน้า"
ในใจแอบลุ้นตลอดก่อนขึ้นรถว่าขอให้ไม่ใช่ผู้ชายหรือผู้หญิงน่ากลัว มนุษย์ป้าและเด็ก เผื่อเผลอหลับก็หลับไม่สนิท มัวแต่ระวังกระเป๋า


และทริปนี้ เกลียดอะไร ก็จะได้อย่างนั้น มนุษย์เด็ก!! เด็กคู่ด้วย โอ้ หม่าย ก้อด!! วัยกำลังซนเลยพ่อคุณ ผู้โดยสารร่วมขบวนและนั่งมองหน้าเราตลอดเส้นทางคือครอบครัว พ่อ แม่ ลูก (เด็กผอมดำและเด็กอ้วนขาว) ลักษณะเด็กอีกคนเหมือนจะเป็นหลานมากกว่า


ความเงียบเกิดขึ้น เมื่อ 4 คน พ่อ แม่ลูก ต้องมานั่งกับเราซึ่งมาเดี่ยว ใส่ทั้งหมวก แว่นตา และเอาผ้าปิดปากเพราะกลัวฝุ่น เด็กมอง ทำตาปริบๆ เหมือนสงสัยว่าป้าจะมาปล้นรถไฟรึเปล่า? นั่งก็พยายามเบียดกับพ่อแม่ เพราะที่นั่งเหลือ 3 ที่ แล้วต้องเบียดกัน 4 คน แม่พูด "อย่าโดนพี่เค้า อย่าโดนพี่เค้า" ลูกซน พูดจ้อตลอด ไม่สนใครอ่ะ นั่งเงียบสักพัก รถไฟเริ่มออกจากกรุงเทพ ไม่ได้การล่ะ ตลอดทั้งวัน หลายชั่วโมงเราต้องอยู่กับเค้าต้องคุยกันบ้างดิ่ แล้วเราก็เอาผ้าปิดปากออก ขอเป็นผู้เริ่มต้นบทสนทนา "นั่งรถไฟบ่อยมั้ยคะ" คำตอบคือ "นี่นั่งครั้งแรกค่ะ อยากพาเด็กๆมา จะได้เอาไปเล่าให้ครูและเพื่อนที่โรงเรียนฟัง" จากนั้นก็คุยกันเรื่อยๆ เกือบตลอดทาง กึ่งหลับกึ่งตื่น มนุษย์เด็กก็ยังซน สะดุดขาเราตลอด พ่อแม่น่ารักมาก
สอนลูกให้ให้เกียรติคนอื่นตลอด
การเดินทางคนเดียว สิ่งที่สำคัญคือปาก หากเราไม่ถามทาง ไม่รู้จักการเป็นผู้เริ่มบทสนทนาก่อน เราจะไม่มีวันได้อะไรจากคนรอบตัวเราเลย


หลังจากรีวิวนี้คงจะมีแต่คนรอบตัวหรือคนรู้จักมาถามว่า แกกำลังทำอะไร บ้าหรือเปล่า ไปคนเดียวไม่กลัวเหลอ ไม่อายเหลอ ไม่มีใครคบแล้วเหลอวะ นั่นนี่ นั่นนี่ บ่อยครั้งที่จะมีคำถามจากคนรอบตัวว่าชอบทำอะไรแปลกๆ (ในใจคิด ปัดธ่อว้อย! ใครๆเค้าก็ทำกันป้ะ แค่ถ่ายรูปเล่นเอง) ถ้าเรามัวแต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเราต้องทำแบบนี้ แทนที่เราจะมัวแต่ตั้งคำถาม ก็แล้วทำไมเราไม่ลองทำไปด้วย เพื่อเป็นการหาคำตอบ

การที่เราใช้ชีวิตเหมือนๆกันหมด โลกของเราก็จะไร้ซึ่งความแตกต่าง ฝากแง่คิดดีๆ(ที่ก๊อบเค้ามา)
"7 เหตุผลที่คุณควรท่องเที่ยวคนเดียวสักครั้งในชีวิต"
1.คุณจะได้พบเจอคนเจ๋งๆ
2.คุณจะได้สัมผัสความอิสระอย่างเต็มที่
3.เป็นเรื่องท้าทายในการเอาชนะความกลัวของคุณ
4.คุณอาจได้ตกหลุมรักใครสักคน
5.ทำให้คุณได้ใช้เวลากับตัวเองและรู้จักตัวเองมากขึ้น
6.คุณจะกลายเป็นคนใหม่
7.ทำให้คุณมีโอกาสสละทิ้งทุกอย่างและตัดขาดจากโลกที่วุ่นวาย

เราได้มาครบทุกข้อนะเราว่า ^_^


แป๊บๆก็บ่ายสามจะครึ่งแล้ว หลายคนตรงต่อเวลาเพราะกลัวตกรถไฟ ตกขบวนนี้ไป หารถกลับกรุงเทพเองนะจ๊ะ ขบวนก็แวะตามทางมาเรื่อยๆ รับคนจากหัวหิน เพชรบุรี ราชบุรี ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะแจกของฝากที่เราฝากซื้อตั้งแต่ตอนแรกมาให้บนรถไฟ เราไม่ได้สั่งน้ำตาลสด แต่ตอนครึ่งหลับครึ่งตื่นได้ยินเสียงแว่วๆจากเพื่อนร่วมทางว่า "ไปๆ ไปเอาแก้วกับน้ำแข็งมา 5 แก้วนะ ตามเจ้าหน้าที่เข้าไปข้างในเลย" เสียงคุณแม่ผู้ร่วมทาง ใช้เด็กผอมให้ตามเจ้าหน้าที่ไป (ในใจคิด ก็มากัน 4 คน พ่อ แม่ ลูก เอามา 5 แก้วทำไมวะ?) อ่อ..ลืมบอกไปว่า น้ำตาลสดที่ใครสั่งแล้วอยากดื่มเลย บนรถไฟมีแก้วน้ำและน้ำแข็งบดบริการฟรีด้วย
ซักพักก็ได้ยินเสียงปลุก(คือกำลังหลับอยู่) "พี่ๆ พี่ๆ น้ำตาลสด" เสียงคุณแม่เรียก เราบอก "ไม่เป็นไรค่ะ" (อ่อแก้วที่ 5 ของเรานี่เอง) แต่มือนี่ยื่นออกไปรับแก้วอัตโนมัติจ้า ฮาตัวเอง คือกำลังตื่นเบลอๆรับแก้วจากเค้าซะงั้น ในใจคือร่วมทางกันมาหลายชั่วโมงแล้วคือแอบมั่นใจว่าครอบครัวนี้ไม่วางยาเราแน่นอน
หรือเอาง่ายๆเลยนะ เห็นแก่กิน 55555


รถไฟก็ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก แวะเยอะ แวะนานตามประสา บ๊ายบายค่ะคุณลุงธงเขียว


อ่า...ครึ้มฝนแหละ


แต่ไม่โดนฝนซักเม็ด มาถึงราชบุรีอีกที เจอรุ้งกินน้ำแล้ว แสดงว่าฝนเพิ่งตกไป ชี้ให้เด็กๆดู "ตะหนู ตะหนูลูก รุ้งกินน้ำ" พยายามหาบทสนทนากับเด็กเพราะเล่นกับเด็กไม่เป็น พยายามที่สุดละ เด็กอ้วนผอมนี่พุ่งมาหน้าต่างไม่แคร์ป้าเลยจ้า


พอมาถึงราชบุรีรถหยุดนานมาก แล้วก็มีเจ้าหน้าที่มาประกาศขออภัย เราหยุดขบวนให้รถของบัตเตอร์เวิร์ธ แอร๊ยยยยย บัตเตอร์เวิร์ธมันคืออ่ารายยยยย???? บ่นๆ งงๆ เสียงคุณแม่พูด "นี่เลยพี่เสิร์ทหาข้อมูลเลย อ๋อ....ขบวนไปมาเลย์พี่" ไอ้เราก็อ๋อ...ขบวนที่หรูๆ มีไวน์ห้อยๆอยู่เป็นแผงใช่มะ (เรื่องแอลกอฮอล์นี่คิดเร็วเลย) จากนั้นก็คุยจ้อกันมาตลอดทางเลยกับคุณแม่ช่างจ้อ ที่เป็นครอบครัวอิสลามที่คิดบวกมาก เราได้ความรู้จากเค้าเกี่ยวกับเรื่องศาสนา การทำงานซึ่งเค้ากำลังประกอบอาชีพส่วนตัวว่าเค้าทำงานหนัก ทำทุกอย่าง ไม่เกี่ยงงาน มีเงินก็ไปเรียน เสริมสวย ตัดเสื้อ ชงกาแฟ ชีวิตดิ้นรนมาก เล่าถึงครอบครัว น้องชาย ทุกสิ่งอย่างโดยที่เรากลายเป็นผู้ฟังไปโดยไม่รู้ตัวจากตอนแรกที่เจอกันเค้าไม่คุยกับเราเลย (นั่นคงเป็นเพราะเราเริ่มคุยกับเค้าก่อน) และเรื่องที่ขาดไม่ได้ที่จะเล่าในยามพระอาทิตย์ตกแล้วคือ "เรื่องผี" เป็นอิสลามที่มีผีเจ้าที่ใส่ชุดไทยอยู่ที่บ้านอีกเพราะเอาของมาจากบ้านเก่าที่อยุธยา (ชอบฟังเลยเรื่องผี) ทุกเรื่องที่เอ่ยจากปากเป็นเรื่องที่เราสนใจหมด ไม่เบื่อเลยที่จะฟัง ทุกเรื่องให้แง่คิดดีกับเรามาก ทั้งที่เค้าอายุน้อยกว่าเรา 2 ปี แต่ความคิดเหมือนคน 50 กว่า คงเพราะทำงานมาเยอะ


เริ่มเล็งเห็นอนาคตเด็กน้อยว่าโตขึ้นต้องเป็นคนดีแน่นอน มีพ่อแม่สู้ชีวิตขนาดนี้ ถึงวันนี้จะซนตามประสา อยากรู้อยากเห็น เล่นจนเพลียไปบ้าง ยิ่งตอนแสงพระอาทิตย์ลอดเข้ามาในรถไฟแล้วแม่สอนเล่นเงาเป็นรูปนกนะ มันโคตรน่ารักเลยอ่ะ ทำเอาคนโสดอยากมีลูกเลย ตอนแรก 4 คนนี้ใส่เสื้อทีมสีชมพูทั้งครอบครัวนะ นี่ลงเล่นน้ำทะเลเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ท่าทางจะเพลียมาก

เมื่อเราสามารถถ่ายรูปตัวเองได้เสมือนมีคนอื่นถ่ายให้แล้ว จากนี้ไปคงไม่มีใครสามารถจับผิดเราได้ว่า >> เวลาไปเที่ยวกับเพื่อน มีรูปเดี่ยว เห้ย! ไปคนเดียวจริงๆ ไม่ได้ไปกับใครเลย ใช้ขาตั้งกล้อง >> เวลาไปคนเดียว เห้ย! ไปกับเพื่อนจริงๆ ไม่ได้ไปคนเดียวซักหน่อย อ่า....เริ่มมีแผนในหัว กล้องที่ใช้ถ่ายตัวเองครั้งนี้ใช้แค่กล้องมือถือ ปรับแสงแต่งภาพให้ดูโลโมหน่อย ส่วนวิวทั่วไปใช้กล้องดิจิตอลปกติ ปรับแค่แสงให้สว่างนิดหน่อย ไม่แต่งใดๆเพิ่มอีกเพราะภาพจะละเอียดกว่ามือถืออยู่บ้างแล้ว


รูปเยอะและขนาดใหญ่ไป รีวิวเยอะเดี๋ยวเลอะเทอะ อยากดูรูปขนาดใหญ่กว่านี้ไปที่
https://www.facebook.com/bowie.TT/media_set?set=a.10206765735360070.1073741856.1175648006&type=3

หลายคนอยากไปเที่ยว หรือแค่อยากออกจากเมืองที่มีแต่ตึกเต็มไปหมด เพื่อพักผ่อนตาและปอดบ้าง แต่จำกัดในหลายเรื่องเหลือเกิน เช่น โสดอ่ะ ไปกับใครดี ชวนเพื่อนแล้วไม่ไป เพื่อนไม่ใช่ขาลุย นัดแล้วเบี้ยว ไปคนเดียวจะถ่ายรูปยังไง แล้วจะเริ่มต้นไปยังไงล่ะ โอ้ยๆๆ ตังค์ก็ไม่มี ไปทีหมดหลายพัน ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป!!! ขอแค่คุณเป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย เน้นถ่ายรูป เดินเล่น ไม่เน้นกิน
หลายครั้งที่เราเจอรีวิวเยอะแยะมากมาย น่าไปทั้งนั้นแต่รีวิวเหล่านั้นไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพกระเป๋าสตางค์เราซักคำ ทีนี้เรามา......


"คิดค่าเสียหาย"

One Day Trip นั่งรถไฟไปสวนสนครั้งนี้กันค่ะ

1.ค่าตั๋วรถไฟ ไป-กลับ 120 บาท

2.ค่ารถเมล์สาย 75 ออกจากฝั่งธนบุรีถึงหัวลำโพง 6.50 บาท

3.ค่าเข้าห้องน้ำที่หัวลำโพง 3 บาท

4.ค่าข้าวต้มมื้อเช้าที่นครปฐม 40 บาท (พิเศษ)

5.ค่าขนม 20 บาทและน้ำเปล่า 5 บาท รวม 25 บาท ในเซเว่น (กะซื้อขนมให้ตัวเล็กบนรถไฟกินแต่แม่เกรงใจบอกว่ามีเยอะมากเลยค่ะ เลยไม่กินขนมเรา กินเองหมดเลยสรุป

6.ค่าไก่ปิ้ง 40 บาท (หิ้วมาจากนครปฐมเอาไปกินริมหาดตอนเที่ยง)

7.ค่าของฝาก

- ขนมหม้อแกง 100 บาท

- ห่อหมก 60 บาท

- ก๋วยเตี๋ยว 20 บาท (อันนี้กินบนรถไฟตอนบ่ายๆ)

(ของฝากทุกอย่าง จนท.บิ้วเก่งมากว่าอร่อยทุกอย่าง ของขึ้นชื่อ ไปกรุงเทพหากินไม่ได้แล้ว หลวมตัวซื้อเลย แหะๆ)

-น้ำเปล่าขวดเล็ก 10 บาท

-น้ำเปล่าขวดใหญ่ 20 บาท(สังเกตซื้อน้ำหลายรอบ เพราะกินน้ำเยอะ)

8.ค่ารถเมล์ ปอ.75 นั่งกลับถึงบ้าน 13 บาท

ค่าเสียหายทั้งหมด 457.50 บาท เก๋ไก๋ชไมพรค่ะ หากไม่ซื้อของฝากไม่เน้นกินเลยจะเหลือแค่สองร้อยกว่าบาทเท่านั้นไป-กลับ มันช่างพริบพราวราวตากผ้าจริงๆเลยค่ะ

ลองหาเวลาไปนะคะ

ทั้งหมดนี่รูปที่ชอบสุดคงจะเป็น 4 รูปนี้ ไม่ตั้งใจถ่าย แต่ดันชอบซะงั้น


ความจริงอาจจะถ่ายรูปมาเยอะกว่านี้ ถ้าไม่ติดว่าร้อน แล้วเดินไกล เดี๋ยวตัวจะดำไปมากกว่านี้ เป็นกำลังใจให้ทั้งคนโสดและไม่โสดที่อยากอยู่คนเดียว อยากไปเจอคนอื่นบ้างนอกจากคนรู้จัก เป็นผู้หญิงไปไหนมาไหนคนเดียวมันน่ากลัวสำหรับสายตาคนอื่น แต่หากเราวางแผนมาดี และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ไม่ว่าจะเพศไหน อายุเท่าไหร่ก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่เรายังไม่เคยทำได้ค่ะ แค่กล้า...ถึงแม้จะไม่ถูกใจคนอื่น แต่เราก็ชนะใจตัวเองได้แล้วในวันนี้ หากสิ่งที่เรากล้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน อย่าใช้เพียงบางคำพูดของคนบางคนมาตัดสินเราจนเราหยุดความคิดที่จะทำทุกอย่างและทิ้งมันไว้ตรงนั้น ถึงจะงบน้อย แต่เราจะพบกับร้อยความประทับใจได้ด้วยตัวเองไม่ยากค่ะ
ขอบคุณที่สละเวลาอ่านมาจนถึงตรงนี้ แล้วเราจะพบกันใหม่ แล้วเราจะชวนกัน "ไปคนเดียว"


สำหรับผู้หญิงที่รักการท่องเที่ยวคนเดียว เข้าไปคุยกันในเพจ "จะเที่ยวคนเดียว Lady Journey" ได้ค่ะ มาแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวกัน

ความคิดเห็น