ทริปฮ้องกงนี้ เรายกกันไปสามสาวสามวัยอีกเช่นเคยยย

ไม่มีใครครบแล้ว 555 ลูกค้าบางคนก็ว่าทำไมแม่เราหยุดขายของบ่อยจัง
เจอหน้ามาก็ทัก "นี่ป้า! หยุดไปไหนมาตั้งหลายวัน!" แม่ก็ไม่กล้าตอบว่าลูกพาไปเที่ยว กลัวลูกค้าไม่เซ็นใบลาให้



เข้าเรื่อง ทริปนี้ไปฮ่องกงกันสามคน เนื่องด้วยต้องไปงานแต่งงานของเพื่อนพี่สาว จึงถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเลย ครั้งแรกของประสบการณ์การไปฮ่องกงจริงๆ ทริป 30 กันยา - 2 ตุลา ที่ผ่านมา


เริ่มด้วยการเดินทาง จองตั๋วพร้อมโรงแรมในราคาที่แสนถูกตามสโลแกนเค้าอ่ะนะ ใครๆก็บินได้ ขึ้นเครื่องกันตอนเช้า ไปถึงตอนเที่ยงๆ เข้าที่พัก หาข้าวกิน เที่ยวได้ต่ออีกครึ่งวัน นี่คือแพลน


การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1.40 ชั่วโมง ออก 9.30


ไม่ว่าจะขึ้นเครื่องกี่ครั้ง เราเป็นโรคชอบมองชอบถ่ายรูปท้องฟ้าจากมุมมองบนหน้าต่างเครื่องบิน นี่ถ้าเปิดกระจกแล้วยื่นหัวออกไปถ่ายได้เยี่ยงรถไฟก็จะทำ!



ลงเครื่องกำลังเดินเข้าไปตม. ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 4 คน มายืนรอดักผู้โดยสารที่น่าสงสัย เป็นจังหวะพอดีกับที่พี่สาวถอดเสื้อคลุมเพราะมันร้อนแล้ว แล้วนางก็ใส่เสื้อกล้ามไว้ข้างใน ตม. say hello เลยค่าา นางก็เรียกตรวจพาสปอร์ต ถามว่าเราเป็นพี่น้องกันหรอ แต่เพ่งเล็งไปที่พี่เรามากที่สุด ด้วยพฤติกรรมและเสื้อ และพาสปอร์ตขาวเพราะหาย เพิ่งไปทำมานั้น ทำให้ตรวจอย่างละเอียด ด้านขุ่นแม่ก็เดินไม่รอ จนต้องตะโกนเรียก ตม.ก็ถามว่ามากับแม่หรอ แล้วนางก็ปล่อยไป



ผ่านตม.มาเรียบร้อยก็ลงมาชั้นล่าง ซื้อตั๋วแบบนี้ เข้าเมืองค่ะ ไปส่วน Hong Kong คือมันจะมี 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ เกาลูน และฮ่องกง กั้นไว้ด้วยทะเล ต้องลอดใต้อุโมงค์ไปค่ะ ซื้อบัตร MTR แบบกรุ๊ป 3 คน รวม 250 HKD ไปที่สถานี Hong Kong Station เพื่อต่อรถ Shuttle Bus ของโรงแรมซึ่งจะไปรออยู๋ที่นู่น โรงแรมที่เราพักอยู่ฝั่งฮ่องกงค่ะ



หน้าตาตั๋วขึ้นรถไฟ

ภายในที่กว้างขวางและสะอาด มีปุ่มปรับเสียงให้ติดกับเบาะเลยค่ะ แต่ไม่มีหูฟัง...


และก็มาถึงสถานีฮ่องกง มองหาป้ายที่เขียนว่า Free Shuttle Bus (Hotel Connection) ไปรอตรงนู้นเลยค่ะ

ไม่แน่ใจก็ถามพนักงานเคาน์เตอร์เขียว ที่นี่พูดอังกฤษได้ทุกคน สบายบรื๋อ


นั่งรอ รอ รอออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ เป็นชั่วโมงแล้วรถยังไม่มา ถามเคาน์เตอร์แล้วเค้าก็ว่ามี แต่ต้องโทรไปคุยกับโรงแรมเองว่าตารางแต่ละโรงแรมรถออกกี่โมง โทรไป นางก็ว่ารถออกมาแล้ว อ่ะรอต่อ

.............

................................

.......................................เห้ย มาแล้ว!!!!



หน้าตารถโรงแรมเป็นแบบนี้

มุ่งหน้าไปโรงแรมกันเลยเถอะพลีสสส

โรงแรมของเราคือ Cosmopolitan Hotel Hong Kong

เราว่าโรงแรมนี้โอเคเลย ถึงทางเข้าจะดูรกๆ แต่เพราะกำลังก่อสร้างนั้น เราไม่ติดใจ ลงรถมายังไม่เข้าไปในโรงแรม เห้ยยย หอมอ่ะ หอมมาก มันเป็นกลิ่นน้ำหอมคล้ายๆที่เขาเปิดบูธตามห้างอ่ะ ประมาณบีซาบี แต่หอมละมุนกว่า เข้าไปในล็อบบี้คือดีงาม

ตกแต่งได้หรูหรา สะอาด มีส่วนที่นั่งให้แขกรอ เราขอเรียกว่าเก้าอี้มาการอง เพราะสีพาสเทลและทรง ทำให้นึกถึง 55

พนักงานตั้งแต่ลงรถมา ไม่สิ ตั้งแต่คุณลุงขับรถมีการบริการที่ดีมาก greeting ดี ลุงบอกขึ้นไปเลย กระเป๋าเดี๋ยวยกให้ ลงรถพนักงานก็ดูแลกระเป๋าให้ คือไม่ได้แตะประเป๋าเลย

การตกแต่งภายในถือว่า...สวยยยยย


เก้าอี้มาการองกับคุณนายนั่งมากะลูก

เข้าไปห้องพัก ดูกันเอาเอง

เก็บของเข้าที่ แล้วก็เจอนี่ ท้าดาาาา... You've got a gift!!! เป็นลูกอมผลไม้ ซึ่งเค้าทำเป็นทริคนารักๆต้อนรับลูกค้า เราว่าไอเดียดี แต่ลูกอมรสชาติเฮียมาก 555 เอามันไปเก็บ!!!!!!!!!

และนี่คือวิวที่มองจากห้องพัก ถือว่าผ่าน

รวมๆแล้วก้สมกับราคาโรงแรม คืนละสองพันประมาณ แต่ถ้าคราวหน้ามาเราจะพักที่ฝั่งเกาลูนและเราขอแนะนำให้พักที่ฝั่งนั้น เพราะฝั่งนี้ไม่มีไรเลย

รวมๆแล้วก้สมกับราคาโรงแรม คืนละสองพันประมาณ แต่ถ้าคราวหน้ามาเราจะพักที่ฝั่งเกาลูนและเราขอแนะนำให้พักที่ฝั่งนั้น เพราะฝั่งนี้ไม่มีไรเลย



สถานีต่อไป....หาข้าวกินนนนน หิวจนกินฟายได้ทั้งตัว เพราะรถบัสแท้ๆ ถ้าใครจะไปรอรถบัส ของโรงแรมไหนก็แล้วแต่ ควรถามเค้าให้แน่นอนนะว่ามาเมื่อไหร่ ตารางออกเวลาไหนบ้าง ไม่งั้นแพลนเลื่อนอ่ะ

หลังจากนั้น เราก็ออกเดินหาร้านข้าวขาหมูในตำนาน ถ.Wanchai (อ่านว่าไร วันชัย?) เดินออกจากโรงแรมก็เลี้ยวซ้ายตรงไป ข้ามถนนไปฝั่งขวา เจอบันไดลง ก็เดินลง ตรงไปเรื่อยๆค่ะ


ผ่านโรงเรียน

ผ่านถังขยะ

ผ่านร้านไอติม หื้มม ไม่ถึงซักทีวุ้ย

ผ่านร้านขนม


ขนมบะจ่าง เหมือนเอาถั่วบวกเครื่องเทศบะจ่างยัดไส้แป้ง แปลกๆแต่อร่อยดี 6 HKD

ทาร์ทไข่ ดีเลิศ 4 HKD

ผ่านสถานีรถไฟ

ผ่านตึก...

ใกล้ละ ใกล้ละ ...ใช่มั้ยวะ

เห้ย นั่นไง.. สรุปคือ จากที่เดินลงบันไดมาเมื่อกี๊ เดินตรงมาถึงทางแยก เลี้ยวซ้าย เดินตรงมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ เด่วก็เจอร้านอยู่ซ้ายมือ

ลองมองหาป้าย COOL CUT รูปบนก็ได้ เดินเลยป้ายไปหน่อยก็ถึงละ ร้านบ้านๆ ธรรมดามาก แต่คนเยอะมาก อาเจ็กเจ้าของร้านพูดไทยได้นิดหน่อย

"ซาหวักดีคัก มีข้าวเป็ก ข้าวหมูยั่ง ข้าวหมูกอก" ประมาณนี้ น่ารักดี

ตะเกียบหยิบเอง แก้วกระดาษ น้ำชาฟรี

ข้าวหมูยั่ง

ข้าวหมูกรอบ มันกรอบๆนั้น มีความดีงามในสามโลก กรอบ กรอบ กรอบ แต่เหนียวอิ๊บอ๋ายตรงมันหมู

ข้าวเป็ก (ข้าวหน้าเป็ด)

สั่งผักกับน้ำซุปมาเพิ่ม น้ำซอสมีตั้งไว้ให้ ราดเอาเอง

จานละ 30 HKD ผัก 20 HKD ซุป 6 HKD

อิ่มแล้ว เดินทางต่อ

มาค่ะ! ออกมาจากร้านข้าวหมูยั่ง ก็แวะซื้อไอติมกินเล่น
เห็นป้ายนี่แล้วอยากกิน


อ่ะ ไปซื้อมา เออ น่ากินมั้ง

ในส่วนของรสชาตินั้น...พี่ว่าแพดเดิ้ลป็อบอร่อยกว่าเยอะ



อันนี้ผลิตโดยประเทศไทย แต่ที่ไทยมีขายป่าวอ่ะ ไม่เคยเห็น ใครเห็นบอกด้วย กลิ่นแรงดี

เราโหลดแอพตัวนี้มา มันดีมาก มีบอกเมิ๊ด

วัดแรกที่ไปคือ Wong Tai Sin ลงสถานี Won Tai Sin (วัดหวังต้าเซียน) ทางออก B


วัดหวังต้าเซียน เป็นวัดเก่าแก่กว่าร้อยปีที่ใครมาก็มักจะมาขอพระเพราะเชื่อว่าจะสมปราถนาทุกคำขอ


มองไปที่ไหนในฮ่องกงก็เห็นแต่ตึกสูง สูงมากก

ขึ้นมาด้านบน จะมีโคมประดับสวยมาก



เดินมาอีกด้านของวัด เป็นรูปปั้นที่เหมือนเป็นพิธีแต่งงานรึป่าว มีหญิง ชาย และชายสูงวัยตรงกลาง




เราไปต่อกันที่วัดนี้เลยค่ะ แชกงหมิว ต่อสายสีส้ม ลงสถานี Che Kung Temple ออกทางออก B เลี้ยวขวาออกทางออกแล้วตรงไป

น้ำอันนี้อร่อย ซื้อในร้านที่สถานี

ห้องน้ำในสถานี

ออกมาแล้ว


เจอทางลาดอุโมงค์แบบนี้ซ้ายมือ ก็เดินวนลงไปเพื่อข้ามฝั่งไปฝั่งตรงข้ามค่ะ


เดินตรงไปเรื่อยจะเจอกำแพงวัดสีแดงๆซ้ายมือค่ะ (ในรูปเราถ่ายตอนขากลับ กำแพงเลยอยู่ขวามือ)

ประวัติคร่าวๆ ของวัด Che Kung หรือ แชกงหมิว หรือ วัดกังหัน คือสร้างเพื่อระลึกถึงตำนานแห่งนักรบแห่งราชวงศ์ซ่ง ชาวจีนให้ความใสมาช้านาน

ด้านในมีรูปปั้นสูงใหญ่ของท่านแชกงซึ่งเป็นเทพประจำวัดแห่งนี้ ซึ่งทางด้านข้างมีอาวุธรบของทหารแบบโบราณ และมีกังหันอยู่หลายตัว มีกลองด้านละตัว ประชาชนที่เข้าวัดแชกงจะต้องหมุนกังหัน หรือที่เรียกว่า "กังหันนำโชค" เพื่อหมุนแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต และก่อนที่ท่านจะออกจากวัดจะต้องตีกลองให้เสียงดังสนั่นเพื่อความเป็นสิริมงคล

Cr. http://www.richystar.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1431630


และนี่คือกังหันที่ระลึกที่เราซื้อมา เขาว่าปลุกเสกแล้ว

ไหว้พระ อธิษฐานขอพรเสร็จก็กลับค่ะ เริ่มเย็นละ เดี๋ยวไปรอเพื่อนพี่สาวมารับต่อ

เดินย้อนกลับไปรอที่เดิม มืดละ

แล้ววันแรกก็จบลง ด้วยการไปกินข้าวต่อที่ร้านอาหารจีนในย่าน Tsim Sha Tsui ซึ่งถ้าเรามาเอง เราก็คงไม่เข้าไป และสั่งอาหารไม่ถูก อารมณ์ประมาณเยาวราช ถ้าใครสนใจก็ลองมาเดินหาทานดูได้ เหมือนร้านอาหารเยาวราชกลางคืน อาหารอร่อยค่ะ



และพรุ่งนี้ เรานจะไปเจอกับความน่ารักมุ้งมิ้งของไข่ยิ้ม ที่ KOBITOS อาหารอร่อย อร่อยทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ และหน้าตาแบบนี้ ถามว่ากินลงมั้ย ตอบได้ว่า... ไม่เหลือ!!!!!!

ต่อๆ วัดแถดมา เอ้ย ถัดมา หลังจากเมื่อคืนได้ไปดินเนอร์กับเพื่อนพี่ที่เยาวราช เอ้ย จิมซาจุ่ยมาแล้ว ก็เลยถามเค้าว่าเราอยากกินติ่มซ้ำแบบออริจินอลลล ดู ยู แฮฟ เอนี่ เรคคอมเมนด์ เรสเตอรองง? ให้เค้าแนะนำร้าน นางก็จิ้มพิกัดว่านี่เลย ไปที่ตึก The One ย่านจิมซาจุ่ย



วันนี้เราพร้อมลุยสายแดรกมากค่ะ แล้วเดี๋ยวจะพาไปต่อร้านขนมที่เมื่อคืนไปเต๊าะมา อร่อยและดีงามมาก



ไปหาข้าวเช้าเกือบกลางวันกินกันก่อน



ลุย!!



เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน จาก Wanchai ไป Tsim Sha Tsui



และสถานีใต้ดินก็มีร้านขายขนมน่ารักๆ นางมาจากญี่ปุ่น ใครอยากจะแอ๊บว่ามาญี่ปุ่นด้วยก็ซื้ออันนี้ไปฝากเพื่อนได้
(หมายเหตุ ขนมกล่องสีเหลืองรูปวัวดีงาม ขนมกล่องสีขาวน้ำเงิน ข้างในเป็นเค้กช็อกและชีส รสชาติเหี้ยมมาก อย่าไปซื้อ อย่าไปลอง เราเตือนคุณแล้ว)


อ่ะ ขึ้นรถไฟไปจิมซาจุ่ย ทางออก D1 เดินออกมาเลี้ยวซ้าย ตรงมาเรื่อยๆจะเห็นห้าง Granville ริมถนน เดินเลี้ยวเข้าซอยเลียบห้างไป จะเห็นร้าน Chocolate อยู่ซ้ายมือ เป็นรูปตัวการ์ตูนมหึมาพร้อมแต่งผนังห้างเป็นช็อกโกแลตบาร์ๆมาเลย เดินถึงหัวมุมถนนชะ เลี้ยวซ้าย มองบน เห็นชื่อห้าง The One จำไว้ใส่ใจเลย ถ้าหาไม่เจอ ง่ายมาก.... ถามใครก็ได้แถวนั้นเอา


ขึ้นมา เราก็หาร้านตามเพื่อนพี่บอก เค้าบอกอยุ่ชั้น 4 หาไป ไม่เจอซักที

ผ่านร้านนี้ คนเยอะกี ร้านน่ารัก


เดินหาทั่วห้างแล้ว ไม่พบ มองออกไปนอกหน้าต่างความหวังว่าจะมีติ่มซำเติมเต็มกระเพาะในเช้านี้ ได้แต่คิดแล้วคอตก ตัดสินเดินออกมาดีกว่า ลองดูว่าข้างล่างนอกห้างอาจจะมีร้านบ้างแหละน่า

ร้านเอ๊าเล็ทฝั่งตรงข้ามห้างเยอะดี แต่ไม่ เรายังไม่อยากกินรองเท้าผ้าใบ เราอยากกินติ่มซำ


อันนี้ก็น่ากินนะ กดที่ป้ายรถเมมันจะออกมามั้ยนะ?

เราก็ภาวนาด้วยความตั้งใจ หากเราได้เจอติ่มซำที่ตามหา เราจะยอมเป็นภรรยาอีจงซอก อีจุนกิ จีชางอุค นัมจูฮยอก ...เราจะยอม....

ชมวิวไปก่อน แก้โหย


เห็นคนที่นี่เค้ายืนกันเป็นระเบียบก็รู้สึกดี เราถามเค้าแล้วว่ายืนทำไม แต่เค้าไม่ตอบเราเลย

เดินมาถึงตรงนี้ เราก็คิดว่า เมิงพอเถอะ กลับไปห้างแล้วแหลกอะไรก็ได้ สภาพจิตเหมือนคนขาดยา



เราจะตัดสินใจมุ่งหน้าไปห้างเดิมด้วยความรวดเร็ว ขึนไปชั้น 4 เล็งไว้เลย ร้านไหนโดนใจก็พุ่ง! และเราก็ได้มาเจอร้านนี้ KOBITOS ร้านที่เราผ่านมาแล้วมองว่าคนเยอะดีอ่ะแหละค่ะ

หน้าตาเจ้าของร้านก็ดูเป็นมิตรดี แต่เตี้ยไปหน่อย ไม่ใช่!

เค้าจะให้ใบสั่งอาหารมา ก็ติ๊กไปเลย ร้านนี้ทุกคนต้องสั่งเครื่องดื่มของตัวเองนะคะ ถ้าไม่สั่งเค้าจะชาร์จเพิ่มคนที่ไม่มีเครื่องดื่ม เท่าไหร่จำไม่ได้ แต่สั่งเถอะ ไม่ได้แพง

ชาอู่หลงหอมหร่อย แต่ถ้าอยากกินน้ำเปล่า ให้สั่งชากุหลาบ


เมนูแรก ข้าวผัดเบคอนไข่หน้าบานฉ่ำ


มีซีอิ๊วกะจิ๊กโฉ่ให้ปรุงรส

ขนมขี้ก้น่ากิน

เมนูถัดมา ปอเปี้ยกุ้งทอดห่อแป้งสด คือเราตั้งชื่อเองตามความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจากตลาดนางเลิ้ง เอาเข้าใจง่ายๆอ่ะนะ

ฮะเก๋าฮะ กุ้งฮะข้างใน

ขนมจีบกุ้ง อร่อยกว่า Four Season ที่กวางโจวค่ะ คอนเฟิม


ต้มกระเพาะหมู แนะนำ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! อร่อยหอมมาก ใส่เกี๊ยวให้ด้วย น้ำขาวๆไม่รู้ทำยังไง ใครมีสูตรบอกที ได้โปรด

สามสหายโล้นเหลือง เปาลาวา แนะนำ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



อันนี้ก็อร่อย เหมือนปอเปี้ยก่อด้วยเต้าหู้ทอด ข้างในไส้เห็ด ห่อแป้งสด จิ้มจิ๊กโฉ่ โอ้โห


น้ำพีช

ไข่ท้อแท้

ไข่ฟิน


จบมื้อนี้ ฟินๆ ฟินๆๆๆๆๆ ถ้าเรามาร้านนี้แต่แรก เราจะไม่มีสภาพขาดยาเช่นนั้น ...

ให้คะแนน 10/10 เลยค่ะ

ต่อๆ หลังจากนั้นเราก็ไปต่อของหวานที่เราได้ไปกินกันมาแล้วเมื่อคืน ตามหาจนเจอ ร้านนี้เลยค่ะ Heart's dessert
โดย ขึ้นรถไฟไปลงสถานี Sham Shui Po ออกทางออก B1 จะเป็นถนน Cheung Sha Wan เดินตรงมาเจอทางแยก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Nam Cheong เดินตรงมาเรื่อยๆ จนเจอถนน Fuk Wing ข้ามถนนไปฝั่งขวา เดินตรงเข้าถนน Fuk Wing ร้านจะอยู่ขวามือ ก่อนถึงจะเป็นร้านขายของเล่นเด็กเยอะๆค่ะ








ร้านป้ายชมพูๆนี้แหละ เข้าไปเลย ร้านไม่ใหญ่ค่ะ เล็กเลยแหละ แต่ขนมเด็ด

มีน้ำหอมๆให้ดื่มฟรี

อันนี้อร่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นน้ำกะทิ ไอติมวนิลา ใส่ลำไย ใส่เหมือนเม็ดสาคู มีเยลลี่กรึบๆด้วย เป็นขนมเย็น


อันนี้ก็ใช่ได้ เป็นขนมร้อน น้ำเต้าหู้มีเนื้อๆด้วย ใส่สาคู กินแล้วโล่งดี ไม่หวานมาก


วุ้นมะพร้าวอ่อนเหมือนบ้านเรา โปะพุดดิ้ง ประโคมด้วยเยลลี่กาแฟ รวมๆแล้วก็โอเค คือเป็นขนมๆธรรมดา ที่ไอเดียดี ทุกอย่างเคยกินแบบแยกชิ้นมาแล้ว แต่พอเอามาประกอบรวมกัน มันก็เวิคนะแก


วันนี้เราทำไรไม่ค่อยได้มาก เพราะเดี๋ยวต้องกลับไปแต่งตัวไปงานแต่งงานเพื่อนพี่
วันนี้จบด้วยความอิ่ม ไปงานก็อิ่ม
งานเขาก็เหมือนบ้านเราอ่ะค่ะ มีทานอาหารบุฟเฟ่ต์ แต่อาหารดี ทานได้ แม้เป็นอาหารจีน มีอาหารฝรั่งผสม ก่อนตักก็ต้องหันไปถามอาเจ็กข้างหลัง ว่าหมูหรือเนื้อ เพราะไม่กินเนื้อ

วันนี้พอก่อน พรุ่งนี้เราจะไปช็อปป้งที่ Mogkok และไหว้พระใหญ่ ที่วัดโป๋หลิน หมู่บ้านนองปิง ขึ้นกระเช้าแก้ว

เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม ก็ออกมาหาข้าวกิน ฝากท้องที่เดิม KOBITOS จากนั้น เราก็มาช็อปปิ้งนิดหน่อยที่ Mong Kok ขายทุกสิ่งอย่าง เหมือนคลองถม โบ๊เบ๊ และมี outlet สินค้าแบรนด์เนม ราคาแต่ละร้านไม่ต่างกันมาก โปรโมชั่นก็คล้ายๆกัน เราสอยรองเท้าผ้าใบ Nike มาได้ 2 คู่ ราคา 799 HKD x2 คู่ ลดอีก 20% เหลือ 1,280 HKD เท่านั้นนนนน ได้มาสองคู่เลย



ซื้อรองเท้าเสร็จก็ไปไหว้พระใหญ่

ขึ้นรถไฟลงสถานี Tung Chung


ออกมาเจอห้าง แล้วก็เข้าไปฝากกระเป๋าที่ชั้น B2, B3 จ่ายเป็นเงินสดหรือ Octopus card ก็ได้
เขาก็จะเป็นล็อคเกอร์แบบนี้ กดเลือกไซส์ได้เลยค่ะ ถ้าไม่ว่างก็ต้องรอ แต่แนะนำว่าให้ฝาก เพราะปลายทางอีกไกล และระหว่างทางมันหนักหนา




ออกจากห้างแล้วก็มุ่งตรงไปยังที่ขายตั๋ว เนื่องจากเราได้ซื้อตั๋วมาจากไทยแล้ว นับว่าเป็นบุญ เพราะถ้าไม่ซื้อมา ฉันจะได้ขึ้นเมื่อไร



เห็นหางคิวมั้ยคะ ที่สุดสายตานั่นไม่ใช่นะ ลงบันไดไปอีก






ตอนเข้าประตูก็จะได้ข้อมือมาใส่แบบนี้เพื่อเตรียมขึ้นกระเช้า แยกเป็น ขึ้นกระเช้าแก้ว ไม่ได้ชมภาพยนตร์ กับขึ้นกระเช้าธรรมดา ได้ชมภาพยนตร์ เราเลยเลือกขึ้นกระเช้าแก้ว ข้างล่างใสแจ๋ว


ข้างล่างสีเขียวๆ นั่นคือน้ำทะเลนาจา



ชมวิวกันไปรัวๆ 30 นาทีบน cable car Nong Ping 360












ถึงแม้จะต้องข้ามเขาสามสี่ลูกนั้น ก็มีคนเดินเขาด้วยนะ ไม่รู้เขาไปที่เดียวกับเราปะ หรือเขาเดินเขาธรรมดา เพราะ มันมีช่วงเป็นทะเลคั่นด้วย ไม่งั้นเค้าไปไงอ่ะ

หยั่งกะสวิตเซอร์แลนด์

เห็นองค์พระแล้วว

และแล้วก็มาถึง หมู่บ้านนองปิง

ลงมาก็จะเข้ามาในส่วนร้านขายของที่ระลึก ใครที่อยากซื้อของจะซื้อที่นี่ก็ได้ หรือไปซื้อด้านในก็มี จะมีเป็นของจีนๆโบราณก็มี ภาพ พัด ของจุกจิกน่ารัก เราซื้อเอาด้านใน พระก็มีให้เช่านะคะ



เข้ามาด้านใน เป็นเหมือนหมู่บ้านจีน มีร้านขายของ ขายอาหาร Starbucks Subway บลาๆ

มีแอ๊วหนุ่มคั่วชาบ้าง เห้ย คือดี

ตัดภาพมา หลังจากเราเดินออก เห็นพ่อหนุ่มเดินอยู่ข้างหน้า
.... ทำไมเดินบิดตูด?



แวะกินกาแฟแก้ช้ำในจากหนุ่มคั่วชา

เราก็เดินๆ ชมร้าน ชชมวิวเรื่อยๆ รอบๆตัวเป็นภูเขาและธรรมชาติ แถมมี Starbucks ให้กิน มันขัดแย้งกันอย่างลงตัว



เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นความรู้รอบตัว ทำความรู้จักกับพระใหญ่ วัดโป๋หลิน

เดิมทีอารามโป๋หลินเป็นเพียงอารามที่อยู่ห่างไกล และหลบลี้ผู้คนด้วยทัศนียภาพที่เป็นป่าและภูเขา แต่อารามนี้ได้มีชื่อเสียงและปรากฏอยู่บนแผนที่โลกเมื่อมีการสร้างพระพุทธรูปเทียนถานที่มีความพิเศษ (มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่าพระใหญ่) ในปี 1993 พระพุทธรูปสำริดอันสง่างามนี้มีความสูง 34 เมตรและหันพระพักตร์ไปทางเหนือเพื่อเฝ้าดูชาวจีน เป็นที่ดึงดูดพุทธศาสนิกชนจากทั่วทั้งเอเชีย



กิริยาต่างๆ ขององค์พระ ได้แก่ พระเนตร พระโอษฐ์ การเอียงพระเศียร และพระหัตถ์ขวายกขึ้นให้พรแก่คนทั่วไป ได้ทำให้องค์พระใหญ่มีลักษณะอ่อนโยนและสง่างามอย่างลุ่มลึก โดยต้องใช้เวลาการก่อสร้างถึง 12 ปี หากคุณอยากจะสำรวจพระพุทธรูปที่โดดเด่นนี้อย่างใกล้ชิดขึ้น ให้ขึ้นบันไดไปอีก 268 ขั้น และยังจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพของทิวเขาและทะเลจากบริเวณฐานขององค์พระด้วย



รู้หมือไร่?

องค์พระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางเหนือสู่จีนแผ่นดินใหญ่ ประดิษฐานอยู่โดยมีความสูง 26.4 เมตร บนฐานดอกบัว หากนับรวมฐานแล้วมีความสูงทั้งสิ้น 34 เมตร ค่าก่อสร้างพระพุทธรูป 60 ล้านเหรียญฮ่องกง



Cr. http://www.discoverhongkong.com/th/see-do/culture-heritage/chinese-temples/big-buddha-and-po-lin-monastery.jsp






มาเห็นของจริงแล้ว สวยกว่าในภาพมากๆ มองไปรอบตัวมีแต่ภูเขาและหมอกที่เหมือนเอื้อมมือไปก็ถึง อีกทั้งอากาศบนภูเขาก็เย็นสบาย เดินแล้วมีเหงื่อแตกบ้าง แต่ไม่ทรมาน เพราะอากาศสดใสมากก


จริงๆ องค์พระก็อยู่ไม่ไกลนะ แค่สูงงงงงง

ไม่ว่าจะสูงงงง แค่ไหนก็ไปถึงงงงง....หรอ

เห้ย วัดใจไง



วิวข้างทางเป็นกำลังใจ ว่ายังไม่ถึง

มาที่นี่คุณจะได้เจอกับคนจีนทุกรูปแบบ อย่าแปลกใจไป ทำไมเดินๆแล้วอากาศข้างบนเหม็นๆ ไม่ใช่ กลิ่นลมหายใจป้าจีนที่เดินผ่านไป 555




ถึงแล้วค่ะ เราทำได้แล้ววว

ขอพรยาวๆกันไปเลยค่ะ

ขอให้หายปวดเข่า..


จากนั้นเราก็ถ่ายรูปเก็บทุกมุม ดูรูปเพลินๆเลยค่ะ







เริ่มเย็นแล้ว เราก็รีบเดินกลับไปขึ้นเคเบิลคาร์ เพราะรอบสุดท้ายประมาณ 6 โมง ซึ่งไม่อยากเบียดกับคนอื่น พอไปถึงคนก็เริ่มเยอะแล้ว ดีว่าออกมาก่อน เพราะไม่กี่นาทีต่อมา แถวก็ยาวไปจนถึงหมู่บ้านนองปิงเลยค่ะ


วิวขากลับ เมื่อฟ้าเริ่มมืด









พอมาถึงฝั่งก็ไปเอากระเป๋า เตรียมตัวไปสนามบิน ตอนแรกก็จองคิวร้านอาหารญี่ปุ่นไว้ แต่คนเยอะมาก และไม่ถึงคิวซักที เลยตัดใจ ไปหากินที่สนามบินดีกว่า เดี๋ยวไม่ทันจะยุ่ง เลยออกจากห้าง City Gate มาค่ะ ออกจากห้าง เดินตรงมามีซอยขวามือ เลี้ยวออกมาจะเจอป้ายรถบัส 2 ชั้นไปสนามบิน รถบัสสีเหลืองสาย S1 คนละ 3.5 HKD

จบทริปแรกของการไปฮ่องกง เป็นประสบการณ์ที่ดี ไม่ยากเลย เพราะคนพูดอังกฤษได้ และคนมีน้ำใจ เรามาที่นี่ทำให้เราคิดถึงประเทศตัวเอง คนที่นี่ใจดี เดินไปทางไหนก็ยิ้มให้ พูดจาน่ารัก ไม่มีโกงราคา มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือ เราย้อนกลับมามองว่า บ้านเราก็เป็นสยามเมืองยิ้มนะ แต่เราไม่แน่ใจว่าเรายังเป็นอยู๋รึป่าว ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยเริ่มยิ้มกันใหม่เนาะ



ขอบคุณที่อ่านจนจบค่า

ขอให้เดินทางให้ปลอดภัยและสนุกนะคะ













การเดินทางของหัวหอม

 วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 12.18 น.

ความคิดเห็น