สวัสดีค่ะทุกๆคน วันนี้มีเวลาว่างพอที่จะเขียนรีวิวทริปนี้ให้จบได้แน่ๆล่ะ นึกถึง คิดถึง อยากเล่าให้คนอื่นได้ฟัง แต่มันติดตรงเวลาเนี้ยแหละ เอาล่ะวันนี้ มันคือวันนี้แหละ และอีกอย่าง คือบอกตัวเองว่าต้องรีวิวก่อนที่จะกลับไปเยื่อนอีกครั้ง คือพึ่งกลับมาได้ยังไม่ถึงเดือนเล๊ยยย อีกไม่กี่วันจะกลับไปอีกละ...ทำไงได้ก็มติเสียงข้างมากลงที่เลย คนอ่อนแอก็แพ้ไปจ้า ไม่ใช่ล่ะๆ เสียงน้อยก็ต้องคล้อยตามเซ้~~~~

แต่บอกเลยทริปนี้ลุยเดี่ยวนะจ๊ะเป็นการไปเที่ยงคนเดียวครั้งแรก เธอช่างกล้าอะไรเยี่ยงนี้ มันไม่ได้อันตรายมากหรอก แต่เพียงเรากล้าที่จะออกไปรึป่าวเท่านั้นเอง...

...เอาล่ะ!! ไปเที่ยวเลยกันดีกว่าาาา.....

วันลาพักร้อนฉันเหลือเยอะเหลือเกิ๊นนน จะลาแล้วนอนอยู่ห้องเฉยๆก็กระไรอยู่ เลยตัดสินใจ "ไปเที่ยวดีกว่า" ไปไหนดีล่ะ สูบข้อมูลในพันทิพสิ รออะไรล่ะ สรุปว่า "ภูกระดึง" ไปเลย ไปเที่ยวเลยนี่แหละ เช็คสภาพอากาศวันที่จะไปให้เรียบร้อย โอเค!! แดดร้อนเปรี้ยงปร้างได้ใจจริงๆเล๊ยยย พอสรุปวันไปได้ ถึงวันเก็บกระเป๋า ได้แต่พูดกับตัวเองว่า เฮ้ย!! แกจะไปจริงๆใช่ไหม ไปคนเดียวเนี้ยนะ ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาใส่ มันจะอันตรายป๊ะว๊ะ มันจะเหงาไปไหมว๊ะ มันจะสนุกไหมว๊ะ มันจะ?? ต่อมิอะไรมันจะ?? ก่อตัวเกิดขึ้นในสมองมากมาย เป็นการแพลนที่จะไปเที่ยวแล้วรู้สึกน้ำตาคลอเบ้า แล้วตอนเก็บกระเป๋า อากาศก็มืดฟ้า มัวดินมาจากไหน "ฝนตก" มาปรอยๆซะงั้น แม๊ะ!! อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนี้ ..เหลือบไปมองระเบียงห้อง เจอนกน้อยกำลังเกาะบนสายไฟไอ้เราก็คิดในใจ แกไม่มีคู่ไง?ทำไมมาเกาะอยู่ตัวคนเดียว....

แล้วในแว๊บเดียวไม่รู้อะไรดลใจ ความรู้สึกจากที่หวาดกลัว กลายเป็นความตื่นเต้นซะงั้น แปลกมาก อยู่ดีๆหัวใจก็เต้นรัว มันคงเป็นความพร้อม บวกความกล้าบ้าบิ่นที่จะไปให้ได้ละมั้ง ณ ตอนนี้ ฉันก็ยังแปลกใจตัวเองไม่หายเลย.....


พอถึงหมอชิต ฉันก็เดินไปหาช่องซื้อตั๋วรถเลย ฉันเลือกรอบสุดท้าย 22.35น จุดหมายปลายทางคือผานกเค้า เวลารวมๆใช้เวลาเดินทางประมาณ 8ชม. จะบอกว่า แอร์เย็นมากกกก รึว่าฉันตื่นเต้นมากเกินไป ฮ่าๆๆ จนทำให้นอนไม่ค่อยจะหลับ ได้แต่บอกตัวเองว่า "ถ้าแกไม่ยอมนอน พรุ่งนี้ แกได้ตายตั้งแต่ซำแรกแน่ๆ"

ถึงแล้วๆๆ นี่คือ "ผานกเค้า" ฉันมาถึงประมาณ 06.00น. อากาศกำลังดีเลย เย็นสบายมากๆ พอลงจากรถมา อ้าว!! ไปไงต่อละทีนี้ เดี๋ยวๆๆ ดึงสติแป๊ป มองหารถแดง รถแดงอยู่หน๊ายยยยย อ้าวเฮ้ยยย!! มันออกไปแล้วว เฮ้ยย!! นู๋ตัวคนเดียวนะ วันนี้วันจันทร์ซะด้วย คนคงไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ จะให้เหมาคงไม่ไหวม้างง ทำใจให้ร่มเข้าไว้ ค่อยๆย่างก้าวเดินไป เจอป้าคนขับ ป้าเลยเรียก นู๋รถคันต่อไปคันนั้นจะออกนะ เอาของไปไว้บนรถรอเพื่อนก่อนก็ได้ เข้าห้องน้ำรึยัง ไปล้างหน้าล้างตาตรงป้อมข้างหลังก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวป้าเรียก โอ้โห้!! ใช้ได้เลยนะเนี้ยแนะนำอย่างดีเชียว พอเจอแค่นี้แหละ หายห่วงเลย ทำตัวชิลเลยแหละทีนี้ ฮ่าๆๆ สักพัก ป้าเดินมาเรียก นู๋เสร็จยังรถจะออกแล้วนะ อ้าว! เอาแล้วไง ยังแปรงฟันไม่ทันจะเสร็จเลย โอ้ยยย รีบสิทีนี้ หอบกระเป๋าเลยย แว่น!! แว่นนนนู๋อยู่ไหน?? โอเค โอเค โอเค ใจเย็นๆๆๆ พอดีมีแก๊งค์พี่ๆเค้าเหมา รถเลยออกไวหน่อย

จุดเริ่มต้น.. เริ่มขึ้นจากตรงนี้แหละ พี่ๆเค้าถาม ว่าฉันมาคนเดียวหรอ มาครั้งที่เท่าไหร่ คือนู๋มาคนเดียว และครั้งแรกด้วย ฮ่าๆๆๆ อะไรจะกล้าบ้าบิ่นเบอร์นั้น

พี่ๆเค้าเลยชวนไปด้วยกัน ไม่ต้องกลัวเหงา สรุปฉันได้เพื่อนตั้งแต่ยังไม่ขึ้นภูเลย ฮ่าๆๆ เห็นป๊ะ มันตื่นเต้นจะตาย ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ สนุกออก จะหวาดกลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง (แม๊ะ ตอนนั้นยังน้ำตาคลอเบ้า ตัวสั่นเทาเหมือนนกน้อยตกน้ำอยู่เล๊ยย ทำเป็นพูดดีไปนะแก) ฮ่าๆๆๆ

ถึงแล้ว รถแดงมาส่งถึงหน้าอุทยาน ตอนนี้ก็ 6โมงเกือบจะ 7โมงล่ะ มองหาห้องน้ำเลย มันอยู่ไหน มองๆๆ นั้นไง ไปสะสางทำธุระส่วนตัวให้เสร็จอย่างไวเลยแล้วเข้าไปติดต่อ เรื่องเต้นท์ ชำระค่าเข้าอุทยานให้เรียบร้อย

หลังจากชำระค่าบริการต่างๆแล้ว มองหามุมนั่งกินข้าวสิทีนี้ ยังๆๆ เอากระเป๋าไปฝากลูกหาบก่อน อย่าคิดที่จะแบกขึ้นไปเองเป็นอันขาด ขนาดแบกจากห้องไปถึงหมอชิตก็จะตายล่ะ นี่จะแบกขึ้นภู ฮ่าๆๆๆ เอากระเป๋าไปชั่งน้ำหนักเถอะ...

หลังจากให้ข้าวให้น้ำตัวเองเสร็จแล้ว คุณพร้อมรึยัง พร้อมมม!! รึยัง?? คุณเห็นเส้นทางอันยาวไกลนั้นไหม "ทางขึ้นเขา" คุณเห็นมันใช่ไหม ไปค่ะ ออกเดินทางค่ะ

(อย่าลืมแวะไหว้พระตรงนั้นด้วยนะ ตรงนั้นแหละ หลังคาตรงนั้นแหละ) ไหว้พระ ขอพร ขอให้คุณพระ คุณเจ้าคุ้มครอง เดินทางไปขอให้ปลอดภัย ขากลับลงมาก็ให้ปลอดภัยเช่นกัน

ลงทะเบียนกันด้วยนะ ลงทั้งขาเข้า และขาออก เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจเช็คได้ง่ายด้วย ว่าเราขึ้นไปวันไหน ลงมาวันไหน ไม่ได้ตกค้าง สูญหายไปกับช้างป่าแล้วใช่ไหม?? อ้าว!! ล้อเล่น ฮ่าๆๆ (เอ้อ น่าจะใช่) ได้ฤกษ์งามยามดี หลังจากฝากลูกหาบ กินข้าว ไหว้พระ เสร็จเรียบร้อยเหลือเพียงกระเป๋าสะพาย กับกล้องอีก1ตัว หนักเอาการอยู่นะเนี้ย ก็ไปลงทะเบียนขึ้นภูกันเล๊ยยย 07.47น.

เอ้า ฮุยเลฮุย ลุยลุยลุย ฮูยยยยย นู๋เหนื่อยเหลือเกิ๊นนน "ซำแฮกแฮก" ลิ้นห้อยอย่างกะหมาน้อยหิวน้ำเลย อะไรร่างกายจะฟิตขนาดนี้ เนี้ยบอกเลยออกกำลังกายนะ ถ้านั่งทำหน้าสวยเป็นสาวออฟฟิตเหมือนเมื่อก่อนคงได้ร้องไห้กลับบ้านแล้วล่ะมั้งงง (แกแน่ใจนะว่าแกสวย) ฮ่าๆๆๆ ใครผ่านซำนี้ไปได้นะ บอกเลยสบายยย.. แล้วจะได้รู้กัน ว่าาา ท ทหาร อดทนมันเป็นยังไง ฮ่าๆๆๆ

แตงโมเย็นๆมั๊ยจ๊ะ นั่งพักเอาแรงสักพักใหญ่ๆ ก่อนออกจากซำแฮก ก็ได้ไอ้นี้แหละ หวานๆเย็นๆช่วยได้จริงๆนะ ไปค่ะ เดินต่อค่ะ มันยังไม่ได้ครึ่งของครึ่งทางเล๊ยย

กระเป๋าสะพาย กับกล้อง1ตัว เริ่มรู้สึกว่าน้ำหนักมันจะเพิ่มขึ้นตามระยะทางยังไงก็ไม่รู้ ทำไมมันหนักจังว๊าาา ทิ้งไว้ข้างทางเลยได้ไหมเนี้ยย หนักจริงไรจริง ชักจะขาลากแล้ววนะ พ่อขาแม่ขานู๋คิดถึงบ้านนน ฮือๆๆๆ เหนื่อยเหลือเกิน

เหนื่อยก็พักเซ้~~~ เห็นมั้ย ลุงๆ ป้าๆ เค้าเรียกให้พักอยู่นั่น "นั่งพักก่อนได้จ้า" "แตงโมเย็นๆไหมชิ้นล่ะ 10บาท" "ไอติมกะทิมั้ยลูก" "น้ำแข็งใสเย็นๆก็ได้น๊า" "อาหารตามสั่งก็มีนะ" "ไม่ซื้อไม่เป็นไรเข้ามานั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนก็ได้" ฯลฯ เห็นไหมล่ะเค้าเป็นห่วงแกขนาดไหน ยังจะมาร้องไห้กลับบ้านอีก (เล่นใหญ่แล้วแก ฮ่าๆๆ) ไม่ต้องกลัวเหงา ไม่ต้องกลัวว่าไม่สนุก ไม่ต้องกลัวว่าไม่มีเพื่อนคุย "ไม่ต้องกลัว" เพราะมันได้อะไรกลับมาเยอะแยะเลยแหละ

"เหนื่อยก็นั่งพัก พอมีแรงสักพักก็เดินต่อ" อย่าฝืนกำลังตัวเอง เก็บแรงไว้ไปใช้ข้างบนดีกว่า เชื่อพี่!! พี่เจ็บมาเยอะ ฮ่าๆๆ

จำพี่ๆที่นั่งรถแดงมาด้วยกันได้ไหม ฉันเจอพี่ๆเค้าด้วยที่ซำไหนก็ไม่รู้จำไม่ได้ ฮ่าๆๆ พี่ๆเค้าขึ้นมาก่อนฉัน ครึ่งชั่วโมงแน๊ะ และแล้วเราก็หากันจนเจอ (ฉันฟิตฉันเดินตามพี่ๆเค้าทัน ฮ่าๆๆ หัวเราะแบบผู้ชนะ) แล้วเราก็เดินไปพร้อมๆกัน มีพลัดหลงกันบ้าง และก็จะหากันเจออีกหลายๆครั้งตามซำอื่นๆ

ว่าแล้ว มาสะกดตัว ท ทหาร อดทน พร้อมๆกันเลยดีกว่า เอาหล่ะ ต่อจากนี้ จะเป็นเส้นทางสายมรณะเลยแหละ (ไม่ใช่ล่ะๆแกอันนี้เมืองเลยนะไม่ใช่เมืองกาญให้มันถูกที่) ดำดิ่งโด่งจรดปลายฟ้า ไม่ได้เวอร์นะ "ดำดิ่งโด่ง" จริงๆ แนะนำ >>รองเท้า เอาที่ใส่สบาย และคุ้นเคยกับเท้าตัวเองมากที่สุด และมีดอกยางที่เกาะแน่นเป็นตีนตุ๊กแกเลยนะ

เห็นไหม ก้อนหิน โขดหิน ยังน้อยนะนั่น เจอของจริง เดินไม่ดี เล่นเอาข้อเท้าแพงได้ง่ายๆเลยนะ

ถ้าคุณเจอบันไดนี้ ยิ่มอ่อนได้เลย ยิ้มแบบผู้ชนะได้เลย ฮ่าๆๆๆ จริ๊งง จริงงง ฉันให้เวลาคุณคิด ตัดสินใจ ว่าจะเลือก ซ้าย รึ ขวา ถ้าคุณจะคิดนานขนาดนั้น หลบทาง ให้พี่ๆลูกหาบเค้าด้วยนะฮ่าๆๆ "ดำดิ่งโด่ง" นี่จะเป็นลม บอกเลย2ฝั่งไม่ได้ต่างกันเลย ยังไง คุณก็จะหายใจไม่ทั่วท้อง ขางี้สั่นเชียว ถ้าก้าวขึ้นไปแล้วอย่าได้หันหลังกลับมามองเชียวนะ ไม่งั้นคุณได้ลงไปกองอยู่ตรงที่คุณยืนคิดเมื่อกี้แน่ๆ เชื่อฉัน "จับให้แน่น ก้าวให้มั่น โน้มตัวไปข้างหน้า อย่าหันกลับไปมองข้างหลัง" ท่องไว้ (บางครั้งแกก็บรรยายเว่อร์วังไปนะ ฮ่าๆๆๆ)


Mission Complete!!ข้าคือ ผู้ชนะ ฮ่าๆๆๆ หลังจากสู้รบตบมือกับดำดิ่งโด่งมาเป็นเวลาช้านาน ข้าไม่รอช้า รีบขอให้ท่านพี่ที่อยู่ระแวกนั้นชักภาพให้สัก2 3ภาพ เพื่อประกาศชัยชนะของข้าในครั้นนี้ (เล่นเยอะไปแล้วนะตัวเธอ)

"หลังแป" ณ จุดนี้แหละ วิวสวยงามมากมองลงไปด้านล่าง เห็นหมอกจางๆ มันดีต่อใจเหลือเกิน จากที่เดินเหนื่อยมาค่อนวัน ฉันยิ้มออกมาได้กว้างเลยแหละ เมื่อเห็นวิว 360องศา ตรงจุดนี้ ถึงร่ายกายคุณจะเหนื่อย แต่จิตใจคุณจะสดชื่น ชุ่มช่ำ ชวนพาให้ร่างกายมีแรงฮึดได้อย่างน่าอัศจรรย์เลยแหละ

หลังจากนี้ต้องเดินเท้าต่อนะ เป็นทางราบแล้ว จุดมุ่งหมาย คือ ลานวังกวาง จุดกางเต้นท์จ้าา

ตอนเดินทางราบ ก็มีพี่2คนนี้แหละที่เดินไปพร้อมกัน พี่ฝั่งซ้ายเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ข้างบนนี้แหละนานๆจะลงไปในเมืองครั้ง พี่แกชวนคุยให้ความรู้เยอะแยะเลย แถมยังเดินโคตรเร็วเลย อีกคนฝั่งขวานักท่องเที่ยวมาคนเดียวเหมือนกัน

ถึงแล้ววว เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ในอาคารเลย ยื่นใบจองเต้นท์ เช่าเครื่องนอนให้เสร็จแล้วไปเดินเลือกเต้นท์นอนได้ หาอะไรยัดลงท้องด้วย พอจัดเตรียมเต้นท์สำหรับคืนนี้เสร็จ ก็ออกไปรอกระเป๋าอยู่สักพักใหญ่ๆ ยังไม่มาเลย ทำไงดีไม่รอแล้วว เดี๋ยวเย็นๆค่อยมาดูอีกครั้งแล้วกัน

กำลังเดินกลับเต้นท์ เจอพี่ๆที่มาด้วยกันอีกแล้ว พี่ๆเค้ามาถึงก่อนฉันสักพักใหญ่ๆได้ เลยชวนฉันไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน เอาสิ ไปไหนนู๋ไปด้วย

นี่ไง พี่ๆที่เราร่วมทริปนี้ไปด้วยกัน พี่ๆเค้าน่ารักนะ สนุกสนาน เฮฮาได้ใจจริงๆ

ดูรูปวนไปจ้า

ป่าสน แดดร่ม ลมโชย เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ เสียงฝีเท้าไม่ขาดสาย ชอบจัง ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง

วิว 360องศา มันดีต่อใจอะไรเยี่ยงนี้ ฮึบๆๆ หนทางยังอีกยาวไกล เดินไปบ่นไป ชูไม้ชูมือให้กล้องบ้าง ช่วงเวลาแห่งความสุขล้น ของคนหลายคนที่ไม่รู้จักกันนำพาให้มารู้จักกัน กลายเป็นช่วงเวลาสั่นๆทำให้เกิดมิตรภาพ

ถึงแล้วว "ผาหมากดูก" พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ มันใช่ที่ไหนล่ะ นี่มัน "ผาจำศิล" ว้อยยย เฮ้ยย!! ไม่ใช่หรออเนี้ย ยังไม่ถึงอีกหรอเนี้ยยยย ขาลากแล้วนะ ขอพักเหนื่อยก่อนได้มั้ย เดินยังกะโดดวัว โดยควายไล่ขวิดอย่างนั้นแหละ (แกมันจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูกไม่ทันนะเว้ยย เอ้ออน่า ทัน!!)

ขออนุญาต พี่ๆ4หนุ่ม F4ตรงนั้นด้วยนะค่ะ มันเหมาะเจาะอะไรปานนั้น วิวอย่างสวยเลยล่ะพี่เอ้ยย

หน้าผาจำศิลเลยแหละตรงนี้ พี่ๆเบาๆนะคะค่อยๆย้ายก้นออกมาทีละคนนะพี่ มันเสียวได้ใจจริงๆ

แถมอีกรูป หมอกจางๆ แสงรางๆ

ไปค่ะ เดินต่อค่ะ สถานีต่อไป ผาหมากดูก จริงๆค่ะ เดี๋ยวแสงจะหมดก่อนรีบเดินค่ะ

ถึงแล้ว ตัวจริง เสียงจริง แสงกำลังดี ดูแล้วมีความสุข

only trip แต่ไม่ได้ lonely ตามชื่อทริปเลยนะจ๊ะ ภาพคู่ก็มาจ้า

ส่งท้าย ก่อนแสงสุดท้ายของวันจะหมด

วันนี้วันอะไร ?? ใครรู้ ??

November 14th 2016"loy krathong"

แล้วตอนนี้อยู่ไหนค่ะ บนภูกระดึง ปกติอยู่ที่ราบก็ไม่ค่อยได้ไปลอยอยู่แล้ว แต่นี่ บนภู ฉันได้ไปลอยกระทง ประสบการณ์โคตรแปลกใหม่ ลอยกระทงบนภูจ้า

November 15th 2016

ฉันตื่นตั้งแต่ 04.40น. ล้างหน้าแปรงฟัน ออกเดินเท้าไปที่ "ผานกแอ่น" เพื่อที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้น รอ รอ รอ... พี่ซันของน้องทำไมขี้อายอย่างงี้ แง้มประตูออกมาให้เห็นแสงเพียงแว๊บเดียวก็กลับเข้าไปคลุมโปงนอนต่อซะงั้น ขี้โกงนิหว่าาาาา

น้องก็ยืนรอพี่นานแสนนานเหลือเกิน จากผู้คนมากมาย ค่อยๆจางหายไป

น้องก็ยังทนไหว ยังนั่งรอพี่ซันต่อไป...

อ้าวเฮ้ย!!! จะแปดโมงแล้วนะเว้ยย อะไรจะขี้เกียจขนาดนี้ห๊ะ จะไม่ยอมตื่นไปทำงานทำการเลยรึไง พี่หมอกก็จัดเต็มซะเหลือเกิน เล่นซะได้คลำทางกลับที่พักเลย อะไรจะขาวโพ้นขนาดนี้

ไอ้เราก็เล่นถ่ายรูปเพลิน จนลืมหยิบไฟฉายตามไปด้วย พอกลับมาหาอีกที อ้าววว หายไปแล้วว แล้วฉันจะไปดูพระอาทิตย์ที่ผาหล่มสักได้ไงล่ะทีนี้ แล้วคืนนี้จะอยู่ยังไง ซวยยล่ะ... พอกลับมาถามเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีใครมาแจ้งซะด้วยสิ คงไม่ได้คืนแน่ ฮ่าๆๆๆ

มิตรภาพดี-ดี ยังมีได้อีก จากที่ไฟฉายหายเนี้ยแหละ hash tag #ภูกระดึง เข้าไปส่องเลย เฮ้ยย!! มีคนถ่ายติดรูปฉันด้วย นั่งข้างๆกันกับไฟฉายนั้นแหละ

เลยไปเม้นว่าเห็นไฟฉายฉันไหม ฉันลืมไว้ แต่ได้คำตอบกลับมา คือ ไม่เห็นนนนนจ้าาาา แต่เค้าถามให้ยืมด้วยนะ เพราะเค้าจะไม่ไปผาหล่มสัก จริงดิ! ว๊ะฮ่าๆ มันก็เกรงใจป๊ะว๊ะ เค้าก็ต้องใช้เหมือนกันป๊ะว๊ะ ช่างมันเถอะ Go go go สายแล้ว ไปหาอะไรกินดีกว่า จะได้ไปทัวร์สายน้ำตกต่อ...

ยังพอมีความหวัง เดินกลับไปถามเจ้าหน้าที่อีกสักรอบดีกว่า สรุปว่า ไม่มีใครมาแจ้งจ้า... เซ็งเลยย..

เอาว๊ะ!! ไม่มีก็ไม่ไป เดินสายน้ำตกเย็นๆก็กลับก็ได้ว๊

ความโชคร้าย ยังมีความโชคดีแอบแฝงอยู่ เจอไอ้หนุ่มน้อยig เมื่อกี้ (มองบนเล็กน้อย เฮ้ยย แก ฉันล้อเล่น อย่าโกรธกันน๊าา) เลยทำความรู้จักกันเล็กน้อย ตกลงปลงใจ ใจง่ายซะงั้น ไปทัวร์สายน้ำตกด้วยกันซะเลย ฉันจะพยายามไม่แย่งความเป็นส่วนตัวของพวกแกนะ ฉันสัญญา...

น้ำตก น้ำเริ่มน้อยล่ะ แต่ก็กำลังดีล่ะ พับขากางเกง เดินเตะน้ำเย็นๆได้สบายๆเลย

ช่วงนี้ ใบไม้ยังไม่ผลิใบ เลยทำให้เห็น น้องเมเปิล ได้ยากเหลือเกิน หมุดโขดหิน ปีนขอนไม้ กว่าจะได้เจอตัวเป็นๆช่างยากเย็นอะไรเยี่ยงนี้ ทำไมพากันเล่นตัวกันจังเลยหึ ทั้งพี่ซัน และน้องเมเปิล เป็นดาราดังรึไง ไม่เข้าใจ!! วัยรุ่นเซ็ง...

หลบมุมได้อีก เอาเข้าไป ยังไงก็ไม่พ้นสายตาฉันหรอก

มานี้สิ มาให้พี่จับตีก้นให้เข็ดเลยนิ เล่นตัวกันจัง...

ว๊ะ ฮ่าๆๆ เอาดีๆนะแก นั้นมันหน้าผานะเว้ย!! ก้าวผิดชีวิตแกเปลี่ยน(สถานะ) เลยนะเว้ยย!!อะไรจะมึนขนาดนั้น

เมื่อถึงเส้นทางแยก เราก็ต้องแยกย้ายกันทางใครทางมันแล้ว ฉันต้องฉายเดี่ยวแล้วหรอเนี้ย 7กม.ต่อจากนี้จุดมุ่งหมายของฉันคือผาหล่มสัก (ยืมไฟฉายมาเรียบร้อยแล้ว) ไปค่ะ เดินอย่างเอาเป็นเอาตาย

"สระอโนดาต" คุณว่าชื่อมันเวอร์วังไหม ฉันฟังแค่ชื่อ จินตนาของฉันก็ไวกว่าแสงแล้วว อยากรู้ว่ามันเวอร์วังขนาดไหน ต้องไปดู ฮ่าๆๆๆ ระยะทางของฉันยังอีกยาวไกล ฉันคำนวนเลยแหละ 1ชม.ของฉันต้องเดินได้ 2กม. เหนื่อยเหลือเกิน เดินแบบไม่คิดชีวิต แดดร้อนเปรี้ยงปร้าง เดินกลางทุ่งกว้าง โอ้ยยย!!! ร้อนนนนน รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลงเป็นเพื่อนร่วมทางเลยแหละ เพลงมา...

~~~เจ็บปวดเท่าไรก็จะไม่ท้อ มากมายเท่าไรก็จะไม่ท้อ มืดมนแค่ไหนฉันก็จะขอ อดทนและสู้มันต่อไป~~~

และแล้วก็ผ่านมาได้1/4ของระยะทาง7กม.เมตร พึ่งจะถึงผาหยียบเมฆ สภาพรองเท้าไม่ไหวจะเคลียร์ เน่ามากก (แต่ตอนนี้ก็ใส่ไปทำงานเหมือนเดิน)

นั่งพักเอาแรง เดี่ยวจะไปถ่ายรูปตรงหน้าผาสักหน่อย แต่ยังไม่ทันจะได้ถ่ายรูปเลย นี่!! รถไถ ผ่านมาพอดีพี่เขากำลังจะเอาอะไรไปซ่อมสักอย่าง เลยได้ติดรถไปลงผาหล่มสักกับน้องๆที่มาก่อนหน้านี้น้องๆกลุ่มนี้ก็เจอกันตอนขึ้นมาวันแรกด้วย ถือว่าโชคดีมากกก ทำให้ฉันไปถึงผาหล่มสักประมาณสี่โมงเย็น เก็บแรงไว้เดินตอนขากลับ

ถึงแล้ว... ไฮไลท์ของงาน "ผาหล่มสัก" นั่งรอเมฆก่อนนี้ลอยหายไป คงผิดหวังอีกตามเคยย รอมาเป็นชั่วโมงล่ะยังไม่ยอมไปไหนเลย แต่ในมุมกลับกัน ถ้าเรามอง มันก็สวยไปอีกแบบ สวยในแบบของมัน แต่ล่ะวันความสวยงามก็แตกต่างกันออกไป...

รอไม่ไหวแล้ววว ไม่คิดว่าอากาศจะเย็นขนาดนี้ ลมแรงมาก เย็นๆจนชวนน้ำมูกไหลออกมาได้เลย ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน ขืนอยูต่อไม่สบายแน่

วิวข้างทางขากลับ อยากจะแวะถ่ายรูป นานๆอยู่หรอก แสงรำไรของพระอาทิตย์ช่างสวยอะไรเยี่ยงนี้

ดูยังไงก็ไม่เบื่อคือมันดีต่อใจเหลือเกินแต่จะมัวแต่ถ่ายรูปไม่ได้ เพราะต้องรีบเดินกลับ มันจะมืดก่อน ดีนะยังมีพี่ๆที่เดินตามหลังมาด้วย ยังพออุ่นใจคุมหลังให้ได้

วิวข้างทางขากลับ หลบมุมแสงอาทิตย์

แถมมอีกรูป ให้ดูเพลินๆวนไป

อย่าพึ่งอุ่นใจไป...

โห้พี่!! เมื่อกี่ยังคิดว่าอุ่นใจอยู่เลยย ไง๊ มาปล่อยมุข ซะ มันใช่เรื่องป๊ะเนี้ย ไม่ต้องถามกันเลยว่าเค้าจะได้ยินไหม นู๋อยู่ใต้ลมพี่นะ ได้ยินหมดแหละ..ทำซะไอ้เรารีบสาวเท้าแทบไม่ทัน ไม่ได้ๆๆๆต้องทิ้งระยะห่างให้ปลอดภัย...

พอเดินไปถึงผาแดงเท่านั้นแหละ ลมแทบจับ เหนื่อยว้อยยย เมื่อกี้ยังหยิบมามาผูกคออยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นเหงือท้วมซะงั้น ขอน้ำอย่างด่วน ปล่อยให้พี่ๆเค้าเดินนำไปก่อน

โอเค พอมีแรงขึ้นมาบ้างล่ะ รีบเดินเลยทีนี้ เฮ้ยย!! พี่ๆเค้าเดินเร็วจังว๊ะ แป๊ปเดี่ยวทิ้งห่างซะตามไม่ทันเลย

โอเค พอมีแรงขึ้นมาบ้างล่ะ รีบเดินเลยทีนี้ เฮ้ยย!! พี่ๆเค้าเดินเร็วจังว๊ะ แป๊ปเดี่ยวทิ้งห่างซะตามไม่ทันเลย จะไม่รอกันจริงๆหรอเนี้ย ผู้หญิงตัวคนเดียวนะ กล้าทิ้งกันได้ลงคอเหรอ จะร้องไห้แล้วนะ

ทั้งเดินทั้งวิ่ง พอมองเห็นแสงไฟอันริบหรี่

เดิน เดิน เดิน....

พอเงยหน้ามองอีกที่ เฮ้ยย!! พี่ๆเค้ายืนรอด้วยย แอบดีใจอย่างแรง นึกว่าจะทิ้งกันจริงๆซะแล้วว

บอกเลย พี่ๆแก็งค์นี้เค้าฮากันได้ใจจริงๆ ไปสรรหามุขมาจากไหนกัน ไอ้เรานี้ขำตลอดทางเลย จำได้ขึ้นใจ ก็ไอ้ "สบู่หาย" เนี้ยแหละ คิดได้ไง เจ๋งว๊ะ 555++

ตอนพี่ๆเค้าคุยกัน มีอยู่ช่วงหนึ่งอยากจะพูดแทรกเหลือเกิน "เขาโมโกจู" มันอยู่ กำแพงเพชรป๊ะพี่ มันไม่ได้อยู่นครสวรรค์นะ (รึว่าพี่เล่นมุข) นู๋ตามไม่ทัน 555+++

ยังไงก็ขอบคุณพี่ๆมากนะคะที่ยังรอและเดินมาเป็นเพื่อนกัน ขอบคุณมากๆค่ะ

ส่งท้ายคำคืนนี้ด้วยภาพนี้แล้วกัน

"ต้นสนไร้ใบ" ต้นสนอาจจะคิดว่าตัวเองโดดเดี่ยวเดี่ยวดายเหลือเกิน แม้แต่ใบยังผลิจากต้น จนมองข้ามไปว่า รอบๆข้าง ยังมีสายลม ทะเลหมอก ก้อนเมฆ แสงอาทิตย์อยู่รายล้อมรอบตัว....

Nov.16th 2016

ได้เวลาเดินทางกลับแล้วว...

ขาลงชิวมากกก แต่นิ้วเท้านิช้ำเชียว เดินมาถึงตรงจุดนี้ก็ใจหายเล็กน้อย ฉันจะกลับแล้วจริงๆใช่ไหม...

จากวังกวางมาถึงหลังแป ฉันออกจากแคมป์ประมาณ8โมงนิดๆ มาถึงหลังแป ก็ยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ลูกหาบก็ยังไม่มาเลย เลยขอเก็บภาพสักนิดก่อนลงล่ะกัน

ถ้ามองลงไปข้างล่าง จะยังเจอหมอกจางๆปกคลุมอยู่

ถ้าก้มหน้ามองดินแล้วก้าวเดิน ก็จะเจอลูกสนเต็มพื้น

และถ้าเงยหน้ามองข้างบนจะเจอฟ้าใสๆกับต้นไม้ใบเขียวๆ

สวยไปอีก

ขาลงบอกเลย ได้เจอเพื่อนร่วมทริปทั้งที่เจอกันตอนนั่งรถมาด้วยกันวันแรก เจอกันตอนขึ้นภูวันแรก เจอกันระหว่างทาง เจอกันตอนอยู่แคมป์ เจอกันตอนไปกินข้าว เจอกันตอนไปเดินทัวร์สายน้ำตก เจอกันตอนไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เจอกันตอนไปดูพระอาทิตย์ตก เจอกันตอนไปลอยกระทงด้วยกัน... และบังเอิญเจอกันหลายๆครั้ง มันเลยทำให้คิดว่าทริปนี้เหมือนไม่ได้มาเที่ยวคนเดียวเลย มีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงภูกระดึง อยากรู้ว่ามีความสุขขนาดไหนต้องไปลองสักครั้ง...

....แล้วจะรู้ว่า "ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง" เป็นยังไง....


ความคิดเห็น