ใครๆก็ไปฮ่องกง...มินิรีวิวฉบับนี้เป็นการรีวิวเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง ของลาเต้ปั่นเย็นๆ ค่าใช้จ่าย ข้อมูลทุกอย่างค้นหาเองทั้งหมด
การเที่ยวฮ่องกงรอบนี้เป็นครั้งที่ 2 ของเราค่ะ ครั้งแรกที่ไปเยือนฮ่องกงต้องย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วนู่นเลย
บางคนอาจจะกลัวเวลาไปเที่ยวเมืองนอก ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ภาษาที่ต่าง กลัวหลง สารพัดความกลัว
ลองอ่านรีวิวฉบับนี้ดูค่ะ อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคน อยากออกไปเปิดหูเปิดตานอกประเทศดูบ้าง
ฮ่องกงเป็นประเทศที่เหมาะจะไปลองเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกอย่างมาก ที่สำคัญไม่ต้องง้อทัวร์ด้วยประการทั้งปวง
เหตุผลคือเข้าไม่ยาก ไม่ต้องขอวีซ่า เดินทางไม่นาน เมืองเล็ก การคมนาคมสะดวก อาหารการกินหาง่ายคล้ายบ้านเรา
ที่สำคัญข้อมูลรีวิวที่เที่ยวสำคัญต่างๆในอินเตอร์เนตแน่นมาก แค่ทำการบ้านให้ดี ไม่ต้องกลัวค่ะ แค่เตรียมเงินในกระเป๋าให้พร้อม
รีวิวนี้เราจะพาเที่ยวแบบละเอียดยิบ ที่ไปมาทั้งหมดกันเลย เรียกว่าตั้งใจมว๊ากกกก....พร้อมแล้วลุยกันเลย !!!

ป.ล. แอบฝากเพจน้อยๆของลาเต้ปั่นเย็นๆด้วยนะค้า ท่านใดมีข้อสงสัยหรืออยากถามข้อมูล Inbox ที่เพจได้เลยจ้า

https://www.facebook.com/lattepunyenyen/

ทริปนี้เป็นทริปแบบสบายๆค่ะ รูปภาพไม่ได้เน้นสวยงาม อลังการอะไรมากมาย อยากถ่ายก็ถ่าย


เหนื่อยก็พัก หิวก็หาอะไรทาน ไม่ฟิกเรื่องเวลาด้วย เที่ยวแบบสบายใจว่างั้นเถอะ

เพราะฉะนั้นทริปเราเลยเลือกใช้กล้อง Mirrorless Fuji X-T10 ไม่แบกกล้อง DSLR ให้เมื่อยไหล่

ถือว่าได้รีวิวรูปจาก X-T10 ไปด้วยเลย.. ขอบอกว่าจิ๋วแต่แจ๋วมากค่ะ เลนส์ใช้เลนส์คิทนะคะ ไม่ได้ใช้เลนส์ตัวที่อยู่ในภาพ

ลืมถ่ายภาพไว้ ขอใช้ภาพเดิมละกันเนอะ หน้าตามันเป็นแบบงี้ เล็กๆ สบ๊ายยยย



เริ่มต้นทริปนี้เกิดจาก ความที่อยากไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ อ่าวรีพลัสเบย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


ประกอบกับช่วงกลางปีที่ผ่านมา สายการบิน Kenya มีโปรโมชั่นแบบ ไม่ไปไม่ได้แล้วออกมา

โดยราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับ บริการแบบ Full service ราคาเพียง 2,568 บาท

แม่เจ้า !!!! คว้าอย่างไวแบบไม่ต้องคิดอะไรเลยค่ะ ถูกไปไหน ต้องยกความดีความชอบให้เพจที่เราตามอยู่นะคะ

โปรโมชั่นรู้ไวมากกกก กราบขอบพระคุณอีกครั้งที่ให้เราได้ตั๋วราคาดีงามขนาดนี้

https://www.facebook.com/friendtellpro/

เราก็ทำการจองเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไร จนถึงวันเดินทาง ไม่มีดีเลย์ สบายใจ

ครั้งนี้เราแลกเงินไป 20,000 บาทค่ะ กะว่าเอาไปใช้จ่ายจุกจิก ค่าอาหาร ส่วนถ้าจะช็อปปิ้งค่อยรูดบัตรเครดิตเอา

อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้นอยู่ที่ 1 HKD = 4.53 บาทค่ะ

ก็เลยไปแลกเงินที่สนามบินสุวรรณภูมิเลย เคาท์เตอร์ชั้นล่าง ตรงสถานี Airport link

ส่วนร้านด้านซ้ายมือเป็นร้านที่เราจองตั๋วกระเช้านองปิง / Airport Express / ซิมเนตที่จะไปใช้ที่ฮ่องกง

จากเวบ http://www.hongkongfanclub.com/ ถือว่าช่วยได้เยอะเลยค่ะในการต่อคิวต่างๆ



สายการบิน Kenya เป็นเครื่องที่บินมาจาก ไนโรบีประเทศเคนย่าค่ะ มาแวะพักเครื่องที่กรุงเทพฯ แล้วต่อไปฮ่องกง


ซึ่งไม่ได้มีบินทุกวัน มีแค่วัน อังคาร พฤหัส เสาร์ เท่านั้นค่ะ เราเลยจองตั๋วไปฮ่องกงในวันอังคาร

เที่ยวบิน KQ860 ออกจาก กรุงเทพฯ 15.05 น. มาถึงก็แลกเงิน เชคอิน ผ่านต.ม. และ เดินเล่น Duty Free อิอิ



นั่งรอเวลา จิบกาแฟแก้ง่วงกันก่อน



ใกล้ถึงเวลาแล้ว เดี๋ยวไปที่เกทกันดีกว่า ลุ้นทุกนาทีว่าจะดีเลย์มั๊ย แต่ก็ไม่ค่ะ ตามเวลาเป๊ะเลย



เครื่องบิน Boeing Dreamliner (Boeing 787-8) ลำใหญ่ นั่งสบายค่ะ ที่นั่งเป็นแบบ 3-3-3


บริการ Full Service น้ำหนักกระเป๋าใบละ 23 กก. เรียกว่าราคา 2500 คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเลยค่ะ กับการเดินทางไปต่างประเทศ

ผู้โดยสารที่เห็นส่วนใหญ่เป็นชาวจีนค่ะ คนไทยก็เยอะเหมือนกัน ส่วนลูกเรือเป็นคนไทยค่ะ พูดภาษาอังกฤษ และจีนกลางเป๊ะมาก

วันนี้โชคดี ที่นั่ง 3 ที่ แต่เราได้นั่งกับแฟน 2 คน หุหุ ส่วนตั๊วส่วนตัว ความบันเทิงก็มา หนัง เพลง เกม หูฟัง อุปกรณ์มีให้พร้อมค่ะ



ส่วนอาหารก็มีให้เลือกทั้ง ปลา ไก่ ชา กาแฟ น้ำเปล่า น้ำผลไม้ ไวน์ ก็มีนะจ๊ะ



ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 2 ชั่วโมง 40 นาทีค่ะ ถึงที่ฮ่องกงเวลา 18.45 น.


ซึ่งเวลาเร็วกว่าที่ไทย 1 ชั่วโมงค่ะ ท้องฟ้าแจ่มใสค่ะวันนี้ เหมาะแก่การเดินทางม๊ากก



ใกล้จะ Landing แล้ว แสงอาทิตย์จากภายนอกก็สวย ไฟบนเครื่องก็แจ๊มแจ่ม อิอิ



ถึงสนามบินเช็กแล็บก็อก ประเทศฮ่องกง เราก็ทำการเปิดใช้บริการซิมเนตที่ซื้อเตรียมมาจากไทย


เราใช้ซิม ABC ค่ะ ซื้อที่เคาท์เตอร์ HKFC ที่สุวรรณภูมิ ราคา 440 บาท เปิดใช้บริการอินเตอร์เนตแบบ 7 วันค่ะ มีเงินเหลือในเครื่องไว้โทรกลับไทยได้นิดหน่อย เปิดใช้แค่เครื่องเดียว

แล้วแชร์ wifi hotspot ให้เครื่องแฟนอีกทีนึง เนตโอเคมากๆค่ะ ไม่มีกระตุก ลื่นปรื๊ดๆ

ลงเครื่องมาก็เดินไปขึ้นรถไฟเพื่อต่อไปยัง ต.ม.ค่ะ อันนี้ไม่ต้องงงนะคะ ทุกคนไปที่เดียวกันหมด

เห็นเค้าเดินไปทางไหน ตามไปโลด !!!



ผ่าน ต.ม. เรียบร้อย สบายๆ ไม่ถามสักคำแฮะรอบนี้ รอบที่แล้วโดนถามรัวๆเป็นชุด มากับใคร อยู่ที่ไหน อยู่กี่วัน


รอรับกระเป๋า แล้วไปซื้อบัตร Octopus card กัน



ทริปนี้เราพักที่ จิมซาจุ่ย ค่ะ จากสนามบิน สามารถเข้าเมืองได้หลายหลาย เช่นรถบัส รถไฟใต้ดินMTR และ Airport Express


เราเลือกใช้บริการ Airport Express โดยซื้อตั๋วมากจากเวบ http://www.hongkongfanclub.com/ ในราคาไปกลับ 580 บาท

ใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีค่ะ สะดวกดี แต่ก็ต้องไปแลกบัตรจริงที่เคาท์เตอร์ในสนามบินฮ่องกงก่อนนะคะ

แลกเสร็จเรียบร้อยก็ทำการซื้อบัตร Octopus card บัตรสารพัดประโยชน์ในฮ่องกง ขึ้นรถ ลงเรือ รถไฟ ช็อปปิ้ง ร้านอาหาร

แค่เติมเงินในบัตรนี้ทำได้ครบค่ะ เรียกได้ว่าสะดวกมากๆ เราเติมครั้งแรก 200 เหรียญ แต่โดนหักมัดจำบัตรไป 50 เหรียญค่ะ

เดี๋ยวเราจะได้คืนตอนที่คืนบัตร เสร็จสรรพ รอรถไฟเข้าเมืองกันดีกว่า จุกหมายปลายมางของเราอยู่ที่เกาลูนค่ะ



ถึงสถานีเกาลูน มีรถบัสบริการส่งตามจุดต่างๆ ใกล้ๆโรงแรมที่เราพักค่ะ


ส่วนเราเชคมาก่อนแล้วว่าโรงแรมเราต้องลงที่ Holiday Inn Golden mile

แต่เผอิญว่าป้ายรถบัสตรงนั้นได้ปิดบริการเนื่องจากส่วนนั้นโรงแรมกำลังปรับปรุง

ก็เลยเปลี่ยนแผนลงที่ Sheraton แทน แต่ถ้าไม่แน่ใจ มีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำอยู่ตรงจุดจอดรถ shuttle bus ค่ะ



ประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ ลงตรงไหนวันกลับก็มาขึ้นที่จุดเดิมได้เลยค่ะ


มีรถของทาง AE คอยบริการตลอดๆ แต่เชคเวลากันนิดนึงนะคะ



เดี๋ยวเราเข้าโรงแรม ที่พักกันก่อนดีกว่า ใจจริงคือได้ตั๋วถูกมากแล้ว อยากได้ที่พักแบบถูกด้วย


แต่อย่างว่าละค่ะ ที่ฮ่องกงที่พักราคา1-2000 ก็ย่อมเล็กและแคบไปด้วย ในส่วนของตรงนี้

คุณสามีไม่ค่อยจะสะดวกเท่าไหร่ เลยต้องจองที่พักมีพื้นที่ให้เดินได้นิดนึง

" Xi Hotel " คือโรงแรมที่เราเลือกพักในทริปนี้ค่ะ จับจุดง่ายๆเลยใกล้ห้าง K11 มาก

ใครมา MTR ก็สะดวกสุดๆ ออกได้หลายทางเลยค่ะ โรงแรมเล็กๆ แต่สะอาดดีค่ะ

เปรียบเทียบราคาจากเวบเอเจนท์ต่างๆแล้วได้มาไม่ถูก ไม่แพงค่ะ 2 คืน 7,000 บาท

ราคานี้คือมีอาหารเช้าให้ด้วยนะคะ ถ้าในฮ่องกงราคานี้ถือว่าพอรับได้อยู่ค่ะ

เชคอินตอน 2 ทุ่ม มีคุณลุงคอยเปิดประตูให้ กลิ่มอโรม่าหอมๆทั่ว Front เลย ชื่นใจดีจัง

ตอนเราเข้าพักที่นี่จะต้องจ่ายเงินประกันไว้ก่อน 1000 HKD ถ้าเป็นเงินไทยก็ 4500 บาทค่ะ

โดยเราใช้บัตรเครดิตรูดไป ซึ่งได้คืนภายใน 14 วันหลังจากเชคเอาท์ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ ได้คืนครบ



ห้องพักพนักงานเปิดแอร์เตรียมไว้เรียบร้อย สะอาดสะอ้านดีค่ะ สิ่งอำนวยความสะดวกตามที่เห็นเลยค่ะ


ห้องน้ำแยกส่วนเปียก แห้ง / ผ้าเช็ดตัว / Amenities kit / น้ำเปล่าวันละ 2 ขวด /

ตู้เย็น / ไม้แขวนผ้า / ทีวี / เครื่องฟอกอากาศ / เครื่องทำน้ำอุ่น

ที่สำคัญมี Handy phone โทรศัพท์มือถือ พร้อมเล่นอินเตอร์เนตได้ ให้ใช้ฟรีๆกันอีกด้วย



อย่าลืมปลั๊กแปลงไฟที่ใช้ในฮ่องกงนะคะ เราซื้อจากโฮมโปรค่ะ ราคาไม่ถึง 100 บาท


แต่ที่นี่ดีอย่าง มีช่องชาร์จแบบ USB ให้ด้วย เรียกได้ว่าโรงแรมเล็ก แต่การบริการถือว่าโอเคเลยค่ะ



เก็บของเรียบร้อย พักผ่อนหย่อนใจ 30 นาที เตรียมออกเดินทาง อย่าไปสนว่ามันจะดึกดื่นแค่ไหน


มาเที่ยวนะคะ ไม่ได้มาพักผ่อน อิอิ...พลาดมากคือ ลืมหยิบแผนที่มาจากสนามบิน

แต่พอมาถึงโรงแรม ที่ห้องพัก มีวางไว้ให้เรียบร้อย แอบดีใจเล็กๆ

นี่คือตั๋วทั้งหมดที่เตรียมมาทริปนี้ สมุดโน๊ตเล็กๆที่เราทำการบ้าน เตรียมข้อมูลมาอย่างดี

อย่างที่บอกค่ะ มาเที่ยวเองไม่ยาก แค่ศึกษาข้อมูลมาให้ดี เรานี่จดแบบละเอียดมาก

ไปที่นี่ นั่งสถานีไหน ทางออกอะไร จะได้ไม่เสียเวลามากค่ะ เพราะทางเดินระหว่าง MTR ทีนี่เดินไกลมาก

ถ้าหลงนี่คือเซ็งไว้ก่อนเลย ทางที่ดี เตรียมไว้ก่อนดีกว่า หลงไม่หลง ว่ากันไปอีกเรื่องนึง หุหุ



สิ่งที่เราตั้งใจทริปนี้คือ จะไปเดินเล่นดูไฟสวยๆริมอ่าว Victoria ที่นี่ผู้คนนิยมไปดู Symphony of light มากที่สุด


แต่เนื่องจากกว่า เราเคยไปดูแล้ว เมื่อมาครั้งก่อนนี้ การแสดงโชว์แสง สี เสียง จะมีทุกๆวัน เวลา 2 ทุ่มค่ะ

แสดงเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าอยากเห็นวิวสวยๆ อยู่ด้านหน้า ก็ต้องมาเร็วหน่อย

แต่ทริปนี้เราแค่มาเดินดูไฟเฉยๆ เลยชิลๆ สบายๆจ้า... เราว่า Google Map ในมือถือนี่ช่วยได้เยอะมากค่ะ

กดไปเถอะค่ะ ไม่มีหลงเลยทริปนี้ Google ทำหน้าที่ดีมาก คือสามารถบอกได้เลยว่าเราจะเดินไปทางไหน

ใช้ระยะเวลากี่นาที คือดีอ่ะค่ะ ตัวอย่างที่เราลองเซิชก็เป็นแบบนี้



เอาละค่ะ ได้เวลาแล้ว ออกจากโรงแรมเดินไปอ่าววิคตอเรียกัน เดินไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว


เหตุผลที่ชอบ จิมซาจุ่ย ก็แบบนี้แหละ...เหมือนอยู่ใจกลางดี ( ความเห็นส่วนตัวนะคะ555 )

ตึกสูงๆมากมาย เป็นที่พบเห็นได้ทั่วไปในฮ่องกง ทริปนี้ไม่มีขาตั้งกล้องด้วยค่ะ

เรียกได้ว่าเดินไปถ่ายรูปไปก็มี ชิลมากกก หลงรัก Fuji หุหุ ....ป.ล.ใช้โหมด Auto ด้วยแหละ



ตรงนี้เป็นเหมือนที่นั่งเล่น นอนเล่น เห็นเค้านอนกันเลยให้แฟนลองไปเทสมั่ง ฮ่าๆ น่ารักดีค่ะ



ถึงแล้วค่ะ ช่วงที่เราไปถึงประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากที่การแสดง SOL เสร็จแล้ว คนจึงไม่เยอะมาก


อยากถ่ายรูปตรงไหนก็เลือกเลยค่ะ...แสงไฟสวยๆจากฝั่งฮ่องกง ยังประทับใจเหมือนเดิม



เดินถ่ายรูปเล่นสักพัก...เริ่มหิวค่ะ เดี๋ยวเดินเล่นไปเรื่อยๆดีกว่า เจอร้านไหนน่าสนใจค่อยเข้าไป


บอกแล้วว่าทริปนี้สบายๆ เหนื่อยก็พัก หิวห็แวะทานค่ะ อย่าไปซีเรียสเนอะ

จิมซาจุ่ย เรียกได้ว่าเป็นย่านที่คนไทยนิยมมาพักกันมากค่ะ แหล่งช็อปปิ้งละลานตามาก

หนึ่งในนั้นคือเราด้วยแหละ มา 2 ครั้ง ก็พักที่นี่ทั้ง 2 ครั้งเลย



เหมาะกับการมายืนถ่ายรูปเก๋ๆด้วยนะจ๊ะ



ตามถนนใหญ่ๆก็เป็นส่วนของร้านแบรนด์เนม ส่วนตรอกเล็กๆลงมาก็เป็นร้านทั่วไป


อย่างร้านขายหนังสือ ขายของเล่นของคุณลุง ยังพบเห็นได้ในฮ่องกงนะคะ



หิวแล้วๆๆๆๆๆ เดินไปเรื่อยๆ เข้าตรอกนู้น ออกซอยนี้ เจอร้านนึงน่าสนใจ ไม่รอช้า เข้าไปเลยดีกว่าค่ะ


อาหารมื้อแรกที่มาเยือนฮ่องกง...ราคาค่อนข้างสูง Service charge ก็ใช่ย่อยนาจา

รู้ทั้งรู้ว่าที่ฮ่องกง อาหารแต่ละจานนี่คือปริมาณเยอะมากกกกกกก แต่ ณ ตอนนั้น หิวค่ะ

สั่งๆๆๆๆ ไปกับแฟน 2 คน สั่งมาคนละจานแถมยังมีผัดผักอีก อย่าถามว่าหมดไม่

ไม่ !!!! ค่ะ ฮ่าๆๆๆ แอบเซ็งตัวเอง รู้ทั้งรู้ แต่ก็จะสั่ง โดนไปเลยมื้อนี้ 221 HKD ปวดร้าวที่สุด



ทางเดินก่อนถึงหน้าโรงแรม...เค้าทำอะไรกัน ทำไมคนเยอะจัง มีอะไรรึเปล่า


เดินไปใกล้ๆทุกคนก้มหน้าก้มตา วัยรุ่นๆ ไปถึงคุณลุงแก่ๆกำลังจับโปเกม่อนกันอยู่ค่ะ หุหุ



ก่อนถึงห้องพักแวะ 7-11 น้ำเย็นๆสักหน่อยดีกว่า ได้ชาไต้หวันมาลิ้มลอง 2 ขวด รสชาติก็โอเคนะคะ



สำหรับวันแรกที่ฮ่องกง พักไว้แค่นี้ก่อนนะคะ เดินไปเยอะแล้วค่ะวันนี้ ตั้งแต่ก้าวออกจากบ้าน


ใช้พลังงานไปเยอะมากแค่ไหน...ดูกันเอาเอง ไม่อยากจะคิดว่าพรุ่งนี้ต้องเดินกี่กิโล



ตื่นมาเช้านี้พร้อมกับอากาศไม่ร้อน ไม่เย็นค่ะ พอดี๊ พอดี แต่สายๆกว่านี้เราว่าคงจะร้อนอ่ะ


แอบเซ็งเล็กน้อย...อาหารเช้าทริปนี้ขอฝากท้องไว้ที่โรงแรมเลยจ้า ประหยัดไปได้หลายร้อยทีเดียว

ไลน์อาหารเล็กๆค่ะ มีพวกขนมปัง ชา กาแฟ ทั่วไป นั่งได้ทั้งด้านในห้องแอร์ และด้านนอกทำเป็นสวนเล็กๆ



หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว จุดมุ่งหมายที่มาฮ่องกงคือ ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ที่อ่าวรีพลัสเบย์ค่ะ


การเดินทางที่สะดวกที่สุดในฮ่องกงคือ MTR ค่ะ เราโหลดแอปนี้มาใช้ เพื่อคำนวณเวลา

จากสถานีนี้ ไปที่นี่ ใช้เวลาเท่าใด ซึ่งโอเคค่ะ ทำให้การแพลนง่ายขึ้นมากเลย



ช่วงเร่งด่วน คนจะเยอะมากกกก เผื่อเวลานิดนึงนะคะ บางทีรถไฟมาก็ไม่ได้ขึ้น เพราะคนแน่นเอี๊ยด


ต้องรอขบวนถัดไปค่ะ จะขึ้นเดินลงบันไดถ้าชิลๆก็ยืนชิดขวาไว้ คนรีบก็เดินจ้ำอ้าวๆ ฝั่งซ้ายไป

ที่เห็นเลยคือไม่ค่อยเดินกันเท่าไหร่ค่ะ เค้าวิ่งกันเลย คือมันต้องรีบมากกกกขนาดนั้นเลยใช่มั๊ยนี่ หุหุ



เรานั่ง MTR สถานี Tsim Sha Tsui ไป Central ค่ะ ใช้เวลาเพียงแค่ 4 นาที ทางออก Exit A


เดินออกมาจากสถานีแล้วข้ามฝั่งไปยังตึก Exchange Square ค่ะ เดินลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง

จะเป็น Bus terminal นั่งสาย 6 , 6A , 6X , 260 เพื่อไปยังอ่าวรีพลัสเบย์



ระหว่างทางค่ะ ขึ้นเขาเล็กน้อย เรานั่ง Bus ชั้น 2 หน้าสุดเลยค่ะ แอบหวาดเสียวเล็กน้อย



ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีค่ะ พอเห็นตึกนี้ก็เตรียมตัวได้เลย กดกริ่งลง เดินข้ามถนน


เดี๋ยวมีทางเดินลงทะเลค่ะ...อากาศกำลังดีค่ะ มาเช้าๆ คนไม่เยอะมาก



เดินลงบันไดหอบแฮ่กๆ ขอนั่งพักแป๊บบบนึง



เดินลัดเลาะไปตามหาดไม่ไกลค่ะ ถึงแล้ว...ที่นี่คนไทยนิยมมาไหว้กันค่ะ


บทสวดเจ้าแม่กวนอิมแบบภาษาไทยก็มีให้อ่านกันด้วย

ตอนที่เราจะกลับก็มีทัวร์ไทยมาลงพอดี แถมคุณลุง คุณป้าคนจีน ที่ขายของอยู่ตรงนี้พูดไทยได้ด้วยแฮะ



ตรงนี้คือ Baby Buddha นิยมมาขอลูกกันค่ะ โดยขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมก่อน


แล้วมาขอตรงนี้ ถ้าอยากได้ลูกชายก็ลูบฝั่งผู้ชาย อยากได้ลูกสาวก็ลูบท้องฝั่งเด็กผู้หญิง



สะพานต่ออายุ มีความเชื่อว่าใครที่เดินข้ามสะพานนี้จะสามารถต่ออายุได้ เดินไปแล้วห้ามเดินกลับนะคะ



โยนเหรียญใส่ปากปลาได้ ถือว่าพรที่ขอจะสำเร็จ นี่ก็เป็นอีก 1 ความเชื่ออีกเช่นกัน



เสร็จภารกิจที่ต้องการ ก่อนกลับแวะ 7-11 หาอะไรเย็นๆดื่มสักหน่อย


เซเว่นที่นี่ ไม่มีถุงพลาสติคใส่ให้นะคะ ทางที่ดีมีถุงผ้าพับใส่กระเป๋าไปด้วยก็ดี

ตามร้านต่างๆเหมือนกันค่ะ บางร้านถ้าจะเอาถุงต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วย



กลับไปจุดเดิม ขึ้นรถบัส ฝั่งตรงข้ามกับตอนที่มานะคะ...เพื่อกลับเข้าเมือง



สถานีต่อไป...นั่งกระเช้านองปิง ชมวิว 360 องศา นั่งจากสถานี Central ไป Tung chung Exit B


เราจองตั๋วออนไลน์มา ช่วยได้เยอะมากค่ะในจุดนี้ ทุ่นเวลาไปเป็นชั่วโมงเลยก็ว่าได้ ซื้อจากเวบเดิมค่ะ ไป-กลับ 900 บาท ต่อคน



ทางขึ้นบันไดภาษาต่างๆ คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก



ถ้าเราไม่จองตั๋วออนไลน์ไป จะเป็นเช่นนี้ค่ะ รอไม่ต่ำกว่าชั่วโมงแน่ๆ



แต่นี่มีตั๋วไปในมือ ถึงแม้ต้องไปแลกตั๋วจริงด้านบนอีกทีก็รอไม่นานละค่ะ


ได้ตั๋วมาแล้ว ต่อแถวรอขึ้นกระเช้าได้เลย

เราเลือกแบบพื้นคริสตัลค่ะ จะได้เห็นวิวข้างล่างชัดๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ถ่ายรูปสวยค่ะวันนี้



นั่งข้ามเขา ข้ามทะเลประมาณ 30 นาทีค่ะ ส่องลงไปด้านล่าง มีคนเดินด้วยแหละ คือไกลมากกก


เห็นพระใหญ่อยู่ไม่ไกลค่ะ ใกล้ถึงแล้ว



ถึงหมู่บ้านนองปิงแล้ว หาอะไรทานตอนกลางวันกันก่อน เดินเล่นถ่ายรูปไปด้วยค่ะ


ที่นี่อากาศดีค่ะ เย็นสบาย เห็นหมอกจางๆบนยอดเขาด้วย



ขากลับชิลมากค่ะ นั่งกลับกันแค่ 3 คนเอง....ได้ถ่ายรูปแบบสบายๆกันหน่อย



นั่งพักเหนื่อย หาอะไรเย็นๆดื่ม แล้วเดินช็อปปิ้งที่ Citygate Outlet กันสักแป๊บค่ะ



วันนี้นี่เรากะจะเที่ยวให้ครบ แล้ววันต่อไป วันกลับจะช็อปปิ้งซื้อของฝากค่ะ


ที่เที่ยวสุดท้ายของวันนี้คือ ตั้งใจขึ้นชมวิว The Peak ตอนค่ำ เพื่อไปดู SOL บนนั้น

ระหว่างเดินทางเข้าไปในฝั่งฮ่องกง ที่เป็นเอกลักษณ์คือ Tram ค่ะ รถรางที่วิ่งกลางเมือง

ราคาไม่แพงด้วย...นั่งไปเรื่อยๆ ชมวิวเพลินๆ ไม่รีบไม่ร้อนอะไร



พอไปถึงสถานีเพื่อขึ้น Peak Tram โอ้ แม่เจ้า แถวยาวมากกกกก


คือวันนี้เราล้ามาทั้งวันแล้ว ถ้าต่อแถวอีกนี่คือน่าจะไม่ต่ำกว่าชั่วโมงค่ะ

ใครๆก็อยากขึ้นไปดูไฟช่วงค่ำเหมือนเรา...สรุปแผนเย็นนี้ล่มไม่เป็นท่า ยืนรอไม่ไหว

มีตั๋วในมือก็ไม่สามารถเข้าไปก่อนได้ค่ะ นอกจากซื้อตั๋วตอนนั้นแบบ Fast lane เราถอยทับกลับทันที

ยืนรอ 15 นาทีแถวแทบไม่ขยับเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันค่ะ เลยกลับที่พัก นอนพักแป๊บนึง

แล้วไปเดินเล่นที่ Mongkok ต่อ...คนเยอะสมคำร่ำลือค่ะ แต่ร้านรวงก็มีให้เลือกเยอะแยะเช่นกัน



กลิ่นวาฟเฟิลห๊อมมมหอมม ไหนขอลองชิมดูซิ มีแต่คนบอกว่าอร่อย


แต่เรากินแล้วเฉยๆแฮะ ...ปลาหมึกไม้นึง ลูกชิ้นถ้วยนึง รสชาติแปลกๆ อิอิ



ร่างแหลกสลายกับคืนที่ 2 ในฮ่องกง โรงแรมที่เราพักใกล้ห้าง K11 เลยค่ะ เวลาเดินออกมาจาก MTR


จะผ่านทุกครั้ง แวะเข้าไปเดินเล่นแว่บๆ ตกแต่งสวยงามทันสมัยดีค่ะ



ค่ำคืนที่ 2 ที่ฮ่องกง ขอลองโจ๊กร้านดัง ที่คนไทยนิยมมาทานกัน ย่าน จิมซาจุ่ย ร้าน Hung Lee ค่ะ


การเดินทางของเราไม่ยากเลย กด GPS ใน Google map เซิชร้าน Hung Lee แล้วเดินตาม สะดวกมากกก



เมนูภาษาไทยก็มีนะคะ เริ่ดมากค่ะ ณ จุดนี้



เราสั่งเป็นโจ๊กหมูรวม กับก๋วยเตี๋ยวหลอดปาท่องโก๋ค่ะ รสชาติก็โอเคนะคะ


แต่เราว่ามันเละไปหน่อย ทานไปทานมาเหมือนซดน้ำซุปเลย สรุปแล้วที่ไทยอร่อยกว่าทู๊กกกอย่าง



วันที่ 3 ที่ฮ่องกง วันนี้เป็นวันกลับแล้วนะค้า แต่ไม่ได้รีบร้อนอะไร จองไฟลต์กลับ 21.10 น.


เพราะฉะนั้นเหมือนมีเวลาเที่ยวอีกเต็มวันเลยหละค่ะ...ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเหมือนเดิม

วันนี้ขอแก้ตัวค่ะ ตื่นนอน ทานข้าวปุ๊บไปชมวิว The Peak เลย คนเยอะดีนัก ไปเช้าๆเลย หุหุ

เรานั่ง MTR จากสถานี Tsim Sha Tsui ไป Central Exit J2 เดินออกมาเลี้ยวขวาค่ะ

เจอเหมือนเป็นสวนสาธารณะ ลัดเลาะมาเรื่อยๆ ตึกสูงระฟ้ามากมายในฮ่องกง



เดินข้ามฝั่งถนน แล้วเดินขึ้นเนินตรงมาไม่กี่นาทีก็ถึงแล้วค่ะ เดี๋ยวเราจะนั่งรถรางเพื่อขึ้นไปบนยอดเขา Victoria Peak



ช่วงนี้คนไม่มากค่ะ ตั๋วที่เตรียมมาใช้ได้ ไม่ต้องต่อคิวยาว


เราซื้อตั๋วขึ้น Peak Tram + ขึ้นชมวิวที่ตึก The Peak Tower & Sky Terrace 428 ราคา 310 บาท



วิวบน The Peak Tower & Sky Terrace 428 เรียกว่าคุ้มว่ากับการเสียตังค์อย่างมาก


ถึงไม่ได้ดูวิวช่วงเย็น ช่วงกลางวันก็สวยใช่เล่นเลยนะคะ ตัดกับท้องฟ้าใสๆแบบนี้ ฟินส์จัง



เสี่ยงเซียมซีที่วัด หวังต้าเซียน จากสถานี Tsim Sha Tsui ลงที่ Wong Tai Sin ค่ะ Exit B3



ลืมบอกไปว่าวันสุดท้ายก่อนออกเที่ยว เราเชคเอาท์เลยค่ะ แล้วฝากของไว้ที่โรงแรมได้


ไม่มีค่าใช้จ่าย...ปิดท้ายการช็อปปิ้งที่ย่าน จิมซาจุ่ย เดินเลาะๆไปเรื่อยๆ

สรุปแล้วได้รองเท้ามาคู่เดียวววว วินาทีสุดท้ายเลยจริงๆ หุหุ



ของฝากจุกจิกของผู้หญิง แพคเกจน่ารักดีค่ะ อันนี้เราซื้อที่ The Peak Tower & Sky Terrace 428



ขากลับวันนี้ เราก็นั่ง Airport Express เพื่อไปสนามบินเหมือนเดิม ขึ้นที่จุดเดิมกับขามาค่ะ


แต่ที่สะดวกคือ สามารถ Check in town ได้ โดยไปต้องหอบกระเป๋าไปเชคอินที่สนามบิน

สามารถเชคอินได้ที่สถานี Airport Express ที่ เกาลูนได้เลย คนไม่เยอะด้วยค่ะ สบายมาก

ได้ Boarding pass เรียบร้อย เดินตัวเบาชิลๆ ถึงสนามบินก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร แค่รอผ่านเข้า ต.ม. ก็เป็นอันเสร็จพิธี



กะว่าจะเหลือเงินกลับไทยไปแลกคืนซะหน่อย แต่ไม่เลยค่ะ เจอ Disney Shop ที่สนามบิน


เรียบร้อยดี ตังค์หมดเลย ฮ่าๆๆ ใครที่ไม่ได้เที่ยว Disney Land แต่อยากได้ของในช็อปไม่ต้องกังวลไปค่ะ

ที่สนามบินมีเหมือนกัน ไม่ต้องแบกมาให้ยุ่งยาก แถมถือขึ้นเครื่องได้เลย



ขากลับวันนี้ใช้บริการสายการบิน Kenya เช่นเดิม เที่ยวบิน KQ861 นั่ง 2 คนอีกแล้ว ดี๊ดี


เวลาออกจากฮ่องกง 21.10 น. ถึง กรุงเทพฯ 23.20 น. ช้ากว่าที่ฮ่องกง 1 ชั่วโมงนะคะ

ขอส่งท้ายภาพที่ฮ่องกงกับวิวสวยๆที่ The Peak ค่ะ ทริปนี้เหนื่อยมากกกก แต่ก็สนุกไปอีกแบบ



ข้อควรรู้ต่างๆ ที่จำได้คร่าวๆ



1. เวลาเดินขึ้นลงบันได ถ้าไม่รีบร้อนอะไรควรยืนชิดขวาค่ะ

2.ร้านค้าต่างๆไม่ค่อยมีถุงพลาสติคให้ ถ้าต้องการต้องจ่ายตังค์เพิ่ม ทางที่ดีเตรียมถุงผ้าไปด้วย ลดโลกร้อนได้ด้วยค่ะ

3.เวลาสั่งอาหาร จานนึงได้เยอะมาก ทานได้ 2 คนสบายๆเลยค่ะ...อย่าสั่งเยอะ รอดูก่อนก็ได้ค่อยสั่งเพิ่ม



หวังว่ารีวิวนี้คงเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะคะ ถ้ามีอะไรสอบถาม ยินดีค่ะ

หรือวาร์ปมาที่เพจ ลาเต้ปั่นเย็นๆก็ยินดีค้าาาา



https://www.facebook.com/lattepunyenyen/

ความคิดเห็น