เป็นคนอยู่เฉยไม่เป็น ใกล้วันหยุดไม่ว่าจะหยุดน้อยหยุดมาก ขอให้ได้ออกจากบ้านไว้ก่อน หนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ไม่อาจจะทราบได้ ถ้าไม่ได้ไปเผชิญด้วยตัวเอง แต่จะออกไปแบบไม่มีข้อมูลออะไรเลยก็จะเสียเวลาสำหรับชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเรา ที่วันหยุดทุกวันมีค่ามากล้น สำหรับ Route นี้จุดหมายปลายทางอันแสนไกล จากเพชรบูรณ์ ผ่าน พิษณุโลก เลี้ยวเข้าอุตรดิตถ์ ไปสุดปลายทางที่น่าน ทริปได้เพื่อนร่วมทาง 5 คน พอดี๊พอดีรถ Roadtrip ตะลุยแดนเหนือ(เหนือตอนล่าง กลางตอนบนล่ะกัน) จะเป็นอย่างไร จะเจออุปสรรคอะไรบ้างติดตามกันครับ

แพลนที่วางไว้ (จากรูปตกหล่น เขื่อนสิริกิติ์และหมู่บ้านประมงปากนายครับ)

วันที่ 22 ต.ค. 59

  • ทุ่งแสลงหลวง
  • ล่องแก่งลำน้ำเข็ก
  • ถนนคนเดินพิษณุโลก
  • พักที่ Sappraiwan Grand Hotel & Resort

วันที่ 23 ต.ค. 59

  • เขื่อนสิริกิติ์
  • หมู่บ้านประมงปากนาย (ข้ามแพขนานยนต์ ประหยัดเวลาได้เยอะ)
  • เสาดินนาน้อย
  • ดอยเสมอดาว

วันที่ 24 ต.ค. 59

  • กลับกรุงเทพ

อุปกรณ์ถ่ายภาพ

  • Canon EOS 60D
  • Sony A6000
  • Olympus om-d em 10 mark 2
  • Gopro Hero 4

ค่าใช้จ่ายต่อคน

  • ที่พัก Sappraiwan Grand Hotel & Resort 3500 บาท หารแล้วคนละ 700 บาท
  • ล่องแก่งลำน้ำเข็กคนละ 750 บาท
  • เต็นท์อุทยานแห่งชาติศรีน่าน (ดอยเสมอดาว) 750 บาท หารแล้วคนละ 150 บาท
  • แพขนานยนต์เที่ยวละ 250 ต่อรถ 1 คัน ไปกลับ 500 บาท หารแล้วคนละ 100 บาท
  • ค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติศรีน่าน คน + รถ 130 บาท หารแล้วคนละ 26 บาท
  • ค่าน้ำมัน 4000 บาท หารแล้วคนละ 800 บาท
  • ค่ากินและอื่นๆ

รวมแล้วประมาณ 3500-4000 บาท


วันที่ 1

มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง (ลืมบอกครับ เมื่อคืนพวกเราพักที่ วิเชียรบุรี บ้านของเพื่อนร่วมทริป)

จากวิเชียรบุรี - ทุ่งแสลงหลวงใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

ทางเข้าอุทยานครับ ป้ายเห็นได้ชัดเจน

ก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อจะขออนุญาติเข้าไปที่ทุ่งนางพญา ก็แนะนำพวกเราครับว่าช่วงนี้มีรถติดหล่มบ่อย ไปไม่ถึงทุ่งนางพญา ต้องโทรให้เจ้าหน้าที่มาลากรถซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการลากรถด้วย รถพวกเรา vigo ยกสูง 4x2 ครับ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าถ้าไปแค่จุดชมวิวศาลา ดุสิตา จากที่ทำการเข้าไปประมาณ 4 กม. พวกเราก็ตกลงจะเข้าไปจุดชมวิวศาลา ดุสิตา ก็เซ็นต์ชื่อลงทะเบียนและรับใบอนุญาติพร้อมเบอร์ติดต่อที่ทำการอุทยานเผื่อเกิดอุบัติเหตุหรือติดหล่ม แต่กำลังขับไปเห็นวิวแถวที่ทำการสวยดีเลยแวะถ่ายก่อน

จากที่ทำการอุทยานพวกเราก็ขับไปตามทางที่เจ้าหน้าที่บอก จนมาถึงจุดจุดหนึ่ง ซึ่งมีป้ายบอกว่าทุ่งนางพญาเลี้ยวซ้าย แก่งวังน้ำเย็นตรงไป

และมีอีกป้ายอยู่ข้างๆกันบอกว่า "ห้ามตรงไป เด็ดขาด" แต่… พวกเราไม่ได้สังเกตทั้งสองป้าย อาจเป็นเพราะคุยกันในรถเพลินไปหน่อย เลยขับตรงไปเรื่อยๆ ทางช่วงแรกๆจะเป็นหิน

แม้จะเป็นหินแต่ก็ขับสบายครับ

ขับมาได้สักพักทางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นลูกรัง ยิ่งเข้าไปอีกจากลูกรังแห้งๆ ก็กลายเป็นลูกรังชื้นๆจนแฉะ

ณ ตอนนั้นพวกเราก็เริ่มรู้สึกไม่ดีล่ะครับ คิดว่าถอยดีไหม? เพราะไม่เห็นรถคันอื่นๆเลย เผอิญเหลือบไปเห็นป้ายหลักกิโล 3+350

อ้าวว ยังไม่ 4 กม. ตามที่เจ้าหน้าที่บอกเลย ก็เลยขับต่อ จนมาถึงจุดๆหนึ่ง เป็นดินแฉะๆ ชันนิดหน่อย

เห็นรอยล้อรถคันอื่นแสดงว่ามันต้องไปได้ เลยขับไปปรากฎว่า ท้ายรถปัด แต่ก็ผ่านจุดนั้นมาได้ พอจะไปต่อข้างหน้ามีไม้ขนาดใหญ่กั้นไว้ อ้าววเฮ้ยย!!! ยังไงกันแน่ ตอนนั้นรู้สึก ซวยแล้วกู!!! เลยวกรถกลับ ซึ่งจะต้องผ่านตรงที่ดินแฉๆ อีกครั้ง ทุกคนนพร้อมนะ!!!

เหยียบบ!!! ไปสิ ไป ไปสิเว้ยยย

ติดหล่ม แม่เจ้าโว้ย เลยช่วยกันหาไม้มาวาง ไม่ให้ล้อสัมผัสกับดินแฉะๆ แต่ก็ไม่เป็นผล

ระหว่างที่ติดหล่มอยู่ ก็มีรถอีกคันเข้ามา สงสัยคันนี้ก็ไม่ได้สังเกตป้ายเหมือนกัน เลยให้สัญญาณกับคันนั้นว่า "อย่ามา ติดหล่ม" และก็ตะโกนบอกคันนั้นให้ช่วยติดต่อเจ้าหน้าที่ให้หน่อย เพราะเบอร์ที่เจ้าหน้าที่ให้มาตอนแรกโทรไม่ติด แต่ท้ายที่สุดพวกเราก็ลองพยายามอีกครั้ง ให้เพื่อนช่วยดันรถระหว่างกำลังเร่งเครื่อง ปรากฎว่าพวกเรา ผ่านมันมาได้!!! เลยขับไปจอดแล้วลงมาชมสักหน่อย


ตอนนั้นอยากจะตะโกนว่า รถกูโว้ยยยยย กลับไปต้องล้างชุดใหญ่ 55+ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกสักหน่อย

จากนั้นขับกลับไปจนเกือบถึงป้ายทางแยก รถเจ้าหน้าที่สวนเข้ามาก็เลยบอกไปว่า "คันผมเองที่ติดหล่ม แต่ผ่านมาได้แล้วครับ" พอถึงทางแยกเห็นป้ายห้ามเข้าฮะ!!! ตัวเท่าเนี่ยยย และก็เห็นป้ายว่าทุ่งนางพญาเลี้ยวซ้าย เลยเลี้ยวเข้าไป จนสุดท้ายก็พบกับจุดชมวิว 4 กม. ที่เจ้าหน้าที่บอก เฮ้อออ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ควรมีสมาธิในการขับรถ หูตาไว หัดสังเกตสิ่งต่างๆบนถนน

จากนั้นเดินทางต่อตามเส้นทางบนถนนหมายเลข 12

ได้เวลาไปเช็คอินที่พัก Sappraiwan Grand Hotel & Resort ตั้งอยู่บนถนนหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก มาชมบรรยากาศภายในรีสอร์ทกันหน่อย

พวกเราจองบ้านพัก 1 หลัง 3500 บาท ได้ 4-5 คน ครับ

และนัดเวลาล่องแก่งกับทางรีสอร์ทตอนบ่าย 2 ซึ่งจุดเริ่มต้นล่องแก่ง อยู่ในรีสอร์ทเลยครับ ระยะทางที่จะล่องแก่ง 8 กม. ทั้งหมด 15 แก่ง ระดับ 1-5 ก่อนอื่นต้องเตรียมความพร้อมและฟังการสาธิตการพายและการป้องกันอุบัติเหตุจากเจ้าหน้าที่ก่อน

และก็ไปลุยกันเลย

หลังล่องแก่งเสร็จ ถ่ายรูปกับหลักกิโลเป็นที่ระลึกสักหน่อย และกลับที่พัก

ได้เวลาหาของกินมื้อเย็น ตกลงกันว่าจะไป ถนนคนเดินพิษณุโลก แต่สุดท้ายก็... บุฟเฟ่ต์ ร้าน Meat Mii Grill Buffet ตั้งอยู่ริม ถ.บรมไตรโลกนารถ (ข้างศูนย์ Dtac)

ตอนกินยังจะถ่ายยย

หลังอิ่มเรียบร้อยก็ต่อด้วยถนนคนเดิน เดินย่อยสักหน่อย นึกว่าจะไม่ได้มาล่ะ

ตลาดใหญ่อยู่นะ

กลับที่พัก พักผ่อน พรุ่งนี้เตรียมเดินทางต่อ


วันที่ 2

ตื่นพร้อมกับความสดชื่น อาบน้ำแต่งตัวเก็บของ ไปทานอาหารเช้าโรงแรม

เช็คเอ้าท์เดินทางต่อ จุดหมายวันนี้คือ ดอยเสมอดาว และระหว่างทางก็จะแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ เริ่มแรกที่ เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์

เกือบๆ 2 ชั่วโมง ก็มาถึง เขื่อนสิริกิติ์ แดดก็เปรี้ยงๆเลย

เดินชมสันเขื่อน ตอนแรกนึกว่าขับรถเข้าไปที่สันเขื่อนได้เลย แต่ไม่.. จอดแล้วก็ลงเดินไป

ถ่ายรูปสักหน่อย แล้วรีบไปต่อ ซึ่งจุดหมายต่อไปคือ เสาดินนาน้อย

จากเขื่อนสิริกิติ์ถ้าจะไปเสาดินนาน้อย มี 2 ทางให้เลือก

  1. ข้ามแพขนานยนต์ ที่หมู่บ้านประมงปากนาย
  2. ใช้เส้นทาง ถนนหมายเลข 117 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ถนนหมายเลข 1083

ตัวเลือกที่ 1 จะประหยัดเวลาการเดินทางได้มากกว่า พวกเราจึงเลือกเส้นทางนี้ คือ อยากข้ามแพขนานยนต์ด้วย 55+ และจากที่หาข้อมูลมา ถ้าข้ามแพขนานยนต์ไปแล้ว จะมีร้านอาหารเป็นแพ บริการด้วย พวกเราก็พักกินมื้อเที่ยงที่แพนั่นเลยครับ

ระหว่างทางไป หมู่บ้านประมงปากนาย ป้ายบอกทางจะน้อยมากครับตอนแรกก็นึกว่ามาผิดทางเลยจอดถามคนแถวๆนั้น คำตอบก็คือมาถูกแล้วขับต่อไปเลย (ทางเป็นหลุมเป็นบ่อ ระมัดระวังในการขับด้วยครับ)


ถึงแล้วครับ หมู่บ้านประมงปากนาย

ถามค่าใช้จ่ายข้ามแพมาได้ความว่า คันละ 250 บาท ต่อเที่ยว ได้เที่ยวละ 2 คันเท่านั้น

นี้เลยแพขนานยนต์

ระหว่างอยู่บนแพมองไปไกลๆ รอบๆ วิวจัดว่าสวยมากครับ

นี้ครับเรือที่ใช้ลากแพ

และก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรวม

ข้ามเสร็จเรียบร้อยก็จัดมื้อเที่ยงกันเลย ที่แพสองบัว ปลาคัง ปลาบู่ ประทับทิม ตัวใหญ่มาก


เจอแมวนอนหลับน่ารักเชียวหล่ะ

ได้เวลาเดินทางต่อ ไปยัง เสาดินนาน้อย ขอบอกเลยครับว่าจาก แพขนานยนต์ไปยังเสาดินนาน้อย จะได้พบกับวิวที่สวยงามมากๆทั้งสองข้างทาง


ถึงแล้วเสาดินนาน้อย

ช่วงที่มาคนแทบจะไม่มีล่ะ

จากนั้นขับต่อไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 กม. ถึงดอยเสมอดาว จ่ายค่าธรรมเนียมก่อน คน + รถ 130 บาท และติดต่อเต็นท์ที่ได้จองไว้ คืนนั้นคนเยอะมาก

ถ้ามาช่วงเทศกาลหรือวันหยุด ต้องนำรถไปจอดไว้ที่ศูนย์บริการข้างล่าง ถ้ามาวันธรรมดาจอดรถแถวๆลานกางเต็นท์ได้เลย

จากที่กินมื้อเที่ยงที่แพมา ตอนนี้ยังไม่รู้สึกหิว เลยไปถ่ายดาว คืนนี้ดาวเต็มฟ้า มีช้างด้วยนะแต่ไม่ชัดมาก

และกลับเข้าเต็นท์นอน Zzz


วันที่ 3

ตื่นไม่เช้ามาก ขึ้นไปจุดชมวิว คนก็เยอะอีกเช่นเคย เช้านี้ทะเลหมอก…. ไม่มีครับ มีปะปราย

สักพักเริ่มเยอะขึ้น

ผาหัวสิงห์

จะมาถ่ายทะเลหมอกก็อดดด

ป่ะกลับเข้าเต็นท์ เก็บของ

ออกเดินทางกลับกรุงเทพ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและสนุกไปกับการเดินทางของพวกเราครับ ฝากไลค์ฝากแชร์ฝากแคร์กันด้วยนะครับ


ติดตามเรื่องราวของผมได้ที่ เพจ "เที่ยวออกเดิน" by Fun_O

https://www.facebook.com/TiewOkDern/

https://th.readme.me/id/funotravel

http://pantip.com/profile/2443477

Fun_O

 วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.57 น.

ความคิดเห็น