ສະບາຍດີ ວັງວຽງ - ຫຼວງພະບາງ - ວຽງຈັນ. (ລາວ)



จะพาไปเที่ยวต่างแดน เงินพี่มีไปได้แค่ชายแดน



นี่คือการเดินทาง ของสาวน้อยคนหนึ่ง ที่หลงรักการเดินทางเป็นอย่างหนัก จะพูดว่า เที่ยวจนไม่มีจะแ๑ก ก็ได้ (ขอโทษที่ไม่สุภาพ)

นี่ไม่ใช่การเดินทางไปเที่ยวประเทศลาว ครั้งแรกของเรา ประเทศลาว เป็นประเทศที่อยู่ติดกับประเทศไทย ฉะนั้น นี่คือการเที่ยว ประเทศลาว ครั้งที่ 6 และการกลับไปวังเวียง รอบที่ 3 เวียงจันทร์ รอบที่ 2 และหลวงพระบาง ครั้งแรก ของเรา ... (เยอะเนอะ)



เอาเป็นว่า เดี๋ยว วันนี้เราจะพาไปเที่ยว ประเทศ ລາວ ประเทศ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ และผู้คนที่น่ารัก ๆ กันนะคะ

รีวิวนี้ สาระไม่ค่อยจะมี เท่าไหร่ เน้นแชร์รูป รัว ๆ ละกัน (เนื่องจากรีวิวเกี่ยวกับวังเวียง-หลวงพระบาง มีเยอะมาก เราขอไม่ใส่สาระแล้วกันเนอะ)



รูปถ่ายทั้งหมด มาจาก กล้อง Gopro Hero5Black Editing photo by snapseed

ฝาก Follow My Instagram : a.sexy.journey : https://www.instagram.com/a.sexy.journey/



Watch My VDO Trip : https://www.facebook.com/kannikar.beautiful/videos/vb.100005117558361/673042976209615/?type=3&theater



กระทู้ลุยเดี่ยวเที่ยวกระบี่ : http://pantip.com/topic/35618004



ภาพถ่ายและเรื่องราวการเดินทาง ระหว่างวันที่ 1-6 ธันวาคม 2559



วันที่ 30 พ.ค. 2559 ออกเดินทาง จากที่พัก มุ่งหน้าสู่ นครชัยแอร์ รถรอบ 21.45 น. ออกเดินทางถึง บขส. อุดร ช่วงเวลา 06.00 น. ราคาตั๋ว 458 บาท ....

จริงๆ การเดินทางไปวังเวียงก็มีหลายวิธี แล้วแต่ใครสะดวก ...


1. ใครชอบความเร็ว จะเลือกบินก็ได้ ลงอุดร หรือ เวียงจันทร์ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์ของแต่ละบุคคล ถึงเวียงจันทร์ก็หารถไปลงวังเวียงแค่นี้เอง

2. ใครไม่เร่งรีบ จะเลือกนั่งรถไฟจากหัวลำโพงไปลงหนองคาย แล้วต่อรถจากสถานีรถไฟหนองคาย เข้าด่านไทย (หรือจะเดินเอาก็ได้ เราเคยเลือกข้อนี้ แล้วเดินไปด่านไทย) เสร็จแล้วนั่งรถหวานเย็น ไปด่านลาว แล้วหาตุ๊กๆ ไปขนส่งเหนือ ซื้อตั๋วไปวังเวียง ราคา 300 บาท ก็ได้เช่นกัน (ประสบการณ์จากเราเองตอนไปเที่ยวรอบที่ 2 เราไปทันรถออกรอบ 10.00 โมง พอดี ถึงวังเวียงก็ประมาณ 4โมงกว่าๆ)

3. หรือจะเลือกนั่ง Bus ก็ได้ เราเลือกของนครชัยแอร์ ช่วงรอบ 21.45 น. จะถึง บขส. ช่วงเวลา 06.00 น. ถึงแล้วก็ ล้างหน้า ล้างตา หาอะไรกิน แล้วเดินข้ามไปอีกนิด เพื่อซื้อตั๋วไปวังเวียง มีรอบเดียว คือ รอบ 08.30 น. ราคาตั๋วอยู่ที่ 320 บาท ถึงวังเวียง ก็ประมาณ 4 โมงกว่า ๆ (อันนี้เวลาปกติ) ถ้าขับเร็ว ก็อาจถึง บ่าย 3 โมง (รอบนี้คนขับ ขับไวมาก) ถ้าขับช้าหรือ เราทำเรื่องผ่านด่านช้า ก็อาจถึงช่วงเวลา 5 โมงเย็น



สถานีเดินรถอุดรธานี โทรไปสอบถามเรื่องตั๋วได้ ที่ 0-4222-1489



วันที่ 1 ธันวาคม 2559 ออกเดินทาง จาก บขส. อุดร มุ่งสู่ วังเวียง

รถออกจาก บขส. ประมาณ 9 โมงกว่าๆ มุ่งตรงสู่ บขส. หนองคาย เพื่อรับคนเพิ่ม แล้วตรงดิ่งไปยังสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หลังจากนั้น เราก็เตรียมเอกสารที่เขาแจกให้บนรถ ทำการกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา แล้วก็ เดินไป ตม. เพื่อผ่านด่านไทย- ลาว แล้วมุ่งหน้าสู่ ด่านที่ 2 นั่นคือ ด่านลาว เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ ประเทศ ลาว อย่างเต็มตัว จากด่านลาวใช้เวลาไม่ค่อยนานเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่ช่วงเทศกาล คนเลยไม่ค่อยเยอะ กรอกข้อมูลให้ครบ ยื่นพร้อม Passport ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แล้วไปซื้อบัตรผ่านแดน ราคา 1,000 Kip หยอดบัตรผ่านแดน ....



เเต๊น นนนนน แต๊นนนน แต๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนน ยินดีต้อนรับสู่ สปป. ลาว อย่างเป็นทางการ ສະບາຍດີ

เรื่องของเงินลาว (กีบ)


สามารถแลกเงิน ได้ที่ ธนาคาร ตรงด่านลาว หรือจะไปแลกที่วังเวียง ตามร้านค้า ก็ได้แล้วแต่สะดวก สำหรับเรา แลกตรงจุดขายซิม ข้างๆ ธนาคาร ตรงด่านลาว ในธนาคารให้ 1 บาท / 230 กีบ ส่วนร้านค้า ให้ 1 บาท / 235 กีบ (คนขับรถบอกเดี๋ยวค่อยไปแลกตรงร้านข้าวตอนจุดแวะพักรถก็ได้ ถูกกว่า แต่อย่าไปเชื่อคะ เราลองถามแล้ว ตรงร้านข้าวให้ 1 บาท / 230 กีบ เท่ากับธนาคารเลย ) ฉะนั้น เจอตรงไหนที่ราคาดี ก็เเลกไปเลยดีกว่า นะจ๊ะ ( วิธีคิดเงินกีบเป็นบาท ตัด 0 ออก 3 ตัว แล้วคูณด้วย 4 นะจ๊ะ)

หรือไม่ก็จำแค่นี้ก็ได้ 1,000 Kip = 5 THB , 10,000 Kip = 40 THB

จริง ๆ ใช้เงินไทยจ่ายที่ลาวก็ได้ (เฉพาะแบงค์นะ เหรียญเขาไม่รับ)



หลังจากที่ใช้เวลามาสักพัก รถก็จอดให้พักที่จุดแวะพัก เพื่อเข้าห้องน้ำ ทานข้าวกัน (ณ จุดนี้ 2 ครั้งแรกที่เรามา ยังเป็นร้านเล็ก ๆ อยู่ริมข้างทางอยู่เลย แต่พอมา รอบที่ 3 ห่างจาก รอบที่ 2 แค่ 7 เดือน ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป ร้านมีการขยาย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้น)



หลังจากนั้น รถก็ตรงดิ่ง มุ่งสู่ วังเวียง เราใช้เวลา ไม่นาน สักพัก ก็มาถึงวังเวียง ช่วงเวลา บ่าย 3 โมงกว่า ๆ รถจอดที่ บขส. วังเวียง ถ้าใครมีแพลน จะไปหลวงพระบาง หรือกลับเวียงจันทร์ ก็สามารถ ซื้อตั๋ว ได้ ณจุดนั้นเลย เขามีบริการ .... จะมีรถมารับเราจาก บขส. วังเวียง เพื่อไปส่งยังตัวเมือง วังเวียง (ฟรี) เสร็จแล้ว ใครยังไม่ได้จองที่พัก ก็สามารถ Walk in ได้เลย ที่พักที่ วังเวียง มีเยอะมาก สำหรับเรา Booking มาก่อนล่วงหน้าแล้ว ระหว่างเดินหาที่พัก รูปแรก ที่ถ่าย ที่วังเวียง นั่นก็คือ สถานที่ ที่เหล่า สายตี๊ด สายแดนซ์ สายแข็ง ต้องห้ามพลาด ....



ถ่ายไว้ก่อน เดี๋ยวคืนนี้เจอกัน
Real Vang Vieng Backpacker Hostel 2 และนี่คือสถานที่ซุกหัวนอน ของเรา สำหรับ 2 คืน ราคา 471 บาท เหมาะสำหรับคนที่ไม่ซีเรียสเรื่องการแชร์รูม นอนร่วมกับคนอื่นได้ ดีต่อใจ สำหรับคนที่อยากเจอเพื่อนใหม่ ๆ (โดยเฉพาะหนุ่มตาน้ำข้าว )

Hostel นี้ มี 2 สาขา นะ สาขาแรก อยู่ ใกล้ๆ ซากุระบาร์ ส่วน สาขาที่ 2 อยู่ห่างจากสาขาแรก ประมาณ 300 เมตร ถนนเส้นทางเดียวกับ รพ.วังเวียง



วิวจาก Hostel สาขา 2 ชั้นบนเป็น Roof Bar

อาหารเช้า จาก Hostel คิดรวมกับค่าห้องเรียบร้อยแล้วนะ มีทั้งกาแฟ นมสด ขนมปัง เริ่ม 07.00 -10.00 น.


สภาพข้างในห้อง ถ่ายจากเตียงชั้นบนของเรา ส่วนห้องน้ำ เป็นแบบรวม ห้องน้ำสะอาด ทุกชั้น มีไดร์เป่าผม ห้องนอน มีคีย์การ์ดให้ มี ล็อกเกอร์ แต่ต้องเตรียมกุญแจไปเอง เป็นห้องแอร์ (เย็นมาก)


Zone กิจกรรมร่วม ชั้นล่างของ Hostel มีโต๊ะสนุ๊ก มีคอม มี Wifi มีห้องดูหนัง มีบริการกิจกรรม ต่างๆ , รถ ETC...


หลังจากเรา Check in เรียบร้อย เก็บกระเป๋า เสร็จก็ประมาณ 5 โมงเย็น แล้ว ไม่รู้จะทำไร ก็เดินเล่น แถว ๆ ริมแม่น้ำซอง ไปนั่งกินโค้ก ที่ บาร์น้ำ และไปถ่ายรูปที่ จำปาลาว บังกะโล ตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน สวยมาก ได้บรรยากาศ สุดๆ ฟิน!!!


ระหว่างทางเดินกลับ ที่พัก เราก็แวะซื้อ บาร์บีคิว ตรงหน้าที่พัก (จำชื่อไมได้) ไม้ละ 5,000 Kip


เดินเช็คหา One day trip สำหรับพรุ่งนี้ เราเลือก ไป ถ้าน้ำ - คายัค - ตาดยุ้ย (อันนี้เหมาไปกัน 3 คน โดนไป คนละ 200,000 Kip)

แวะเข้าที่พัก Share Photo ใน Facebook สักพัก ก็ออกไป กิน บะหมี่เกี๊ยว เยื้องๆตรงข้าม ซากุระ บาร์ หลังจากนั้นก็ กลับที่พัก ไปอาบน้ำ แต่งตัว ออกล่าเหยื่อ 555+ ทริปนี้เรามี สมาชิก อยู่ 3 สาว (เหยื่อของแต่ละคน ก็ไม่เหมือนกัน คนนึงเน้น โอปป้า อีก 2 เน้นแนวยุโรป)

ซากุระบาร์ แจกเหล้าฟรี !!!!! 20.00-21.00 น. นะจ๊ะ ใครสายนี้ ก็รีบๆ ไปกันละ ส่วนพวกเราไม่ใช่สายแข็ง เลยออกไปช่วง 4 ทุ่ม กว่าๆ ซึ่งเป็นช่วงที่ จังหวะกำลังมันส์ ได้ที่กันเลยที่เดียว


อากาศเย็นๆ แบบนี้ เราต้องมาตี๊ดกันหน่อย


ซากุระ ปิดประมาณ 23.30 น. พวกเราก็ไปต่อกับที่ วีว่า ตี๊ด ๆ ๆ กันถึง ตี 2.30 น. เข้าที่พักนอน ....วันที่ 2 ธันวาคม 2559 One day Trip [ ถ้ำน้ำ -ถ้ำช้าง- คายัค - ตาดยุ้ย ]


One day Trip นัดมารับที่หน้าที่พัก ตอน 09.00 น. แต่เนื่องจาก พวกเรามีกันแค่ 3 คน รถเลยมารับพวกเราตอน 09.30 น.


นั่งชิล ๆ ลมเย็น ๆ มุ่งหน้า สู่ กิจกรรม ของวันที่ 2 ไปยังหมู่บ้าน ถ้ำช้าง เพื่อไป ลอดถ้ำน้ำ และ ไหว้พระ ที่ถ้ำช้าง ที่มีหินงอกเป็นรูปช้าง


เด็กน้อย ที่หมู่บ้านถ้ำช้าง น่ารัก ขี้เล่น มาก กว่าจะถ่ายรุปนี้มาได้ โดนเด็กแกล้งไปหลายทีเลย


ระหว่างทางเดินไป ถ้ำน้ำ รถจะจอดรอกลางทาง เราต้องเดินเท้าไปอีก แปบนึง ก็ถึง


ถึงแล้ว ถ้ำน้ำ ไปถึง เช้ามาก ยังไม่ค่อยมีคน น้ำก็เย็น น้องที่พาไป เลยบอกให้นั่งพักแปบนึง ค่อย ไปทำกิจกรรม


สาว ๆ ก็เลย ถ่ายรูป รัวๆๆๆ

นั่งรอ สักพัก ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยว ทยอยกัน มา .... เอ้า ละ ได้เวลาที่ พวกเราจะได้ลอดถ้ำน้ำ กันบ้างแล้ว เดี๋ยวคนจะเยอะเกินไป... เอ้าลุย...


ภายในถ้ำ มืดมาก ถึงมีไฟฉาย ก็มองไม่ค่อยจะเห็นหรอก เราเอา Gopro เข้าไปด้วย ถ่ายรูป ได้ออกมาแค่นี้แหละ


จุดสิ้นสุด ก็ไม่มีอะไรมาก น้องๆ ที่พาพวกเราไป ก็พาไปคืบคลาน ดูหินงอก หินย้อย ภายในถ้ำ เสร็จแล้วก็ออก มา กินอาหารกลางวัน ที่ทัวร์เตรียมไว้ให้ ก็จะมีพวก บาร์บีคิว ข้าวผัด ขนมปัง (รวมกับราคาทัวร์เรียบร้อยแล้ว)


ระหว่างทาง แวะถ้ำช้าง เพื่อไหว้พระ ขอพร สักหน่อย


หลังจาก ลอดถ้ำ เล่นน้ำ อาบแดด ได้สักพัก พวกเรา ก็ ออกเดินทาง กันต่อ เพื่อไปทำกิจกรรมที่ 2 ของวันนี้


กิจกรรมที่ 2 kayaking ระยะทาง 9 กิโลเมตร


ระหว่างทาง พายคายัก น้องๆ ก็พาแวะ ร้านอาหารข้างริมแม่น้ำซอง เพื่อให้พวกเราเล่น Zipline กัน อันนี้เล่นฟรี เพียงแค่ซื้อน้ำที่ร้านเขาก็ได้เล่นแล้ว


เล่นกันสักพัก ก็ กลับมาพายคายัก ต่อ หลังจากนี้ ก็พาย ยาวๆ จนถึงที่หมาย ก่อนจากกัน ขอถ่ายภาพน้องๆ เก็บไว้หน่อย อุตส่า ดูแลพวกเจ๊ๆ เป็นอย่างดี


ได้เวลา ไป สถานีต่อไป .... กิจกรรมที่ 3 ลุย ตาดยุ้ย



รถจอดข้างหน้า ค่าบัตร เก็บรวมกับค่าทริปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ เราก็เดินเท้าขึ้นไป สักระยะ (เท่าไหร่ไม่รู้จำไม่ได้)

เล่นน้ำตก ถ่ายรูป เสร็จแล้ว ก็เตรียมตัวกลับที่พัก ก่อนที่จะค่ำมืด เดี๋ยวกลับลำบาก .... ปะกลับที่พัก ไปอาบน้ำ ลุย ซากุระบาร์ กันต่อ (เสียใจ วันนี้คือวันชาติของลาว Jungle Bar ไม่เปิด T^T พลาด รอบที่ 3 )


จบทริป One day ของวันที่ 2 เดี๋ยว มาต่อ วันที่ 3 เที่ยวแบบ Half Day แล้วไปลุยต่อกันที่หลวงพระบาง .... ສະບາຍດີวันที่ 3 ธันวาคม 2559 ลุย Half Day [บลูลากูน - ถ้ำจัง]


แว๊นซ์ Girls


บลูลากูน ช่วง 10 โมงกว่า คนเยอะมาก ตอนแรกแพลนว่าจะมาตั้งแต่เช้าๆ แต่ดันตื่นสาย


ค่าเข้า 10,000 Kip มอไซต์จำไม่ได้ 555+ พวกเราใช้เวลา ไม่ถึง 10 นาที ก็ออกจากที่นั่น เพราะว่าคนเยอะเกินไป (อีกอย่างเรามา2รอบแล้ว เลยเฉยๆ) แว๊นซ์ไปหาที่ถ่ายรูป เล่นดีกว่า

เรื่องเล่า จากภาพถ่ายระหว่างทาง .....


กราบรถกรู


สะพานสีส้ม เขาว่าคือ สัญลักษณ์ ของ เมืองวังเวียง


ถ้ำจัง ค่าเข้า 5,000 Kip


เช่ารถ Half Day = 60,000 Kip / 3 (ตกคนละ 20,000 Kip) ราคานี้ ขอต่อพี่เขามานะ


ค่าน้ำมัน เติมไป 10,000 Kip

จบทริป Half Day ของวันที่ 3 ที่ วังเวียง เสร็จแล้ว เราก็เอามอไซต์ไปคืน ช่วง บ่ายโมง แล้วไปนั่งกิน ขนมปังแซนวิซ กันตรงเยื้องๆ รพ. เสร็จแล้วกลับที่พัก เตรียมกระเป๋า รอรถ มารับไป หลวงพระบาง ตอนบ่าย 2 โมง ......



... แล้วเจอกัน นะ ສະບາຍດີ ຫຼວງພະບາງ ....... หลังจาก เราเช่ามอไซต์ลุย Half Day กันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็เเวะ หาอะไรกิน แล้วกลับเข้าที่พัก เอากระเป๋า รอรถตู้ที่จองไว้ มารับ ตอนบ่าย 2 โมง ระหว่างรอรถตู้ เราก็เจอเพื่อนหนุ่มชาวเดนมาร์ก ที่พัก Hostel เดียวกัน กำลังจะไปหลวงพระบางเหมือนกัน เราก็เลยขอ Contact ไว้เผื่อได้เที่ยวด้วยกัน



รถตู้มารับพวกเรา ประมาณ บ่าย 2 โมงกว่า ๆ ทั้งคัน มีเราแค่ 3 สาว ดู VIP สุด ๆ

ค่ารถจาก วังเวียง - หลวงพระบาง โดนไปคนละ 80,000 Kip

ตอนแรก เราคิดว่าจะนอนหลับยาวแบบว่า ตื่นมาถึงหลวงพระบางเลยอะไรประมาณนั้น แต่น้าคนขับรถ แกพูดเก่งมาก พูดตลอดทาง เลยหลับไม่ได้ ต้องคุยเป็นเพื่อนแก ทั้งคันก็มีกันแค่ 3 คน คนขับบอกว่าอยากแวะไหนบอก เดี๋ยวจะจอดให้ ....


วิวระหว่างทางจากวังเวียงไปหลวงพระบางเป็นอะไรที่สวยงาม มาก หากใครหลับ รับรองต้องเสียใจ แน่ๆ

Remember that happiness is a way of travel ... Not a destination. 🍃 – Roy M. Goodman


ความสุขของการเดินทางเกิดขึ้นระหว่างทางที่ไป ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง ...

ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ เจอจุดไหนสวย ก็แวะจอดถ่าย แวะไปแวะมา ได้เพื่อนเฉยเลย หล่อไหม?


หลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ... พวกเราก็มุ่งหน้าสู่หลวงพระบาง แบบไม่แวะไหนอีกเลย ถึงก็เกือบๆ 1 ทุ่ม หลังจากนั้นก็ไป Check in Hostel ออกมาหาอะไรกิน แล้วกลับเข้าที่พัก อาบน้ำ เตรียมจะนอน เพราะไม่ไหวกันจริงๆ เหนื่อยกับการเดินทาง มาก ๆ เกือบ ๆ 5 ทุ่ม เพื่อนหนุ่มชาวเดนมาร์ก ก็ส่งข้อความมาทัก ว่า คืนนี้ไปเที่ยวกัน คือใจเราอยากออกไปมาก แต่ร่างกายไม่ไหวจริงๆ เลยต้องตอบกลับไปว่า ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้าเนอะ ตอนนี้ ไอ ว๊อน ทู รีเเลค มาก ๆ เลย See u .....



.... ສະບາຍດີ ຫຼວງພະບາງ ....



วันที่ 4 ธันวาคม 2559



ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า รีบๆ ออกไป หา ..... 555+ เช้าวันนี้อากาศสดใส ลมหนาวพัดมาเบาๆ ทำให้ไม่อยากลุกออกจากที่นอนเลย แต่ก็อย่างว่า มาเที่ยวทั้งทีจะให้นอนอยู่แต่ Hostel อย่างเดียวก็ไม่ได้ ว่าแล้ว ก็อาบน้ำ แต่งตัว เตรียมออกไปหาอะไรทาน แล้ว เที่ยว ตาดกวางสี นี่คือ แพลนที่เราวางไว้ สำหรับวันนี้ ... สักพัก เสียงข้อความ ก็ดังขึ้น ตึง ตึ๊ง .. ใครเอ่ย อ่อ หนุ่มคนเดิมส่งมา เราเลยถือโอกาส ชวนไปนั่งจิบกาแฟ +เที่ยวด้วยกันสะเลย

พวกเรานั่ง จิบกาแฟ ทานสลัด กันที่ Joma ใกล้ๆ ที่พัก นั่งคุยกันสักพัก แล้วก็ชวนกันไปเดินเล่น แถวๆ ริมแม่น้ำโขง


ตอนแรกแพลนแค่ไปเดินเล่น ไหง ได้นั่งเรือ เที่ยววัด ชมถ้ำ สะงั้นอะ

ค่าเรือ โดนไป 96,000 Kip (หารกัน 6 คน เรา 3 สาว + เพื่อนหนุ่มชาวเดนมาร์ก+ หนุ่ม สวิช กับ สาวออสเตรีย) ตกคนละ 16,000 Kip



.... Just Trust me ...

เราเป็นคนแบบ นั่งเฉยๆ ไม่ได้ เลยถามลุงว่า ขอลองขับได้ไหม ลุงบอกได้ เลยขอลองหน่อย เพื่อนต่างชาติ จากยิ้มแย้ม หน้าเริ่มเปลี่ยนไป

ขับเรือมาได้ สัก 20 นาที ก็ถึงวัด (จำชื่อไม่ได้)



ค่าเข้า 10,000 Kip

เดินชมวัด ไปรอบ ๆ เจอน้องๆ กำลังนั่งเล่นกันอยู่ เลยขอถ่ายรูปด้วย


... Cave ...


ไกด์ตัวจิ๋ว พาพวกพี่ๆ ไปเที่ยวชมถ้ำ ที่อยู่ใกล้ๆ กับวัด ภายในก็ไม่มีอะไรมาก จะมีพวกหินงอก หินย้อย ที่น้องๆ ส่องไฟ แล้วบอกพวกพี่ๆว่า นั่นรูป ฤาษีซักผ้า นี่รูปแมงกะพรุน นั่นก็รูป นกอินทรี ส่วนนี้ก็รูป นมสาว ซึ่งดูยังไง พวกพี่ๆก็ดูไม่อยากว่าเหมือน ก็ได้แต่พากัน อ่อ โอเค ๆ กัน ตามจินตนาการของคน ที่บอกน้องๆ มา ภายในถ้ำยังมี พระพุทธรุปที่ทำจากไม้ ด้วยนะ อายุคงจะหลายปีอยู่ อันนี้เราก็บอกไม่ได้ เพราะเราถามน้องๆ ที่อาสาพาเที่ยว น้องๆ ก็ตอบเราไม่ได้ เราเลยบอกน้องๆ ว่าถ้าคิดจะเป็นไกด์ ต้องรู้คำตอบนะ เพราะเวลาคนถามจะได้ตอบได้ เขาจะได้ให้ทิป

เสร็จจาก นั่งเรือ เที่ยวชมวัดและถ้ำ พวกเรา ก็กลับเข้าฝั่ง ไปหาข้าวกลางวันกินกัน มื้อนี้ มีเพื่อนไปกินด้วยเพิ่ม 3 คัน เราอาสาพาไปกินอาหารพื้นบ้าน พวก ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ (โดยส้มตำ มื้อนี้ เราก็อาสาตำให้พวกฝรั่งกินเองกับมือ ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีใครกิน สรุปหมดจานเลย แต่เพื่อนบ่นว่าเผ็ดไป)


ยังไม่ทันได้เที่ยว กันแบบเต็มที่ เพื่อนหนุ่มชาวเดนมาร์ก ก็ต้องรีบขอตัวกลับ เพราะมี ไฟท์บินไปเวียดนามตอน บ่าย 2 โมง เราเลยต้องร่ำลา กันตรงนั้นเลย ไม่เป็นไรนะ ไว้มาเจอกันที่ เมืองไทย บาย ๆ



หลังจากที่หนุ่มเดนมาร์ทไป แล้ว ก็เหลือ 3 สาว แล้วก็คู่รัก สวิช - ออสเตรีย พวกเราตกลงกันว่าจะแชร์ค่ารถไป ตาดกวางสี ด้วยกัน จากนั้นเราก็เดินหาต่อราคารถ จนต่อมาได้ 160,000 Kip (หาร 5 ตกคนละ 32,000 Kip) - ค่าเข้า ตาดกวางสี 10,000 Kip



.... ຕາດກວາງຊີ Tat Kuang Si Waterfalls ....

ตาดกวางสี มี 2 ทางให้เดิน นะ ทางแรกเดินตรงไปน้ำตกเลย อีกทางเดินชมหมี ....


เห็นหมีหนูไหม เห็นหมีหนูไหม?

เราไปถึงกันประมาณ บ่าย 3 โมงนิดๆ คนยังเยอะอยู่ พวกเราเลยเลือกเดิน ขึ้นไป ข้างบน จากคำบอกเล่าจาก เพื่อนหนุ่มชาวเดนมาร์ก ว่าต้องขึ้นไปนะ มันสวย มาก ๆ (ขอบคุณนะที่บอก ถ้าไม่บอก พวกเราคงไม่ขึ้นกันไปแน่นอน)



ตอนแรกๆ เราคิดว่า ปีนขึ้นไป ก็คงจะมีแค่ต้นน้ำเล็ก ๆ แต่จริงๆ มันไม่ใช่เลย มันเป็นเหมือนแม่น้ำเลยนะ น้ำใส เล่นได้ด้วย มีชิงช้าให้เล่น มีแพให้ล่อง อีกต่างหาก แต่เราขึ้นกันไปก็เย็นมากแล้ว เลยไม่ได้ล่องแพ ได้แค่นั่งชิงช้าเล่นสักแปบ ก็เดินเล่นกัน เพราะเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน

เราเดินลงมาจากเขา ก็ 5 โมงกว่าๆ จากตอนแรกๆ คนเยอะมาก แต่ตอนนี้ เหลืออยู่ไม่ถึง 10 คน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าถ่ายรูปเอามาก ๆ


หลังจากเล่นน้ำ ถ่ายรูปเสร็จ พวกเราก็ออกจากตาด กันเกือบ ๆ 6 โมง ซึ่งตะวันก็ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว พวกเราเป็นกลุ่ม น่าจะสุดท้ายเลยแหละที่ออกมา ขากลับนั่งรถ ตากลม ตัวเปียก ๆ นี่มัน บ้าชัดๆ พอถึงที่พัก พวกเราก็ร่ำลา กับเพื่อนใหม่ ก่อนจากกัน ก็ แอด Facebook กันไว้ เผื่อเจอกันตอนไปเดินถนนคนเดินหรือ ที่ไหนสักที่ จะได้เที่ยวด้วยกันอีก

พวกเรากลับเข้าที่พัก เปลี่ยนเสื้อผ้า เสร็จแล้ว ก็ออกไปเดินเล่นถนนคนเดิน ไปนั่งกินเฝ้อ ตรงข้าม ศูนย์บริการนักเที่ยว ขอบอก ร้านนี้เด็ด อร่อยมาก ชามละ แค่ 15,000 Kip เองนะ ต้องลองไปชิม ... เดินเล่นสักพัก ก็กลับเข้าที่พัก และคุยกันว่าจะไปไหนต่อดี อันตัวเรารู้สึกปวดหัวและเพลียมาก เลยบอกพี่ๆว่า จะไปไหนก็ไปกันเลยนะ เดี๋ยวเราขอนอน เพราะพรุ่งนี้อยากตื่นแต่เช้า มาใส่บาตรข้าวเหนียว (ดูเป็นคนดีจัง)


แต่ คุณพี่ๆ ไม่ยอมให้เรานอน บอกว่า ไหนๆก็มาแล้ว เราต้องไปสัมผัส ชีวิตกลางคืน ของหลวงพระบาง ไปดูว่าที่นี่ มีอะไร จะเหมือนวังเวียงไหม ซึ่งเราก็บอก ไม่ไป เหนื่อยมากๆ แต่คุณพี่บอกถ้าไม่ไปพรุ่งนี้จะไม่ตื่นมาใส่บาตรเป็นเพื่อนนะ (แหนะมีการมาขู่น้อง) โอเค ไปก็ได้แปบเดียวนะ สรุปเราก็ตกลงกันว่าจะออกไปประมาณ 5 ทุ่ม ซึ่งสถานที่ ที่จะไปก็มาจาก เพื่อนหนุ่มชาวเดนมาร์ก แนะนำมา เหมือนเดิม ....



นั่นก็คือ Utopia เขาบอกว่ามันเป็น ไฮไลน์ ของที่นี่ คุณพี่ก็ได้ทำการเช็คในเน็ตเป็นอย่างดี ว่าปิดช่วงประมาณเที่ยงคืน พวกเราเลยออกกันตอน 5 ทุ่ม และเดินตาม GPS ไปเรื่อย ๆ ปรากฎว่า เราไปถึงกันประมาณ 23.20 น. ซึ่งตอนที่พวกเราเดินเข้าไปในซอยนั่น พวกฝรั่งก็พากันเดินออกมา แล้ว พูดกับพวกเราว่า Guy It's closing .... LOL คือแบบว่า มาทำไรกัน มันปิดแล้ว อะไรทำนองนี้ แต่พวกเราก็ยังไม่ยอมรับความหน้าแตกนี้ ยังคงเดินเข้าไปต่อ เจอหมาเห่า อีกต่างหาก วิ่งหนีแทบไม่ทัน พอไปถึงแค่นั้นแหละ เสียงเพลงไม่มี ผู้คนมายืนกันหน้าร้าน อี 3 ตัวนี้ ทำไงละ ตีเนียนสิคะ แสร้งทำเป็น พึ่งออกมาจากร้าน ยืนเม้ามอย หน้าร้าน เหมือนพวกมรุงอยู่กันมานาน อะไรทำนองนั้น ... นกตั้งแต่คืนแรก เอาไงละ ไปไหนดี ?



สักพัก ตุ๊ก ๆ ก็ตะโกน บอก Bowling bowling (อันนี้หนุ่มเดนมาร์กก็แนะนำมาเหมือนกัน) พวกเรานกจาก Utopia แล้ว ก็เลยตัดสินใจไป Bowling กัน จะไปดูว่ามันเป็นยังไง ทำไมถึงเปิดช่วงเที่ยงคืน เราก็นั่งตุ๊ก ๆ ไปกับ แก็ง ฮอลแลนด์ พอถึงที่หมาย เท่านั้นแหละ จากที่จินตนาการ กันว่า มันคงเป็นลานโยนโบว์ ที่มืด ๆ เปิดเพลง มันส์ ๆ นั่งดื่มกันไป โยนโบว์กันไป ทำนองนี้ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลยจร้า ก้าวแรกที่เดินเข้าไป กรุนึกว่า เข้าร้านอาหารจีน 555+ เปิดไฟสว่างมาก ภายในตกแต่ง ยังกะ ร้านอาหารจีนเลย ... ตรงลานโบว์ ก็จะมีพวกที่มากันก่อน จองนั่งเล่นกันหมด สรุปไม่มีโต๊ะให้นั่ง ให้เล่น ถักมามันจะมี โต๊ะยาว กางไว้ ใกล้ๆ ห้องน้ำ คล้าย ๆ โต๊ะ ในโรงอาหาร เอาไงละ ไม่มีที่นั่งก็ไปนั่งกัน 3 คัน ตรงนั่นแหละ พวกฝรั่ง ก็มองกัน คงคิดในใจอิพวกนี้ไม่มีคนคบ

คนสวย ฟ้า ย่อมเห็นใจ .... ในที่สุด ก็มี หนุ่มจาก อิตาลี 2 คนเดินมาหา (จริงๆ คือ มันเล่นกันจบเกมส์แล้วจะมีคนเล่นต่อ แล้วมันไม่มีที่นั่ง มันเลยต้องมานั่ง ตรงโต๊ะยาวกับพวกเรา)

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา คุณพี่ ก็เลยชวนหนุ่มๆ เล่นโบว์ด้วยกัน พวกเราเล่นไป 2 เกมส์ เกมส์ละ 40,000 Kip ทีมไหนแพ้ ทีมนั้นต้องทำตามที่ทีมชนะ บอก (ปรากฎทีมเราแพ้ เราต้องไปชวนโต๊ะอื่น มาเต้นด้วย) แล้วคิดดูไฟสว่าง ไม่มีใครเต้นเลยสักคน แต่พวกเราต้องเดินไปชวนโต๊ะอื่นเต้น ซึ่งเราก็เดินไปชวน แก็ง ฮอลแลนด์ ที่นั่งรถมาด้วยกัน เต้น ปรากฎว่า พอพวกเราเต้น มีแต่คนมอง และเต้นตามนะจ๊ะ

หลังจากนั้น พวกเราก็พากันกลับ ตอนตี 2 เพราะ Bowling ปิด พากันแชร์รถ กับ หนุ่มอิตาลี - ฮอลแลนด์ กัน พอถึงตัวเมือง แก็ง ฮอลแลนด์ ชวนไปนั่งนับดาว ริมแม่น้ำโขง แต่เราไม่ไป แหม้ อากาศหนาว ขนาดนั้น ใครจะมีอารมณ์ มานับดาว เราตัดสินใจกลับที่พักกัน โดยมีหนุ่มอิตาลี 2 คน เดินไปส่ง เพราะพักใกล้ๆ กัน พอถึงที่พักก็พอกัน แลก Contact ไว้ และนั่งคุยกันหน้าที่พัก จนตี 4 แล้วหนุ่มๆ ก็ขอตัวกลับ เพราะอีกคน มีไฟท์บินไปสิงคโปร์ตอนเช้า หลังจากนั้น พวกเราก็พากันอาบน้ำ เข้านอน ตอนตี 5 ..... สรุป ใส่บาตรข้าวเหนียว คืออะไร ?



วันที่ 5 ธันวาคม 2559

เราตื่น ตอน 7 โมงเช้า (นี่คือนอนแล้วใช่ไหม) คิดแพลนว่า วันนี้จะทำอะไรบ้าง แพลนที่ได้คือ เดินเที่ยวรอบ ๆ หลวงพระบาง ตอนเย็นไป วัดพูสี กลับมาที่พัก ตอน 6 โมงเย็น นั่งรถไปเวียงจันทร์ ....



มื้อเช้าไปทานเฝ้อกันที่นี่นะ เดินเลย Joma มานิดเดียวถึง อร่อยมาก ร้านเปิดถึง เที่ยงนิดๆ นะ เปิดอีกที ตอนเย็นเลย

แต๊น แต๊น น น นน น .... รูปนี้ถ่ายกับหนุ่มอิตาลี และก็คุณยาย จากเมืองบาเซโลน่า ที่เจอตอนอยู่วังเวียง (คุณยายน่ารักมากมาเที่ยวคนเดียวด้วย)


สรุป คือ วัดพูสี เราไปนะ ขึ้นไป ยังไม่ถึงจุดชมวิว หนุ่มอิตาลีบอก มาแล้ว ไม่อยากเสียเงินเพิ่ม เราก็เลยตัดสินใจไปเดินเล่นที่อื่นแล้วก็ไปดูพระอาทิตย์ตก ที่ริมแม่น้ำโขงแทน


ที่พัก ที่หลวงพระบาง สำหรับ 2 คืน คนละ 886 บาท (จองมาจาก Agoda) "เฮือนพัก อุดมสุข"


หลังจากนั้นก็มาเตรียมตัว รอรถ มารับ ช่วง 6 โมงเย็น เตรียมตัว นอนยาว ไปเวียงจันทร์ ....ສະບາຍດີ ວຽງຈັນ


วันที่ 6 ธันวาคม 2559

ไม่มีอะไรมาก กับ เมืองเวียงจันทร์ เรานั่งรถนอน จากหลวงพระบาง ตอน 20.30 น. มาถึง เวียงจันทร์ 10 โมงเช้า คือเป็นการเดินทางที่ยาวนานกันเลยทีเดียว พอถึง บขส. เราก็หาห้องน้ำ ทำธุระ ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วนั่งรถเมย์ ไปลง ตลาดเช้า เพื่อซื้อตั๋วกลับอุดร

เราซื้อตั๋วกลับอุดร รอบบ่าย 3 โมง โดนไป 22,000 Kip ถ้าซื้อรอบ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป จ่าย 24,000 Kip นะ เป็นค่า OT ให้คนรถ เจ๊ขายตั๋วแกบอกมา

ซื้อตั๋วเสร็จ เราก็ไปหาข้าว กิน เสร็จก็เดินไป ประตูชัย ถ่ายรูป สักพัก ก็เดินหาร้านกาแฟ ไปนั่งรอเวลา ....

ปิดงบค่าใช้จ่าย ทริป ວັງວຽງ - ຫຼວງພະບາງ - ວຽງຈັນ ตั้งแต่วันที่ 1-6 ธันวาคม 2559 ต่อคน


ค่ารถกทม. - อุดร = 458 บาท

ค่ารถอุดร - วังเวียง = 320 บาท

ค่ารถวังเวียง - หลวงพระบาง = 80,000 Kip (320 บาท)

ค่ารถหลวงพระบาง - เวียงจันทร์ = 170,000 Kip (680 บาท)

ค่ารถเวียงจันทร์ - อุดร = 22,000 Kip (88 บาท)

ค่ารถอุดร - สนามบินอุดร = 100 บาท

ค่าเครื่องจาก อุดร - กทม. = 843.50 บาท

ค่าเช่ามอไซต์ Half day +น้ำมัน = 23,000 Kip (92 บาท)

ค่าที่พักวังเวียง 2 คืน = 471 บาท

ค่าที่พักหลวงพระบาง 2 คืน = 886 บาท

ค่า One day trip ที่วังเวียง = 200,000 Kip (800 บาท)

ค่าเรือที่หลวงพระบาง = 16,000 Kip (64 บาท)

ค่ารถไปตาดกวางสี = 32,000 Kip (128 บาท)

ค่าบัตรเข้าตาดกวางสี = 10,000 Kip (40 บาท)

ค่าเข้าวัด+ถ้ำ = 10,000 Kip (40 บาท)

ค่าเข้าบลูลากูน = 10,000 Kip (40 บาท)

ค่าเข้าถ้ำจัง = 5,000 Kip (20 บาท)

ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ = 2,425 บาท



รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ที่เราจ่ายไปสำหรับทริปนี้ = 7,815.50 บาท

............ The End ............

A Sexy Journey

 วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 09.39 น.

ความคิดเห็น