รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกที่เขียนหลังจากที่เที่ยวมาหลายทริปแล้วก็อยากจะแชร์ประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ คนขี้เที่ยวเหมือนเรา เคยมีพี่คนหนึ่งที่ไปเดินป่าด้วยกันกล่าวไว้ว่า " ภูกระดึง เดินชิลๆเหมือนสวนหลังบ้าน เหมาะสำหรับคนเริ่มเดินป่ามือใหม่"

เราก็จัดไปสิคะทริปนี้เดินที่อื่นก็พอสมควรคิดว่าที่นี่คงเดินชิลดี เราไปกับเพื่อน 2 คน หารค่าเต๊นท์ค่าอาหารกัน จากที่สัมผัสมามันก็จริงนะ เดินง่าย สบาย เดินชิลๆ อากาศเย็นสบาย เดินเรื่อยๆ แต่!! มันเดินระยะทางไกลนี่สิแอบท้อเหมือนกัน รวมๆทั้งขึ้น-ลง และเดินเที่ยว ไป-กลับ 3 วัน 2 คืน รวมระยะทางแล้วก็เกือบๆ 50 กิโลเมตร ขาลากเลยทีเดียว

อีกอยากที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยไปภูกระดึง "คนโสดโปรดทำใจคะ คุณจะรู้สึกอิจฉาคนไปกับแฟน" แบบว่าโมเมนต์สวีตมาเต็ม เห็นรู้สึกอิจ(ฉา)มากเลย

ทริปนี้เป็นทริปที่คิดอยากไปก็ไปเลย ไม่มีการวางแผนและฟิตร่างกายอะไรทั้งนั้น วันศุกร์เลิกเรียน แบกเป้ขึ้นหลังมุ่งหน้าสู่ขนส่งใหม่ที่โคราช เดินทางคืนวันที่ 2/12/2559 ถึงเช้าวันที่ 3/12/59 (เดียวสรุปการเดินทางตอนท้ายคะ)

วันแรก 3/12/59

เริ่มต้นเดินขึ้นเขา เวลา 7.17 น. อะเครเลขสวย เดินชิลๆ ไต่ระดับความสูงเรื่อย และแล้วก็ถึงซำแรก " ซำแฮก " บอกก่อนเลยว่าถ้าไม่เคยเดินป่ามาบ้างคงหอบแฮก สมชื่อซำแฮกเลย แต่วิวก้สวยหายเหนือยนั่งพักไปซักครู่ก็เริ่มเดินต่อ(ไม่ขอเก็บรูปป้ายบอกทางละกัน เก็บบรรยากาศแทน) เดินเริ่มจากที่ทำการอุทยาน> ซำแฮก > ซำบอน > ซำกกกอก > พรานพร่านแป >ซำกกหว้า > ซำกกไผ่ > ซำกกโดน > ซำแคร่ > หลังแป รวมระยะทาง 5.5 กิโลเมตร ถึงเวลาประมาณ 12.30 น.


เมื่อเดินมาถึงหลังแป จะมีจุดที่ทุกคนที่มาพิชิตภูกระดึงต้องถ่ายรูปคู่ด้วยคือ ป้ายผู้พิชิตภูกระดึง > "ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง" (แต่เราไม่ได้ถ่าย คือคนเยอะมากวันที่เราขึ้นภูกระดึงนักท่องเที่ยวสามพันกว่าคน ต้องรอคิวยาว) เราพักพอหายเมื่อยหายเหนื่อยก็ออกเดินกันต่อ

เดินจากหลังแปมายังศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง เวลาประมาณ 14.30 น.ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร รวมแล้ววันนี้เดินขึ้น 9 กิโลเมตร ต่อมาก็ไปจัดการติดต่อเช่าแผ่นรองนอน ถุงนอน และหาเต๊นท์จากร้านค้า ราคาก็ราคาเดียวกับเต๊นท์ของอุทยาน เต๊นท์พร้อมที่นอนพร้อมพักสักงีบแล้วไปดูพระอาทิตย์ที่ผาหมากดูก

ด้วยร่างกายล้า ตื่นมาอีกที 16.49 น.โอ้วววแม่เจ้าโว้ยยตรูจะไปทันพระอาทิตย์ตกไหมเนี่ย! บ่นไปเรื่อย ระยะทางจากลานกางเต๊นท์ไปผาหมากดูกประมาณ 2.2 กิโลเมตร ไปถึงก็เหลือแต่แสงของพระอาทิตย์ที่กระเจิงเต็มท้องฟ้า นี่แหละคือ scattering of light in physics หรือในภาษาของชาวช่างภาพคงจะเรียกว่าแสงช่วง twilight เก็บแสงสุดท้ายของวันเสร็จเดินทางกลับระหว่างทางมืด ควรที่จะพกไฟฉายไปด้วย

วันที่สอง 4/12/59

ตื่นตีสี่เตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น แอบตั้งความหวังไว้คงได้เจอทะเลหมอกและพระอาทิตย์สวยๆแต่ความเป็นจริงวันนั้นคือพระอาทิตย์โผล่นิ๊ดนึงหมอกก็ลอยยุบนฟ้าบังพระอาทิตย์หมด อดชมเลยคะกินแห้วไปตามๆกัน ไว้มาอีกรอบละกัน ขากลับจากผานกแอ่นเราผ่านทางลานพระแก้ว มายังเต๊นท์ ทานข้าว เตรียมห่อข้าวและน้ำ

ระหว่างทางเดินจะพบพืชพรรณที่น่าสนใจเยอะมาก แสดงให้เห็นว่าภูกระดึงเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดป่าหนึ่ง มีความหลากหลายของป่าและพืชพรรณ



เวลา 9.30 น.ออกเดินทาง ไปชมพระอาทิตย์ที่ผาหลมสัก โดยเดินเส้นทางน้ำตกเริ่มจาก น้ำตกวังกวาง > น้ำตกเพ็ญพบใหม่ > น้ำตกพ่วงพบ > และน้ำตกถ้ำใหญ่ ภารกิจเราในเส้นทางนี้คือ ตามหาใบเมเปิ้ลแดง (ก่วมแดง สกุลเดียวกับเมเปิ้ล) กันคะ

และเราก็หากันจนเจอ>>เมเปิ้ลแดง

ออกจากเส้นน้ำตกไปยังสระอโนดาต> น้ำตกถ้ำสอเหนือ>ผาหล่มสัก

และวันนี้ก็ผิดหวังอีกตามเคยฟ้าปิดไม่เห็นพระอาทิย์ขึ้น จะถ่ายรูปที่จุดพีคของผาหล่มสักสักหน่อยแถวคิวรอถ่ายก็ย๊าวยาวว ก็คงต้องกลับละ ทางกลับใช้ทางเดินเรียบผาโดยผ่าน ผาแดง> ผาเหยียบเมฆ> ผานาน้อย >ผาจำศีล> ผาหมากดูก> ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว กลับมาถึงเต๊นท์ก็ประมาณสองทุ่มกว่านอนพักแปปให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆอ่าบน้ำให้เสร็จ ส่วนเราอาบเที่ยงคืนหนาวเย็นชื่นใจ (-_-)! (ขากลับเราไม่ได้เก็บรูป แบบว่าแบตกล้องหมดคะT^T เศร้าไปอีก )

*เรื่องประทับใจ ตอนเดินกลับจากผาหล่มสักมันก็มืด ขาก็ปวดยกแทบไม่ขึ้น ระยทางอีกตั้งไกล ไหนจะเดินคนเดียว (เพื่อนทิ้ง) แต่สุดท้ายก็มีพี่ผู้ชายใจดีมาเดินเป็นเพื่อนชวนคุยนั่นนี่ไม่เหงา (พี่เค้ามาคนเดียวเดินเร็วมากหนูเดินไม่ทัน ^3^ แฮ่ๆแอบบ่นนิดนึง) จนถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ... ขอบคุณคะ

วันที่สาม 5/12/59

ตื่นตีห้าเตรียมตัวเก็บเครื่องนอนส่งคืนศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เริ่มออกเดินทางลงจากภู เวลา 7.20 น.ถึงซำกกโดน 10.00 น. แวะทานข้าวที่นี่ (กินมันทั้งขาขึ้น ขาลง ร้านเดียวกันมันที่ละ^^) ลงถึงด้านร่างเวลาประมาณ 11.45 น. ทำเวลาดีกว่าขาขึ้นเพราะเราลงทางซำแคร่ เส้นทางเก่า ชันมากเข่าแทบพัง ฮ่าๆ (ซำแคร่ > หลังแป ขาขึ้นเราเดินอ้อม)

เวลาประมาณ 12.30 น. หลักจากพักให้หายเหนื่อย ซื้อของฝาก ก็เดินมายังด้านหน้าอช.บริเวณรับส่งผู้โดยสาร ใช้เวลา15-30 นาทีจากอช.ภูกระดึง มายังผานกเค้า้พื่อเตรียมตัวกลับโคราช ได้ตั๋วรถ รอบ 14.45 รถเลทไปอีก 15.20 น. รถออกจากผานกเค้า ระหว่างทางกลับรถที่เรานั่งเกิดยางแตกที่ อ.แกร้งคร้อ เลทไปอีกคะ ถึงโคราชก็ 20.30 น. เราก็ไม่มีรถกลับบ้านแล้ว เอาเป็นว่าทริปจบลงเมื่อถึงโคราชแล้วกัน( ^_^)/ เจอกันภูกระดึงครั้งที่ 2

**ไว้จะไปอีก"ภูกระดึงครั้งเดียวไม่เคยพอ" 3-5 ธันวาคม 2559

"การเตรียมตัว"

จะแบกเป้เองหรือจะจ้างลูกหาแบกสัมภาระ สามารถจ้างลูกหาบได้ กิโลกรัมละ 30 บาท

1. ร่างกายต้องพร้อม

2. จัดกระเป๋าเท่าที่จำเป็น เสื้อผ้ากันหนาวให้พร้อม

3. ไฟฉาย

4. ยาสามัญประจำตัว ไม่ว่าจะเป็น ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้กล้ามเนื้ออักเสบ ยานวด ยากแก้หวัด ยาแก้ปวด ขนๆไปเลย รับรองคุณได้ใช้แน่นอน

6. กล้องสำหรับบันทึกความทรงจำดีๆ

5. ที่พัก เต๊นท์จองให้เรียบร้อย แบกแค่ตัวเองกับกระเป๋าขึ้นไปก็พอ

"การเดินทาง" ตามที่เพลนการเดินทางคร่าวๆ คือ
- นั่งรถ นครราชสีมา-เชียงคาน (แต่รถเต็ม ต้องเปลี่ยนแผนใหม่
) นั่งรถสายยาวกรุงเทพ-ขอนแก่น-อุดร ไปลงขอนแก่น แล้วต่อรถไปขอนแก่น-เมืองเลย

-ลงรถที่ท่ารถภูกระดึง ทานข้าวให้เรียบร้อย รอรถสองแถวแดงมารับเข้าอช.ภูกระดึง
-เริ่มเดินขึ้นภู 07.30 ถึง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ประมาณ 14.30
-วันลงภู เริ่มเดินลง 07.20 ถึง อช.ภูกระดึงประมาณ11.45
-นั่งรถแดงจากอช.ภูกระดึง 15-30 นาที ลงที่ผานกเค้า ซื้อตั๋วกลับโคราช
>> ทางอุทยานมีบริการชาร์ตไฟ

- โทรศัพท์มือถือ 20 บาท

- แบตกล้อง 20 บาท

- แบตสำรอง 40 บาท

" สรุปค่าใช้จ่าย (ไม่รวมค่าอาหาร) "
เดินทาง
- นครราชสีมา-ขอนแก่น : 120
- ขอนแก่น-เมืองเลย : 83
- ท่ารถภูกระดึง - อช.ภูกระดึง : 30 (เหมา 300 /คัน /10 คน)
- อช.ภูกระดึง - ผานกเค้า : 40
- ผานกเค้า- โคราช : 202
ที่พัก
- เต็นท์ 2 คืน 225 x 2 : 450
-ค่าเช่าพื้นที่กางเต็นท์ 30/วัน/คน : 30
- แผ่นรองนอน 2 คืน 3 x 2 x 20 : 120
-ถุงนอน 2 คืน 30 x 2 : 60
- บัตรเข้าอช. ภูกระดึง : 40
"รวมค่าใช้จ่าย : 1205 /คน "

Thuny Alu K. Forlorn

 วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.26 น.

ความคิดเห็น