ท่องแดนมหัศจรรย์ มัลลิกา สะพานมอญ

2 วัน 1 คืน ไปตามที่ใจใฝ่ฝัน

วันที่ 7 มกราคม 2560 เวลา 07.30 น. จุดรวมพล ณ โรงเรียนวัดห้วยจรเข้วิทยาคม

พวกเราเดินทางกันโดยเหมารถตู้กันไป ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 9 คน โดยมีธีมคือ "โบฮีเมียน"

เก็บกองกลางคนละ 2,000 บาท กับทริปนี้ เริ่มออกเดินทาง .....

สถานีแรก " เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ "

ถึงตอนไหนไม่รู้เพราะว่าหลับตลอดทั้งทาง ตื่นขึ้นมาก็ "นี่ไงเมืองมัลลิกา!!!" ตามเสียงที่พวกพ้องเพื่อนเอะอะโวยวายด้วยความตื่นเต้นนั้นไซร้ ถึงแม้จะหมดช่วงวันปีใหม่ไปแล้ว แต่คนที่นี่ก็ ยังเยอะ และแน่นอยู่ตลอด โดยเฉพาะช่วงบ่าย

ค่าเข้าคนละ 200 บาท (โปรโมชั่นเทศกาล ปีใหม่)
ค่าเช่าชุด คนละ 250 บาท รวมทั้งเครื่องประดับ และ ร่ม (ถ้าชุด ร.๕ ญ 300 บาท)
ก่อนเข้าเราต้องแลกตังเป็น เงินไทยเสียก่อน เพราะในเมืองมัลลิกาใช้เงินสกุลไทย

พวกเราสนุกับการแต่งชุดไทย และสวมบทบาทเป็นคนสมัยก่อน มีอาคารรูปแบบต่างๆ ทั้งทรงไทย และยุโรป

ที่นี่ให้อิสระมาก เราสามารถร่วมทำขนม หรือขอถ่ายรูปได้อย่างไม่เขอะเขินเลย

วิถีชีวิตแบบคนไทย

สถานีที่สอง " อุทยานแห่งชาติเขาแหลม "

หลังจากที่เราหมดพลังไปกับเมืองมัลลิกา เราก็ได้พักทานข้าวอาหารอร่อยๆตามเส้นทาง และมุ่งหน้าไปอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ (ไม่มีรูปวิวเท่าไร เพราะเอาแต่เที่ยวเล่นและเซลฟี่กัน ห้าๆๆ)

ก่อนจะถึงที่พัก เราก็ต้องตุนเสบียงอาหารสำหรับค่ำคืนนี้ ดูได้จากภาพ "เจ้าแม่แห่งการเงิน"

เมื่อมาถึงที่พัก เราก็มาผ่อนคลายเอาเท้าแช่น้ำ หลังจากที่เดินเที่ยวเล่นกันมาทั้งวัน บรรยากาศเย็นๆ น้ำตกที่ไหลมาเย็นก็จริง แต่เย็นแบบสดชื่น ดีต่อใจมากกกกกกกกกก (ก.ไก่พันตัวเลยงานนี้)

สภาพที่พักเราจากมุมไกลๆ มีนอนเต็นท์กันเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ (เพื่อนๆบอกว่านอนเต็นท์ดีมาก อุ่น ฟินนนน)

มีกิจกรรมยามดึกมากมาย กว่าจะได้นอนกันก็ปาไปตี 1 ซึ่งรถออกตอน ตีห้าครึ่ง ==!

ปิดท้ายที่พักเขาแหลมด้วยภาพจิกกล้องแตก ห้าๆๆ

วันอาทิตย์ ที่ 8 มกราคม 2560

สถานีที่สาม " สะพานมอญ สังขละบุรี "

นัดกัน 05.30 แต่เวลาออกจริงๆ 06.30 บรรยากาศตอนเช้าเย็น แต่ไม่หนาวมาก ตลอดทั้งระยะทาง หลับตลอดทั้งทาง แต่รับรู้ได้ว่าเส้นทางลดเลี้ยวเคี้ยวคดมาก

ถึงแล้ว ... สะพานมอญ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในไทย สะพานที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีมนต์ขลัง ถึงแม้จะเป็นเช้าวันอาทิตย์ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลยที่มาเก็บภาพชมวิว พวกเราเลยมานั่งทานข้าวชมวิว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง

เช้านี้เราวางแพลนไว้ว่า จะนั่งเรือออกไปท่องโลกสังขละกันช่วงเช้า เพราะจะได้ไม่ร้อนมาก คิดได้แบบนั้นก็เริ่มออกเดินทาง

ค่าท่องเรือคนละ 300 บาท พาทัวร์ วัดสมเด็จ ,เมืองบาดาล แถมเป็นไกด์ทัวร์ให้เราอีกด้วย

จุดแรก มุ่งหน้าสู่ "สามประสบ" จุดบรรจบระหว่างแม่น้ำสามสาย คือ แม่น้ำบิคลี่ แม่น้ำรันตี และแม่น้ำซองกาเลีย ไหลรวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย

จุดสอง ที่แวะ คือ วัดสมเด็จอยู่บนเนินเขาเล็ก เป็นวัดที่ไม่จมน้ำและถูกทิ้งร้างเมื่อย้ายอำเภอสังขละบุรี

รอบๆวัดมีการวางก้อนหินอธิษฐาน 5 ก้อน สุขภาพร่างกายแข็งแรง ,9 ก้อน เจริญก้าวหน้า ,18 ก้อน สมหวังเรื่องความรัก ( ==! ความรักนี่มีอุปสรรคแม้กระทั่งวางก้อนหิน 18 ก้อนเยอะกว่าเพื่อนเลย ห้าๆๆ)

จบท้ายจุดที่สองด้วยภาพ VOGUE เบาๆ กับน้องพัดลูกเจ้าของเรือ

จุดสาม เมืองบาดาล

ความสำราญของการร่องเรือ การที่มีลมเย็นๆประทะใบหน้า การที่เกิดคู่รักซีรี่ใหม่ๆ มันเป็นบรรยากาศที่ทั้งอบอุ่นและมีความสุข เป็นการเที่ยวที่ดี อยากมาอีกสักครั้งจัง ....