Trip Chiangmai - Doiinthanon
เคยมีอารมณ์ อโลนลี่ กันมั่งป่ะ?
แต่ทริปนี้คืออโลนลี่แบบไม่ได้ตั้งใจ ไปแบบโดนเพื่อนเบี้ยว เลยต้องหอบหัวใจใส่กระเป๋าไปเที่ยวคนเดียวแบบมึนๆ
มีแต่คนถามว่า 'บ้ารึปล่าว ทำไมไปคนเดียว เป็นผู้หญิงนะ อันตรายนะ จะพาตัวเองไปลำบากทำไม' ฯลฯ
แต่คิดในใจ เอาวะ ตัดสินใจไปแล้ว ก็ลุยเลย!!
ไปเชียงใหม่ครั้งนี้ตั้งใจไว้ว่าอยากแว๊นมอเตอร์ไซค์ เพราะจะได้แวะหลายที่ จอดตรงไหนก็ได้
แวะตรงไหนก็ได้ อยากถ่ายรูปตรงไหนก็จอดเลย
จริงๆแล้วเราก็ขี่รถแข็งรึปล่าวก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าถนนแถวบ้านก็ลงไปวัดมาหมดแล้ว ฮ่าๆๆ
ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าการเดินทางคนเดียวครั้งแรกของเรา จะเป็นยังไง
ผู้หญิงบ้าๆมึนๆที่ไปไหนก็หลง ดูแผนที่กี่ทีก็งง มันจะไปรอดมั๊ย..
ทริปนี้ก็ยังคงไปกับน้อง fuji xa-1 กับ sj 4000 wifi เหมือนเดิมจ้า
review by Journeyaholic
Page : https://www.facebook.com/journeyaholic
Facebook : https://www.facebook.com/panwadprem
IG : https://www.instagram.com/journeyaholic
ตะลุย : เกาะล้าน 3 วัน 2 คืน แบบชิคๆ คูลๆ http://pantip.com/topic/33653738
สวัสดีคนแปลกหน้า ฉันจะพาไปเที่ยวกาญจนบุรี มีตัง 550 บาทก็พอ http://pantip.com/topic/34118815
ผู้หญิงคนเดียว แบกเป้ลุยเดี่ยวเที่ยวเชียงใหม่ "ฉันจะพาไปแว๊นมอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยอินทนนท์" http://pantip.com/topic/34494134
วิถีแว๊นแพ็คเกอร์ "ฉันจะพาเธอขี่มอไซค์จาก เชียงใหม่ - ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน" http://pantip.com/topic/34900344
' ป า ย ' เมืองทางผ่านที่ฉันบังเอิญตกหลุมรัก http://pantip.com/topic/34945113
พกรองเท้าผ้าใบ กับใจถึงๆมา ฉันจะพาไปปีนเขาล้อมหมวก https://pantip.com/topic/35407402
001.
การเดินทางมาเชียงใหม่ก็มาได้หลายเส้นทางนะคะ ตามความชอบ ตามกำลังทรัพย์ ตามเวลาที่มี
1. รถไฟ ใครชอบสโลวไลฟ์ เวลาเยอะ จัดเลยค่ะ อินสุดๆ หลับหลายตื่น สบายกระเป๋า รถไฟฟรีก็ยังมีนะเออ..
2. รถทัวร์ ก็มีหลายบริษัทนะคะ ราคาก็อยู่ประมาณ 5-800 บาท แล้วแต่รถที่เราเลือก รถจะออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ทุกวันๆละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง
3. เครื่องบิน มีหลายสายการบินม้ากก ราคาโปรบางทีถูกกว่ารถทัวร์อิกนะคะ อันนี้ต้องแล้วแต่ดวงและความสามารถส่วนบุคคลค่ะ ใช้เวลาเดินทางก็ประมาณ 1 ชั่วโมง
4. รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข(พหลโยธิน)แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32(สายเอเซีย) ผ่านอยุธยา อ่างทอง นครสวรรค์ หลังจากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 117 ไปยังพิษณุโลก ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำปาง ลำพูน ถึงเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.paiduaykan.com/76_province/north/chiangmai/transporation.html
ครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยรถทัวร์ ของบริษัท นครชัยแอร์ ค่ะ
โทรไปจองกับคอลเซ็นเตอร์ แล้วเอารหัสไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์เซอร์วิสได้เลย ง๊ายง่ายๆ
เก็บใบเสร็จไว้ดีๆนะคะ เพราะต้องใช้แทนตั๋วเวลาขึ้นรถค่ะ
เราจองไว้รอบ ห้าทุ่มครึ่ง จะได้ไปถึงเชียงใหม่เช้าๆพอดี
มารอรถที่ท่าอากาศยานนานาชาติหมอชิต(ใครบางคนเคยกล่าวชื่อนี้ไว้ อลังดีค่ะ555)
ขึ้นรถที่ชานชาลา 102 รถมาเลทนิดหน่อย แบกเป้ขึ้นรถกันเลยค่ะ
สายการบิน เอ๊ยย! รถทัวร์บริษัทนี้เราชอบนะคะ แจกขนมทั้งคืน มีเพลงให้ฟัง มีหนังให้ดู เพลินๆกันไป
ลืมตาอีกทีก็มาถึงเชียงใหม่ละคะ
เราลงที่ อาเขต ค่ะ
ถึงปุ๊ป งง หลง ไปทางไหนก่อนดี ที่นี่ตรงไหน เค้าพามาผิดรึปล่าวหว่า แต่ก็มึนๆเดินตามเค้าไป
ร้านเช่ามอไซอยู่หนายยยยยยยย??
เดินวนสองรอบยังหาไม่เจอ จนต้องโทรถามพี่ชายเรา บอกทางทีละเสต๊ป ในที่สุดก็เจอค่ะ
ร้านเช่ามอไซ เพียบเลย ใกล้ๆเซเว่น มีหลายร้านนนะคะ
เราเลือกเช่าที่ Bikky ไปถึงก็เลือกรถเลยเอาแบบไหน เราเลือกเกียร์ออโต้ ขี่ง่ายดีน่าจะไปรอด ขึ้นดอยแนะนำเป็น 125 cc นะคะ
เราเลือกคันนี้ สีแดงแรงฤทธิ์ 300 บาท/วัน ไม่ต้องมีมัดจำ แค่ขอถ่ายรูปเรากับรถเอาไว้ค่ะ
ได้รถแล้ว ไปลุยกันเลยดีกว่าค่ะ..
ขี่ออกมาจากร้าน ยังไม่รู้จะไปทางไหน ขี่ๆไปก่อน ฮ่าๆ
หลงๆไปถามคนแถวนั้นเอา
"จะไปอินทนนท์ค่ะ ต้องไปทางไหนอะคะ" ถามอย่างมั่นมาก ชั้นจะไป!
"โหยยยน้อง ต้องไปอิกแปดสิบเก้าสิบโลเลยนะ" ห้ะ ห้ะ ห้ะ!! ความมั่นใจข้างบน ลดลงไปครึ่งนึง
ในชีวิตนี้ก็ยังไม่เคยขี่มอไซไกลเกินสิบโลเลย ให้ตายสิ่
ตอนนี้ต้องดึงมโนภาพดอยอินทนนท์มาเลยค่ะ เพิ่มความมั่น ชั้นต้องไป ชั้นจะไป
คุยมาคุยไปได้ความว่า ต้องหาเซนทรัลแอร์พอร์ตให้เจอก่อนนะคะ แล้วก็ขี่ไปทางที่จะไป หางดง จอมทอง แม่ฮ่องสอนนั่นหล่ะ
เอาล่ะ มั่วๆมาค่ะ ไม่ยาก มีป้ายบอก
จากตรงนี้มีป้ายบอก จอมทอง 55 กิโลเมตร / อินทนนท์ 81 กิโลเมตร ปานวาดสู้ๆค่ะ
พอเห็นป้ายนึกในใจเลยค่ะ ตรูจะไปถึงมั๊ยฟร้ะ!!
ขี่เรื่อยๆ บิดมันส์ๆค่ะ ถนนดี มีป้ายบอก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ในที่สุดเราก็มาถึงจอมทองแล้วววว..
แวะสักการะพระธาตุเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกันก่อนนะคะ
แต่แล้วว......ฝ น ต ก!!!!
เซเว่นอีเลฟเว่น ที่พึ่งที่ดี ณ ตอนนี้ค่ะ
แวะเข้ามาซื้อเสื้อกันฝน แต่ฝนก็ตกหนักมาก เลยต้องนั่งรออยู่พักใหญ่ๆ
เตรียมกดเงิน เติมน้ำมันให้เรียบร้อยก่อนขึ้นดอยนะคะ
ออกมาจากจอมทองยังไม่ทันถึงไหน ตกหนักอีกแล้วจ้าา
ขี่ไม่ไหว ยังไงก็จอดดีกว่าค่ะ เพื่อความปลอดภัย
กว่าจะออกจากเพิงนี้ก็เกือบบ่ายสองแล้ว
ขี่ไปเรื่อยๆ ฝนยังคงโปรยๆเกือบตลอดทาง
ผ่านตรงด่านตรวจด่านที่สอง บอกว่าจะไปแม่แจ่มค่ะ เค้าก็ให้ผ่านเลย ไม่เสียค่าเข้า
เพราะเราแพลนจะเข้าไปพักที่แม่แจ่มคืนนี้ค่ะ โนแพลน โนจอง
ขี่ไปเรื่อยๆๆๆๆ ระหว่างทางหนาวมากค่ะ อุณภูมิเย็นๆ กับชุดชื้นๆ ยิ่งสูงยิ่งหนาวจริงๆค่ะ
เรามาถึงแล้ว จุดสูงสุดดอยอินทนนท์ แต่..... แต่.....
แบตกล้องหมด หิวมาก และ ชื้นไปทั้งตัว และ ฝนยังคงลงเม็ดอย่างต่อเนื่อง และ สี่โมงเย็นแล้วค่ะ
ตระหนักแล้วว่า ด้วยสภาพอากาศ และสภาพร่างกายในตอนนี้ เข้าแม่แจ่มคงไม่รอดแน่ค่ะ
เลยรีบขี่กลับไปหาที่พักที่แม่กลางหลวงก่อนจะมืด
และแล้วก็มาได้ที่นี่ค่ะ..
แม่กลางหลวง วิลล่า (Mae klang luang villa)
มั่วๆมา จอดแวะที่อื่นก็เต็ม โทรไปไหนก็ไม่ได้ ที่นี่ไม่มีสัญยานโทรศัพท์ดีแทคค่ะ และ เราใช้ดีแทค ฮ่าๆๆ
ติดต่อที่พัก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้082-9466651/0962810466
จัดมาม่ากับแคปหมูไปสองถุง กับสายฝนที่ตกกระหน่ำอย่างหนักมาก
และ.... ไฟที่ดับทั้งหมู่บ้าน คือแบบ สโลว์มากค่ะ ทำไรไม่ได้กินเสร็จแล้ว
นอน นอน และ... นอนค่ะ
ไม่มีการปิดประตูหรือหน้าต่างใดๆทั้งสิ้น พูดตรงๆกลัวววว
สะดุ้งตื่นมาตอนทุ่มนึง เพราะแม่เจ้าของที่พักเดินเอาเทียนมาจุดให้ในห้อง แล้วก็หลับต่อ..
ตื่นอีกที เจอแบบนี้ค่ะ ไฟมาแล้ว ข้าวมาแล้ว น่ารักมากกกก
กินข้าว ชาตแบตกล้อง แบตโทรศัพท์ อาบน้ำ สระผม
นอนยาวๆค่ะ เพลียมาก โดนฝนแต่เช้า แอร์ไม่มี พัดลมไม่ต้อง อากาศดีโคตร
ราตรีสวัสดิ์..
เช้าวันที่สอง ตื่นมาพร้อมความสดใส
ลงไปเดินเล่น ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย
แต่ก็แอบคิดนะคะ ว่านาขั้นบันไดเนี่ย ทางลงที่แท้จริงมันอยู่ตรงไหน
กลับมานั่งนึกทีไร ก็เห็นแต่ภาพตัวเองเอาก้นไถล แถ้ด แถ้ดๆ ลงมา ฮ่าๆๆ
กลับขึ้นมาเตรียมตัวออกเดินทางต่อค่ะ
ก่อนออกเดินทางก็ต้องนี่เลยค่ะ มาม่า อาหารเช้าที่คุณคู่ควร..
แวะเติมน้ำมันก่อนออกจากหมู่บ้านนะคะ
ที่แม่กลางหลวงมีปั๊มน้ำมัน ปั่น ปั่น อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน
ลิตรละ 40 บาทค่ะ
มุ่งหน้าสู่สถานีต่อไป กิ่วแม่ปาน ค่ะ
มันดีตรงภาพบรรยากาศระหว่าทางนี่แหละค่ะ เลอค่าจริงๆ
และแล้ววว ก็มีเหตุไม่คาดฝันเดินขึ้น!!
ไม่รู้เหมือนกันว่าฝัน เหม่อ หรือมัวแต่ละเมออะไร
รู้ตัวอีกที ก็ลงไปนอนสโลวไลฟ์อยู่ข้างถนนแล้ว
โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่...
รถมันดันลงไปติดอยู่ในร่องน้ำข้างถนน ยกไม่ได้ มันยกไม่ไหวค่ะ มันติด
ที่เห็นนี่อย่าเข้าใจผิดว่าจอดถ่ายรูปนะคะ ป๊าววววววว มันติดดดดด...
นั่งรอ ยืนรอ โบกรถก็ไม่มีใครจอด
จนมาเจอพี่ๆกลุ่มนี้ค่ะ
ลงมาช่วยเรายก เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เค้ามากันสี่คนค่ะ
เราก็แอบได้ยินว่าเค้าจะไปกิ่วแม่ปานกันพอดี
เนียนสิ่ค่ะ เนียนๆตามเค้าไป ขอเค้าไปด้วย ฮ่าาๆๆ
อารมณ์ยังตกใจ ชั้นยังคงต้องการที่พึ่ง ณ เวลานี้
ในที่สุดก็มาถึงแล้วค่ะ กิ่วแม่ปาน พร้อมได้เพื่อนร่วมทริปมาอีกสี่คน
ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย แต่สำหรับเรา มันโคตรเป็นโชคดีเลยค่ะ
ลงทะเบียนกันก่อนนะคะ ลงชื่อ แล้วก็เวลาที่เราเข้าไปค่ะ
ค่าเข้ากลุ่มละ 200 บาท เรามากัน 5 คนก็คนละ 40 บาท
'พี่ฝุ่น' ไกด์ของเรากำลังแนะนำ และอธิบายเส้นทางที่เราจะต้องเดินเข้าไปค่ะ
ระยะทางทั้งหมดประมาณ 3 กิโลเมตร
ตรงนี้เค้าเรียกว่า ป่าเมฆ เพราะเรายืนอยู่ในความสูงระดับเดียวกับเมฆนั่นเอง
เดินมาซักประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะถึงบริเวณที่เป็นทุ่งหญ้านะคะ
ห้ามเดินออกนอกเส้นทางที่เค้ากำหนดไว้นะคะ อันตรายค่ะ
เดินมาอีกนิด ก็จะถึงแลนด์มาร์คที่เรารอคอยค่ะ
' จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน '
แต่... ฟ้าไม่เปิดค่ะ คือจะเป็นอยุ่อย่างนี้ตลอดเวลา พอหมอกไป ลมก็อพัดมาอีก พัดมา พัดมา อยู่แบบนั้น
ก็สวยไปอิกแบบนะคะ สวยแบบฟุ้งๆ
เราอยู่จุดนี้กันานเหมือนกันค่ะ ยืนรอฟ้าเปิด ฮ่าๆๆ
ได้เปิดสุดๆ ก็เท่านี้อะค่ะ เปิดไม่ถึงนาที กดชัตเตอร์แทบไม่ทัน
จุดต่อไปก็จะเป็นบริเวณหน้าผา ที่เราเรียกกันว่า ผาแง่มน้อย
พี่ฝุ่น ไกด์ที่นำทางเราเข้าไป เล่าว่า ในสมัยก่อน ชาวบ้านที่มีคู่รัก มักจะพาคนรักของตน
มาสาบานรักต่อหน้าผาแง่มน้อยแห่งนี้ จะช่วยให้ได้ครองคู่รักกันไปจนแก่เฒ่า
แต่ติดที่ทริปนี้เรามาเดี่ยวค่ะ ฮ่าๆๆ
มีหัวใจเล็กๆอยู่ตรงกลางระหว่างสองแง่มด้วยนะคะ
เราจะต้องเดินผ่านทางเล็กๆบริเวณสันเขา จึงเป็นที่มาของชื่อ กิ่วแม่ปาน
กิ่ว เป็นภาษาเหนือ แปลว่า เล็กๆ
และสุดท้าย จุดชมวิวพระธาตุ ค่ะ
ต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ จะเป็นระยะทางที่เราต้องเดินกลับค่ะ
งานนนี้อากาศเย็นแต่ได้เหงื่อนะคะ เหนื่อยใช้ได้เหมือนกันค่ะ
หยุดพักกันเป็นระยะๆ หลายระยะเหมือนกัน ฮ่าๆๆ ลิ้นห้อยกันเป็นแถวค่ะ
ขอบคุณพี่ๆสี่คนมากนะคะ ที่ช่วยหนูยกรถจากตรงนั้น และก็ยังมาเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง
แถมยังเลี้ยงข้าวกลางวันอีก
มิตรภาพดีๆหาได้ระหว่างทางนะคะ
004.
ออกจากกิ่วแม่ปาน ทานอาหารเสร็จ ก็ไปต่อกันที่ จุดสูงสุดยอดดอยอินทนนท์ กันค่ะ
ดอยอินทนนท์ เดิมชื่อ ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา คำว่าดอยหลวง หมายถึงภูเขาสูงใหญ่
ส่วน ดอยอ่างกา นั้นมีเรื่องเล่ากันว่า ห่างจากยอดดอยอินทนนท์ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 300 เมตร
มีหนองน้ำแต่ก่อนนั้นมีนกกาไปเล่นน้ำกันมากมายจึงรวมเรียกว่าดอยอ่างกา
ต่อมาได้ตั้งชื่อตามพระนามของพระเจ้าอินทวิชยนนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7
มาถึงแล้วก็แชะซักรูป ดีนะคะเราไปวันธรรมดา ไม่ต้องรอคิวที่ป้ายนี้ คนไม่มีเลย
พระสถูปพระเจ้าอินทวิชยานนท์ หรือกู่เจ้าหลวง
เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระเจ้าอินทวิชยานนท์
เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ทิพยจักราธิวงศ์(เจ้าเจ็ดตน)
ทรงเป็นพระราชบิดาในพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระองค์มีความหวงแหนป่าไม้มาก โดยเฉพาะดอยหลวงแห่งนี้จึงได้รับสั่งไว้ว่า
หากพระองค์ถึงแก่พิราลัยแล้วให้นำพระอังคารของพระองค์มาไว้ ณ ยอดดอยหลวงด้วย
ครั้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ถึงแก่พิราลัยราชธิดาคือเจ้าดารารัศมี
จึงได้อัญเชิญพระอังคารของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ มาประดิษฐาน ณ พระสถูปบนยอดดอยหลวง
เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของชาวเขาและประชาชนทั่วไป
หมุดหลักฐานจุดสูงสุดแดนสยาม
ด้านบนมีร้านโปสเตอร์นะคะ สามารถเขียนแล้วหย่อนตู้ที่นี่ได้เลยค่ะ
กลับลงมาจากยอดดอย ก็แวะเที่ยวพระเจดีย์กันก่อนนะคะ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
ค่าเข้า 40 บาท/คน
และที่สุดท้ายก่อนกลับเข้าไปพักในเมืองก็คือ น้ำตกวชิรธาร
น้ำตกวชิรธาร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เดิมชื่อ ตาดฆ้องโยง ตัวน้ำตกอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 750 เมตร
ถ่ายมาไม่กี่รูปเองค่ะ แค่เดินเข้าไปใกล้ๆก็เปียกแล้ว
อีกอย่างฝนกำลังตั้งเค้าอีกแล้ว รีบกลับเข้าเมืองดีกว่าค่ะ
คืนนี้เรามีที่พักในเมืองแล้ว เดี๋ยวไปดูกันค่ะ
005.
ที่พักสำหรับค่ำคืนนี้ ที่นี่เลยค่ะ Plern Plern Bed and Bike Chiang Mai
ที่พักอยู่ใกล้ตัวเมือง หาง่าย ไม่หลงค่ะ เพราะเราเปิด กูเกิ้ลแม็ป ฮ่าๆๆๆ
ติดต่อที่พักได้ที่ https://www.facebook.com/bnbcm
เก็บของเสร็จออกไปหาข้าวกินกันดีกว่าค่ะ
ร้านนี้เลย Imm Aim Vegetarian & Bike Cafe' อิ่มเอม เวจเจททาเรียน แอนด์ ไบค์ คาเฟ่
อาหารมังสวิรัตเพื่อสุขภาพ ร้านเปิด 10 โมงถึง สองทุ่มนะคะ
เราไปสองทุ่มพอดี เกือบไม่ได้กินแหน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
พี่เค้าบอกมันเยอะมากนะน้อง พี่เตือนแล้ว
เราสั่งมาสองอย่าง ผัดไท กับ ยำหัวปลี
สำหรับเราชอบนะ อร่อยอ่ะ แต่เยอะโคตรรรรร
แต่เราสายโหดค่ะ สองจานเนี้ยะ เกลี้ยงงง
ติดต่ิร้านได้ที่ https://www.facebook.com/ImmAimVegetarianCafe
จากนั้นก็ขี่รถไปเซเว่น เพื่อจ่ายค่าเครื่องที่เพิ่งจองมะกี้
ตอนแรกกะจะนั่งรถทัวร์กลับเหมือนเดิม แต่พรุ่งนี้ขอเที่ยวอีกครึ่งวันก็ยังดี
เลยรีบเปิดแอป lion air จองพรุ่งนี้รอบ 15.45
จ่ายเงินเรียบร้อย กลับห้องไปเ็บแรงไว้พรุ่งนี้อีกวันดีกว่าค่ะ
ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
006.
เช้าวันสุดท้าย
วางแพลนว่าจะเที่ยวรอบๆคูเมืองค่ะ
ได้เพื่อนรุ่นพี่ที่บังเอิญได้รู้จักกัน มาเป็นไกด์และเพื่อนร่วมเดินทาง 1 คนค่ะ
ไปกันเล้ยยย...
เช้าๆแบบนี้ เริ่มที่ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
จุดชมวิวระหว่างทาง สวยมากเลยค่ะ เห็นเชียงใหม่แบบ 360 องศา
ทางขึ้นด้านหน้ามีกระเช้านะคะ คนละ 10 บาท ถ้าไม่อยากเดินขึ้นบันได
สถานีต่อไป
ดอยปุย
ค่ะ
แวะทานข้าวกันก่อน จะมีร้านอาหารอยู่ตรงพระตำหนักภูพิงค์อะคะ
แต่เราไม่ได้เข้าไป ช่วงนี้ดอกไม้ยังไม่ค่อยออก ต้องเป็นช่วงต้นปีนะคะ
มื้อเช้าจัดแน่นๆค่ะ สองอย่างเช่นเคย ฮ่าๆๆ
หมู่บ้านม้งดอยปุย ระหว่างทางขี่ขึ้นมาระวังหน่อยนะคะ ถนนไม่ค่อยดีแล้วก็ลื่นค่ะ
007.
กลับเข้ามาในคูเมือง เที่ยววัดกันบ้างค่ะ
วัดแรก วัดอุโมงค์(สวนพุทธธรรม)
ด้านในร่มเย็นและก็สงบมากๆนะคะ
008.
โครงการบ้านข้างวัด
ด้านในประกอบด้วยบ้านสไตล์พื้นเมืองครึ่งตึกครึ่งไม้ปูนเปลือยหลังเล็กๆตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ดรงเรียนสอนศิลปะ ร้านขายของที่ระลึก
ร้านขายงานศิลปะ และมีพื้นที่แสดงงานศิลปะที่เป็นหลุมลึกที่ทำให้โครงการนี้ดูพิเศษกว่าที่เคยเห็น
ทานข้าวมาแล้ว เลยมาแวะจิบกาแฟยามบ่ายก่อนค่ะ
การเดินทางจากวัดอุโมงค์ ขี่มาทางที่จะไปวัดรำเปิงนะคะ
009.
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่
วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์)
พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง"
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
พระธาตุเจดีย์หลวงนั้นถือว่าเป็นพระธาตุที่มีความสูงที่สุดในภาคเหนือ หรือล้านนา
คือ สูงประมาณ 80 เมตร เมตร ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างประมาณด้านละ 60 เมตร
ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ถือว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสำคัญที่สุดของเมืองเชียงใหม่
ต่อมาในสมัยมหาเทวีจิรประภา รัชกาลที่ 15 แห่งราชวงศ์มังราย
เกิดพายุฝนตกหนัก แผ่นดินไหว พระมหาเจดีย์หลวงได้พังทลายลงมาเหลือเพียงครึ่งองค์
จากนั้นก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไปนานกว่า 4 ศตวรรษ พระมหาเจดีย์หลวงที่เห็นปัจจุบันกรมศิลปกรเพิ่งจะบูรณปฏิสังขรณ์เสร็จไปเมื่อ พ.ศ. 2535
และแลนด์มาร์คสุท้ายที่พลาดไม่ได้ถ้ามาเชียงใหม่นะคะ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
ประตูท่าแพ
****************************************
เรานัดคืนรถที่สนามบินนะคะ ทางร้านคิดค่าบริการรับรถที่สนามบินเพิ่มอีก 50 บาทค่ะ
แต่ควรโทรนัดก่อนแล้วก็เผื่อเวลาให้มากหน่อยนะคะ
ไม่งั้นอาจตกเครื่องได้ เพราะเราไปรออยู่นานมากค่ะ
บ๊าย บาย เชียงใหม่....แล้วพบกันอีกแน่นอน
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมานะคะ ขอโทษด้วยที่ล่าช้าไปบ้าง
ทริปหน้าจะไปบ้า ฮา ติส ที่ไหนอีก
สามารถติดตามได้ในเฟสส่วนตัว หรือแฟนเพจ Journeyaholic นะคะ
จะพยายามอัพเดตเรื่อยๆค่ะ
ค่าใช้จ่ายตลอดทริป
ค่ารถทัวร์นครชัยแอร์ --- 584
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 2 วัน --- 600
แวะเติมน้ำมันครั้งที่ 1 --- 70
ค่าเสื้อกันฝน --- จำไม่ได้ ซื้อในเซเว่นอะคะ
ค่าเข้าอุทยาน --- บอกไปแม่แจ่ม เลยไม่เสียค่าเข้าค่ะ
ค่าที่พักคืนแรกที่แม่กลางหลวง --- 500(ห้อง 4 คน ราคาปกติ 1200 บาท)
ค่ามาม่า แคปหมุ --- 30
เติมน้ำมันครั้งที่ 2 ก่อนออกจากแม่กลางหลวง --- 40
ค่าเข้ากิ่วแม่ปาน --- 40(กลุ่มละ 200 กลุ่มเรามี 5 คน)
อาหารกลางวัน --- ฟรี(ขอบคุณพวกพี่ๆด้วยนะคะ)
ค่าโปสการ์ด --- 65
ค่าเข้าพระเจดีย์ --- 40
ค่าที่พักคืนที่ 2 ที่ plern plern bed and bike --- ค่าที่พักมีตั้งแต่ 899-1199
ค่าอาหารที่ Imm Aim Vegetarian & Bike Cafe' --- 150
ค่าตั๋วเครื่องบิน --- 1325
ค่าขนมในเซเว่น --- 120
ค่าระฆังซื้อขึ้นไปห้อยบนพระธาตุ --- 100
ค่าเข้าบ้านม้ง ดอยปุย --- 10
ค่ากาแฟที่บ้านข้างวัด --- 100
คืนรถมอไซค์ --- 350(เป็นค่าเช่าเพิ่มอีก 1 วัน 300/ค่าบริการรับรถนอกสถานที่ 50)
Journeyaholic
วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 15.34 น.