สวัสดีครับทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับรีวิวรูปแบบฉบับของ SOtraveler

ฉบับนี้ผมจะพาทุกคนไปพักผ่อนและอิ่มอร่อยอย่างมีความสุขกันที่

“โรงแรมดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ"



มาทำความรู้จักกับ ดับเบิ้ลทรี(DoubleTree) กันสักหน่อยนะครับ

โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่อยู่ในกลุ่มบริษัท Hilton Worldwide หลายคน

อาจรู้สึกไม่คุ้นเคยกับชื่อโรงแรม ก็ไม่แปลกนัก เพราะในประเทศไทยมี

ดับเบิ้ลทรี(DoubleTree) เพียงแห่งเดียวคือ DoubleTree by Hilton Sukhumvit

ที่ SOtraveler จะชวนทุกคนมาติดตามในรีวิวฉบับนี้



คอนเซ็ปต์ของ ดับเบิ้ลทรี(DoubleTree) จะเน้นการส่งมอบความอบอุ่น

ความสะดวกสบาย และความเป็นกันเองให้กับแขกที่เข้าพัก DoubleTree by Hilton Sukhumvit

จะส่งมอบทั้งสามสิ่งให้ผมรู้สึกได้ยังงัย อย่ารอช้าเลยครับ

มาเริ่ม Check-In ไปพร้อม ๆ กับผมกันเลยดีกว่า



Hi Friends~ SOtraveler

เมื่อเดินเข้ามาในโรงแรม ผมสะดุดตากับภาพที่อยู่เบื้องหลัง เคาน์เตอร์เช็คอินเป็นอันดับแรก


ภาพสีโทนเทาเงิน ที่นำเอาสถาปัตยกรรมแลนด์มาร์คสำคัญในกรุงเทพฯ มารวมกันในภาพ ๆ เดียว

เป็นต้นว่า พระปรางค์วัดอรุณฯ, พระที่นั่งอนันตสมาคม,ประสาทภูเขาทอง มีเสาชิงช้าสีทองตัดเด่นขึ้นมา



ส่งผ่านความหมายของประโยคที่ว่า “Welcome to Bangkok" โดยไม่ต้องปรากฎเป็นตัวอักษร

หรือมีเสียงบอก เพียงภาพ ๆ นี้ก็สื่อสารได้อย่างครบถ้วน แถมยังมีความเก๋ในส่วนของ Mood และ Tone ของภาพ

ที่เชื่อมโยงไปถึงกรุงเทพฯ ในมุมย้อนอดีต ซึ่งเข้ากันได้ดีกับคอนเซ็ปต์การตกแต่งของโรงแรม ทุกคนจะเห็นภาพ

มากขึ้นในรูปต่อ ๆ ไป เมื่อผมขยายภาพในมุมที่กว้างขึ้น



มุมกว้าง ๆ ของเคาน์เตอร์เช็คอิน ตัวเคาน์เตอร์จัดแต่งเป็นรูปแบบไม้ซ้อน ๆ กัน


แถมยังมีโคมไฟทรงเก่า ๆ เป็นองค์ประกอบอยู่สองฝั่ง



กลางโถงล็อบบี้ มีประติมากรรมโครงสร้างคล้าย ๆ ลูกบอล ทำจากไม้


ผมไม่ทราบในนัยยะและความหมายที่แท้จริงที่ต้องการสื่อหรอกนะครับ



แต่ที่ผมสังเกตได้คือ…มันกลายเป็นจุดที่หลายคนมายืนส่องจ้องดูแจกันข้างใน

ในใจผมก็แอบคิดอยากจะลอดเล่นผ่านไปมาเหมือนเกมส์ลอดห่วงเหมือนกัน

และบางคนก็ลอดแขน ลอดหน้า โพสท่าถ่ายรูปเล่นกันตรงนี้



สถาปัตยกรรมของตึกนี้มีลักษณะเป็นโดม มีการใช้ลูกเล่นความโค้งในหลาย ๆจุด


สร้างบรรยากาศให้รู้สึกถึงความอ่อนโยน ความละมุน



“อุ่น ๆ กับ Welcome cookies"



เอกลักษณ์ของโรงแรม ดับเบิ้ลทรี(DoubleTree) ทั่วโลกเลยคือ การต้อนรับด้วยคุกกี้ช็อกโกแล็ตชิพ มอบให้แขกที่เข้าพักหลังจาก Check-In เป็น Signature Chocolate Chip Cookie ชิ้นโตหอมกรุ่น หลังจากที่ผมได้รับมา ก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยว่าผมก็ได้รับ คุกกี้ช็อกโกแล็ตชิพ นี้จาก DoubleTree by Hilton Sukhumvit เหมือน ๆ กับ ดับเบิ้ลทรี(DoubleTree) ทั่วโลก



~ ความหอมของคุกกี้ช็อกโกแล็ตชิพ ลอยเข้าจมูก จนผมไม่อาจที่จะปล่อยให้ลอยนวลไปในสภาพเดิมได้ ขอแง่ม ๆ เข้าที่ขอบคำนึง ก่อนเก็บเข้าห่อกระดาษเช่นเดิม อดใจไว้ไปแง่มต่อบนห้องพัก นี่ผมยังคิดเลยว่า ถ้าหากผมเป็นเด็ก ที่ติดตามพ่อแม่มา ผมคงไม่ปล่อยให้ความสุขกับ คุกกี้ช็อกโกแล็ตชิพนี้หยุดชะงักไปได้ คงถือสองมือแล้วก็ค่อย ๆ เล็ม ในอารมณ์ที่อร่อยก็อร่อย แต่กัดคำใหญ่ก็กลัวจะหมดไว เป็น Signature ที่สามารถสร้างความทรงจำ ความประทับใจ ได้ดีมากจริง ๆ



หลังจาก check-out ผมติดใจแวะมาซื้อ Chocolate Chip Cookie นี้จากคุกกี้บาร์ (Cookie Bar) มาทานต่อที่บ้านอีก แน่นอนว่าผมไม่ใช่แขกคนแรกแน่ ๆ ที่ติดใจกับ Chocolate Chip Cookie ของ DoubleTree ยังมีแขกของ ดับเบิ้ลทรี(DoubleTree) อีกหลาย ๆ คนเลยล่ะ ที่มาซื้อ Chocolate Chip Cookie นี้กลับบ้าน บางคนก็ซื้อเป็นของขวัญ ซึ่งที่ DoubleTree by Hilton Sukhumvit มีจำหน่าย ในราคากระป๋องละ 390+ บาท ข้างในมี 6 ชิ้นใหญ่



SOtraveler มีหมีของ Hilton และ DoubleTree ด้วย น้องหมี DoubleTree เจ้าบ้านกระซิบบอกผมว่า



“….พี่ SOtraveler ครับ !!! วันนี้ พี่หมี Hilton มาเยี่ยมผมถึงที่ พี่ SOtraveler ช่วยป้อน Chocolate Chip Cookie ของบ้านผม ให้พี่หมี Hilton หน่อยนะครับ"



น่ารักแบ้วใสขนาดนี้ พี่ SOtraveler รีบแบ่ง Chocolate Chip Cookie ให้พี่หมี Hilton ทันทีทันใดเลย

อบอุ่นกับการ Check-In มาพอสมควร ถึงเวลาที่จะเข้าห้องพักกันแล้ว เรามาดูรูปแบบห้อง ของ DoubleTree by Hilton Sukhumvit ที่ SOtraveler เข้าพักกันดีกว่าครับ



ห้องพักของ DoubleTree by Hilton Sukhumvit มีขนาดกลาง ๆ เรียกว่า ขนาดพอดีอบอุ่น น่าจะดีกว่า ห้องพักจะเป็นรูปแบบ Modern ครบครับสิ่งอำนวยความสะดวก เพือการพักผ่อนที่สะดวกสบาย



ภายในห้องมีโทรทัศน์จอLCD ขนาด 40นิ้ว

ห้องน้ำสามารถเปิดหน้าต่างทะลุเห็นห้องนอนได้


ตอนเปิดหน้าต่างห้องน้ำให้ทะลุกันอย่างนี้ ก็ทำให้ห้องดูโปร่ง โล่งดี


ส่วนที่อาบน้ำ มีทั้งฝักบัวอาบแบบปกติและแบบ Rain Shower กระซิบบอกว่าน้ำแรงมาก


ตอนที่ผมต้องการล้างมือ ผมก็ไม่เดินเข้าห้องน้ำแล้วครับ


ผมยื่นมือมาล้างจากส่วนห้องพักเลย ถือว่าเป็นความสะดวกอย่างนึงได้มั้ย : D

อุปกรณ์เครื่องใช้ในห้องน้ำ ใช้ Aroma Active แบรนด์สกินแคร์สัญชาติอังกฤษ


ในเรื่องกลิ่นไม่ค่อยโดดเด่นมาก เป็นกลิ่นอ่อน ๆ ธรรมชาติเบา ๆ ครับ

เตียงนอนของ ดับเบิ้ลทรี(DoubleTree) เค้ามีคอนเซ็ปต์ไว้ด้วยว่า เป็นเตียง “Sweet Dreams Sleep Experience"


หัวถึงหมอน นอนหลับฝันดี ใครอยากสัมผัสประสบการณ์นี้ ต้องมาลองด้วยตัวเองดูสักครั้ง

มุมห้องมีโต๊ะทรงกลมสำหรับนั่งทำงาน รองรับแขกที่เข้าพักแบบมาติดต่อธุรกิจ


เตียงนอน นุ่มมากหลับสบายตลอดคืน


โรงแรมมีบริการโต๊ะรองรีดและเตารีดไว้ให้แขกที่เข่าพักด้วยนะครับ ซึ่งจะอยู่ในตู้เสื้อผ้า


ภายในห้องมีไฟหลายแบบดีครับ ใช้แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน


ตามมาตรฐานทางโรงแรมก็จะเตรียม ชา กาแฟ รวมถึงกาน้ำร้อน และน้ำดื่มเป็น Complimentary ให้แขกไว้พร้อมอยู่แล้ว


ตกเย็นมีบริการ Turn Down Service พนักงานเข้ามาปิดม่าน หรี่ไฟ เปิดผ้าห่มไว้ให้พร้อมนอน และมี “มาการอง" ใส่กล่อง 3 ชิ้นวางไว้ เป็นมาการองสอดไส้ ที่เนื้อฉ่ำ ไส้มีรสชาติที่แตกต่างกันไปในแต่ละอัน


สำรวจห้องพักกันครบทุกมุมแล้ว เดี๋ยวผมจะพาทุกคนไปสำรวจ Facility อื่น ๆ


ของโรงแรมกันบ้าง รวมถึงห้องอาหาร บาร์ ฟิตเนส กันต่อดีกว่า



ผมขอพาทุกคนกดลิฟท์มาที่ชั้น 7 ก่อนเลยครับ ชั้นนี้มีไฮไลท์เจ๋ง ๆ

คือ Mosaic รวมถึง สระว่ายน้ำ และฟิตเนส



ด้านหน้าลิฟท์มีผนังตกแต่งลวดลายด้วยไม้



เก็บมุมถ่ายรูปมาฝาก เซฟฟี่คู่กับแพะทอง อัพลงโซเชียลก็ดูเก๋ดี



ต่อไปนี้ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ….“Mosaic" เป็นชื่อเลาจน์และบาร์ ของที่นี่


ตกแต่งย้อนยุคด้วยหลอดไฟสีเหลือง นำนาฬิการูปแบบเก่าๆ มาตกแต่ง



นาฬิกาหลายแบบผมก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน มาเห็นเอาก็ที่ Mosaic นี่ล่ะครับ



ที่ ….“Mosaic" คุณจะพบกับ กำแพงโมเสครูป 'มาริลิน มอนโร' นางเอกอมตะแห่งยุค 50's ซึ่งหากเดินเรื่อย ๆ อาจะสังเกตไม่ออกว่า กำแพงนี้มีรูปหน้า 'มาริลิน มอนโร' ซ่อนอยู่ แต่พอถ่ายรูปออกมา ก็จะเห็นชัดเจนขึ้น



บรรยากาศของ “Mosaic" ตอนกลางวันกับตอนกลางคืน ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน เข้าพักรอบนี้ผมเก็บภาพมาฝากเป็นบรรยากาศชิล ๆ ในกลางคืนก่อนนะครับ



ที่ “Mosaic" มีโซนให้เลือกนั่งเพลิน ๆ ที่บาร์ นั่งชิล ๆ ริมสระ หรือเฮฮาเป็นโต๊ะก็ได้



โซฟานั่งเฮฮากันเป็นก๊วน



ถ่ายรูปมาให้ดูกันหลาย ๆ มุม



ติดกับ “Mosaic" เป็น สระว่ายน้ำ



น้ำใสแจ๋วน่าเล่นดี เวลาไม่พอให้แช่ตัวเล่นในสระเลยครับรอบนี้ ขอเก็บรูปมาฝากกันก่อนนะครับ



บรรยากาศของ “Mosaic" ก็จะเป็นวิวแม่น้ำนี่ล่ะครับ



ฟิตเนส ก็อยู่ชั้น 7 เช่นเดียวกัน ติดกับ Mosaic



จากนั้นลงมาที่ชั้น 1 กันดีกว่า พามาดูการตกแต่งสไตล์เรโทร


อันขึ้นชื่อของที่นี่ มีการนำวิทยุรุ่นเก่า ๆ มาติดที่ผนัง



มีห้องที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตและเครื่องพิมพ์เอกสาร



ผมทดลองเล่นดู ก็เข้าเว็บ เช็คอีเมลล์ได้ทั่วไป จอใหญ่ดี



โถงหน้าลิฟท์มีเครื่องเล่นเพลงพร้อมลำโพงทรงโบราณ สำหรับอีกชิ้นที่วางใกล้ ๆกัน จากที่ดูรูปแบบและลักษณณะ คิดว่าเป็นแคชเชียร์คิดเงิน ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคืออะไร วางตกแต่งอยู่บนตู้ไม้ทั้งคู่



เป็นมุมสำหรับเก๊กท่าถ่ายรูปได้อีกจุด



ทรานซิสเตอร์ และเครื่องเล่นเพลงที่เคยเป็นของจ๊าบส์ ๆ ในอดีต เราต่างเห็นบริบทของทรานซิสเตอร์ มาหลากหลายทั้งฟังผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล แบกใส่บนบ่าเต้นรำทำเพลง มาถึงปัจจุบันนี้ ทรานซิสเตอร์ กลายเป็นของของประดับแห่งความทรงจำไปเสียแล้ว



มุมใกล้ ๆ กันเป็นรูปถ่ายของตึกนี้ก่อนมีการรีโนเวทเป็น DoubleTree by Hilton Sukhumvit เห็นถึงบรรยากาศแต่เก่าก่อน ซึ่งหากมายืนมองปัจจุบันก็จะเห็นว่าหลาย ๆ อย่างได้เปลี่ยนแปลงไปมากตามยุค ตามสมัย



มุมที่ถูกอกถูกใจหลาย ๆ คน ก็ดูจะเป็นมุมนี้ มุมตลับเทปนักร้องที่โด่งดังในอดีต คนที่อยู่ในวัยที่เพิ่งผ่านวัยรุ่นมาไม่กี่ปีอย่างผม ก็คงคุ้นเคยกันดีกับประโยคที่ว่า ขายดีเป็นล้านตลับ



ยุคสมัยที่วัดความดังของศิลปินกันด้วยยอดขายตลับเทป ผมเดินดูเพลินเลย



คิดเพลินไปถึง ตอนเด็ก ๆ ต้องเก็บตังค์อยู่นาน กว่าจะซื้อตลับเทปศิลปินที่ชื่นชอบได้ มุขที่ใช้บ่อยก็คือซื้อตลับเทปเปล่ามาอัดเอาจาก คลื่นวิทยุที่ดีเจ เปิดเพลง แล้วดีเจในยุคนั้นก็จะพูดแทรกเพลงอยู่เสมอ – -" เสียงดีเจ ก็จะติดอยู่กับเพลง ๆนั้น ทุกครั้งที่อยากเปิดฟังซ้ำ



เพลินกับการตกแต่งในสไตล์ Retro ของ DoubleTree อยู่ซะนาน


ผมพาทุกคนมาดูในส่วนของห้องอาหารบ้างดีกว่า ชื่อว่า ดี-ไลท์ (Dee Lite)

ซึ่งก็จะพาทุกคนไปอิ่มกันต่อ กับมื้อเช้ากันเลย ก่อนที่จะเป็นมื้อเช้าขอเก็บบรรยากาศ

ด้านหน้าห้องอาหารมาฝากกันสักหน่อย



บรรยากาศโดยรวมยังคงคอนเซ็ปต์ของความเป็นอดีตที่ร่วมสมัยไว้อย่างดี



อย่างที่เกริ่นไว้ คอนเซ็ปต์การตกแต่งของ DoubleTree by Hilton Sukhumvit ออกแบบให้มีกลิ่นอายย้อนยุคแนว Retro สร้างบรรยากาศให้ดูแบบคลาสสิค แทรกความหรูหราแบบเรียบๆ ในบางจุด



จักรยานโบราณสีแดงคันนี้ มีคนมาโพสท่าถ่ายรูปคู่หลายคน ด้วยความเป็นจอดไว้เป็นพร๊อบ เชิญชวนให้ใครต่อใครที่เห็นต่างขอไปถ่ายรูปคู่เป็นที่ระลึกไว้สักแชะ สองแชะ



โคมไฟแบบนี้ ทรงเดียวกับปติมากรรมที่วางอยู่ตรงกลางโถงล๊อปบี้เลย



โทรศัพท์แบบเก่าและถังสแตนเลสสี นำมาตกแต่งสร้างบรรยากาศเรโทร



Good Morning Breakfast !


บรรยากาศภายในห้องอาหาร ดี-ไลท์ (Dee Lite) ซึ่งห้องอาหารดีไลท์ เป็นห้องอาหารแบบ All Day Dining ให้บริการมื้อเช้า มื้อเที่ยงและมื้อค่ำ ตลอดทั้งวัน



Breakfast Mon-Fri 06.00-10.30 Hrs.

Breakfast Sat-Sun 06.00-11.00 Hrs.

Lunch Daily 12.00-14.30 Hrs.

Dinner Daily 18.00-23.00 Hrs.

ก่อนอื่น ผมจะพาทุกคนมาดูอาหารเช้ากันก่อนนะครับ เริ่มกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า ก็เริ่มคึกคัก แขกลงมาทานกันไวมากครับ

ผมเริ่มจากการสั่งกาแฟ สามารถสั่งเสิร์ฟเป็นเมนูได้ ไม่ได้เสิร์ฟเป็นกาแฟดำอย่างเดียว สำหรับผมเริ่มต้นด้วย Cappuccino ครับ


นมและน้ำผลไม้มีให้เลือกหลากหลายดี


โซนขนมปังก็มีให้เลือกเยอะดีครับ


มุมโยเกิร์ตกับ Bircher Muesli



มุมอาหารเกาหลี และอาหารญี่ปุ่น



เบคอนมีทั้งแบบนิ่มและแบบกรอบ แล้วก็แฮม



สำรวจมุมสลัดและ Cold Cut



ผัดไทยกุ้งสดในไลน์อาหารเช้า



และเมนูอาหารไทยอื่น ๆ



ใครชอบเมนูเส้น ก๋วยเตี๋ยว เกาเหลามีให้สั่ง



มุมไข่ตามใจเลือกครับ : ) มีเชฟทำให้



ไข่ตุ่นทำไว้น่ารัก



ไส้กรอกมีให้ทั้งหมูและไก่



ไลน์ผลไม้มีผลไม้ให้เลือกหลากหลายดีครับ เป็นจุดเด่นนึงของไลน์อาหารที่นี่



และในแต่ละเดือนก็จะมีไฮไลท์ สำหรับที่ผมมพักมีไฮไลท์เป็นน้ำมังคุดครับ



แพนเค้ก และวัฟเฟิล



จากมื้อเช้า SOtraveler ขอพาทุกคนมาต่อกันด้วยมื้อค่ำ ที่ห้องอาหาร Dee Lite (ดีไลท์) กันต่อเนื่องเลย ความพิเศษของห้องอาหาร Dee Lite (ดีไลท์) ที่ผมคิดว่าน่าสนใจคือ การให้ระยะเวลาในการทาน อาหารในแต่ละมื้อนานเป็นพิเศษ



อย่างบุฟเฟต์มื้อค่ำนี้ก็เริ่มตั้งแต่ 18.30 ยาวกันไปจนถึง 23.00 น. กันเลยทีเดียว



Seafood Buffet Dinner ที่ผมจะรีวิวนี้ มีบริการวันพฤหัสบดี – วันเสาร์ นะครับ

ราคา 1,690 บ. (Net) ต่อคน เห็นใน application สั่งจองร้านอาหารในมือถือ (eatigo)

มีร่วมโปรโมชั่นอยู่ ได้ส่วนลดสูงสุดถึง 50% เพื่อนผมตามรอยมาทาน Seafood Buffet Dinner ด้วย

eatigo กันหลายคนเลย



บรรยากาศครัวเปิด แบบนี้ สร้างบรรยากาศความอร่อยได้ดีมาก ๆ เหมือนกำลังทานอยู่ในครัว อร่อยกับอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา



ขอเน้น ไฮไลท์ Seafood Buffet Dinner ห้องอาหาร Dee Lite (ดีไลท์) กันไว้ตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ ใครไปทานอย่าพลาดที่จะต้องเก็บให้ครบทุกไอเท็ม



** ปูม้า หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยนางรมฝรั่งเศส fine de claire

** ชูชิ-ซาชิมิ หลากหลายมาก และทำกันแบบสดใหม่

** ล็อบสเตอร์ผัดเม็ดมะม่วง

** ผัดไทยกุ้งสด

** สเต็กซี่โครงแกะ

** ไอศรีมโฮมเมด



เป็น 6 สิ่งที่ SOtraveler จัดว่าเด็ดและไม่ควรพลาด หากมีโอกาสได้มาลอง Seafood Buffet Dinner ห้องอาหาร Dee Lite (ดีไลท์)



ปูม้าแกะทานเลอะมือหน่อย แต่ผมก็ชอบ ของโปรดผมเลยล่ะ



เลือกทานเน้น ๆที่เนื้อปู



หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เนื้อเด้งใหญ่ดี



สเตชั่นอาหารญี่ปุ่นชูชิ-ซาชิมิ ที่มีเชฟประจำ ค่อย ๆทำชูชิ ออกมาวางให้เราเลือกหยิบอย่างต่อเนื่อง และน่ากินทั้งนั้น เป็นเชฟที่มีความเชี่ยวชาญ มีความสร้างสรรค์ในการทำชูชิมาก ทั้งหน้าตาและรสชาติทำออกมาได้ห้าดาวเต็ม



ผมเพลินกับลีลาและความตั้งใจทำของเชฟมาก ๆ ครับ เป็นเสน่ห์ของครัวเปิด แบบนี้ ที่ทำให้เราเห็นความสดใหม่และเบื้องหลังขั้นตอนการทำอาหาร ทำดีก็เห็นก็เพลินกันไปเลย



ชูชิมีหลายแบบให้เลือกมาก พอใกล้จะหมดจาน เชฟก็จะเตรียมทำต่อเลย เป็นการช๊อปหยิบชูชิ ที่สนุกดี



เทมปุระก็มา



Thai Selection สั่งเสิร์ฟแบบ a la cart อยากทานกี่จาน ก็หยิบที่หนีบที่มีหมายเลขโต๊ะ มาหนีบแล้วหยอดลงถัง พนักงานจะทำตามเมนูที่เลือกแล้วนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เมนูขายดีคือ LOBSTER PHAD MED กับ PHAD THAI กุ้งสด นี่ล่ะครับ สั่งกันตรงนี้



LOBSTER ผัดเม็ดมะม่วงเป็นเมนูที่ทานง่ายมาก ไม่เผ็ดเลย



LOBSTER ที่ผัดมาก็ไม่ใช่น้อย ๆ ด้วย



ส่วนผัดไทยกุ้งสด ก็ได้กุ้งหลายเสื้อมาหอมฉุยเลย



เนื้อ หมู แกะ สำหรับส่งให้เชฟทำเมนู Grill ให้ เชฟทำออกมาดีมากครับ



ยังมีไลน์อาหารให้เลือกอีกเยอะเลยครับ



มุมพาสตา ที่มีชื่อเก๋ไก๋ว่าว่า Pasta the Way You LIKE!! เลือกตักได้ หรือถามเชฟก็ได้ครับว่าอยากทานแนวไหน เชฟแนะนำด้วย ผมอยากทานเป็นสปาเก็ตตี้ผัดกระเทียม เชฟแนะนำให้ใส่โหระพาสักหน่อยก็เข้ากันดี



ในมุม BBQ ก็ยังมี หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์,กุ้งลายเสือ และแซลมอน ให้ฟินไปอีก มีเชฟคอยย่าง เสิร์ฟวางไว้แบบพร้อมทาน สำหรับคนที่บ่นว่าอยากกินแต่ขี้เกียจแกะหอย แกะกุ้ง มานี่เลยมา มีคนแกะให้แล้ว



มาถึงผลไม้ และเบเกอรี่กันบ้าง มีให้เลือกเยอะดี และทำออกมาน่าทานทั้งนั้น ชอบในความครีเอท ในการจัดวางขนมแต่ละอย่าง


ไอติมโฮมเมด อย่างที่แนะนำในไฮไลท์ รสชาติมีความเข้มข้นมาก และยังมีให้เลือกหลายรสชาติอีกด้วย



จบกันแล้วนะครับ สำหรับ Buffet Dinner



Info.



โรงแรม ดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพ

18/1 ซอย สุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพ

โทร : 02-649-6666



สัตว์เลี้ยง: อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้



สรุปมุมมองของ SOtraveler หลังจากที่ได้เข้าพัก, ทานอาหารเช้าและ ทาน Seafood Buffet Dinner จาก DoubleTree by Hilton Sukhumvit ผมชอบในบรรยากาศสบาย ๆ ของตัวโรงแรมนะครับ ดีไซน์ดี ดูเป็นโรงแรมที่เข้าถึงง่าย มีความสะดวกสบายครบครัน ส่วนในไลน์อาหารทั้งอาหารเช้าและ Seafood Buffet Dinner ผมให้คะแนนนำเรื่องรสชาติและความพิถีพิถันในแต่ละเมนู ถ้าพูดถึงความหลากหลาย ผมก็ถือว่าโรงแรมมีให้ครบทุกอย่าง เป็นอีกโรงแรมนึงที่น่าสนใจทั้งห้องพักและอาหารครับ



ท้ายนี้

ขอบคุณคุณซันเดย์และคุณปลาวาฬ

และขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมา SOtraveler ขอขอบคุณครับ : )



SOtraveler.COM

 วันพฤหัสที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.56 น.

ความคิดเห็น