เมื่อหน้าหนาวเริ่มเข้ามาปกคลุมเราตัดสินใจไปสัมผัสความหนาวแรกของปีนี้

ที่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด

ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสามของประเทศไทยด้วยระดับความสูง 2,225 เมตร

ที่นี่ครับ "ดอยหลวงเชียงดาว"



เราออกเดินทางกันด้วยรถตู้สมาชิกค่อนข้างล้นหลาม

เราไปกันทั้งหมด 3 คันรถตู้ด้วยกัน

เริ่มต้นเช้าวันแรกที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จ.เชียงใหม่

จัดการเก็บของสัมภาระใส่เป้กันให้เรียบร้อย เตรียมมุ่งหน้าสู่ป่าครับ



พวกเรานั่งรถกระบะกันเข้าไปยังเส้นทางเดินป่าเด่นหญ้าขัด

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ



เช้านี้อากาศยังไม่ค่อยเป็นใจ

ฝนตกลงมาประปราย อากาศค่อนข้างอบอ้าวครับ

เริ่มออกเดินทางถ่ายรูปรวมกลุ่มกันสักหน่อยครับ



วันแรกเดินกันชิว ๆ ครับ

เส้นทางค่อนข้างไกลแต่ไม่ชันมากครับ


ระหว่างทางที่นี่เต็มไปด้วยป่ารกทึบหญ้าสูงขึ้นเต็มข้างทางครับ

มีดอกไม้ให้ดูกันตลอดทางครับ


เดินมาได้สักพัก

เราแวะกินข้าวเที่ยงกันตรงนี้ครับ



เจ้านี่ครับที่ทุกคนอยากเห็น

ดอกไม้หนึ่งเดียวในประเทศไทยครับ "เจ้าดอกเทียนนกแก้ว"



ทางแยกจากเส้นทางปางวัวครับ ขากลับเราจะลงเส้นทางนี้กัน

ก่อนจะถึงที่หมาย เรานั่งพักเหนื่อยกันสักหน่อย



เข้าสู่ทางชันแต่ละคนเริ่มหอบกันแล้ว



ถึงแล้วครับจุดกางเต็นท์ที่อ่างสลุงของพวกเรา


เราถึงกันค่อนข้างเร็ว

เราเลยชักชวนคนที่แรงยังเหลือขึ้นสู่ยอดดอยหลวงเชียงดาว

ระหว่างทางเดินขึ้นค่อนข้างชันมาก ต้องอาศัยการปีนป่ายแทบจะทุกช่วงครับ



นี่แหละครับป้ายไฮไลท์ที่ทุกคนมาถ่ายกัน



ถ่ายกับป้ายเฉย ๆ คงธรรมดาไป

เราเลยขอยกป้ายซะเลย หนักใช่เล่นครับ



ระหว่างทางลงจะมืดมากไฟฉายคาดหัว เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด

ใครมาอย่าลืมพกติดตัวมานะครับ พวกเราลงมาได้ที่พอดีมีเพื่อน ๆ

กำลังเตรียมทำอาหารกันอยู่ครับ



ได้เวลาหม่ำ ๆ กันแล้ว จ้วงกันน่าดูเลยครับ



กินของหวานตบท้ายกันอีกสักหน่อย น่ากินใช่มั๊ยล่ะ



ได้เวลาเข้านอนพรุ่งนี้เราต้องตื่นกันแต่เช้า

เพื่อเดินทางขึ้นสู่ยอดกิ่วลม ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันครับ

วันนี้บรรยากาศไม่ค่อยเป็นใจ ฟ้ายังคงปิดสนิทครับ



พวกเราเลยเดินไปกิ่วลมใต้เพื่อไปถ่ายดอกไม้กันครับ



ดอกไม้ที่นี่เพียบเลยครับ

ดอกแรก "ขาวปั้น"



"ฟองหินเหลือง"



"ดอกกุหลาบขาวเชียงดาว" เรายกดอกไม้ดอกนี้ให้เป็นนางเอกของที่นี่เลยครับ



"แสงแดง"


"ชมพูเชียงดาว"


"ชมพูพิมพ์ใจ"


"หนาดคำ"


ได้เวลาลงไปกินข้าวเช้า

บรรยากาศระหว่างทาง หมอกยังคงลอยคลุ้งคลุมทั่วภูเขาครับ



กินติ๋มซำรองท้องระหว่างรออาหารเช้าครับ



พ่อครัวแม่ครัวประจำทริปนี้ครับ



ส่วนคนนี้ลุงจรูญ ผู้อาวุโสประจำดอยหลวงเชียงดาว

ใครมาที่นี่แล้วไม่เจอแกเหมือนมาไม่ถึงครับ



แรงยังไม่หมดง่าย ๆ

เราชักชวนทุกคนขึ้นไปกิ่วลมเหนือกันต่อ



ทางขึ้นที่นี่เต็มไปด้วยหิน หิน และหินครับ


ถ้าใครได้ลองมาขึ้นที่นี่

บอกได้เลยครับว่าเขาช้างเผือกต้องชิดซ้าย

สันคมมีดยาวสุดลูกหูลูกตาครับ



ได้เวลาลงครับ

ระหว่างทางได้เห็นอะไรเขียวแบบนี้ ๆ

สดชื่นไม่เบาครับ


ตอนเย็นเราจะขึ้นไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกกันต่อที่ยอดดอยหลวงเชียงดาว

หลังจากที่เมื่อวานฟ้าปิดสนิท วันนี้เรานั่งลุ้นกันยาว ๆ

ทุกคนต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อครับ



แล้วเราก็ไม่ผิดหวังแสงสีส้มเริ่มโผล่มาให้เห็นแล้วครับ

เราขอเรียกแสงสีส้มว่าความบังเอิญ

เพราะเราเจอสภาพที่ฟ้าปิดมาเกือบสองวันเต็ม

ได้เห็นแบบนี้แล้วชื่นใจครับ



พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าบนยอดดอยหลวงเชียงดาว

เป็นความงามที่ต้องมาให้เห็นด้วยตาตัวเองครับ



ค่ำคืนสุดท้ายของที่นี่เต็มไปด้วยดาวระยิบระยับ

เต็มไปทั่วท้องฟ้าครับ



ตื่นเช้ามานั่งรอกินข้าวกันอย่างหิวโซ

เมื่อวานใช้แรงกันไปเยอะ

แต่ละคนหน้าไม่ค่อยหิวเลยนะครับ ฮ่าๆๆๆ



ได้เวลาแบกเป้เดินทางกลับ ขากลับเราใช้เส้นทางปางวัวครับ

ทางเส้นนี้ค่อนข้างชันและลื่นมาก เวลาเดินต้องระวังเป็นพิเศษครับ


เดินไปสักพักจะเข้าสู่ดงกล้วยครับ

ต้นกล้วยที่นี่ค่อนข้างสูง

บรรยากาศชวนวังเวง ไปกันต่อดีกว่าครับ



น้องคนนี้เดินจ้ำอย่างไวเลยครับ


บรรยากาศระหว่างทางลูกหาบ

แบกของหนักมากแต่วิ่งเร็วอย่างกับจรวด

ต้องหลีกทางให้เลยครับ


ถึงแล้วครับเสร็จสิ้นไปอีกหนึ่งภารกิจพิชิตยอดดอย

ขากลับทุกคนกระจัดกระจาย

เหลือเพียงน้องๆ กลุ่มนี้ที่เราเดินลงมาด้วยกันครับ



" ระยะการเดินทางที่ไกลไม่ได้เป็นอุปสรรคกับเรา

แต่ความสวยงามกับสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้า

ทำให้เราได้มาพบเจอสิ่งใหม่ ๆ

ถ้าเราไม่เริ่มออกเดินทาง

เราคงไม่ได้มาพบรอยยิ้มจากธรรมชาติบนยอดดอยหลวงเชียงดาวแห่งนี้ "


รายละเอียดค่าใช้จ่าย

ไปกับทัวร์เดินป่า

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดคนละ 4,600 บาท

อาหาร 9 มื้อ นอนกางเต็นท์ 2 คืน

รวมค่ารถตู้ไปกลับจากกทม. ถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จ.เชียงใหม่


FB : Bean Skullflied

Bean Skullflied

 วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 20.30 น.

ความคิดเห็น