• Day1 | 13 ธ.ค.59 • กรุงเทพ - เชียงใหม่ (เชียงใหม่ 2559)

.
เริ่มต้นวันแรกของทริป กับการเดินทาง
จาก กรุงเทพ ---> ไปยังเชียงใหม่ ปลายทางวันนี้ของเรา
.

.
ทริปนี้ เอาจริงๆ เป็นแพลนที่เจตั้งใจจะไปตามล่าหาทะเลหมอกสักครั้ง
และอยากไป ที่ที่ไม่เคยไป เลยเลือกจุดหมายปลายทาง
เป็น ปางอุ๋ง, ปาย และ แม่ฮ่องสอน ครับ
.
แต่สำหรับเชียงใหม่ ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว
แต่ เป็นครั้งแรกที่เจไปคนเดียว และเที่ยวคนเดียว
.
.

.
.
วันนี้เลยจะมาแชร์ วิธีการเดินทาง สำหรับครั้งนี้
เพราะการไปครั้งก่อนๆ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เจก็จะใช้แต่รถแดง
แต่รอบนี้ ได้ทดลองเดินทางในตัวเมืองด้วยวิธีอื่นบ้าง
ก็จะสะดวก และประหยัดไปอีกแบบ
.

.
เริ่มต้น จากเช้าวันที่ 13 ธ.ค.59
ออกเดินทาง ด้วยเครื่องบิน จากสนามบินดอนเมือง
ไฟท์ 6.35 น. ---> จังหวัดเชียงใหม่ 7.50 น.
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 20 นาที
.
.
มองลงไปข้างล่าง สวยเหมือนกัน เช้าๆ แบบนี้อากาศข้างนอกน่าจะดีมากๆ

.
.
.
และแล้ว ก็แลนดิงค์ถึง เจียงใหม่ แล้วเจ้าาาาา

.
.
แพลนวันนี้ ไม่มีอะไรมากครับ นั่นก็คือเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่
เจ จองที่พักไว้แถวๆ ประตูท่าแพ ชื่อ Lanna House
2 คืนแรก เจนอนที่เดียวกันครับ เพราะพรุ่งนี้ จะไปอ่างขางทั้งวัน ติดต่อทริปไว้
ตั้งใจใช้ห้องไว้เก็บของ ชาร์จแบตมือถือ กล้อง แบตสำรอง
.
เจเลือกที่พักที่ใกล้ๆ แหล่งท่องเที่ยว เอาพอเดินได้
จะได้ไม่ต้องเสียค่ารถ เลยหาใกล้ๆ ประตูท่าแพครับ แล้วจองผ่านแอพ
.

เปรียบเทียบจากหลายๆ แอพฯ สุดท้ายมาลงเอยที่ Booking.com
แต่จองกระชั้นไปหน่อย เลยได้เลทราคาที่อาจจะค่อนข้างสูง
แต่ถูกสุด กับที่พักใกล้ๆ เมื่อเทียบกันในช่วงเวลานั้นครับ
(เพราะส่วนใหญ่ก็จะเต็มกันหมดแล้ว เพราะปลายปีคนเที่ยวกันเยอะ)
.
แต่ที่เหลือก็จะมีเป็นพวก โฮสเทล หรือพักรวมกัน เตียงสองชั้นไรงี้นะ
แต่เจก็ยังไม่กล้าพอครับ (แต่ราคาถูกจริง คืนนึงไม่กี่ร้อยเอง)

.
เหตุผล ที่เลือกที่พักใกล้ๆ ประตูท่าแพ
เพราะ กะว่ามาถึงแล้ว จะเดินเล่นแถวๆ นั้น
ถ่ายรูป ไหว้พระ แล้วนอนพักในห้องสักแปปครับ
.
.



.

.

กลับมาที่การเดินทางของเราต่อ

.

.

พอลงเครื่อง รับกระเป๋าเรียบร้อย

อย่างแรกที่ทำก็โทรถามที่พักครับ

ว่าเราสามารถไปเช็คอิน หรือเอากระเป๋าไปฝากไว้ก่อนได้ไหม

เพราะในแอพ ระบุว่า สามารถ Check-in ได้ บ่ายโมง

(ทริปนี้ เจมีเป้ 1 ใบ และกระเป๋าลากใบเล็กอีก 1 ใบ ซึ่งระหว่างที่ไปแม่ฮ่องสอนจะฝากกระเป๋าลากไว้ที่ รร.

เพราะคงได้ซื้อของฝากกลับมาครับ + ทริปยาวๆ เสื้อกันหนาวหลายตัว เป้ใบเดียวไม่พอ)


.

.

หลังจากโทรถามที่พัก สรุปแล้วว่า สามารถเข้าเช็คอินแต่เช้าได้เลยครับ

สบายเลย จึงหาวิธีเดินทางไปยังประตูท่าแพ

.

ปกติที่รู้คือ สามารถไปได้ ทั้ง Taxi และรถแดง

แต่เจ เลือกใช้ Uber ครับ พึ่งทดลองใช้ครั้งแรกที่ เชียงใหม่ ด้วย

และช่วงเวลาที่เจไป 13-19 ธ.ค.

มีโปรฯ ใช้ Uber ที่เชียงใหม่ มีส่วนลดพอดี (แต่ช่วง บ่ายโมง-ตี1)

.

เช้านี้เจเลยเลือกใช้บริการ Uber เรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่น

มารับไปโรงแรม ลานนา เฮาส์ (Lanna House)

ที่พักจุดหมายปลายทางของเรา

.

.

รอไม่นาน พี่ ดำรงค์ ก็มารับเราครับ

เป็นรถ Toyota Hilux Vigo (ถือว่าเน้นความสะดวก และเป็นส่วนตัวได้ดีเลยครับ)


สามารถเลือกจ่ายเป็นเงินสด หรือผูกบัตรเครดิต

ตัดค่าเดินทางจากบัตรแบบเจก็ได้ครับ สะดวกดี

.

.

ถึงแล้วคร้าบบบ ที่พักวันแรกของเจ


แต่รวมๆ แล้วไม่ไกลจาก ประตูท่าแพเลย เดินไปแปปเดียวก็ถึงประตูท่าแพแล้ว


.

.

เช็คอินเลยครับ อย่ารอช้า เดี๋ยวเราจะได้ไปเที่ยวที่อื่นต่อ


ห้องพักคืนนี้ เน้นแบบล้านนากันเลย

สภาพโดยรวมถือว่าถูกใจ ราคาเหมาะสมกับ Location ครับ

และสามารถชำระค่าที่พักด้วยบัตรเครดิต และเงินสดได้


ตอนจอง ไม่คิดว่าจะดูไทยได้ขนาดนี้ แต่ก็ถูกใจนะครับ รวมๆ สวยดี

(แต่ก็แอบกลัวเหมือนกัน เพราะนอนคนเดียว)


.

.

พอเช็คอินเรียบร้อย

เจก็ตะลุยเดินเที่ยวถ่ายรูปใกล้ๆ เลยครับ ตั้งแต่ประตูท่าแพ

วัดใกล้ๆ ไปถึงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์


ตอนนี้ไม่หนาวแล้ว แดดเปรี้ยงมากๆ



ชอบวัดของทางเหนือนะครับ มีกลิ่นอายล้านนา เงียบสงบ

ศิลปะปราณีตครับ



.

.

.

.

สิ่งที่เห็นจากการมาเชียงใหม่ครั้งนี้

หลายๆ จุด จะมี QR Code ให้เราสแกน เพื่อดูข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ ได้ด้วยนะครับ

อย่างเช่นจุดนี้ ... (ไม่รู้ว่ามีมานานหรือยัง แต่เจ พึ่งได้มา)


.

.

เดินเล่นไปเรื่อย ก็เหนื่อยแล้วครับ

เดินกลับมาที่พักดีกว่า

ระหว่างทาง แวะวัดพันอ้น เจอก๋วยเตี๋ยว 20 บาท

รองท้องมื้อเที่ยงได้อย่างดีครับ

เพราะตอนนี้ยังไม่มีอะไรขายเลย

จำได้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เคยมาถนนคนเดินแล้วในนี้มีของขายเพียบเลย (แต่ตอนนั้นกลางคืนนี่นา)

.

.

.

เดินต่อมาสักพัก เห็นนักท่องเที่ยวยืนมุงกันอยู่

ไม่รอช้า จัดมาสัก 1 ชุด ไอศกรีมกะทิ กับอากาศร้อนๆ ช่วยชีวิตได้เลยครับ

.

หน้าตาความอร่อย...


.

.

.

.

แล้วก็กลับมานอนเล่นเอาแรง ที่โรงแรมสักพัก

บ่ายแก่ๆ ก็จะต้องออกไปอาเขต

เพื่อไปจ่ายเงินค่าตั๋วรถตู้ไปแม่ฮ่องสอนครับ

.

รอบนี้ก็ใช้บริการ Uber อีกเช่นเคย

รอบนี้เรียกไม่นาน พี่ ธวี ก็มารับครับ

(แต่คราวนี้ใช้ส่วนลดได้ด้วย รวมๆ ไปอาเขตแค่ 24 บาท)


.

.

.

.

แล้วเราก็มาถึง อาเขต2 ครับ ต้องข้ามมาจ่ายเงินที่สำนักงานนะครับ

ไม่ได้จ่ายที่ท่ารถ ตรงที่รถตู้จอดนะ

สนง. จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตรงที่รถตู้ แม่ฮ่องสอน จอดอยู่(อยู่โซนด้านในของอาเขต2)

เดินข้ามฝั่งมานิดเดียว


ได้ตั๋วมาเรียบร้อย สบายแล้วครับ เที่ยวต่อได้

.

.

.

.

.

พอจ่ายเงินเรียบร้อย เจก็เดินรอบๆ ขนส่ง

กะว่าจะมาดูๆ รถแดงไปหน้า มช. ครับ

ก็ดันมาสะดุดตา ตรงป้ายรอรถเมล์ หน้าอาเขต 2

.

.

เอ รถอะไร ทำไมจอดกันเยอะแยะเลย


หืมมมมมม....เดี๋ยวนี้เชียงใหม่ เขามีรถเมล์แล้วหรอนี่ สบายละทีนี้ (เราไม่ได้มาตั้ง 3 ปี)

.


ลองดูๆ จากเส้นทางแล้ว ผ่านประตูท่าแพด้วย

ไม่รอช้า ถาม จนท. แล้วก็ขึ้นเลย

.

.

รถเมล์เชียงใหม่ จะวิ่งเป็นรอบๆ ครับ

วิ่งตามเส้นทาง เวลาก็ตามรูปเลยครับ รถเมล์จะหมดตอน 6 โมงเย็น

และจะแวะจอดตามจุดต่างๆ ดูได้จากข้างรถเมล์ได้อีกทีครับ


.

.

.

มาดูกันครับว่าในรถเมล์เป็นยังไงบ้าง


รวมๆ โอเคเลยครับ 15 บาทตลอดสาย

เป็นรถเมล์แอร์ เบาะนั่งสบาย ด้านในมีป้ายบอกสถานี

สะอาด ถ้าเป็นนักเรียน นศ. พี่กระเป๋ารถเมล์บอก เก็บแค่ 10 บาทด้วยนะ ดีจังเลยครับ



รอบนี้ เจนั่งจาก อาเขต2 แล้วจะไปลง หน้า มช. ครับ

ระหว่างทาง รถคันนี้วิ่งผ่านหน้าโรงแรมด้วย ดีเลย เก็บไว้เป็นข้อมูล

.

.

.

.


นั่งมาสักพักก็ถึงที่หมาย หน้า มช.

จริงๆ สามารถนั่งต่อไปลงหน้าสวนสัตว์ได้เลยนะครับ

แล้วจะได้ต่อรถขึ้นดอยสุเทพ

แต่รอบนี้ มาถึงก็ฟ้าจะมืดแล้ว ประมาณ 5 โมงเย็น

.


.

.

.

ไหนๆ ก็มาถึงเชียงใหม่แล้ว เลยตั้งใจจะขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพหน่อยครับ

พอเดินไปถามลุง ว่ามีรถขึ้นดอยสุเทพไหม ไม่อยากเหมา

ก็ต้องรอคนครับ เพราะเย็นแล้ว คนเริ่มน้อย....

.

รอไปสักพัก ก็มีเพื่อนร่วมเดินทางครับ

เป็นคนจีน 2 คน และคนไทยอีก 2 คน รวมเราก็เป็น 5 คน

ปกติแล้ว ไป-กลับ จะอยู่ที่คนละ 80 บาท

แต่ตอนนี้คนน้อย ลุงเลยคิดคนละ 120 บาท

.

.

.

นั่งสักพัก ลมเย็นๆ ก็เกือบเคลิ้มหลับครับ

เราก็มาถึง ทางขึ้นดอยสุเทพแล้ว

.

.

.

ถ้าใครมาดอยสุเทพบ่อย คงต้องเจอ 2 สาวน้อยนี้

น่ารัก ขี้เล่นมาก เลยถ่ายรูปด้วยสักหน่อย (แต่ได้มาเป็น 10 รูปเลย)

แต่บอกเลยว่าซนมาก มาถึงขี่หลัง อ้อนให้อุ้ม เลย

.

.


ได้ภาพน่ารักๆ แลกกับรอยยิ้ม ให้ค่าขนมไป 50 บาท

.

.

.

แล้วก็เดินขึ้นไปด้านบนกันต่อ เล่นเอาเหนื่อยได้ใจ

พระธาตุฯ ยังคงงดงามเหมือนเดิม เหมือนที่เคยมาครั้งก่อนนู้นนนครับ


.

.

.

.

ฟ้าใกล้มืด จะหมดวันแล้ว...


ถึงแม้ว่าวันนี้ จะดูไม่ค่อยมีแพลนเท่าไร

เพราะตั้งใจว่า วันแรกจะชิวๆ เพราะเชียงใหม่ เคยมาหลายรอบแล้ว

"แต่เชียงใหม่วันนี้ 2559" ก็ทำให้ได้เห็นว่าสามารถเที่ยวในตัวเมืองได้หลายวิธีมากๆ

ทั้ง Uber ทั้ง รถเมล์ แถมราคาก็ถูก และสะดวกด้วย

.

.

.

ยังไง ใครจะมาเชียงใหม่ ก็ลองเก็บไว้เป็นตัวเลือกได้นะครับ

.

.

ก่อนจะกลับที่พัก เจขอเสริม การเดินทางอีกวิธี นั่นก็คือรถจักรยานครับ

ที่เชียงใหม่ มีจักรยานให้ปั่นได้นะ

โดยจะมีจุดบริการทั้งหมด 16 สถานี ชั่วโมงแรก 20 บาท 4-5 ชม. 60 บาท

(แต่เจไม่ได้ใช้วิธีนี้นะครับ แต่เสริมมาเป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจครับ)

ใครสนใจวิธีนี้ ดูข้อมูลเพิ่มด้านล่างได้เลย



สถานี ทั้ง 16 สถานี


เงื่อนไขการใช้บริการ


.

.

.

ฟ้ามืดแล้ว บนพระธาตุดอยสุเทพมีจุดชมวิวด้วยนะ


วันนี้ก็คงจะต้องกลับจากหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ ---> ที่พัก ด้วยรถแดงครับ

ลุงที่พาเราขึ้นดอยสุเทพ อาสาไปส่งแถวประตูท่าแพ

.

สอบถามราคาก่อนตกลง ลุงคิด 20 บาท ก็เลยไป

แล้วเจก็ไปหาของกินแถวโรงแรม

สุดท้ายจบที่ McDonald ง่ายๆ ชิวๆ

แล้วเดินกลับที่พัก เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้

.

ที่พักคืนนี้ เตียงนุ่มสบาย นอนหลับฝันดีไม่มีอะไรมารบกวน

.

.

.

.

แล้วพรุ่งนี้ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันครับ

กับ One Day Trip ที่ติดต่อเหมารถแดงไว้

ตี 3 ล้อหมุน...


.

.

.

.

แล้วเจอกัน Day 2 @อ่างขาง

.


สรุปค่าเดินทาง วันแรก Day1 | 13 ธ.ค.59
Uber BKK-ดอนเมือง 350.-
Uber สนามบิน-ท่าแพ 150.-
Uber ท่าแพ-อาเขต 24.-
รถแดง ขึ้นดอยสุเทพ 120.-
รถแดง กลับมาท่าแพ 20.-
= 664.-


อื่นๆ
ค่าห้องพัก 1 คืน 800.-
ก๋วยเตี๋ยว มื้อเที่ยง+น้ำ 30.-
ไอศกรีม 35.-
ถ่ายรูปกับเด็กดอย 50.-
ข้าวเย็น Mac 184.-

= 1,964.-

walking together

 วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.33 น.

ความคิดเห็น