ตอนที่ 2 : ขึ้นดอยกันเถอะ!



มาแล้วๆ หลังจากตอนที่แล้ว
เราเที่ยวในตัวเมืองเชียงราย ตะลุยหาร้านนั่งชิลกันเพลินๆ ตอนนี้เราจะเปลี่ยนบรรกาศ ออกไปนอกเมืองกันแล้วจ้าาา



สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 ตามนี้ได้เลยจ้าา
https://th.readme.me/p/6300



คราวนี้ถึงคิวของธรรมชาติล้วนๆ ไปรับไอเย็นบนภูเขา กลิ่นของต้นไม้ ใบหญ้า รวมถึงกลิ่นฝนที่มาทุกวัน ทำให้บางช่วงที่วางแผนไว้ต้องผิดพลาดกันไปบ้าง T__T และที่สำคัญหมอกมาเต็มมากกก!! บางทีก็มากไปนิดนึงนะ แต่ก็ได้บรรยากาศดีๆไปอีกแบบ ที่สำคัญจะถ่ายมุมไหนทางไหน ก็ได้สบายมากไม่ต้องแย่งกับใครทั้งสิ้น บรรยายแต่ละสถานที่ดูได้จากรูปเลยเหมือนเช่นเคยกับตอนที่ 1 น้าาา พร้อมแล้วก็ลุยกันทีละรูปเลย เย้!!



เอาแผนคร่าวๆของเรามาให้ดูกันว่า 10 วันเราไปไหนบ้าง

วันที่ 1 : กรุงเทพ – ลำปาง

วันที่ 2 : ลำปาง – เชียงราย

วันที่ 3 : เที่ยวในตัวเมืองเชียงราย

วันที่ 4 : ภูชี้ฟ้า

วันที่ 5 : ดอยผาตั้ง

วันที่ 6 : ดอยอ่างขาง

วันที่ 7 : แม่กลางหลวง เชียงใหม่

วันที่ 8 : เที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่

วันที่ 9 : เที่ยงในตัวเมืองเชียงใหม่

วันที่ 10: กลับกรุงเทพ



ตอนแรกเรามีแผนจะไปปายกับแม่ฮ่องสอน แวะนอนที่ปางอุ๋ง ช่วงวันที่ 4 - 6 ของการเดินทาง
แต่ดันมีน้ำท่วมก่อน เราเลยเปลี่ยนแผนไปภูชี้ฟ้ากับดอยผาตั้งแทน(เสียใจมากกกก แต่ไม่เป็นไร สวยเหมือนกัน!)



และเนื่องจากรูปของเราเยอะมากกกกกก เราจะขอแบ่งเป็น 3 ตอน

ตอน 1 : ลำปาง - ในตัวเมืองเชียงราย

ตอน 2 : ขึ้นดอยทั้งหลาย ภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้ง อ่างขาง แม่กลางหลวง

ตอน 3 : ในตัวเมืองเชียงใหม่



ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลยยย แล้วจะรู้ว่าภาคเหนือหน้าฝน มีความดีงามที่เราไม่เคยเห็นอยู่อีกเยอะมากกกกกกกก หน้าฝนก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบนึงนะ



สามารถติดตามเราเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/theforgetfulman/
#สิ่งมีชีวิตที่ชอบลืม



ภาพเปิดตอน 2 กลางทุ่งนาสีเขียวๆ ไปเลยลุยกันเลยยย

ที่แรกของการออกนอกเมืองที่เราไปคือนี่เลย ภูชี้ฟ้า


ตอนแรกเราจะไปปายกับปางอุ๋ง แต่ก่อนหน้าวันที่เราจะไปไม่กี่วัน มีน้ำท่วมหนักมาก เราเลยเปลี่ยนมาภูชี้ฟ้าแทน เราขับรถออกจากเชียงรายก็บ่ายโมงได้แล้ว ไปถึงก็ประมาณสี่โมงได้ ระยะทางไม่ได้ไกลมาก แต่ชันและคดเคี้ยวมาก ตื่นเต้นไปอีกเวลาเลี้ยวแต่ละที ถ้าได้เป็นคนขับขอบอกเลยว่าสนุกจริงๆ แต่เส้นนี้ไม่ได้โหดสุดในทริปนี้ของเรา ยังมีอ่างขางที่โหดกว่า ใครที่เมารถง่าย ขอแนะนำให้เตรียมยาแก้เมาไว้เลย เมาแน่นอนนน ยาแก้เมาคือยานอนหลับดีๆนี่เอง กินแล้วหลับไปเลย ตื่นมาอีกทีถึงที่แล้วว แต่เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เมารถ โชคดีมากก เลยสนุกกับการนั่งอยู่ในรถสุดๆ ฮ่าๆ นั่งไปถ่ายรูปไป แปปเดียวก็ถึงแล้วภูชี้ฟ้า

ม่านฟ้าฮิลล์ : ที่พักของเราบนภูชี้ฟ้า วันนี้เราจองบ้านเป็นหลัง นอนรวมกันเลย 6 คน ทั้งรีสอร์ทมีเราพักอยู่กลุ่มเดียว หรือจริงๆแล้วคือรีสอร์ทแถวนั้นมีแค่กลุ่มเรากลุ่มเดียว ไม่มีใครเที่ยวช่วงนี้เลย(หน้าฝนก็งี้ ฮ่าๆๆ) รู้สึกได้ว่าภูชี้ฟ้าเป็นของเรา มีความเป็นส่วนตัวไปอีกก อ้อ ลืมบอกที่นี่ราคาห้องพักรวมกับอาหารสองมื้อแล้ว เช้า-เย็น ถ้าต้องออกไปหาข้าวกินเองก็มีความลำบากอยู่ แต่อาหารอร่อยมาก อยากห่อกลับไปกินที่บ้าน


ทางเข้าที่พักของเราแต่เห็นทางเข้าก็ตื่นเต้นแล้ว เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นมา ขอบอก ทางขึ้นตื่นเต้นกว่านี้อีก ใครอยากรู้เป็นไงต้องมาลองเอง


บรรยากาศโดยรอบของที่พัก มีหลายที่ให้เลือกเลย จริงๆเราไม่ต้องจองก็ได้มั้ง.. ฮ่าา


แต่จองไว้ก่อนก็ดีที่พักจะได้ทำความสะอาด เตรียมห้องไว้ให้เรานะ

บรรยากาศส่วนกลางของที่นี่ ดูสะอาด มีที่ให้เลือกนั่ง และด้านขวาของภาพที่มีกันตกสีเขียวๆ นั้นแหละ เราไปถ่ายวิวมุมนั้นกันกว้างๆ โล่งๆ เห็นรอบๆ สบายตาสุดๆ


บ้านพักที่นี่ เราชอบโทนสีนะ สีดูเข้ากับบรรยากาศของสถานที่มากก


บ้านพักของคืนนี้ แต่เราพักห้องข้างล่างกัน จะได้ไม่เดินเหนื่อย และวิวก็ไม่ต่างกันมากเท่าไร สุดท้ายเราก็มานั่งที่ส่วนกลางที่เป็นระเบียงของที่พัก เห็นวิวกว้างๆแบบไม่มีอะไรมาบัง


แล้วเราก็มาส่วนทานอาหารกัน ทริปนี้ขาดไม่ได้เด็ดขาด กองทัพต้องเดินด้วยท้อง


วิวจากส่วนกินข้าว หมอกเริ่มมาแล้ววว ดีไปปปปป


ผู้ร่วมชะตากรรม มุมนี้ เหมาะกับการถ่ายภาพมาก มีลมจากทางนี้ตลอดเวลา นึกว่าเปิดพัดลมเป่า เป่ากันจนหนาวเลยล่ะ


ผู้ร่วมชะตากรรม อีกสักรูป เป็นมุมเหมาะมานั่งสวีทมากก ดูวิว มุ้งมิ้งไป


วิวจากที่นั่งตรงนี้เลย งามไปอีก ตอนดึกๆเราก็มานั่งชิวกันตรงนี้แหละ อากาศเย็นสบายยย เสื้อคลุมสักตัว หาหมวกใส่สักหน่อย นั่งกันยาวๆไปเลยจ้าา ที่สำคัญ ภูชี้ฟ้าเป็นของเรา ฮ่าๆ ทั้งโซนนั้น เป็นของเรากลุ่มเดียววว


ไปสำรวจรอบๆที่พักของเรากันบ้างดีกว่าาา มีแต่ดอกไม้น่ารักๆ มุ้งมิ้งๆ เต็มไปหมด


ความดีงามของธรรมชาติ ดีตรงนี้ ธรรมชาติสุดๆ เราแค่เดิน ออกมาจากที่พักนิดเดียวเท่านั้น จะเจอดอกไม้ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ พร้อมกับฝูงผีเสื้อเต็มไปหมด รีบวิ่งไปเก็บภาพกันเลยดีกว่า


ความดีงามของธรรมชาติ นอกจากผีเสื้อ แล้วยังมีสิ่งดีๆอีกเยอะ


ความดีงามของธรรมชาติ ถ่ายไปถ่ายไป


ภูชี้ฟ้า


หลังจากเก็บของเรียบร้อย เราจะไปเดินขึ้นภูชี้ฟ้ากัน ตามคำแนะนำของพี่เจ้าของที่พักว่า ลองขึ้นไปดูภูชี้ฟ้าเลยก็ได้นะ พระอาทิตย์ตกบนภูชี้ฟ้าก็สวย เราไม่รอช้ารีบโดดขึ้นรถไปดูภูชี้ฟ้ากันเถอะ ทางขึ้นก็ดูดีเป็นธรรมชาติมาก แต่ถ้าเป็นช่วงท่องเที่ยวรถอาจจะเยอะ ต้องขับระวังๆพอสมควรเลยทีเดียว แล้วก็ทางเดินขึ้นภูชี้ฟ้าถือว่าเดินสบายๆ เดินไปถ่ายรูปไป แปปเดียวก็ถึง สำหรับใครที่ร่างกายแข็งแรง วิ่งขึ้นยังได้เลย แต่เราสายชิว ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ถ่ายรูปไปด้วย ชื่นชมธรรมชาติระหว่างทางไปเรื่อยๆ

สวยตั้งแต่ที่จอดรถ เอาล่ะเดินขึ้นไปบนยอดกันเถอะ ลุย!!


ฮึบๆๆ ระหว่างทางเดินขึ้นภูชี้ฟ้า ทางเดินเป็นขั้นบันไดดินที่มีไม้ไผ่มาวางเป็นขั้นๆไว้บางช่วง มีแตกหักไปบ้าง ก็เดินกันระวังนิดนึง แต่ก็เป็นธรรมชาติดีเนอะ เดินไปได้ครึ่งทาง หมอกเริ่มมา...


ถึงข้างบนแล้ว พี่หมอกจ๋าาามาเต็มเลยย หนาแบบมองอะไรไม่เห็นเลย ฮือออ ลมแรงมากด้วยย แรงจนเห็นหมอกลอยตามลมเลยย


ภูชี้ฟ้าเว่อร์ชั่นหมอก เกือบจะมองไม่เห็นคนอื่นๆ


จริงๆ มีหมอกหนาๆ ก็เท่ไปอีกแบบ เหมือนอยู่ในหนังเลย


มุมยอดฮิตที่ต้องขึ้นมาถ่ายกัน แต่ของเราเป็นเว่อร์ชั่นหมอก ได้เห็นแค่นี้ก็ดีใจแล้วววตอนแรกเรากะว่าพรุ่งนี้จะขึ้นมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นบนนี้กัน แต่ปรากฎว่าฝนตกกก จ้าาา ก็อดกันไป


ความหมอก บางช่วงลมแรงพัดเอาหมอกไปก็จะเห็นวิวด้านล่างกันนะ แต่ต้องรอกันนิดนึง


หมอกหนาขนาดที่ว่า มองไม่เห็นข้างล่างเลย


ภูชี้ฟ้าเว่อร์ชั่นหมอก


ภูชี้ฟ้าเว่อร์ชั่นหมอก


ถ่ายรูปรวมกันซักนิด รวมหมอกนะไม่ได้รวมคน


แดดมาแล้วววว ดีใจ แต่มาตอนจะลงนะ ฮือออ


อ่าววว หมอกก็มาด้วยย ตามมาเป็นช่วงๆ หมอกหายทีก็ถ่ายรูปที


หลังจากดูเวลา และสู้กับหมอกกับลมที่แรงมากไม่ไหว ก็ลงกันดีกว่า


ระหว่างทางตอนลง มุมสวยๆบนภูชี้ฟ้า


ระหว่างทางตอนลง มุมสวยๆบนภูชี้ฟ้า ไม่เจอฟ้าเปิดด้านบน แต่เจอแบบนี้ระหว่างทางก็มีความสุข


เดินมาถึงข้างล่าง แวะถ่ายรูปตรงที่จอดรถกันเล็กน้อย ชมวิวให้อิ่มอกอิ่มใจให้เต็มที่ ก่อนจะลง


วิวจากที่จอดรถเลย ของจริงสวยมาก


หลังจากเดินขึ้นภูชี้ฟ้า ร่างกายใช้พลังงานไปเยอะ เราก็มาเพิ่มพลังกันดีว่า ด้วยอาหารเย็นแบบจัดเต็มมากกกก ชุดนี้สำหรับ 3 คนนะฮะ


ช่วงเช้าตั้งใจว่าจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน แต่เสียงฝนมาตั้งแต่ตี 5 ทุกคนเลยตกลงกันอยู่ใต้ผ้าห่มกันเถอะ ตื่นมาดูวิวตอนเช้าหลังจากฝนตกแทนละกัน แต่บอกเลยดีอะ อยากมีบ้านที่มีภูเขาล้อมรอบ


ตื่นเช้ามาก็หิวทันทีตามระเบียบ แอบย่องตามกลิ่นเข้าไปในครัว เห็นพี่เจ้าของทำข้าวผัดให้เรา แฮ่


มาที่อาหารเช้ากันบ้าง อร่อยและหอมตั้งแต่ในครัวกันเลยทีเดียวว


ข้าวผัดเยอะมากกก อยากห่อกลับบ้าน เพราะกินไม่หมด หนูขอโทษ


หลังจากกินข้าว เก็บของกันเสร็จเรียบร้อย เราจะไปต่อกันเลยย จุดหมายของเราวันนี้อยู่ที่ ดอยผาตั้ง จากภูชี้ฟ้าไปไม่ไกลเท่าไร แค่ 20โลนิดๆเท่านั้น แต่ขอบอกว่าทางขึ้นเขานะ


ระหว่างทาง เราเจออะไรมุมไหนสวย จอดข้างทางได้ ก็จะเก็บภาพไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งรีบมาก สบายๆ เพราะขนาดยังไม่ถึงดอยผาตั้งก็คุ้มแล้วที่ขึ้นมา


วิวระหว่างทาง แค่ยังไม่ถึงดอยผาตั้งก็คุ้มแล้วที่ขึ้นมา ที่นี่ถือว่าไม่ไกลจากภูชี้ฟ้า ใครมีเวลาอยากให้ลองแวะที่นี่กันดู ทางขึ้นอาจจะวนไปวนมา เลี้ยวไปเลี้ยวมา บางช่วงมีนั่งจิกเท้าไปบ้าง เหยียบเบรคแทนคนขับบ้าง แต่ถือว่าคุ้มค่ากับการนั่งเกร็งก้นมาตลอดทางง


ผาต้ัง


ผาตั้งฮิลล์ : ขับกันไปซักพัก ก็ถึงแล้ววว ดอยผาตั้ง มาถึงก็เป็นกลุ่มเดียวอีกแล้วว วันนี้เราจะนอนที่นี่กัน ที่พักล้อมรอบด้วยภูเขา แค่เปิดประตูออกมาก็เจอวิวแบบพาโนรามาแล้ว เจ้าของที่พักใจดี ให้เรานอนห้องใหญ่เลยสองห้องติดกันเลย จริงต้องนอนแยกอีกห้องที่เดินไปอีกหน่อย แต่คิดว่าไม่มีคนพักเต็มก็เลยให้ห้องติดกันไปเลย ขอบคุณมากเลยค่า เรามีแอบถามเจ้าของที่พักก่อนมาว่าอากาศหนาวไหม พี่เค้าบอกว่า "ไม่หนาว แค่เย็นๆห่มผ้ากำลังสบายยย" แต่เอาเข้าจริงๆคือหนาวมากกกกกกกกกกก ถ้าใครมาช่วงหน้าฝนแบบเราเตรียมเสื้อกันหนาวกันมาด้วยนะ หนาวจริงๆ อยากมุดผ้าห่มตลอดเวลา

บรรยากาศของที่พัก ทางเดินหน้าห้องพักของเราเห็นทางซ้ายไหม? นั้นแหละเราจะได้เห็นวิวสวยงามแบบเต็มๆ


บรรยากาศของที่พัก เป็นระเบียงห้องหัวมุม แต่ถ้าอยากได้ระเบียงกว้างๆ แนะนำห้องกลาง มีระเบียงวิ่งเล่นกันเลยทีเดียว


วิวจากที่พัก จากมุมระเบียงหน้าห้อง อลังการไปอีกกกก ล้อมรอบไปด้วยหุบเขา รู้สึกเหมือนเราตัวเล็กนิดเดียว ธรรมชาตินี่ยิ่งใหญ่มากๆ


มุมสวยๆหน้าห้องพัก คือมุมนี้แหละระเบียงกว้าง ออกมานั่งชิวจิบเบียร์เบาๆตรงนี้กันได้เลย


ขอพื้นที่ให้นางแบบ นิดนึง


ดอยผาตั้ง : หลังจากเก็บของกันเรียบร้อยแล้ว พี่เจ้าของที่พักเช่นเคยแนะนำว่ามาถึงเร็วก็ขึ้นไปดูวิวผาตั้งก่อนก็ได้นะ เราเลยรีบไปสำรวจดอยผาตั้งกัน ตอนแรกคิดว่ามีให้เดินขึ้นไปชมวิวแล้วก็จบ แต่ผิดคาดเลย ทีนี่เหมาะสำหรับการมาเดินขึ้นเขามากกกกกก มีหลายเส้นทางให้เดิน แต่เนื่องจากข้างบนลมแรงมากเพราะพายุจะเข้า แล้วเราก็ไม่มีใครเตรียมตัวสำหรับการมาเดินขึ้นเขาเลย เราเลยกะว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเตรียมตัวให้พร้อมแล้วเราจะมาพิชิตดอยผาตั้งกัน และเช่นเคย ฝนตก หนักมากกกกกกกทั้งคืน ไปจนถึงเช้า จนเรากลับก็ยังตกอยู่ ภารกิจนี้ก็ถูกพับไปโดยปริยาย คราวหน้ามาแก้ตัวแน่นอน


ปล. น่าจะเชื่อพี่ร้านโรตี พี่คะ หนูขอโทษ

จอดรถได้ตรงนี้เลยยย ไม่มีคนอีกเช่นเคย ฮ่าๆ


แค่จอดรถก็เห็นความเท่กันแล้ว แต่น้องหมอกก็ยังตามมาเยอะมากก


ลงจากรถก็เห็นความเท่กันไปนะ ตื่นเต้นๆ


ไปกัน เดินขึ้นไปดูข้างบนกันเถอะ แอบเห็นหมอกและลมที่พัดแรงมากกก ทางขึ้นช่วงแรกเป็นขั้นบันไดปูนทั้งหมด พอเจอองค์พระ ก็จะเป็นทางดินแล้ว


ข้างบนลมแรงมากกกก ภูชี้ฟ้าว่าแรงแล้ว แต่บนนี้ลมแรงกว่ามากกกกกก แรงจนตัวจะลอยไปตามลม และที่สำคัญหนาวด้วยยย ใส่ขาสั้นมาขึ้นมาด้วยหนาวไปอีกกกก (จริงๆ คือไม่ได้เตรียมตัวมาเดินน่ะ ฮ่าๆๆ)


ค่าเข้าไม่เสีย เสียใจอย่างเดียว ไปไม่สุด แต่วิวงามมมมมมมมมมมม


ความเท่


ความดีงามของธรรมชาติ แบบรัวๆเลย


ศาลานั่งพักข้างบน เราเดินขึ้นถึงเมืองจีนแหละ แฮ่ แต่ดูใบไม้ที่ปลิวตามแรงลมมม คือแรงไปอีก ยิ่งสูงลมยิ่งแรง


เดินต่อกันอีกจะเจอกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่


ใกล้ๆกันมีทางธรรมชาติเลยให้เดินไปสำรวจดอยผาตั้งกันได้ แต่ทางเราไม่มีใครพร้อมเลย เลยขอไว้แก้ตัวใหม่


ทางธรรมชาติให้เดินไปสำรวจดอยผาตั้งกัน แค่เห็นก็ตื่นเต้นแล้ว


ทางธรรมชาติให้เดินไปสำรวจดอยผาตั้งกัน ตอนนี้หนาวแบบสั่นงึกๆเลย


ลงกันเถอะๆ ม่ายหวายแล้วจ้า


ระหว่างทางลง


แวะร้านชากับโรตีข้างล่างกันหน่อย


โรตี-ชาชัก : ถ้าใครมาดอยผาตั้ง หลังจากเดินเล่นข้างบนกันไปแล้ว ด้านล่างจะมีร้านขายโรตี ชาชัก อยู่ด้วย บอกเลยว่าดีงามมมมมม ชาชักคือดีไปอีกก หอม อร่อยอะ ไม่ได้เว่อร์นะ ฮ่าๆๆ อยากให้ลองกัน คุณพี่ก็น่าร้าก คุณพี่คนนี้แหละที่บอกเราว่า มาแล้วขึ้นให้สุดเถอะ เดี๋ยวพายุจะเข้าจะอดเดินอีก ฮืออ แต่ไม่เป็นไรถือว่ามากินโรตีก็ได้ มีความฟิน คุ้มแล้วกับดอยผาตั้งครั้งนี้เพราะโรตีชาชักอร่อย


อันนี้โกโก้ร้อน กินอีกแล้ว ฮ่าๆ ขึ้นไปหนาวๆลงมาหาอะไรร้อนๆ กันดีกว่า


ทีเด็ดอยู่นี่เลย ชาชัก เราสั่งแบบเย็น (ไหนบอกว่าหนาวแต่สั่งเย็น หึหึ)


โรตีก็ดีงาม ที่นี่ใช้น้ำมันมะพร้าวด้วยนะ มาเป็นก้อนเลย


ความหิวไม่เข้าใครออกใคร เดินแปปเดียวก็หิวอีกแล้ววว


แวะถ่ายรูปกับน้องหมาระหว่างทาง เราตั้งชื่อว่าน้องอุ๋ง มาจากปางอุ๋ง เพราะว่าเราไม่ได้ไปนอนที่นั่น แต่ได้มาที่นี่แทน น้องน่ารักเนอะ อุ๋งๆ


ร้านบ้านดิน : มาที่ร้านอาหารบนดอยผาตั้งกันบ้างหลังจากกินโรตีไปแล้วเรามาแวะกินข้าวที่นี่กัน เราสั่งขาหมู หมั่นโถว ผัดเห็ดรวม ร้านติดวิวอีกเช่นเคย มีน้องหมาด้วยยยย


บรรยากาศภายในร้านเป็นแบบบ้านๆ ชิวๆ ได้ดูวิวสวยๆก็ฟินแล้ว


ถ่ายรูปหุบเขากันได้ตลอดเวลา


สวยๆวิวจากระเบียงที่นั่ง สวยไปอีกกก


หิวแล้วว กินกันเถอะๆ มาที่นี่ก็ต้องลองขาหมูหมั่นโถสิ ขับผ่านมาเจอแต่ป้ายขาหมู เหมือนโดนสะกดจิต ยังไงก้อต้องสั่งสินะ


ชาร้อนฟรี ถ้วยสวยดี เทแปปเดียว เดี๋ยวชาก็เย็น อากาศเย็นไปนะ ถ้าหน้าหนาวจะขนาดไหนเนี่ย


ร้านกาแฟชะมด : หลังจากกินข้าวเสร็จ แน่นอนเรายังต้องหาร้านกาแฟแวะกันอีกเช่นเคย ร้านกาแฟบนนี้มีร้านกาแฟชะมด ตอนแรกกะว่าจะลอง อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง แต่เห็นราคาแล้วไม่ไหวจ้า แก้วละ 300 บาท ฮืออ ขอเป็นกาแฟธรรมดาก็ได้ เรามาสายประหยัดดีกว่านะ


บรรยากาศแบบโลคอลๆ


เท่ๆกันไป เครื่องชงไม่ธรรมดานะบอกเลย


บรรยากาศในร้าน ณ เวลานี้ฝนลงมาแล้วจ้าาา หนักด้วยย


อเมริกาโน่เย็น มีชาร้อนให้ด้วยเช่นเคย


บรรยากาศในร้าน


หลังจากกินกันเสร็จ ก็กลับมาที่พักนั่งชิวกันไปยาวววๆๆๆ รูปนี้เป็นหนึ่งในรูปที่เราชอบที่สุดในทริปนี้เลย เพื่อนเราอ่านหนังสือไป จิบเบียร์ไปเบาๆ ชมวิวพลางๆ ไม่มีใครจะมีความสุขเท่าเค้าคนนี้แล้วววว


และแล้วสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น...ฝนที่ตกตลอดทั้งวันทั้งคืน


ดอยผาตั้งที่ตั้งใจจะไปเดินอีกทีตอนเช้าก็ไม่ได้ไป แต่ไม่เป็นไร ไว้โอกาสหน้ามาใหม่!

ออกจากดอยผาตั้งกัน ไปลุยที่ต่อไปกันเลยย จุดหมายเราคือ ดอยอ่างขาง


ระหว่างทางอีกเช่นเคย อยากแวะไหนก็แวะ


ฝนตกอย่างต่อเนื่อง วันนี้ถือว่าเป็นวันแห่งการเดินทางเลยก็ว่าได้ ขึ้นเขา ลงเขา ขึ้นดอย มาหมด คนขับก็เหนื่อยไป เราก็ชิวถ่ายรูปไปนะ ฮ่าๆ


ดอยอ่างขาง


แดนมหัศจรรย์



กว่าเราจะไปถึงอ่างขางก็เกือบมืดแล้ว เหมือนขับรถขึ้นลงเขาซักสิบลูกได้ ระหว่างก่อนขึ้นอ่างขางคือมีความโหดมากกกกกกกกกก ทางขึ้นเขาคือชันมาก ชันที่สุดในทริปนี้ และโค้งหักศอกมากที่สุด ใครขับรถต้องระวังกันเล็กน้อย หลังจากลุ้นระทึกกับเส้นทางแล้ว ทำให้เราเกิดความหิวอย่างรุนแรงตอนนั้นน แต่ฝนยังตกอยู่เลย อ่างขางเราพักในโครงการหลวง จะมีไร่ และผลผลิตทางการเกษตรเยอะมากก ทำให้สิ่งที่ดีงามที่สุดของที่นี่เลยคืออาหาร ผักสด ปลา หมู ทุกอย่างอร่อยมาก ไส้อั่วที่นี่ก็ดีงาม กรอบสุด อยากให้ลองขึ้นมากัน สำหรับเรา อ่างขาง เหมาะสำหรับการมาเที่ยวได้ทุกหน้าเลย มาสามวันสองคืนกำลังดี ปล่อยตัวเองให้ใช้ชีวิตช้าๆ ไม่รีบร้อน ท่ามกลางธรรมชาติ

ถึงแล้วก็มาเชคอินกันที่นี่เลย ขอแนะนำว่าถ้ามาช่วงฤดูหนาวขอแนะนำให้จองล่วงหน้ากันยาวๆเลย เพราะที่นี่เต็มเร็วมากกกก


บรรยากาศภายในส่วนเชคอิน ได้เห็นรูปนี้แล้วก็อดยิ้มไม่ได้สักที ^ ^


อุณหภูมิตอนนี้ 19 องศา ทำไมสัมผัสได้ว่าหนาวกว่านั้นน


ฝนตกไปยาวๆ


บรรยากาศรอบๆโครงการ


แวะซื้อของฝาก ส่งโปสการ์ดกันได้


หิวอีกแล้ว กินข้าวกัน


กุญแจห้อง ใช่เลยอ่างขาง แดนมหัศจรรย์ ^^


บรรยากาศส่วนทานข้าว ขนาดช่วงหน้าฝนคนเยอะขนาดนี้ หน้าหนาวจะขนาดไหน


บรรยากาศส่วนทานอาหาร ล้อมรอบไปด้วยเขียวๆอีกเช่นเคย


บรรยากาศส่วนทานอาหาร


บรรยากาศส่วนทานข้าว


บรรยากาศส่วนทานข้าว แขกที่มาพักเยอะมากกก


อาหารมาแล้ววว สั่งเยอะมากอีกเช่นเคย หิวๆ


สลัดดด สวยงามมม ผักสด ฟิน สั่งทุกมื้อ อร่อยทุกมื้อ ที่ดอยอ่างขาง อันนี้แนะนำเลย ราคาไม่แพงเลยด้วย


ไส้อั่วที่นี่ต่างจากที่อื่นตรงที่เค้าเอาไปย่างให้หนังกรอบมากด้วย


ผัดผักรวมมิตร


ปลากันบ้าง


กินข้าวเสร็จ ขอแวะซื้อโกโก้ให้อุ่นกันหน่อย จะถามว่าหนาวไหมบอกเลยว่ามากกก


โกโก้ร้อนเจ้มจ้นๆมาแล้ว กินก่อนนอน หลับสบาย


อีกสิ่งที่ดีงามของที่นี่คือที่พัก น่าจะเป็นที่พักที่ดีที่สุดในทริปของเราเลย ราคาไม่แพงด้วย อยากจะนอนที่นี่สักสิบคืน


บ้านเป็นหลังๆ


ต้นไม้ล้อมรอบบ้านพักเลย เพิ่มความเป็นส่วนตัวกันไป


บ้านพักมีหลายแบบ ให้เลือกกันไป


มีวัวบนนี้ด้วย ไม่ใช่ละ ฮ่าๆ นี่มันน้องหมาลายวัว


ไร่ชา : เช้าวันนี้ เรามีโปรแกรมทัวร์รอบโครงการกันสักรอบ แวะที่นี่ก่อนเลย ไร่ชา แสงแดดมาแล้วด้วย หลังจากไม่เจอแดดมานานน ดีใจจ ไร่ชาที่นี่เป็นหุบเขาลงไป แล้วด้านล่างก็จะปลูกต้นชาเลี้ยงกันเป็นขั้นบันไดสวยเลยทีเดียว


ไร่ชาที่นี่ดีงามไปอีกกกกก จริงๆที่นี่มีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นด้วย ถ้าใครมาอ่างขางอยากให้ไปลองกัน แต่เราไม่มีใครตื่นเลย ฮาๆๆ


ดูความเขียวของไร่ชากันไป


ขอมุมนี้อีกที ชอบมากกกก


ถ่ายยังไงก็ไม่สวยเท่าของจริง


บรรยากาศรอบๆ


ไร่สตอเบอร์รี่ : หลังจากไปไร่ชากันแล้ว มาเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง ไร่สตอเบอร์รี่ที่ตอนนี้ยังไม่มีสตอเบอร์รี่


เพิ่งลงต้นเอง บางช่วงเป็นดินอยู่เลย กั้นด้วยใบสัก ธรรมชาติล้วนๆ


สวยไปอีกแบบ


ดอกไม้ริมรั้ว


ฮึบๆๆๆ ปลูกสตอเบอร์รี่กันเถอะ ระหว่างที่ถ่ายรูปกัน


ได้ยินเสียงพี่ในกลุ่ม "ได้เกิดที่นี่ช่างโชคดีจริง" ถ้าเป็นตอนนี้อาจจะน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว

ถ่ายรูปเป็นพิธีก่อนกลับไปกินข้าว ไม่ไหวแล้วว หิวข้าว (คนซ้ายทำไรอ่ะ)


ตอนเช้าเราก็กินข้าวกันในโครงการหลวงอีกเช่นเคย ด้วยความหิว ถ่ายไม่ทันเลยจ้าา


โกโก้เย็นกันบ้าง เริ่มไม่หนาว...จริงอ่ะ


มีที่นั่งด้านนอกด้วยแหละ


กินเสร็จก็กลับไปอาบน้ำเก็บของ ไปลุยที่ต่อไปอีกเช่นเคย แวะร้านของฝากกันหน่อย


มีเรือนกระจกปลูกกุหลาบด้วยอะ


กุหลาบงามๆ


ข้างๆกันมีเรือนดอกไม้ด้วย


บรรยากาศภายใน


ดอกไม้น่ารักๆ


หลังจากดูดอกไม้กันแล้ว ถึงเวลาเสียตัง เราจะแวะซื้อของฝากกันหน่อยย


เดินๆๆๆ ร้านนี้แหละะ ซื้อแมคคาเดเมียกับสตอเบอรี่กลับบ้านกัน มาช่วงนี้ร้านค้าจะเปิดไม่เยอะ และของจะไม่ค่อยมีมากเท่าไรนัก


ของเต็มไปหมดเลย


อัลมอลต์รสชอกโกแลต เปิดถุงทีกลิ่นลอยเตะจมูกทันที


วิ่งๆๆๆ


เจอม้าวิ่งมาพอดี ที่นี่ปล่อยเดินกันแบบสบายเลย เห็นตอนแรกแล้วตกใจ


ซื้อของฝากเสร็จเราจะไปต่อกันเลย ที่บ้านแม่กลางหลวง เรามาลงเขากันเถอะ วันนี้ก็เดินทางโหดอีกเช่นเคย


สถานีต่อไป ... แม่กลางหลวง ...



ก่อนจะถึงบ้านแม่กลางหลวง ต้องผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ขอแวะจิบกาแฟแปปนึง (เดี๋ยวมีจัดเต็มในตอน3นะ)

Ristr8to : กาแฟดีดีในเชียงใหม่ คนเยอะมาก มีเมนูแปลกๆให้ลองเยอะเหมือนกัน แต่วันนี้ขอแบบธรรมดาก่อน เดี๋ยวเราจะกลับมาลองกันเต็มๆอีกที


บาริสต้า ต้องรอตัวบอสมา เด็ดมากกกกก


แก้วที่ 1


แก้วที่ 2


สั่งโรตีร้านข้างๆมานั่งกินในนี้ได้ด้วย


โรตีทิชชู่ฝอยทองง แป้งบางเป็นทิชชู่ จริงๆ


จิบกาแฟ กินโรตีเสร็จไปต่อกันเลยย แนะนำให้วิ่งเส้นเลี่ยงเมือง เพราะว่าจะเจอไฟแดงและรถติดมากกก


ท้องฟ้าน่ารัก มีใครเป็นเหมือนเราบ้าง ชอบถ่ายท้องฟ้าสวยๆเก็บไว้


แม่กลางหลวง : ถึงก็มืดพอดี ฝนตกด้วยปรอยๆ ระหว่างทางที่ขับมาถนนถือว่าดีมากกก แต่เรามาถึงมืดไปหน่อยทำให้มองทางลำบากแถมฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆเลยค่อยๆขับกันไป ป้ายบอกทางเข้าแม่กลางหลวงจะเล็กมากต้องช่วยกันสังเกตหน่อย


เรานอนบ้านกลางนา 14 วิวดีสุดหลังนี้ ก่อนจะมาแวะซื้อของกินในเซเว่นมาตุนไว้แหละ


กินกันๆ มื้อดึกสั่งผัดผัก กับปลาทับทิมทอดกระเทียมไป กินกับมาม่า ก่อนนอนคืนนี้ อากาศก็เย็นๆ เหมาะกับการนั่งชิวริมนามาก


ตอนเช้ารีบตื่นมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นกัน เป็นที่แรกของทริปที่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่เหลือฝนตกอดดูหมดจ้าาา


พระอาทิตย์มาแล้วๆ


แสงงามๆ


แสงงามๆได้เห็นนาขั้นบันได แบบชัดๆแล้วเย้ๆ


แสงงามๆวิวสวย แสงสวย ก็กดถ่ายกันรัวๆต่อไป


แสงงามๆ มีไอหมอก และน้ำค้าง โรแมนติกอะ


เขียวๆของต้นข้าว ช่วงสายๆ ก็จะมีคนดูแลมาตัดหญ้าให้เรียบร้อย


เดินมาอีกฝั่งนึงกันบ้าง


สวยงามเหมือนกัน


มองไปเห็นบ้านพักของเราด้วย


ต้นข้าวกันบ้าง เขียวมากกก


ผีเสื้อมาแล้วว


ถ่ายรูปเสร็จก็มากินข้าวกัน


เช้าวันนี้ เป็นหมูกระเทียมกับไข่ดาว สั่งอะไรง่ายๆ อิ่มสบายท้องเป็นพอ


ข้าวไข่เจียว ง่ายๆแต่อิ่ม


แวะร้านกาแฟก่อนเข้าตัวเมืองเชียงใหม่กัน


ไปถึงร้านกาแฟปิด ฮาๆๆๆ แอบถ่ายคุณยายทอผ้าแทน น่าร้าก


อากาศดีๆบนดอยแบบนี้ หลับดีกว่าาา เจอกันอีกทีตอนที่ 3 เราจะไปลุยในตัวเมืองเชียงใหม่กัน !


3วัน 2 คืน ไปกินกันรัวๆที่เชียงใหม่ ใครชอบกิน รอติดตามกันได้เล้ย

สิ่งมีชีวิตที่ชอบลืม

 วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 18.14 น.

ความคิดเห็น