เลาะริมน้้ำ เดินชิวตามสไตล์คนเมือง @Asiatique The Riverfront พาไปลั่นล้า นั่งชิงช้า เดินเล่น เน้นถ่ายรูป

วันนี้บุกเข้ากลางกรุง เดินลัดเลาะริมเจ้าพระยา ด้วยความที่อยากเที่ยวแต่ไม่อยากไปไกลจากกรุงเทพ ด้วยการจราจรในหลายพื้นที่ที่รถติด พอสมควรเลย ไปที่นี่เลย ถ่ายรูป เดินเล่น นั่งชิว นั่งชิงช้าชมเมือง "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์" ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและไลฟไสตล์ช้อปปิงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย(ขนาดนั้นเลย 555) เป็นพื้นที่ซึ่งได้ออกแบบให้พร้อมด้วยองค์ประกอบหลากหลาย เพื่อรองรับและเติมเต็มความต้องการของนักท่องเที่ยวและคนหลากหลายกลุ่มได้อย่างครบครัน

มาทำความรู้จักกับที่นี่กันก่อนครับ

ประวัติศาสตร์ของ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์/The history of ASIATIQUE the riverfront ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ซึ่งตรงกับยุคสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ประเทศ ในแถบทวีปเอเชียถูกรุกรานโดยชาติมหาอำนาจจากยุโรป และด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล พระองค์ทรงมีพระราชดำริที่จะพัฒนาประเทศให้เจริญรุดหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ จึงทรงตัดสินพระทัยเจริญสัมพันธไมตรีกับราชอาณาจักรเดนมาร์ก พร้อมกับการก่อกำเนิดท่าเรือของบริษัท อีสท์ เอเชียติก

ซึ่งมีนายฮันส์ นิลล์ แอนเดอร์เซน ชาวเดนมาร์กเป็นเจ้าของ เพื่อการค้าไม้สักไปต่างประเทศ จึงสร้างท่าเรือขนถ่ายสินค้าขึ้น ณ ท่าเรือแห่งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของประตูการค้าสากลระหว่างสยามประเทศและยุโรป เป็นกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้สยามดำรงความเป็นเอกราชมาจนปัจจุบัน

ในวันนี้ ณ ผืนแผ่นดินเดิม อันเป็นที่ตั้งของท่าเรือ อีสท์ เอเชียติก ได้ถูกเนรมิตให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ "ASIATIQUE The Riverfront" โครงการไลฟ์สไตล์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย แลนด์มาร์คใหม่ล่าสุดของกรุงเทพมหานคร

อย่ากระนั้นเลย เกริ่มมาพอล่ะ ลุยกันเลยดีกว่าครับ ให้ภาพเล่าเรื่องดีกว่า แต่ไฮไลท์วันนี้เป็น ชิงช้าสวรรค์ครับ ขอบอกว่าสูงมากกกกกก มีทั้งภาพและวิดีโอครับ ไปลุยกันเลยครับ


บริเวณพื้นที่ริมน้ำจะเป็นพื้นที่โล่งและยาวมากครับ เหมาะให้พวกเราได้มาถ่ายรูปเล่น และมีท่าเรือด้วยครับ ซึ่งใกล้ๆกันก็มีป้ายแสดงเป็นนิทรรศการย่อมๆ ถึงประวัติศาสตร์เอเชียทีค


สำหรับใครที่อยากหนีรถติด ก็สามารถมาทางเรือได้นะครับ มีตารางเวลาการเดินเรือไว้ให้ด้วยครับ

บรรยากาศรอบๆ บริเวลณท่าเรือครับ


ถ้ามาทางเรือ ขึ้นท่ามาก็เจอทางเข้าเลยครับ

แวะถ่ายภาพกันอีกนิด ข้างหลังจะมีเครนเก่าที่ใช้ขนของด้วยครับ

จากนั้นก็เดินลัดเลาะเข้ามาข้างใน ออกแนวย่านเมืองเก่า สวยดีครับ มีของขายตรึม ทั้งของกิน ของใช้ ของกระจุกกระจิกทั้งหลาย


เดินมาเรื่อย จนถึงตรงกลาง(น่าจะตรงกลางนะ) บริเวณนี้จะเป็นเหมือนลานกิจกรรมเล็กๆครับ มีม้าหมุน มีที่ให้คู่รักมาคล้องกุญแจครับ




ม้าหมุนครับ แอบแพงนิดนึง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติที่มีเด็กเล็กมาครับ จะมาเล่น คนละ 300 บาทครับ

หลังจากถ่ายรูปกันจนเป็นที่หายเหนื่อยจากการเดินแล้ว ก็มาดูด้านหน้าบ้างครับ มีรถรางเก่า ที่ไม่ได้ใช้วิ่งด้วยครับ เลยเก่า ไม่ใช่ของเก่านะ แต่เก่าเก็บ อิ อิ

ทางเข้าแบบเต็มๆ

ใกล้กันด้านหน้ามีหลุมหลบภัยเก่า สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อันนี้ไม่แน่ใจว่าเก่าจริงหรือป่าวนะครับ



และแล้วก็ได้เวลา ไฮไลท์ของวันนี้ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกก่อนครับ

มากันยังหน้าชิงช้า บริเวณขายตั๋ว สำหรับราคาเครื่องเล่นที่ส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 300-500 บาทต่อท่านครับ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยครับ จึงราคาสูงนิดนึง

ซื้อบัตรซิครับ บัตรราคา 300 บาท สำหรับชาวต่างชาติ คนไทยคนละ 250 บาทครับ

ดูคุณเธอจะดี๊ด้า พอสมควรครับ

มายืนรออยู่ตรงทางขึ้นชิงช้าครับ

แล้วก็ถึงคิวของพวกเราแล้วครับ ได้เวลาขึ้นไปท้าความสูงกันแล้ว เราจะได้อยู่ในชิงช้าประมาณ 3 รอบ 5-10 นาทีเห็นจะได้ครับ ผมว่าหมุนค่อนข้างเร็วครับ ไปชมบรรยากาศกันดีกว่า

ดูโน่นจิ...

หนาวครับ ขอปรับแอร์หน่อยครับ


จบแล้วครับ ลงมาแล้ว เก็บภาพเป็นรูปสุดท้ายก่อนกลับ

ปิดท้ายที่บรรยากาศใน Asiatique ครับ เป็นวิดีโอ ทั้งภายในและตอนที่ขึ้นชิงช้าครับ


ThaiTravel

 วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 09.45 น.

ความคิดเห็น