“มาเที่ยวกัน ที่จันทบุรี "ความรู้สึกดีๆ มีมากกว่ารอยยิ้มและความทรงจำ


(แนะนำเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะสั้นๆ แต่มันสนุกมาก)



จันทุบรี เป็นจังหวัดที่ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ได้ใกล้มากจากตัวกรุงเทพฯเหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวแบบกลุ่มเพื่อน, กลุ่มครอบครัว หรือเที่ยวเดี่ยวก็ได้ “ซึ่งในวันนี้จะรีวิวในแบบกลุ่มเพื่อนๆกัน ซึ่งสามารถปรับดัดแปลงตามความเหมาะสม"



เนื่องด้วย ทริปนี้กลุ่มเราได้นัดกันจะไป ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แต่เนื่องจากติดสอบของเพื่อนบางคนจึงต้องเลื่อนออกไป เป็นปลายเดือนตุลาคม



วันแรก

6.20 น. เตรียมตัวขึ้นรถตู้หมอชิต

11.00 น. ถึงท่ารถตู้ขลุง แล้วนั่งรถสามล้อไปยังท่าเรือ

บรรยายกาศรอบๆบริเวณข้างทางค่ะ


12.00 น. ขึ้นรถหางยาวลำใหญ่ ที่จะไปยังหมู่บ้านไร้แผ่น ดิน เพื่อเข้าโฮมสเตย์ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 40นาที


โดยทางโฮมสเตย์ ได้จัดอาหารกลางวัน อร่อยมากค่ะ มีกับข้าว 5 อย่าง ของหวานเป็นขนมถ้วย

อาหารกลางวันที่ทางบ้านทะเลดาวจัดว้ให้ค่า อร่อยทุกอย่างๆหินกันเกลี้ยงเลยค่ะ


13.30 น. เข้าห้องพักทำธุระให้เรียบร้อย เดินเล่นแถวหมู่บ้าน โดยทางโฮมสเตย์ นัดเจอกันอีกครั้งเพื่อล่องแพรเวลา 16.00 น.


วันที่ จขกท.ไป เกือบจะไม่ได้ล่องแพแล้วค่า เนื่องจากว่าฝนตก จนเวลาใกล้ล่องแพรฝนเริ่มหยุด

ทางโฮมสเตย์ จึงได้ประกาศให้เตรียมตัวไปล่องแพไปทะเลแหวก ซึ่งเป็นสันทราย ดูเหยี่ยวแดงกลางทะเล ชมวิว



นี่คือแพรที่เราจะนั่งลองไปชมเที่ยวชมเยี่ยวและทะเลแหวก



ซึ่งตอนแรกที่คิดไว้ไม่คิดว่าจะสวยมากขนาดนี้ค่า คือมันอาจจะไม่ได้สวยเหมือนกับทะเลหมอกที่อื่น แต่มันสวยกว่าเราคิดไว้เยอะมาก และอากาศไม่ร้อนค่ะ อาจจะเพราะว่าฝนเพิ่งหยุดตก


ล่องมาได้อีกซักพักก็จะเจอกับสันทรายบริเวณกว้าง ซึ่งสามารถเดินได้ เค้าจะจอดบริเวณพักใหญ่เพื่อนักท่องเที่ยวถ่ายรูป พายเรือภายัค หรืออาจจะดื่มด่ำธรรมชาติ


17.30 น. จากนั้นจึงล่องกลับ


18.20 น. ทางโฮมสเตย์ได้เตรียมอาหารบุตเฟ่ต์ไม่อั้น ซึ่งกลุ่มเรากินจนพุงกาง จขกท.เองกินปูไปประมาณ 6-7 ตัว และหอย นางรมสดๆอีก อร่อยมากค่ะ และ จะมีคนเคยถามตลอดเวลาว่าต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่มีการหวงของ


ส่วนรูปปูนั้น รีบกินกันเลยไม่ได้ถ่ายมา >///<




จบการเดินทางในวันแรกค่ะ




วันที่สอง

6.30 น. อาหารเช้า (ข้าวต้มทะเล) เสิร์ฟตลอดไม่อั้น

7.00 น ตักบาตรตอนเช้า (ชุดอาหารตักบาตรสั่งกับทางโฮมสเตย์)


9.15 น. เรือที่ทางโฮมสเตย์จัดหาให้เดินทางกลับไปยังฝั่งที่มา


แต่กลุ่มเราออกสาย 10.00 น.จึงต้องเรียกเรือลำเล็กมารับแทนนั่งได้ไม่เกิน 6 คน สนุกดีค่า ซิ่งสุดๆ

10.15 น. ถึงรถลุงเชาว์ ก็แนะนำว่าเราไปไหนก่อนดี ไปไหนหลังดี อยากไปไหนก็บอกแก


10.40 น. ถึงอุทยานน้ำตกพลิ้ว คนไทยเสีย 40 บาท/คน ต่างชาติเป็นอีกราคา


เข้ามาถึงได้ประมาณ500-600 เมตร จะพบปากทางเข้าที่เขียนว่า “เส้นทางศึกษาธรรมชาติ "ระยะความยาวประมาณ 1.20 กม. กลุ่มเราแปลกใจมากเพราะไม่ทราบว่าที่นั่นมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ตอนแรกตั้งใจจะมาเล่นน้ำ พวกเราจึงคุยกันว่าจะเดินเข้าไปสำรวจดู ก่อนเข้าไปต้องเข้าไปขอกับทางเจ้าหน้าที่ก่อนนะคะ เพราะว่าบางทีก็ขึ้นไม่ได้ เนื่องจากน้ำขึ้นสูงไม่ก็ฝนตกหนัก โชคดีวันที่เราไปฝนตกไปเมื่อวานชื้นบางนิดหน่อย เจ้าหน้าที่บอกว่าเข้าไปเดินสำรวจได้ ถ้าผ่านเขาลูกแรกได้หลังก็สบายมาก


ความสนุกกับการสำรวจเริ่มต้นขึ้นแล้วค่ะ


เป็นความบังเอิญที่รู้สึกดีมากค่ะ เมื่อเดินขึ้นไปตามทางแรกๆทางจะค่อนข้างชันบ้างไม่ชั้นบ้างสลับกันไป เดินขึ้น-ลงเขาเป็นระยะทาง700-800 เมตร



ซึ่ง!!!กลุ่มจขกท. ใส่แตะกันเดินไป 555 จึงๆไม่ควรค่ะเพราะทางค่อนข้างลื่น แต่อย่างที่เคยบอกว่าไม่ทราบกันจริงๆมาจะได้มาเดิน ซึ่งยิ่งไปกว่านั้นคือจขกท. ใส่ส้นตึกเดิน 55 พลิกแล้ว พลิกอีก


ก็จะพบกับธารน้ำที่ไหลมาจากต้นน้ำซึ่งต้นแรกคิดว่าเป็นทางตันเพราะคิดว่า คงไม่ต้องเดินผ่านน้ำตกซึ่งก็ดูจากภาพนะคะ ต้องมองไปจะพบกับลูกศรที่ชี้มา คุณต้องข้ามน้ำตกมาและปืนขึ้นทางชันอีกฝากฝั่งนึ่ง


ในเมื่อคนอื่นที่เค้ามาได้เราก็ผ่านได้ซิคะ


เดินมาถึงระยะประมาณ 1.0 กม. จะพบกับอลงกรณ์เจดีย์ และรูปปั้นพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีอัครมเหสี


ได้หลังอลงกรณ์เจดีย์จะเป็นที่ชมวิวน้ำตกพลิ้ว

12.00 น. หาไก่ย่าง ข้าวเหนียวกิน ซึ่งเรากลัวจะไม่ทันเวลา เลยซื้อกันมากินบนรถ จากนั้นก็เดินทางไป


ลุงเชาว์พาเราไปยัง “วัดชากใหญ่" ซึ่งจะมีรูปปั้นเกี่ยวทางพระพุทธศาสนา สวยค่ะ รมรื่นด้วย แต่เรากำลังกินไก่กับข้าวเหนียวกันอยู่ลุงจึงขับพาชมบริเวณรอบๆวัด

12.10 น. จากนั้นจึงเดินทางไปตึกแดง ที่สร้างขึ้นที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างขึ้นโดยฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2436 ร.ศ. 112

ไม่ไกลมาก็มายัง คุกขี้ไก่ ที่สร้างขึ้นที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างขึ้นโดยฝรั่งเศส ร.ศ. 112 เดิมเป็นโรงเลี้ยงไก่ แต่เนื่องจากคุกสมัยนั้นไม่เพียงพอ (จะขังนักโทษที่ต่อต้านฝรั่งเศส) จึงใช้ด้านบนเป็นโรงเลี้ยงไก่ ด้านล่างไว้ขังนักโทษ(ข้อมูลนี้ได้มาจากลุงเชาว์ที่เป็นคนพื้นที่เล่าให้ฟังค่ะ)


12.30 น. แวะถ่ายรูปกับจุดชมวิว ( ลุงเชาว์แนะนำให้แวะไปถ่ายภาพค่ะ )


13.00 น. เดินทางไปบน สะพานตากสินมหาราช (สะพานแหลมสิงห์) (ลุงเชาว์แนะนำค่ะ)


14.00 น. เที่ยวชมสถานแสดงพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ จันทบุรี ซึ่งภายในมีปลาท้องถิ่น ปลาหายาก ปลาเก๋าจะเยอะมาก


เข้าชมฟรีนะคะ รูปมีไม่เยอะนะคะ เดินชมจนเพลิน(ลุงเชาว์แนะนำอีกค่ะ)



15.10 น. มายัง "ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน"เดินมาได้ไม่นานนักฝนเริ่มตก แต่ไม่แรงมาก ดังนั้นบาง ภาพจะเต็มไปด้วยไอน้ำเกาะหน้าเลนส์นะคะ



เดินมาเรื่อยๆจนถึงสะพานที่ติดกับทะเลน้ำกร่อก


หอคอยไม้


จากนั้นเราก็เดินกลับมายังรถค่ะ


จุดสุดท้ายขอการเที่ยววันนี้คือ หาดคุ้งวิมาน "จุดชมวิวเนินนางพญา "

จริงๆด้านข้างเค้า จะมีโขหลหิน ไว้ถ่ายรูป แต่กลัวจะไม่ทันรถตู้จริงๆรอบ 18.00น. จึงขอให้ลุงเชาว์ไปส่งที่วินรถตู้ ในตัวเมืองเลย TYT


ปล. แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้า!!! หวังว่าเราได้มีโอกาสเที่ยวด้วยกันนะคะ



*** ค่าใช้จ่ายต่างๆจะสรุปอยู่ที่ด้านล่างนะคะสรุปค่าใช้จ่าย

1. ค่ารถตู้ หมอชิต – จันทบุรี-ขลุง( ขาไป ) =230 บาท/คน

2. ค่ารถสามล้อ ท่ารถตู่ขลุง-ไปท่าเรือ = 25 บาท/คน

3. ค่ารถตู้ หมอชิต – จันทบุรี ( ขากลับ) =200 บาท/คน (เพราะว่าขึ้นในตัวเมืองจังหวัด)

4. ค่าที่พักโฮมสเตย์ทะเลดาว = 1,800 บาท/คน (รวมค่าอาหาร 3 มื้อและล่องแพมีความประทับใจในการ(เบอร์โทร 083-589-8009,088-214-4424) บริการดีมากค่ะ)

5. ค่าอาหารตักบาตรตอนเช้า = 50 บาท/ชุด (ไม่ได้บังคับและแต่คนอยากตักบาตร)

6. ค่าเรือไปยังที่พัก = 70 บาท/คน (เปลี่ยนหางยาวลำใหญ่ที่ทางที่พักจัดหามาให้)

7. ค่าเรือออกมาจากที่พักตอนเช้า = 100 บาท/คน (เหมาเรือหางยาวลำเล็กชาวบ้านเรียก “เรือบรือ“ หรือบ้างก็เรียกว่า “เรือแว๊น"เพราะว่าออกสาย)

8. ค่าเช่ารถมาสด้ารับจ้าง ลุงเชาว์ = 400บาท/คน (2,000 บาท/เหมารวมค่ารถ ค่าคนขับ ค่าน้ำมัน) แนะนำเลย(เบอร์โทร 085-277-0960)ค่าบริการดีมากที่สุด แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เป็นไกด์ ถ่ายรูปให้ด้วย อยากไปไหนบอกได้เลย ดีมากๆเลยค่า

9. ค่าเข้าอุทยานน้ำตกพลิ้ว =40บาท/คน (ชาวต่างชาติจะเป็นอีกราคานะคะ)

10. ค่ากินจิปาถะ = 300 บาท/คน

รวมเป็นจำนวนเงินทั้งหมด[/u = 3,215 บาท/คน

Minkniko Chan

 วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 15.00 น.

ความคิดเห็น