เดินทางกันต่อไปจ้าาา ช่วงนี้มีแพลนการเดินทางตลอดสิเรา ไม่เที่ยวภูเขา ก็ไปทะเล

ไม่เที่ยวทะเล ก็เที่ยวภูเขา เอ๊ะยังไงๆ แต่วันนี้เราจะพาไปทะเลใกล้กรุงกันค่ะ

เกาะสีชัง ชื่อน่าชังแต่คนน่ารัก รวมทั้งคนรีวิวด้วยช่่างน่ารักอะไรเบอร์น้าน

พูดถึงเกาะสีชัง เราไปเที่ยวมากว่า 5-6 รอบแล้วนะเออ แต่ทุกครั้งที่ไปคือ

แบบ One Day Trip ค่ะ ตกเรือบ้าง เที่ยวยังไม่ทั่วบ้างก็ว่ากันไป ไม่เคยได้มีโอกาสค้างคืนหรอก หากถามว่าเหนื่อยมั้ย

ก็มากเช่นกันค่ะ เกี่ยวกับต้องทำเวลาไปแต่ละที่ และแว๊นกลับมาให้ทันเรือ ส่วนจะเที่ยวบนเกาะแบบ Slow Life เห็นทีจะยากนิดนึง เล่นทำเวลากันขนาดนั้น 555



แต่ครั้งนี้ เป็นครั้งแรก ที่เราจะได้พักบนเกาะสีชังแบบค้างคืนด้วยนะเออ อะไรจะวิเศษอย่างนี้

แบบนี้แหละทำให้เราได้มีโอกาสเห็นแสงเช้า แสงเย็น ได้เห็นพระอาทิตย์ตกริมทะเลแล้วสิ เริดค่ะ บอกเลย

ไปๆ ไปกัน เกาะสีชัง นั่งเรือเพียง 45 นาทีเท่านั้น ค่าเรือ 50 บาท จากท่าเรือจรินทร์ (ท่าเรือที่เกาะลอยปิดปรับปรุง 2 ปีนะคะ)

ที่นี่คือที่พักของเราบนเกาะสีชัง

Somewhere Koh Sichang

หากใครมาพักที่ซัมแวร์ เกาะสีชัง แนะนำให้นำรถไปจอดที่ Kantary Bay Sriracha และแจ้งพนักงานให้นำรถมาส่งที่ท่าเรือได้ค่ะ สะดวกอย่างมาก ห่างจากท่าเรือเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้นเอง อ้อ. Kantary Bay Sriracha และ Somewhere Koh Sichang เป็นโรงแรมในเครือเดียวกันค่ะ

เมื่อข้ามเกาะมาถึงท่าเรือแล้ว เลือกได้เลยค่ะว่าจะใช้บริการรถแบบไหน สำหรับเราเลือกเช่ารถมอไซด์ แบบค้างคืนพร้อมน้ำมันเต็มถัง คันละ 300 บาทเท่านั้น หรือ หากใครอยากใช้บริการสกายแล็ปก็ได้มากันหลายคนหน่อยคุ้มๆ 250 พาเที่ยวรอบเกาะได้เหมือนกันค่า 2-4 ชั่วโมง

Somewhere Koh Sichang ห่างจากท่าเรือเพียง 700 เมตรเท่านั้นเองมีป้ายบอกทางตั้งแต่ท่าเรือกันเลยนะคะ สะดวกมาก

เช็คอิน และรับ Welcome Drink น้ำส้มเย็นๆ สักแก้วให้ชื่นใจๆ ก่อนเข้าไปพักผ่อนภายในห้องพัก ที่ Somewhere Koh Sichang กันจ้า




Somewhere Koh Sichang เป็นโรงแรมขนาดเล็ก แนววินเทจค่ะ มีเพียง 20 ห้องเท่านั้น

ราคาวันอาทิตย์-พฤหัส 2200 บาท วันศุกร์ 2400 และวันเสาร์ 2800 บาทรวมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน

ที่นี่คนไม่เยอะ ไม่พลุกพล่านด้วย เป็นส่วนตัวสุดๆ วันที่เรามายิ่งเป็นวันธรรมดาที่ได้มาพักแล้วล่ะก็ เสมือนเป็นโรงแรมส่วนตัวก็ว่าได้ อิอิ

ระบบคีย์การ์ดห้องพัก ปลอดภัย



ห้องพักโทนสีขาวฟ้า พอเข้ามาเห็นภายในห้องแล้วล่ะก็ยิ้มกว้างงงง

สาวสวยแบบเราน่ะชอบเลยค่า ลัลล๊ากันสุดๆ เมื่อเจอสีสันหวานๆ แบบนี้


โดยรวมคือห้องพักแบบนี้ เราชอบค่ะ การตกแต่งน่ารัก มุมสวยๆ ชอบดีไซน์หัวเตียงกับลายหมอนกิ๊บเก๋ เอาไว้ถ่ายเซลฟี่เช็คอินได้ และ Wifi ที่นี่แรงดีด้วยนะเออ

จุ๊ๆ ขอเช็คอินใน Facebook กันหน่อยน้าาาา


ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบค่ะ ทีวี LED เครื่องปรับอากาศ ระเบียงเปิดออกไปกว้างๆ รับลมและเห็นวิวทะเลมาแต่ไกล

มาดูภายในห้องน้ำกันบ้าง หน้าตาเป็นแบบนี้จ้า


เมื่อเช็คอินพักผ่อน และสำรวจภายในห้องพักกันไปแล้ว ถึงเวลาออกไปสำรวจเกาะสีชังกันต่อนะคะ

ใกล้ช่วงเย็น ลมเย็นๆ กำลังจะมาจ้า แว๊นมอไซด์ บิดๆ กันไปแป๊บเดียวถึง



พระจุฑาธุชราชฐาน และสะพานอัษฎางค์



สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานท่าเรือขนาดใหญ่ สร้างด้วยไม้สักทาสียื่นออกไปในทะเล

สร้างในรัชกาลที่ 5 เป็นหนึ่งในไฮไลท์ สถานที่ทุกคนต้องมาเยือน เมื่อมาเกาะสีชังนะคะ

และได้ชื่อว่า เป็น "สะพานแห่งรัก"

ช่วงวันที่เราไปเกาะสีชังนั้น ใกล้กับวันลอยกระทง พระจันทร์เต็มตัวยักษ์ใหญ่ที่สุดในรอบ 68 ปีด้วย ช่วง 5 โมงเย็นพระจันทร์โผล่ขึ้นมาแถวนี้ด้วย

จึงมีโอกาสได้เก็บภาพพระจันทร์ยามเย็นมาให้ชมกัน แบบซูมๆ ซูมกันมาแต่ไกล ก็ได้เท่านี้ 555



เรือนไม้ริมทะเลสีเขียว เดิมทีเป็นบ้านของชาวต่างชาติค่ะ หันหน้าเข้าหาทะเล แต่ตอนนี้เป็นจุดบริการนักท่องเที่ยว

เราก็ไม่ได้ขึ้นไปดูนะคะว่าข้างในมีอะไรบ้างจะบอกว่า มากี่ที กี่ครั้งก็ไม่เคยขึ้นไปดูเลย 555

อีกจุดๆ เราเรียกว่าตึกขาว ภายในก็จะมีจัดแสดงของเก่าและประวัติของพระที่นั่งค่ะ

มองเห็นได้จากภายนอก แต่หากถามว่าเราได้เข้าไปดูภายในตึกขาวด้วยไหม ก็คงยังเป็นคำตอบเดิมนะ 555



แต่เราเลือกมานั่งรับลมทะเลเย็นๆ ตรงสะพานเล็กๆ นี่ไง พร้อมมองดูทะเล มองดูพระจันทร์เต็มตวง

ที่ขึ้นสู่ท้องฟ้าเรื่อยๆ ให้เฆฆบังบ้าง ไม่บังบ้างก็ว่ากันไป เพลินๆ ดีเหมือนกันค่ะ

พออิ่มจากตรงนี้ ก็ไปตรงนั้นต่อ และที่ที่เราเลือกจะไปคือฝั่งทิศตะวันตก ดูพระอาทิตย์ตกทะเล ที่นี่

ช่องเขาขาด

ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นจุดที่พระอาทิตย์ตกได้สวยที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะสีชัง ที่เราไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง


ณ เวลานี้ ลมเย็นๆ และพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าลงสู่ทะเล

เราชอบที่สุด ชอบมองพระอาทิตย์ลับไป เราชื่อว่า เพื่อนๆ ก็คงชอบเหมือนกันนะคะ ในช่วงเวลานี้

^_______^


เสียงชัตเตอร์จากกล้องเราดังเป็นระยะๆ สักพัก เราก็วางลง วางทุกอย่างและนั่งหันหน้ามองไปตรงหน้า อย่างสบายใจที่สุด

กับแสงสุดท้ายของวันนี้ ณ ที่นี่ ช่องเขาขาด ที่แสนประทับใจ

พอแสงหมดแล้วได้เวลาแว๊นกลับกันแล้วจ้า ก่อนจะถูกยุงหามเอาได้ 555




แว๊นกลับมาที่ Somewhere Koh Sichang ที่ห้องอาหาร The Verandah Restaurant

เป็นห้องอาหารเดียวภายในซัมแวร์ ที่เปิดตลอดเวลา สำหรับเช้า บ่าย เย็นถึง 5 ทุ่ม

อาหารจะมีทั้ง อาหารไทย อาหารฝรั่ง และคาเฟ่ ยามบ่าย รวมถึงบาร์ยามค่ำคืน

มื้อนี้เราขอฝากท้องกันที่ห้องอาหาร The Verandah Restaurant กันเลยนะคะ

เมนูแรก พิซซ่าหน้าแซลมอน Smoked Salmon Pizza ราคา 300++ มีทีเด็ดคือชอบแป้งบางกรอบ อบมาร้อนนี่ยิ่งชอบค่ะ

ตามด้วย BBQ Chicken Served สเต็กไก่ 140++ และ Grilled Pork Chop สเต็กหมู 200++

ค็อกเทลแก้วของเราขอแบบสีสันนิดนึงค่ะ ไม่เน้นไรมาก เน้นอร่อยเป็นพอแก้วนี้เล้ย

Shirley Temple 110++


มุมเครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายค่ะ ค็อกเทลแนะนำอื่นๆ ก็จะมี Fruit Punch หรืออยากได้สีฟ้าสวยๆ ก็เลือก Blue Curacao Italian Soda ก็ได้จ้า

ให้ค่ำคืนนี้เป็นบาร์เล็กๆ เม้าท์มอยกันก่อนกลับห้องก็ได้ ณ The Verandah Restaurant

สำหรับเราคือ ออกมาดูความสวยงามยามค่ำคืนของ Somewhere Koh Sichang

พอมาถึงบ้านเห็นภาพแล้วคิดในใจ ทำไมไม่พาตัวเองไปยืนอยู่ในภาพด้วยน้า เพราะชอบมากมุมนี้


มีสวนหย่อมเล็กๆ ด้วยนะเออ เอาไว้เหมารีสอร์ทจัดปาร์ตี้ตรงนี้ก็เริดเหมือนกันเนอะ

แอบคิดๆ ไว้ อยากมีช่วงเวลาแบบนั้นบ้างไง อิอิ

ตามด้วยสระว่ายน้ำภายใน Somewhere Koh Sichang เป็นสระว่ายน้ำไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป

ขนาดกำลังพอดี มีสระเด็กด้วย ณ เวลานี้ยังไม่มีใครมาเล่นน้ำเล้ย

พอเราเก็บภาพ และเดินหันหลังกลับขึ้นห้องเท่านั้นแหละ มีคนโดดตู้มเลยจ้า


โดยรวมเราชอบนะ แสงสีแบบนี้ โทนสีขาวฟ้าแบบนี้ สวยดีค่า

เข้าไปห้องพัก มองพระจันทร์กันต่อมั้ย ณ เวลานี้ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ห้องนี้ของเรา เตียงใหญ่สะใจมาก

ขนาด 6 ฟุตกว้างๆ นอนสบายกันไปเลยคืนนี้ ^^



เช้าวันใหม่ ตื่นสายๆ หลังจากเมื่อวานได้มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ตกอย่างสวยสุดใจไปแล้ว

มาจัดการเพิ่มพลังงานให้ตัวเองกันก่อนค่า ที่ห้องอาหาร The Verandah Restaurant เช่นเดิม

วันที่เรามาเยือนเป็นวันธรรมดา ลูกค้ามาเช็คอินไม่เยอะ จะไม่มีไลน์อาหารเช้าจ้า

แต่จะมีเมนูมาให้เราเลือกสั่งได้เต็มที่

เราเลือกข้าวต้มหมู ไข่ต้ม กับไส้กรอก แค่นี้เอง ไม่เยอะเลยเนอะ ^^


พร้อมผลไม้อีกหน่อย ก็เตรียมตัวไปแว๊นต่อแล้วจ้า บอกเลยวันนี้แดดกำลังมาแรง

เกาะสีชังเช้านี้ ฟ้าเปิด บรรเจิดมากกกก



อยากรู้มั้ยว่า แดดบรรเจิดแค่ไหน แค่แว๊นมากับเราแล้วใส่เสื้อสีดำมาด้วยเลยนะ รู้กันค่ะ 555


ว่าแล้วเราก็แว๊นมาหยุดกันที่นี่ หาดถ้ำพัง อ่าวอัษฎางค์ : Tampang Beach

ตอนสายๆ วันนี้คือสวยโดนใจเราอย่างมากกกก กับท้องฟ้า ท้องน้ำช่างเป็นสีเดียวกันเสียจริงๆ


เกาะสีชัง เราเคยมาครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อน ก็แวะมาที่หาดถ้ำพัง ก็สวยแบบนี้นะคะ มาช่วงเดือน พฤศจิกายนด้วย

ฟ้าสวยบรรเจิดได้ที่ ชอบจริงๆ จากสองปีมาแล้วก็ไม่ได้มาเยือนอีกเลย เพิ่งมีโอกาสครั้งนี้แหละค่ะ ยังสวยเหมือนเดิม

ที่นี่ประทับใจเรามาก ถ้าถามเราว่าแดดร้อนไหม ในเวลานั้น ตอบได้ทันทีเลยค่ะวา "ไหม้" 555




แว๊นๆ ขึ้นมาข้างบนมุมสูงของหาดถ้ำพังอีกจะเป็นโขดหิน และจุดชมวิว

มีศาลาให้นั่ง แถมด้วยขยะมุมนี้เยอะไปหน่อย เราอยู่ได้แป๊บเดียวกลับออกมาล่ะค่ะ สมใจเราล่ะทริปนี้

ได้ทั้งพัก ได้ทั้งเที่ยว ได้พบเจอทั้งแสงสวยๆ จากธรรมชาติ นี่แหละค่ะที่อยากเจอ และอยากเจอแบบนี้บ่อยๆ

กลับออกมาแล้วจ้าา Somewhere Koh Sichang ได้พัก 1 คืน กับที่พักน่ารักแนววินเทจ

เอาข้อมูลมาให้ค่ะ เผื่อใครสนใจสอบถามเพิ่มเติมไปพักและตะเวนเที่ยวทั่วเกาะกันแบบเรา ^^


ซัมแวร์ เกาะสีชัง

194, 194/1 หมู่ 3 ถ.ท่าเทววงษ์ ต.ท่าเทววงษ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี 20120

โทรศัพท์: +66 (0) 3810 9400

อีเมล์: [email protected]

[email protected]

Reservations Centre : 1627


ได้เวลาอำลาเกาะสีชังแล้วจ้า เกาะเล็กๆ น่ารักๆ ไม่ได้น่าชังสมชื่อ เรือออกทุกชั่วโมง

มาถึงท่าเรือระหว่างนี้นั่งรอก็มองวิว มองบรรยากาศรอบๆ กันไปก่อนน้าา


และก็ได้เวลาอำลาเกาะสีชัง อย่างเป็นทางการ แล้วเราจะกลับมาพบกันใหม่ค่ะ


ขอบคุณที่ติดตามชมค่าาา

จัดเต็มทุกรีวิว จัดเต็มทุกพื้นที่ ไม่ว่าทริปนี้ หรือทริปไหนๆ

RinSa YoyoLive

 วันพฤหัสที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.54 น.

ความคิดเห็น