สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านครับ

ถ้าพูดถึงตลาดน้ำในเมืองไทย คงมีเยอะมากมาย นับกันไม่หวาดไม่ไหวแน่นอน

แต่ถ้าหากพูดถึงตลาดน้ำ อัมพวา แทบจะทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นตลาดน้ำที่เก่าแก่

และมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

วันนี้เลยขอนำทริปเที่ยวง่ายๆ ใกล้ๆกรุง มาแบ่งปันให้ชมกัน กับการเดินทางท่องเที่ยว วันหยุดสุดสัปดาห์

ตามมาเที่ยวสมุทรสงครามกันครับ

มาเริ่มออกเดินทางไปเที่ยว สมุทรสงคราม กันเลยครับ ทริปนี้เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯกันประมาณ 9 โมงเช้าครับ

โดยเดินทางผ่านถนนพระราม 2 ใช้เวลาเดินทางจาก กรุงเทพฯ - สมุครสงคราม ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็เดินทางมาถึงแล้วครับ

ทริปนี้ใช้เวลาเดินทางกันชิวๆ ขับรถเที่ยวสบายๆเลยครับสถานที่แรกที่เราจะไปเที่ยวชมกันสำหรับทริปนี้

คือ "ตลาดร่มหุบ" ครับ ได้ยินชื่อเสียงมานาน

คราวนี้ได้เดินทางมาสมุทรสงครามเลยขอแวะมาชมซักหน่อย

โดยก่อนหน้านี้ก็ได้ดูภาพจาก Internet และสื่อต่างๆ และรู้สึกอยากมาชมด้วยตาตัวเองมากเลยครับ

ว่าจะ Unseen สมคำล่ำลือ หรือไม่

555 ตามนั้นเลยครับ มาไม่ทันรถไฟออกไปแล้ว ผมนี่ร้องไห้หนักมาก มาถึง 10 โมงครึ่ง

แม่ค้าบอกว่ารถไฟพึ่งออกไปได้แปบเดียวเอง

หลังจากแห้วจากการชมตลาดร่มหุบแล้ว เดินเล่นซักแปบแก้เขิลไหนๆก็มาแล้ว อิอิ

เดินเสร็จก็เริ่มหิวได้เวลาหา ปลาทู ปูไข่ ทานกันแว้ววว... นี่ก็เป็นอีกเป้าหมายหลักของเราในทริปนี้ด้วยครับครัวโสภา

คือร้านอาหารที่เราได้มาลอง มาชิมกันครับ โดยร้านตั้งอยู่แถวๆบริเวณดอนหอยหลอดครับ

มาลองชมหน้าตาอาหารที่สั่งกันมาดีกว่า ว่าจะออกมาเป็นยังไงกันบ้าง

เมนูแรก เป็น ปลาทูทอดกระเทียม

รสชาติถือว่าพอทานได้ครับ ไม่มีอะไรโดดเด่นเท่าไหร่ แต่ปลาตัวเล็กมานิสสสส...

เมนูต่อมาเป็น ต้มยำรวมมิตรทะเล

เมนูนี้ถือว่าแซ่บมากเลยครับ ผมนี่จัดเต็มเลย เผ็ดนิสสส เปรี้ยวหน่อย กลมกล่อมกำลังดี

หอยหลอดผัดฉ่า

เมนูนี้รสชาติก็โอเคนะครับ แต่ไม่รู้ทำไม ขายไม่ค่อยออก ไปกัน 5 คน เหลือเยอะเลย

หอยหลอดชุบแป้งทอด

อยากหาอะไรไม่เผ็ดมาทานกันบ้าง เมนูนี้ก็ถือว่าโอเคครับ ทานแก้เผ็ดได้

ปูไข่นึ่ง เมนูนี้ที่รอคอย

ราคาโลล่ะ 1,000 บาท คิดหนักอยู่เหมือนกันครับ แต่ไหนๆก็มาแล้ว อยากมาทานปูนี่นะ ก็เลยจัดมาซัก 2 ตัว

ทานกับน้ำจิ้ม Seafood มันช่างเข้ากันจุง ทานกันไม่มีเหลือครับ ถ้ากระดองมันทานได้ ก็คงทานกันไปแล้ว

เดี๋ยวไม่คุ้มกับราคาเค้า

มื้อนี้มากัน 5 คน เลยจัดมา 5 อย่างเบาๆครับ ราคาอยู่ที่ ประมาณ 1,8xx บาท

แพงตรงปูนี่ล่ะ โดยรวมก็ถือว่าโอเคครับ แต่ติดอยู่ตรงที่น้ำจิ้ม Seafood ยังไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ครับ (ความคิดเห็นส่วนตัว)

หลังจากทานอาหารเสร็จกันเป็นที่เรียบร้อย ก่อนเข้าที่พักแวะไหว้ ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ ดอนหอยหลอด

เพื่อเป็นศิริมงคลซักนิสส..

เสร็จสรรพภาระกิจก็ได้เวลาเดินทาง Check in เข้าที่พักกันแล้วครับ โดยพวกเราได้พักกันที่

กาลา คาแนล รีสอร์ท (Kala Canal Resort)

มาถึงกันแล้วจ้า... กาลา คาแนล รีสอร์ท (Kala Canal Resort) จุดเช็คอินอยู่ด้านหน้าทางเข้าเลยครับ

ที่จอดรถก็เลยเข้าไปนิดหน่อย

บรรยากาศดูร่มรื่น เต็มไปด้วยสวนมะพร้าว ดูเป็นส่วนตัวดีครับ เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจเป็นที่สุด

หลังจาก Check In เสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาเก็บของพักผ่อนกันครับ

บริเวณทางเข้าห้องพัก ดูร่มรื่น และชื่นใจมากเลยครับ ตกแต่งได้เป็นมิตรกับธรรมชาติผุดๆ

โซนบ้านกระโจมครับ ระหว่างทางเดินไปยังห้องพักของพวกเรา วันนี้เข้าพักที่ บ้านฝันถึง ครับ

บ้านกระโจมก็น่าสนใจไม่น้อยครับ พักได้ 2 ท่าน นอนเอนกลายลงบนเปล นั่งชิวอยู่ริมคลอง ฟินมาก

บริเวณทางเดินเข้าห้องพักของเราครับ โอ้โห!! คืนนี้ได้นอนริมคลอง ใช้ชีวิตเรียบง่าย

หลังจากหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงมา แหล่มมาก

มาชมบรรยากาศภายในห้องพักกันบ้างดีกว่าครับ ในส่วนของบ้านฝันถึงนั้น สามารถเข้าพักได้ 4 คน ราคา 3,000 บาท

แต่เราไปกัน 5 คนเลยจัดเตียงเสริมอีก 1 คน เพิ่มอีก 300 บาท

ด้านในดูโปร่ง โล่งดีครับ เป็นกระโจมสูงทำให้ภายในห้องดูกว้างขวาง มีบริเวณพื้นที่ใช้สอยเหลือๆสำหรับพวกเรา 5 คนเลยครับ

บริเวณด้านในห้องน้ำในส่วนขับถ่ายกว้างใหญ่ดีครับ แต่บริเวณอาบน้ำที่อยู่ด้านริม แคบไปนิสสส...

และไม่มีผ้าม่านกั้นแบ่งโซน ทำให้น้ำกระเด็นออกมาด้านนอกได้ครับ

หลังจากเก็บของและเก็บภาพบริเวณด้านในห้องพักกันเป็นที่เรียบร้อย

ได้เวลาเดินชิวสำรวจรอบๆที่พักกันก่อนที่จะนั่งเรือไปเที่ยว ตลาดน้ำ อัมพวา กันครับ

บริเวณด้านหน้าห้องพักครับ

บริเวณห้องพักอื่นๆและห้องอาหาร

ได้เวลาเดินทางนั่งเรือไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวากันแล้วครับ โดยค่าโดยสารเหมาลำอยู่ที่ราคา 800 บาท

ไป - กลับ สามารถติดต่อได้ที่รีสอร์ทเลยครับ

มานั่งเรืองชมวิถึชีวิตชาวบ้าน ที่เรียบง่ายริมสองฝั่ง คลองลัดตาช่วย กันครับ ก่อนมุ่งหน้าสู่ตลาดน้ำอัมพวา

ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 15-20 นาที พวกเราก็เดินทางมาถึงตลาดน้ำอัมพวายามเย็น กันแล้วครับ

เต็มไปด้วยของกินและของใช้มากมาย ทั้งเก่าและใหม่ครับ เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย

และเหมาะกับการเดินเล่น พักผ่อน เป็นอย่างมาก

และหากท่านใดที่ชอบเพลงคลาสสิค มาที่นี่ก็ต้องไม่พลาดที่นี่เลยครับ พิพิธภัณฑ์สุนทราภรณ์ (บ้านครูเอื้อ)

สัมผัสมนต์เสน่ห์ความคลาสสิคแห่งบทเพลงสุนทราภรณ์ สถานที่จัดแสดงนิทรรศการประวัติ ความเป็นมา

และผลงานของครูเอื้อ สุนทรสนาน

ผู้บุกเบิกตำนานวงดนตรีสุนทราภรณ์ เสียงดนตรีขับกล่อมเข้ากับบรรยากาศย้อนยุคของห้องแถวโบราณ

ที่นี่เค้าก็มีขายเกือบครบทุกอัลบั้มนะครับ

มาเดินชมบรรยากาศตลาดน้ำอัมพวายามเย็นกันต่อครับ

หลังจากเดินชมตลาดน้ำอัมพวา กันมาได้ซักพักแล้ว ท้องก็เริ่มหิวกันแล้วครับท่านผู้ช้มมมม...

ได้เวลาทานกันอีกแล้ว อิอิภวัตส้มตำไก่ย่าง

คนเยอะใช้ได้เลยครับร้านนี้ ดูจากด้านหน้าร้านแล้ว คงขายดีมาก เลยขอลองซักหน่อยครับ

มื้อนี้จัดหนัก จัดเร็ว จัดไว จริงๆครับ ไม่นานอาหารทั้งหมดนี้ก็หมดภายในพริบตา อิอิ

รสชาติอาหารโดยรวมถือว่าโอเคเลยครับ อร่อย และ ราคาไม่แพง

ราคาทั้งหมดของมื้อนี้สำหรับ 5 คน อยู่ที่ประมาณ 600 บาทครับ

อิ่มและแซ่บกันถ้วนหน้าหลังจากอิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินกันต่อแล้วครับ หลังจากทานอาหารเสร็จก็เริ่มเย็นแล้ว

ได้เวลาล่าฟ้าทไวไลน์กันแล้วครับ ช่วงนี้แหล่ะคือช่วงที่ฟ้าสวยผุดๆ

และแล้วแสงสุดท้ายก็ละขอบฟ้าไป เหลืออยู่แต่ความมืดมิด แต่เป็นความประทับใจมาก

กับการได้ชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางตลาดน้ำครับ

คืนวันแรกก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ คืนนี้ลากันไปเท่านี้ก่อนครับแล้วพบกันใหม่เช้าวันที่สอง ราตรีสวัสดิ์

เช้าวันที่ 2 ของการพักผ่อน เริ่มต้นเช้านี้ด้วยการทำบุญตักบาตรกันครับ

โดยจะมีพระพายเรือมารับบิณฑบาตบริเวณท่าน้ำของรีสอร์ทครับ

หลังจากได้นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้า ท่ามกลางสายหมอกริมคลองลัดตาช่วย ปล่อยกายปล่อยใจ ให้ได้อยู่กับธรรมชาติ

ก็ได้เวลารับประทานอาหารเช้ากันแล้วครับ มาชมกันดีกว่า ว่าที่นี่จะมีอะไรให้เราทานกันบ้าง

อาหารเช้าจะมีชุดอาหารว่างไว้รองท้องกันก่อนครับ ประกอบด้วย ไข่ลวก ขนม กาแฟ โอวัลติน

และมะละกอ ก่อนอาหารหลักยามเช้าจะมาครับ

อาหารเช้าของที่นี่เป็นข้าวต้มครับ โดยทางรีสอร์ทจะมารับออเดอร์ก่อนที่จะกลับไปทำมาเสิร์ฟเป็นรอบๆครับ ไม่ได้ทำไว้ตั้งรอ

แต่ก็ไม่ผิดหวังครับ สำหรับข้าวต้มของที่นี่ ผมรับรองว่าถ้าใครมาแล้วได้ทาน ต้องฟินเหมือนพวกเราแน่ๆ

แต่ล่ะคนขอสองกันทั้งนั้นครับ

พูดแล้วก็น้ำลายไหล คิดถึงรสชาติของข้าวต้มของทาง กาลา คาแนล ขึ้นมาทันที

ฟินเวอร์หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลา Check Out กันแล้วครับ

และก่อนกลับเราก็ได้แวะเที่ยวต่อกันอีกหน่อยครับ ไหนๆก็มาแล้ว เที่ยวให้คุ้มกันก่อน อิอิ

โบสถ์ปรกโพธิ์ วัดบางกุ้ง ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand อีกด้วยครับ

โดยโบสถ์ถูกปกคลุมด้วยต้นโพธิ์-ต้นไทรขนาดใหญ่

ซึ่งภายในเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อนิลมณี หรือหลวงพ่อดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ สมัยอยุธยาตอนปลาย

เป็นที่เคารพบูชาของคนในท้องถิ่น ความศักดิ์สิทธิ์ของ ท่านเลืองลือไกลไปทั่วสารทิศ ทำให้ผู้คน

ต่างหลั่งไหลกันมากราบไหว้ขอพรท่านมากมายครับ

ผมนี่ยืน Unseen Thailand เลยครับ กับความแปลกและมหัศจรรย์ ของสถานที่แห่งนี้ เดินชมความงามอยู่พักใหญ่

และที่สุดท้าย เมื่อมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาแล้วไม่ควรพลาดอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากแนะนำคือ

อาสนวิหารแม่พระบังเกิด หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "โบสถ์บางนกแขวก" เป็นโบสถ์คริสต์เก่าแก่อายุกว่า 100 ปี

ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง มีทัศนียภาพที่สวยงามมากๆครับ โดยเฉพาะถ้าฟ้าเป็นใจด้วยแล้ว สวยงามอยากบอกใครเชียวครับ

ดูๆไปบรรยากาศก็คล้ายอยู่ต่างประเทศอยู่นะครับ ฟิลมโนต้องมา 555

ตัวตึกเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคของประเทศฝรั่งเศส ฉาบด้วยปูนตำกับน้ำเชื่อมประสานจากอ้อยใสสีดำ

ภายในประดับด้วยภาพกระจกสีสวยงดงามจากประเทศฝรั่งเศส

เพราะประวัติการก่อสร้างที่ยาวนานกว่าร้อยปีและการก่อสร้างยังประดับตกแต่งอย่างอลังการ

ทำให้อาสนวิหารพระแม่บังเกิดที่บางนกแขวกแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่สวยงามและเก่าแก่ที่สุดของชาวคาธอลิกในประเทศไทย

และแล้วก็จบทริปเที่ยวอัมพวากันแล้วครับ เป็นทริปที่ สนุก มัน ฮา ครบทุกรสจริงๆครับ

เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากใช้เวลาเดินทางนานๆ สามารถมาเช้าเย็นกลับได้สบายๆ

หลีกหนีความวุ่นวายของเมืองหลวงมาพักผ่อนใช้ชีวิตเรียบง่าย ปล่อยกายใจให้อยู่กับธรรมชาติกันบ้างครับ

หากมีโอกาสอยากให้ลองมาเที่ยวอัมพวากันดูครับ แล้วคุณจะหลงรัก สมุทรสงคราม อย่างที่ผมหลงรัก

วันนี้ขอขอบคุณและทุกๆท่านที่ติดตามชมกันมาจนจบครับ หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

หากมีข้อสงสัยหรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้อีกช่องทาง http://www.facebook.com/9aooddy.travel

ขอบคุณและสวัสดีครับ

ความคิดเห็น