เบื่อไหมกับการกินและนอนอยู่บ้านเฉยๆในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่แสนจืดชืด แถมผ่านไปอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เผลอแป๊บเดียวก็วันจันทร์ รู้สึกว่ายังไม่พร้อมจะทำงาน เพราะชีวิตขาดสีสันและแรงบันดาลใจ

ลองออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่กิน นอน เที่ยว และช๊อปกันบ้างดูไหม ใกล้ๆแค่นี้เอง ที่พัทยาเมืองตากอากาศยอดนิยมของชาวไทยและชาวต่างชาติ เมืองที่เหมาะสำหรับคนอยากเที่ยวทะเลหรือเพิ่งโดนเท แต่มีเวลาน้อยและงบประมาณจำกัด ระยะเวลา 2 วัน 1 คืน ถือว่ากำลังพอเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนที่นี่

เราออกเดินทางจากกรุงเทพในช่วงสายๆของเช้าวันเสาร์ โดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ ขับแบบเรื่อยๆใช้ความเร็วไม่มากเพราะเราไม่รีบ แวะพักเข้าห้องน้ำและหาอะไรรองท้องที่จุดพักรถระหว่างทาง ผ่านไปประมาณสองชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงตัวเมืองพัทยา

ขับลัดเลาะตามอากู๋เกิ้ลแมพเพื่อตามหาที่พัก ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่พักของพวกเราในคืนนี้ เราพักกันที่ Adelphi Pattaya โรงแรมใหม่ (ปี 2014) ใจกลางเมืองพัทยา ตั้งอยู่ในซอยเฉลิมพระเกียรติ 21 ถนนพัทยาสาย 3 ห่างจากทะเลและห้างเซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยา เพียงแค่ 800 เมตร เดินไป 10 นาทีก็ถึง

โรงแรมต้อนรับด้วย Welcome Drink รสแอปเปิ้ล พร้อมบริการยกกระเป๋าไปส่งถึงหน้าห้อง โดยห้องพักและลิฟต์ของที่นี่จะใช้ระบบคีย์การ์ดทั้งหมด รู้สึกปลอดภัยหายห่วง

ห้องที่เราพักเป็นแบบ DELUXE WITH BALCONY ห้องกว้างโล่งโปร่งสบายและมีระเบียงบริเวณด้านนอก

ภายในตกแต่งเรียบหรูด้วยโทนสีอบอุ่น มีโคมไฟแสงอ่อนๆที่หัวเตียงทั้งสองข้าง

ผ้าห่มและหมอนสะอาด ไม่มีกลิ่นอับ แถมเตียงนุ่มมากจนไม่อยากจะลุกออกจากเตียง

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องก็มีครบครันอย่างตู้เย็น ทีวี ฟรีไวไฟ และไดร์เป่าผม ฯลฯ

ห้องน้ำแบ่งสัดส่วนโซนแห้งโซนเปียกเป็นอย่างดี ผ้าขนหนูสะอาดและไม่เป็นขุย

หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้วและนั่งพักจนหายเหนื่อย พวกเราออกจึงไปเดินเล่นช๊อปปิ้งและหาอะไรกินกันที่เซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยา การมาทะเลครั้งนี้ไม่ได้อยากไปเดินเล่นริมทะเล เลยหาร้านนั่งชมวิวทะเลอยู่ไกลๆแทนอย่างร้าน Food Loft บริเวณชั้น 3 ของห้าง โดยมีห้องอาหารทั้งแบบ Indoor และ Outdoor หันหน้าไปทางทะเล

ส่วนอาหารก็ราคาไม่แพง ประมาณหลักสิบถึงหลักร้อยต้นๆต่อจาน รสชาติก็ถือว่าใช้ได้อย่างข้าวมันไก่จานนี้

พอกินอิ่มก็เดินแวะออกไปจับโปเกม่อนบริเวณหน้าห้างสักหน่อย หลักจากเลิกเล่นมาสักพัก เพราะแถวบ้านไม่มีตัวใหม่ๆให้จับ ที่นี่มีตัวใหม่ๆที่เรายังไม่ได้หลายตัวมาก แต่ที่มีมากกว่าโปเกม่อนก็เหล่าเทรนเนอร์หลากหลายเชื้อชาติที่มารวมตัวกันอยู่แถวนี้นี่แหละ

ยืนจับโปเกม่อนอยู่สักพัก ตากลมก็ปลีกตัวหายเข้าไปในร้าน H & M อย่างรวดเร็ว เธอมักจะตื่นเต้นเมื่อได้มาช๊อปปิ้งในสถานที่ใหม่ๆ ถึงแม้ว่าร้านนั้นจะมีเหมือนกันกับห้างที่อยู่แถวบ้านก็ตาม

เธอบอกกับเราว่า "มันไม่เหมือนกันจริงๆนะ เพราะร้านที่อยู่ต่างจังหวัดมักจะเหลือไซด์และแบบที่ต้องการมากกว่าที่กรุงเทพ แถมราคาก็ลดเยอะกว่าด้วย" ช๊อปให้เต็มที่ไปเลยค่ะ เดี๋ยวหามุมนั่งรอนะ

เมื่อเดินช๊อปปิ้งจนสาแก่ใจ จนได้ของติดไม้ติดมือกลับบ้าน เราก็ไปต่อกันที่ The Sky Gallery ร้านอาหารและคาเฟ่สุดโรแมนติกที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาหันหน้าออกทะเลทางด้านทิศตะวันตก สามารถมองเห็นวิวเกาะล้านอยู่ไม่ไกล

มีทั้งที่นั่งแบบ Indoor ในห้องแอร์ และ Outdoor ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ ส่วนพวกเราได้ที่นั่งเป็นตะกร้ากลมๆบนพื้นทรายติดริมหน้าผา บรรยากาศดีมากๆ

ช่วงตอนสี่โมงพวกเรากินข้าวมาบ้างแล้ว เลยสั่งแค่พิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยนและซีซ่าสลัดมาทานเล่นๆ นั่งกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ อาหารราคาค่อนข้างสูง เฉลี่ยอยู่ที่จานละประมาณ 200-300 บาท แต่เมื่อเทียบกับวิวและบรรยากาศที่ได้รับก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ

เสาร์อาทิตย์ลูกค้าค่อนข้างเยอะ อาจจะต้องรอคิวนานสักหน่อย และอาหารบางอย่างอาจจะหมดก่อน แนะนำให้มาที่ร้านสักประมาณ 5-6 โมงเย็นจะดีที่สุด จะได้ทันเห็นวิวตอนพระอาทิตย์ตกดินด้วย

ที่นั่งแบบ Outdoor มีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นเก้าอี้นั่งปกติและเบาะผ้าบนพื้นหญ้าเทียม

ห้องน้ำที่นี่นอกจากจะแยกหญิงชายแล้ว ยังมีแยกสำหรับเด็กโดยเฉพาะด้วยนะ

บรรยากาศโดยรวมถือว่าโอเค เราให้ 8 เต็ม 10 หักไปสองคะแนนจากการบริการที่ค่อยข้างล่าช้า อาจจะเป็นเพราะว่ามีพนักงานน้อยไปหน่อย เมื่อเทียบกับปริมาณของลูกค้า

นั่งอยู่สักพักฝนเริ่มลงเม็ดปรอยๆ จึงตัดสินใจกลับที่พัก แต่พอถึงที่พักฝนกลับไม่ตก เลยแวะขึ้นไปนั่งชิลริมสระว่ายน้ำด้านบนดาดฟ้าของโรงแรม

สั่งค็อกเทลเย็นๆจากบาร์ริมสระมาจิบคนละแก้วก่อนนอน

ตอนกลางคืนฝนตกหนักมาก นอนฟังเสียงฝนบนเตียงนุ่มๆโคตรดีต่อใจและร่างกาย ตื่นสายๆ มากินข้าวเช้าที่ห้องอาหารบริเวณชั้นล่าง

เมนูอาหารเช้ามีให้เลือกทั้งแบบอาหารไทยและอาหารฝรั่ง ตบท้ายด้วยผลไม้และขนมหวาน

ส่วนเมนูไข่ ไม่ว่าจะเป็นไข่ดาวหรือออมเล็ตจะมีแม่ครัวมาตั้งครัวเล็กๆ ทำให้ใหม่ร้อนๆ

ภายในโรงแรมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆที่ให้บริการอย่างห้องฟิสเนสและสระว่ายน้ำ แถมพนักงานที่นี่ก็เป็นกันเอง เรียกได้ว่าสะดวก สบาย และรู้สึกปลอดภัยมาก

หลังจาก Check out ออกจากที่พัก พวกเราขับรถขึ้นไปยังเขาพระตําหนัก เพื่อแวะสักการะอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

บริเวณด้านบนเป็นจุดชมวิวเมืองพัทยาที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถมองเห็นทะเลและชายหาดโค้งยาวขนานไปกับเมือง ใครมาก็ต้องแวะมาถ่ายรูปกับมุมนี้

หนีอากาศร้อนตอนกลางวันจากด้านนอกมานั่งชิลที่ร้าน The Chocolate Factory ร้านอาหารสไตล์ยุโรปที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา สามารถมองเห็นวิวทะเลและชายหาดได้แบบพาโนราม่า อยู่ติดกับร้าน The Sky Gallery ที่เราไปมาเมื่อคืน

ภายในร้านแบ่งที่นั่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกเป็นแบบ Indoor ห้องแอร์เหมาะแก่การมานั่งรับประทานอาหารมื้อเที่ยง สามารถชมวิวด้านนอกผ่านกระจกใสบานใหญ่ มีที่นั่งทั้งแบบโต๊ะไม้และโซฟา โซนที่สองเป็นแบบ Outdoor ที่มีระเบียงยื่นออกไปริมหน้าผา เหมาะแก่การมาดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกดิน

เครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบทั้งร้อนและเย็น ราคาประมาณนี้เลย

ส่วนอาหารก็มีให้เลือกหลากหลายเมนู แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารฝรั่ง โดยมีเมนูแนะนำอย่าง ข้าวหน้าเนื้อออสเตรเลีย เนื้อที่ตุ๋นจนเปื่อยราดด้วยซอสสูตรพิเศษ เข้มข้นและนุ่มมาก

จบของคาวก็ต่อด้วยของหวาน ซึ่งไฮไลด์ของที่นี่ก็คือ ช็อกโกแลต ที่มีการทำสดใหม่ทุกวัน โดยใช้ช็อกโกแลตระดับพรีเมียมนำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์

ช็อกโกแลตก้อนเล็กๆน่ารักๆหลากหลายรสชาติมีให้มากกว่า 30 แบบ

ตรงกลางของร้านมีห้องกระจกขนาดใหญ่ เพื่อจัดแสดงอุปกรณ์และขั้นตอนการผลิตช็อกโกแลตให้ดูกันสดๆ

นอกจากช็อกโกแลตก็ยังมีขนมอื่นๆให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากอีกมากมาย

ขนมเค้กก็น่าทาน พวกเราจึงไม่พลาด เลยจัด Classic chocolate cake มา 1 ชิ้น เนื้อเค้กนุ่มมาก ให้ 3 ผ่าน

ก่อนกลับพาตากลมไปแวะช๊อปปิ้งที่เอาท์เล็ท เพราะเธอบ่นว่าอยากไปมาหลายครั้งแล้ว ตามใจเธอสักหน่อย ดูเธอยิ้มก็รู้ว่าเธอมีความสุขแค่ไหน

เธอเดินเข้าร้านนี้ ออกร้านโน้นอย่างไม่มีเบื่อ จนสุดท้ายก็มาเจอกับอาณาจักรของเธอ มุมที่เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้เป็นวันๆ ส่วนผู้ติดตามอย่างเราต้องรีบเดินหาที่นั่งหรือมุมเหมาะๆปักหลักกดโทรศัพท์เล่นรอไปพลางๆอย่างรู้หน้าที่

ระยะเวลา 2 วัน 1 คืนของพวกเรามีชีวิตชีวาและสีสันเพิ่มมากขึ้น เมื่อได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมากิน นอน เที่ยว และช๊อปกันที่พัทยา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เดินลงไปสัมผัสกับน้ำทะเล แค่ได้มองจากไกลๆก็พอใจล่ะ

ชอบพัทยาก็ตรงที่มีร้านอาหารและคาเฟ่วิวสวยๆ บรรยากาศดีๆ ให้เลือกค่อนข้างเยอะ แถมที่พักก็สะดวก สบาย และราคาไม่แพงอย่าง Adelphi หากยังคิดไม่ออกว่าจะเอาวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไปทำอะไรดี พัทยาถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการมาเปลี่ยนบรรยากาศของการใช้ชีวิตและพักผ่อน

คิ้วหนา & ตากลม
Love is a journey | เพราะความรัก คือ การเดินทาง...

ติดตามการเดินทางของพวกเราได้ที่เพจ : LOVE IS A JOURNEY

LOVE & LIFE IS A JOURNEY

 วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.43 น.

ความคิดเห็น