ดอยหลวงเชียงดาว #trekking Jouney Mypic.____ : )

สวัสดีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนครับ เมื่อวันที่ 21 – 23 พ. ย. 2559 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาศไปเดินป่าขึ้นเขาที่ ดอยหลวงเชียงดาว มีพิกัดตั้งอยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จากการเดินทางทริปนี้เมื่อได้มาแล้ว รู้สึกว่าคุ้มค่ามาก ๆ กับการมาเดินป่าขึ้นเขาครั้งนี้ เพราะได้เห็นธรรมชาติที่งดงามตระการตาแล้วสวยงามาก ๆ ถ้าเทียบกับเขาลูกอื่น ๆ หลาย ๆ ลูก ความเห็นส่วนตัวสำหรับผม ยกให้ดอยหลวงเชียงดาวเป็นธรรมชาติที่งดงามที่สุดในประเทศไทยเลยย


ประวัติของ ดอยหลวงเชียงดาว คร่าว ๆ


ดอยหลวงเชียงดาวเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของไทย โดยรองมาจาก ยอดดอยอินทนนท์ และ ดอยผ้าห่มปก ตั้งอยู่ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,275 เมตร โดยที่นี่จะมีอากาศเย็นแทบตลอดทั้งปี แต่ในฤดูหนาวจะมีอากาศเย็นมาก ถึง มาก ๆ ช่วงที่พวกเราไป กลางวันจะร้อนๆหน่อย ส่วนกลางคืนจะหนาวมากประมาณ 5-10 องศา หรือเย็นจนเกิดแม่คะนิ้งเลย และหากใครได้มาที่นี่จะพบ พืชพรรณดอกไม้หลายชนิดที่ไม่มีในที่อื่น เพราะเป็นพืชเฉพาะถิ่น และหากโชคดีอาจจะได้เห็น เจ้า เลียงผา ซึ่งเป็นสัตว์ประจำถิ่นบนดอยหลวงเชียงดาวอีกด้วย


การติดต่อ และ ขออนุญาตขึ้นดอยหลวงเชียงดาว โดยมีเงื่อนไขดังนี้

ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียเชียงดาวเปิดให้ท่องเที่ยวได้เป็นเวลา 5 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ถึง 31 มี.ค. ของทุกปี

ทริปนี้แนะนำให้ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน นะครับเพื่อจะได้ไม่เหนื่อยมาก และเดินเก็บบรรยาข้างบนได้ครบ


- ต้องทำการจองขึ้นก่อน 15 วัน โดยทางอุทยานจะจำกัดคนขึ้น วันละไม่เกิน 150 คน

- ต้องจองเจ้าหน้าที่นำทางไว้ 1 คน

- ต้องจองรถกะบะไปส่งที่จุดเดินเท้า 1 คัน (1คันได้ประมาณ 10 คน รวมคำนำทางและลูกหาบ)

- ที่นั้นมีลูกหาบให้ใช้บริการ แต่การจองลูกหาบควรจองไว้ก่อนแล้ว เพราะไม่มีลูกหาบมายืนรอที่กรมอุทยาน

- มีค่ามัดจำขยะ หากขึ้นไปแล้วนำขยะที่ใช้ไปลงมาไม่ครบจะถูกหักเงิน

**** เบอร์โทรติดต่อ อุทยาน 081 111 6203


วิธีการเดินทาง


- รถส่วนตัวสามารถขับไปฝากไว้ที่อุทยานได้เลย

- รถทัวร์ หากมาลงเชียงใหม่ให้มาขึ้นรถบัส เชียงใหม่ – ท่าตอน (40 บาท) หรือรถตู้ เชียงใหม่ฝาง (150 บาท) รถจะออกทุก 40 นาที – 1 ชั่วโมง ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยประมาณ ก่อนไปให้นัดรถกะบะที่จองจากอุทยานมารับด้วยและบอกให้คนขับรถที่มาส่ง จอดที่ โลตัส เชียงดาว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะมารับเราที่จุดนัดเจอ พอถึงจุดนี้แล้วให้ซื้อของกินของใช้ไปได้เลย เพราะเข้าไปข้างในค่อนข้างมีน้อย

ข้อแนะนำ ท่านที่ไปควรไปถึง อุทยานอย่างช้า ไม่เกิน 9 – 10 โมงเช้า เพราะกว่ารถจะไปส่งเราถึงจุดเดินก็ ราว ๆ เกือบ 2 ชั่วโมงได้ อาจจะทำให้เราได้เดินขึ้นช่วงเที่ยงหรือบ่าย ถึงจุดนั้นเราอาจจะถึงจุดกางเตนท์มืดเลยก็เป็นได้(อาจจะพลาดการขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกในวันนั้น)


ค่าใช้จ่ายหลักๆ – ของใช้ส่วนตัว – การอยู่การกิน


- ค่ารถ ค่าการเดินทาง ขึ้นอยู่กับท่านแล้วแต่ความสะดวก

- ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง วันละ 550 บาท (3วัน2คืน = 1,650)

- ค่าลูกหาบ วันละ 450 บาท แบกได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัม บวกลบ ได้นิดหน่อย กี่คนก็ได้แล้วแต่ความสะดวกสะบาย (3วัน2คืน = 1,350)

- ค่ารถกะบะไปส่งรับ ที่จุดเดินเท้า จะมี 2 ทาง

- ค่ารถขึนทางเด่นหญ้าขัด 1,200 บาท

ระยะเวลาไปส่งประมาณ 2 ชั่วโมง ระยะทางเดินเท้า 8.5 กิโลเมตร (เดินง่ายไม่ชันมากแนะนำเส้นทางนี้ครับ)

- ขึ้นทางปางวัว 600 บาท

ระยะเวลาไปส่ง ประมาณ 40 นาที ระยะทางเดินเท้า 6.5 กิโลเมตร (สั้นกว่าแต่ชันพอสมควร ทางราบน้อยมาก)

- ค่ามัดจำขยะ 300 บาท ต่อกรุ๊ป

- ค่าเช้าอุทยาน คนละ 40 บาท

- ค่ากางเตนท์หลังละ 30 บาท (อุทยานไม่มีเตนท์และเครื่องนอนให้เช่านะครับ ต้องหาไปเอง)

************ไปกันหลายๆก็หารกันโลดดด สบายกระเป๋า*************




อาหาร-การกิน


เราต้องจัดหาเองทุกอย่างเลย ลองคำนวณดู 3 วัน 2 คืน จะต้องกินต้องใช้อะไรบ้าง ที่สำคัญข้างบนไม่ให้ก่อไฟ ใช้ได้เพียงแต่แก๊สสนาม เท่านั้นครับ และสื่งที่สำคัญคือ น้ำกินคำนวณไปให้พอดีเลย อย่างน้อยๆ ต้องวันละ 1 ขวดใหญ่ ถ้ากลัวแบกไม่ไหวก็โยนให้ลูกหาบไปเลยครับ อ้อ ข้างบนไม่มีห้องน้ำนะ ไม่ได้อาบน้ำแน่นอน มีแต่ส้วมที่เป็นส้วมหลุม หลายคนคงนึกภาพออก


ของใช้ส่วนตัว


- ถ้าไปช่วงฤดูหนาว ควรมีเครื่องกันหนาวดี ๆ หนา ๆ หน่อยนะครับ อากาศหนาวมาก

- ถุงมือ-เท้า (จำเป็นมากตอนนอนอากาศเย็นถึงกระดูก)

- ถุงนอน (ถ้ามียิ่งดี )

- ทิชชู่เปียก (ไว้ทำความสะอาดร่างการแทนการอาบน้ำ)

- ไฟฉาย แนะนำเป็นแบบคาดหัวนะครับจะดีมาก เพราะเวลาเราขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น – ตก นั้น เวลาขึ้นลงจะค่อนข้างมืด และมือทั้งสองข้างอาจจะใช้จับโขดหินหรือกิ่งไม้



****หมายเหตุ**** หากใครไม่มีเพื่อนหรือมีกลุ่มไม่ใหญ่ สามารถเสริจหาทริปทัวร์ ได้ โดยเค้าจะคิดเป็นรายหัว จัดการการอารการกิน การเกินทางให้ทุกอย่างเลยครับ



หากอยากทราบรายละเอียดหรืออะไรเพิ่มเติม ลองถามผมได้นะครับ

https://www.facebook.com/Bekimsz

Day 1 @14.00 น. เริ่มเดินทาง



หลังจากที่จัดการขออนุญาตขึ้นดอยหลวงที่กรมอุทยานแล้ว ทีมของเราก็เออกเดินทางไปจุดเริ่มเดินเท้าที่ เด่นหญ้าขัด โดยรถกะบะจะไปส่ง ใช้เวลาประมาณ เกือบ ๆ 2 ชั่วโมง ระยะทาง 30 กิโลเมตร ทางค่อนข้างขรุขระและชัน และเป็นถนนเป็นถนน ลูกรังสะส่วนใหญ่ กว่าจะถึงจุดเดิน เครื่องในแทบพัง 55555



หลังจากที่มาถึงที่ทำการแล้วก็พักกินข้าว เตรียมตัวออกเดินทาง พวกเรามาถึงที่นี่ 13.30 น. เริ่มเดิน 14.00 สายยยมากกก 5555 จริงๆเจ้าหน้าที่จะไม่ให้ขึ้นแล้วเพราะกลัวถึงมืด แต่พวกเราบอก พวกผมเซียนคับ เดินมาเยอะแล้ว ไม่ต้องห่วง ถึงก่อนมืดแน่นอน 5555 เค้าเลยให้ขึ้นครับ เพราะอย่างน้อยก็มีคนนำทาง อ้อ อย่าลืมพกน้ำขวดเล็กติดตัวไปด้วย นะ 1-2 ขวด ไว้จิบระหว่างทาง หรืออาหารว่างไว้รองท้องเผื่อหิวกลางทาง

เดินขึ้นทางเด่นหญ้าขัดค่อนข้างเดินง่าย
ทางราบเยอะ
มีเนินแต่ไม่ชันมากเดินสบาย
แถมวิวข้างทางนี่สวยบรรลัยเลยทีเดียว



เดินเรื่อยๆ ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมากเพราะเร่งเวลากลัวไปถึงมืด




อากาศไม่ร้อนมาก ยิ่งตอนเดินเข้าในป่ายิ่งเย็นสดชื่นมาก เหนื่อยก็นั่งพัก ถ่ายรูปบ้าง เรื่อย ๆ



ถ้าเดินมาเห็นป้ายนี้แล้ว แสดงว่าเดินมาถึง ประมาณ เกือบๆ ครึ่งทางแล้ว (เดาเอานะ 555)
แยกนี้เป็นเส้นทางแยก 3แยกจากทางขึ้น ลง ปางวัว มาบรรจบกันที่ตรงนี้



หลังจากเดินมาประมารครึ่งทาง วิวสองข้างทางก็เริ่มสวยขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นหุบเขาล้อมรอบ สวยมาก ๆ


ปล.ภาพชุดนี้เป็นภาพตอนขาลงนะครับ



18.30 น.


และพวกเราก็มาถึงจุดกางเตนท์ อ่างสลุง เป็นกลุ่มสุดท้าย


อากาศตอนนั้นลมมาแรงพอสมควร หนาวเย็นจับใจมาก


พอช่วงหัวค่ำ ดาวก็เริ่มขึ้น เราไม่รอ!!! ลั่นชัตเตอร์ก่อนเข้าเตนท์นอน


เจอช้างด้วยนะ อิอิ


Day 2 @ 03.30

เนื่องจากอากาศหนาวเย็นทะลุเตนท์นอนไม่ค่อยหลับ

แนะนำให้พกภุงนอนมาด้วย จะได้นอนหลับสบายนะครับ


ตื่นมาตอนตี 3 กว่า เจอแสงพระจันทรืสาดส่องมา เลยกดชัตเตอร์เก็บภาพไว้หน่อยย


@04.00 น.


หลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว ก็เตรียมตัวเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดกิ่วลม ใช้เวลาประมาณ 30 - 40 นาที ซึ่งจะมีอยู่ 2 จุด คือ กิ่วลมเหนือ และกิ่วลมใต้

คนส่วนมากมักจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่บริเวณกิ่วลมใต้ เพราะมีพื้นที่ให้ยืนมากกว่า และมีจุดชมวิวอยู่หลายจุด แต่จะสูงกว่านิดหน่อย

แต่ผมเลือกที่จะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ทางกิ่วลมเหนือ เพราะอยากได้มุมถ่ายรูปให้พระอาทิตย์อยู่ตรงกลางหน้า




นี่คือมุมจากกิ่วลมเหนือ โดยหันไปทางทิศตะวันตก จะมองเห็น ดอยพีระมิด และ ดอยสามพี่น้อง

หลังจากนั้นใกล้จะ 6 โมงเช้าแล้ว
ฟ้าเริ่มสว่าง
หมอกก็เริ่มมารอแล้ว
โชคดีมากที่ได้เจอเธอ ตะเลหมอกกกก >_<


เปลี่ยนเทเลซูมเข้าปายยยยย


เห็นแล้วนึกถึงนุ่นที่อยู่ในหมอนเลย 5555


มาให้ฟินกันเลยทีเดียวววว

ใกล้จะขึ้นมาแล้ว


ยิ่งแสงตอนพระอาทิตย์ขึ้นพีค ๆ นี่ มาเป็นออร่าเลยย


นายแบบอาสา จัดไป 1 ชุดดด


หลังจากฟ้าสว่างเก็บภาพกันเรียบร้อยแล้วก็เตรียมลงไปหามื้อเช้ากินที่เต๊นท์


จากยอดดอยกิ่วลม มองลงไปจะเห็นจุดกางเต๊นท์ของเราด้วย



พวกเราไม่ได้เตรียมเครื่องครัวมากันเลย ก็คงต้องหาอาหารที่กินง่าย ๆ เพื่อบรรเทาความหิวในแต่ละวัน


เมนูง่าย ๆ คือ

- มาม่า (ขออาศัยแก๊สต้มน้ำจากพี่ลูกหาบไปหายืมมาให้)

- ไข่ต้ม

- ปลากระป๋อง

- ขนมปัง+แยม แซนวิส เป็นต้น



แต่ถ้าหากมากับทริปทัวร์อาจจะได้กินดีอยู่ดีหน่อย เห็นแล้วอิจฉาาา



หลังจากนั้นก็พักผ่อน ยาว ๆ ว่าแต่ นอนอยู่เต๊นท์ไม่มีอะไรทำน่าเบื่อ จวนบ่าย 2 เราก็เลย ตัดสินใจเดินขึ้นยอดกิ่วลมอีกครั้ง แต่จะไปทางกิ่วลมใต้ ตรงข้ามกับกิ่วลมเหนือที่เราไปขึ้นเมื่อเช้า เพื่อจะได้เก็บภาพให้ได้หลายจุด



พอมาถึงข้างบนแล้ว อากาศร้อนพอสมควร แต่วิวรอบๆนี่ก็สวยมากเหมือนกัน



บนเขาก็มีแก๊งบอยแบรนด์ ฮ่า ๆ


ดอยพีระมิด มุมจากกิ่วลมใต้


จากที่ขึ้นมาเราใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ จึงรีบลงมาจากยอดกิ่วลมใต้ พักผ่อนสักพักและเตรียมขึ้นยอดดอยสูงสุดไปดูประอาทิตย์ต่อ



16.30 น.



We are Conqueror........



พวกเราได้พิชิตยอดดอยหลวงเชียงดาวแล้วววว........ฮู้ววววว




อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับแสงพระอาทิตย์ตกสวยงามมาก ๆ



หลังจากนั้นฟ้าค่อย ๆ มืด พระอาทิตย์ค่อย ๆ ลดระดับต่ำลง หมอกก็เริ่มจับตัวมา เตรียมใจไว้เลยถ้าจะรอถ่ายดาวบนนี้ เตรียมรับมือกับอากาศที่หนาวมาก ๆ พร้อมกับสายลมที่พัดผ่านมาไม่หยุด



มืดแล้ว เตรียมรอถ่ายดาวขึ้นเซ็ตต่อไป

ก่อนมาที่ดอยหลวงเชียงดาวนี้ ผมแพลนและคำนวนวันไว้แล้วว่าจะขึ้นมาถ่ายทางช้างเผือกที่นี่ ซึ่งก่อนนี้เพือนก็บอกว่า มันหมดไปแล้วไม่ใช่หรอ บ้างก็บอกว่าก่อนนี้มาก็ไม่เจอแล้ว แต่ผมก็ยังไม่หยุดความคิด และคิดว่ามันต้องเจอแน่ ๆ ถ้าไม่มีแสงจันทร์มารบกวน เลยหาข้อมูลกะมาในวันที่พระจันทร์โผล่มาน้อยที่สุด เพื่อจะได้ง่ายต่อการถ่ายทางช้างเผือก


แต่ด้วยยังพอมีโชคอยู่บ้าง ไม่มีแสงจันทร์มารบกวนเลย ผมนี่ยิ้มแฉ่งสิครับ มาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวจริง ๆ



#Day 3



เช้าวันนี้ไม่ได้ขึ้นไปเก็บพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดสูงสุด เนื่องจากลุกไม่ไหว เพราะวันก่อนนี้ เดินขึ้นรวดเดียว 3 ยอด เสียดายมากเพราะวันนั้นมีหมอกวื่งผ่านบนยอดดอยสูงสุด ถ้าได้ขึ้นไปอาจจะไปภาพบนยอดสูงสุดอีก 1 ชุด



หลังจากทานอาหารมื้อเช้าแล้วก็เตรียมเดินทางกลับสู่ด้านล่าง โดยขากลับเราเลือกเดินลงทางปาวัว เพราะมีระยะทางสั้นกว่าเด่นหญ้าขัด ทางค่อนข้างลื่นมาก เนื่องจากชันและมีทางเดินเป็นดินซะส่วนใหญ่



เราใช้เวลาลงประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึงจุดด้านล่าง ปางวัว รถกะบะที่มาส่งเราก็จะมารออยู่ที่จุดทางลงพอดี


มันยอดมากกกก!!!!!


ข้าขอเป็นรองพระบาททุกชาติไป. . . .

รูปหมู่รูปสุดท้ายก่อนกลับ


- บทสรุปทริปนี้โดยรวมแล้ว สถานที่นี้เป็นจุดท่องเที่ยวที่งดงามมากอันดับต้นๆของเมืองไทย(คหสต.ยกให้เป็นที่สุดในเมืองไทย) การเข้าถึงค่อยข้างจำกัด เหมือนเป็นการคัดคนขึ้นไป เพราะต้องเดินเท้า เกือบ ๆ 10 กิโล ซึ่งค่อนข้างจำกัดต่อคนบางกลุ่ม ส่วนใครที่อยากมาที่นี่แนะนำให้เตรียมร่างกายให้พร้อมในระดับนึง แต่ถ้าได้มาเห็นแล้ว ต้องบอกได้เลยว่า " ครั้งหนึ่งในชีวิต ดอยหลวงเชียงดาว มันคุ้มค่ามาก ๆ " สำหรับผมแล้ว "ที่นี่ ครั้งเดียวคงไม่พอแน่ ๆ คงอาจจะต้องมาซ่อมใหม่ในภายหลังอีกแน่นอน ฮ่า ๆ



ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ


See You Next Trip


Bekims

 วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.10 น.

ความคิดเห็น