นี้คือ การบันทึกเรื่องราว เป็น VDO ระหว่างการเดินทางของเราครับ
ที่ปลายทางคือ ยอดเขาเทวดา ป่าหนึ่งเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดของเมืองสุพรรณ



การเดินทาง มักมีเรื่องเวลามาจำกัดอยู่เสมอ

เพราะงั้น ถ้าวันลามันไม่มาก ก็ไปมัน เสาร์ - อาทิตย์นี้หละ

ทริปใกล้ๆ อย่างจังหวัด สุพรรณบุรี จึงเป็นปลายทางของเรา

แล้วจังหวัด สุพรรณบุรี มีอะไรละ ? ไม่เชื่อใช่ม่ะ ว่า ป่าสนสองใบ จะอยู่ที่นี่

ลองไปสัมผัสดูครับ อุทยานแห่งชาติ พุเตย



แต่!!!! เราเลิกงาน 4 โมงเย็น จะไปกันยังไง หละ นั้นนะสิ

เราก็หาศึกษา หาข้อมูลมาว่า มันมีรถไป สุพรรณ ตั้งหลายที่

แต่ที่ใกล้ที่สุดคือ สายสุพรรณ(องค์พระ) เป็นรถตู้ กรุงเทพ - หนองปรือ - ม่วงเฒ่า

ส่วนเบอร์การจองรถ 082-885-2424 เราดักขึ้นที่หน้า Big-c บางใหญ่ครับ

ส่วนราคานั้นคนละ 160 บาทมั้ง เราจำไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยนะครับ ลองโทรไปถามก่อนนะครับ



ตอนนี้เรามาถึงสุดสายที่ รถตู้จอด ก้คือบ้านม่วงเฒ่าครับ

แต่ปัญหาต่อมา เรามาถึงประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ ใช่เวลาเดินทางจากกรุงเทพ ประมาร 3 ชั่วโมงได้ครับ

พอมาถึง ทุกอย่างมืดหมดแล้ว รถต่อก้คงจะไม่มี

แต่ก็ยังดี มีร้านก๋วยเตี๋ยว และ 7-11 ให้เราได้กินไม่อดตายคืนนี้ ครับ


แต่ปัญหา ต่อไป คืนนี้เราจะนอนกันยังไง หละ ก็ถามพี่ร้านก๋วยเตี๋ยว


เค้าบอกว่า นอนเลย ตรงลานจอดรถนี้หละ กางเต็นท์นอนกันเลย เราเออ!! เอาสิ

ผมกับพี่เลยต้องนอน กันที่นี่ แล้ว ตอนเช้าค่อยว่า กัน ...

เช้าวันใหม่ของการเดินทางไปพุเตย

ตื่นเช้ามาเราก็วิวแบบนี้เลยครับ สวยงามมากๆๆๆๆ

จากนั้นก็หาของกินยามเช้าแถวนั้น ดูเหมือนจะมีตลาดเช้าครับ

เราก็ได้ ปาท่องโก๋มากิน ก็เลยสอบถามกันเลยว่า จะไป พุเตยยังไง มีรถไปไหมครับ

ป้าแก ก้บอกว่า โห้ยยยย!!! หนุ่มมันไม่มีรถไปหรอก

ป้าแก ก้ถามอีกว่า นอนกันที่ไหนหละ เมือคือ ก็บอกว่า อ่อ ผมกางเต็นท์ นอนข้างๆ 7-11

5555555555555+ ป้าแกอึ้งไปเลยครับ

ป้าแกก็ยืนยันคำเดิมว่าไม่มี รถไป แต่ป้าก็บอกว่า ให้โบกรถไป แถมป้าแก ยังมาช่วยเราโบกรถอีกครับ

ก็ด้วยความเกรงใจเราจึง

เดินมาโบกเองดีกว่าครับ ก็เดินมาหน่อย เจอกับป้าย ว่า อีก 33 กิโล ถึงอุทยานแห่งชาติพุเตย

ที่นี่ หละครับ คือ เป้าหมายของเรา !!!! อีก 33 กิโลเอง มันต้องมีรถผ่านบ้างหละ

เลยขอพรกับหลวงพี่ สักหน่อย ให้เราไปถึงอย่างปลอดภัยเถอะครับ

แล้วสักพักก้มีรถจอดรับเรา ฮ่าๆๆๆ ไปๆๆครับเดินกันต่อ มีหวังแล้วววว

ผมกับพี่ชายก็รีบขึ้นอย่างไว เลยครับ แล้วจะรออะไรฮ่าๆๆๆ

รถคนนี้เหมือนเป็นรถส่งนักเรียนยังไง ก็ไม่รู้ เด็กเต็มรถเลย

น้องเขาคงงง พี่ คุยกะใครหง่ะ 55555

แต่รถพี่เขาไปไม่ถึง พุเตยครับ เค้าบอกว่าให้ลงตรงนี้ แล้วโบกต่อไปอีก หน่อย ทางตรงอย่างเดียว

เดี่ยวก็มีรถผ่าน !!!!! ยังไงผมก็ต้องขอบคุณพี่มากๆๆ เลยนะครับ

ภาระกิจต่อไป ก็โบกกันต่อครับ

ตรงนี้รถวิ่งเยอะมากครับ แล้วเราโบกทุกคัน เค้าจอด แวะถามเราทุกคันเลยนะครับ

คนแถวนี้ใจดีกันมากๆๆ แต่เค้าก็ไป แค่ไม่กี่โล ก้เลยต้องปฏิเสธไป บอกว่าไม่เป็นไรครับ

ว่าแต่โบกรถนี้ปฏิเสธเค้าด้วยหรอ 555 แต่ก้ต้องขอบคุณมากๆๆครับ

แต่ไม่นาน ก็มีรถ ที่ไปไกล แต่ก็ยังไม่ถึงพุเตย เพราะ ไปพุเตย มันต้องเลี้ยวไปยังอุทยาน

เพราะพี่ๆ เค้าไม่ได้ไปเที่ยว แต่ผ่านทางแยก เค้าก็บอกว่าไปลงตรงนั้นก็ได้ มันก็ไกลแล้วหละ

สบายปรือครับ ขอบคุณอีกครั้งที่รับเราครับ

แต่พี่ เค้าบอกว่าขอรับคนงานแปปนะ จริงๆแล้วเราควรเกรงใจ พี่เขานะไม่ต้องถามผมก็ได้ 5555

เส้นทางสวยๆ กับคนน้ำใจงาม มันงดงาม ลึกซึง จดเป็นประสบการณ์ที่เราจะจำไปอีกนานเลยหละครับ

แล้วพี่เค้าก็จอด บอกว่า ลงตรงนี้หละ อีก 5-6 โล ก็ถึง พุเตยแล้ว

จาก 33 กิโล เหลือ 5-6 กิโล สบายแล้วหละครับ ต้องขอบคุณพี่ๆ ที่ขับรถผ่านมาจริงๆนะครับ

พุเตย ใกล้แค่เอื้อมครับ แต่เราก็รู้สึกหิวอีกแล้ว ก็เลยกินข้าวกันตรง แยกนี้หละครับ

มีร้านข้าวเราก็เลย แวะกินกันหน่อย ป้าคนขายก็ยังสังสัย ว่า มายังไง แล้วจะไปไหน

ก็บอกว่า โบกรถมา จาก ม่วงเฒ่าครับ แล้วจะไปพุเตย ต่อ โบกไปเรื่อยๆนี้หละครับเดี่ยวก็ถึง

แล้วป้าแก บอกว่าจะไปส่ง เดี่ยวปิดร้านแปป บ้าาาาาาาาาาาา!! ป้าไม่เอา

เดี่ยวเราเดินไปเอง อีก 6 กิโล เอง ขอบคุณคนแถวนี้จริงๆๆครับ เดินทางแบบนี้ รู้สึกเกรงใจยังไงก็ไม่รู้

แต่ถ้าพวกพี่รู้ หรือป้า ที่จะช่วยเหลือเรา เราต้องกราบ ขอบคุณ งามๆ อีกครั้งนะครับ

เอาแหละ อีก 6 กิโล พุเตย คือปลายทางของ เรา ...

แต่อย่างน้อย ก็มี 2คน กับอีก 1ตัว ที่เดินเป็นเพื่อน เรานี้หละครับ

แต่ก็เดินได้สักพัก รถพี่เจ้าหน้าที่ก็ผ่านมาพอดี ถามว่าจะไปไหนกัน บอกว่าไป พุเตยครับ

เค้าก็บอกว่าขึ้นมาเลยเดียวจะไปส่ง โอ้วววววว ขอบคุณครับ มันง่ายจนสงสัยว่า การโบกรถครั้งนี้มันง่ายไปหรือเปล่าครับนิ

สวัสดี ครับ ตอนนี้เรามาถึง อุทยานแห่งชาติพุเตย อย่างเป็นสุพรรณบุรี แล้วหละครับ

แต่ปลายทางของเรายังไม่ถึง เราต้องไป ที่ base camp คือหน่วยที่ 3 ตะเพิ่นคี่
เพื่อจะขึ้นสู่ยอดเขาเทวดา อันลือชื่อ


จากนั้นเรามาดูแผนที่กันหน่อยครับ ว่า เราจะเดินทางได้ยังไงบ้าง

จากการสอบถาม จาก พี่ จนท. ที่นี่ เขาบอกว่า ถ้าไม่ขับรถขึ้นไป ก็ต้อง ใช้บริการของที่นี่

คือ ราคา 2000 บาท ไป-กลับ หน่วยที่ 3 ตะเพิ่นคี่ Base Camp ของเรา ซึ่งเราไม่มีรถอยู่แล้ว

คงจึงต้องพึงวิธีนี้ หละครับ แต่เรารอเพื่อนและพี่ๆ ที่ตามมาจากทางสุพรรณ ก่อน จะตามมาสบทบครับ

จะได้หาร ค่ารถกันถูกขึ้น .....

ระหว่าง รอก็ถ่ายรูปเล่น ของพื้นที่อุทยาน แค่นี้เราว่าก้สวยแล้วหละคัรบ ข้างบนจะขนาดไหน

รู้สึก สีเขียวๆ ที่เราเห็น จะเป็นต้นถั่ว สวยดีครับ

แล้วสีเขียวของที่นี่ เต็มพื้นที่เลยครับ

เอาหละครับ พี่ๆ เพื่อนๆ เรามาหละ เดินทางกันต่อ ไปยัง Base Camp หน่วยที่ 3 กันครับ

สภาพทางสำหรับใครที่จะขับรถขึ้นไปเราว่ารถธรรมดา แบบบ้านๆ คงจะขึ้นยาก

เพราะเป็นลูกรัง และเป็นหลุมเป็นบ่อ พอสมควรครับ แล้ว ทางก็มีชัดบางจุดครับ

ขับมากันได้ ชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงยัง base camp ของเรา คือ หน่วยที่ 3 ตะเพิ่นคี่

มาถึงก็มารับเต้นท์ ตรงที่รถจอดเลยครับ เราจ่ายเงินจากด้านล่าง แล้วมารับเต้นท์ด้านบนครับ

ราคาก็อยู่ที่ 250 บาท พร้อมเครื่องนอน 3 ชุด ต่อ 1 เต้นท์ ครับ

ที่นี่ ไม่มีอาหาร การกินให้นะครับ ต้องเตรียม ขึ้นมาเอง มีเพียง ห้องน้ำ ที่ไว้บริการด้านบนครับ

ก็กางเต้นท์เสร็จ

กิจกรรมแรกๆ ของเรา ก็คือการ จุดเตานี้หละคัรบ มาถึงก็ กินกันก่อนเลย อย่างอื่นค่อยว่ากัน

ก็เป่า ไฟ กันน่ามืดสักพัก พี่ผมก็นึกได้ว่า เอาพัดลมใส่ถ่านมานิหว่า 55555


แหม่ะ 5555 เอาหละครับ ไฟติดหละ


ก็กินกันก่อนแล้วกัน กิจกรรมอย่างอื่นค่อยว่ากัน ...เอาหละครับ กินอิ่มแล้ว ร่างกายมันก็มีแรง


ขอให้แรงด้วยการเดิน สำรวจ ป่า หน่อยครับ เค้าบอกว่า มีน้ำตก อยู่ใกล้ๆ ด้วยและ

ก็เดินกันอยู่เพลิน ทำไมรู้สึกว่า ไอ้ที่เค้าบอกว่าใกล้ๆ ทำไม มันไกลจัง เดินไปเดินมา หลงเฉยเลยครับ


เราว่าทางมันเริ่มไกล มันเริ่มไม่ใช่ เราจึงย้อน กับไป ทางเดิม สรุปว่าทางเข้ามันอยุ่ตรงนี้ ครับ

พอดีป้ายมันล้ม 55555

เอาหละครับ เราจะไป เล่นน้ำตกกันหน่อย เดินทางมาไกล เหนื่อยๆ ขอเล่นให้ชื่นใจ หน่อยเถอะ

เดินมาสักพัก ก็ เอิ่มมมมมมมมมมมมมมมมมม น้ำตก อึ้งไปเลยครับ

ก็ยังดีที่มี หมาป่า เป็นเพื่อน แต่เราว่า เรากับไปกินแบบเดิมดีกว่าครับ

หน้านี้มันไม่ใช่ ฤดู ของน้ำตก น้ำมันจึงน้อย หน่อยครับ เสียดาย ....มานอนป่านอน เขาทั้งที หาไรกินก็ยากเหลือเกิน ครับ

ไม่รู้จะกินอะไรดี 5555

ไก่ย่างไหม ?


หรือจะเบคอน ดี ?

หรือจะไส้กรอก เห้ออออ หากินยาก ครับ 55555

มันก็คงจะไม่แปลก ถ้าเราจะแบกของกินขึ้นมา แต่ก็ต้องรักษา ธรรมชาติ ด้วยนะครับ

เพราะมันจะได้สวยๆ แบบนี้ตลอดไปครับ ที่นี่ หละ หน่วยที่ 3 ตะเพิ่นคี่ อุทยานแห่งชาติพุเตย

แต่ก็มีฝนมาทักทาย เราบ้าง แต่สวยไปอีกแบบครับ


พอกินเสร็จ เราก็ตั้งใจ ที่จะถ่ายดาว กันครับ ตั้งขา ตั้งกล้องกันเลยครับ หวังว่า จะมีดาวให้เราถ่ายบ้าง

รอกันแล้วรอกันอีก

นั่งก็แล้ว

ยืนก็แล้ว

นอนก็แล้ว แต่ดาวก็ยังไม่มา ให้เราเห็น สงสัยจะอด แล้วหละ สำหรับการดูดาวในคำคืนนี้ครับ

เราว่าเราพักผ่อนกันดีกว่าครับ แล้วพรุ้งนี้ ต้องไปขึ้นเขาเทวดา อันลือชื่อ กันตั้งแต่ ไก่ยังไม่โห่

ตี4 ตี5 เลยมั้งครับ .... เอาหละนอนกันฟ่าครับ พรุ้งนี้เช้าค่อยว่ากัน

เช้าวันใหม่ ....

เวลาประมาณ ตี 4 กว่าๆ เราไปขึ้นเขาเทวดากันเถอะครับ

ส่วนราคา 2000 บาท ที่ค่ารถที่เราจ่ายมา คือ รวม packet คือไปส่งที่หน้าทางขึ้นเขาเทวดาด้วยครับ

แต่ก็ต้องไป หาพี่เจ้าหน้าที่แต่เช้า ด้วยนะครับ !! ไปครับ เดินทางกันครับ

ทางค่อนข้างมืดครับ มองแทบไม่เห็นทางครับ เตรียมไฟฉายมาด้วยนะครับ มืดจริงๆ

จากตรงนี้ เราต้องเดินทาง ขึ้นเขาเทวดา ประมาณ 1,123 เมตร ไม่ไกลมาก ทางทางขึ้นก็ชันพอสมควร ครับ

แต่ตลอดทางจะมีจุดให้พักด้วยนะครับ แล้ววิวแบบสวยมากๆๆครับ

ก็เดินมา สักพัก เกือบๆ ชั่วโมง เราก็ได้ ยินเสียงระฆัง แสดงว่าเราจะใกล้ถึงยอดแล้วครับ

เพราะคนกลุ่มแรก ที่ขึ้นก่อนเราไป เค้าน่าจะถึงกันหละ

ด้านบนมีเจดีย์ ด้วยครับ สวยงามใช้ได้เลยครับ ไหนขึ้นมาแล้ว ขอตีระฆังหน่อย เถอะ

แถมที่นี่ยังมี พระพุทธรัตนมุนีศรีเทวา ว่าแต่ ใครมาสร้าง องค์พระไว้แถวนี้นิ เก่งจริงๆ

ยอมใจคนสร้างเลยครับ มาถึงแล้ว เราก็ขอกราบไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพร กันสักหน่อยครับ

ในที่สุดเราก็มาถึงกันสักทีครับ กับ ยอดเขาเทวดา สูงที่สุดในดินแดนสุพรรณบุรี

แต่ก็แบบสงสัยไม่ได้ เองขึ้นมายังไง หว่ะ เราขึ้นมา เหนื่อย แทบแย่ 5555


เรียกข้าว่า จอนนี่ หมาเทวดา ** เห็นเขาเรียกกันอย่างนั้นคัรบ น่ารักดีครับ แห่ะๆ

ในส่วนของวิวที่นี่ ลมเย็น และแรงมากๆๆ แถมยังไม่ค่อยเห็นวิว อะไรมากนัก เพราะ ว่าหมอกลงหนามากๆๆครับ

มาถึงที่นี้ จะไม่ดูหมอก ก้ยังไงยังไง อยู่

แต่ว่ามันจะเยอะไหม คือมันขาวไปหมดเลยครับ .. เย็นจริงๆ สมกับเป้นยอดเขาเทวดา จริงๆ

มันก็แปลกนะพอเราอยู่ข้างล่าง ก็อยากเห็นหมอก ที่บนเขา

พอเราอยู่ที่บนเขา ก็อยากเห็นวิว ข้างล่าง แปลกคนจริง 555

1,123 ก็นี้หละครับคือระดับความสูงที่เทือกเขา เทวดา สูงที่สุดในดินแดนสุพรรณ

เรามา พิชิตแล้วนะ แล้วคนอื่นหละ เคยมายัง ต้องลองมาสัมผัส กับ ธรรมชาติ

ที่ไม่ไกลจาก กรุงเทพ มาดูอย่างที่เราเห็นมาเห็นอย่างที่เราได้สัมผัส

ที่นี่ พุเตย ยอดเขาเทวดา จังหวัดสุพรรณบุรี บ้านเองนี้หละ



เราว่าเราลงข้างล่างกลับบ้านกันดีกว่าครับ

ขึ้นก้ว่ายากแล้ว ลงนี้สิ ลาก กันไเลยครับ

แต่วิวตอนเช้าที่เราได้เห็น รู้เลยครับ ว่าที่เราขึ้นมามันสูง และ สวยแค่ไหน

พอถึงข้างล่าง ยังสังสัยว่า นี้ ขึ้นไปได้ยังไง มืดๆนิ มันชันขนาดนี้เลยหรอ 5555

แต่ก็เป็นประสบการณ์ ที่ดีมากๆ เลยครับ กับ ยอดเขา เทวดา


กลับบ้านกันเถอะครับ เราก็ติดรถของพี่มารถที่ สถานีรถไฟ แล้วต่อรถกลับบ้านกัน

จริงๆ นะเราว่านะ ไม่ว่าจะเดินทางกี่วัน ใกล้หรือไกล มันไม่สำคัญ เท่ากับความรู้สึก ที่จะได้รับหรอกครับ

ก็ที่นี่ หละครับ ที่เราเลือก ให้เป็นทริป วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ กับการเดินทางมา พุเตย

ความรู้สึกที่ได้รับ แจ๋วจริงๆ ครับ ไว้ครั้งหน้าเราจะมาเล่าให้ฟังใหม่

ทริปนี้ ค่าใช้จ่ายเรา ไม่ถึง 1 พันบาทครับ ค่าอาหาร หารกันครับ


ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะครับ หาดข้อมูลผิดพลาดต้องกราบขออภัยด้วยนะครับ

ยังไง เราขอ ฝาก VDO บันทึกการเดินทางของเราด้วยนะครับ



ถ้าอยากเที่ยวก็ออกมาไม่กี่บาทหรอกครับ
เดินทางไปกับเรา และยังมีทริปอืนด้วยนะครับ
เพจเราเอง : https://www.facebook.com/maikeebaht/
IG เราเอง : https://www.instagram.com/mr.konr/
เดินทางเถอะครับ จะใกล้หรือไกล แค่ออกไป ประสบการณ์ใหม่ๆ ก็เข้ามา


ไม่กี่บาทBackPacker

 วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.56 น.

ความคิดเห็น