ทริปนี้เราเดินทาง ไปร้อยเอ็ด เพื่อจะไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่ร้อยเอ็ด และรับแม่กลับบ้าน แต่ด้วยความที่แทนที่จะเยี่ยมญาติเฉยๆ เลยวางแผนเที่ยวเลยดีกว่า จริงๆแล้วเราเคยไป ร้อยเอ็ด มุกดาหารมาแล้ว แต่ก็ไ่ม่เคยวางแผนเที่ยวแบบจริงจัง นึกจะไปไหนก็ไปเลย แต่อยากจะบอกว่า ร้อยเอ็ด มุกดาหาร มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ อาหารราคาไม่แพง ที่พักก็ราคาไม่แพง ช๊อปปิ้งก็สนุก ฤดูหนาวก็หนาวไม่แพ้การไปเที่ยวทางเหนือ
และสำหรับทริปนี้ เรามีเวลาเที่ยวเพียง 2 คืน แม้ว่ายังมีที่เที่ยว ที่อยากไปอีกหลายที แต่แค่ 3 วัน 2 คืน ก็เที่ยวสุข ครบ ทุกอารมณ์การท่องเที่ยว


สำหรับรีวิวนี้ เราไม่เน้นถ่ายรูปที่พักนะคะ และเราก็เลือกแต่ที่พักราคาหลักร้อยค่ะ แต่แม้ว่าจะเป็นที่พักหลักร้อย ก็ต้องบอกว่า เราเลือกแล้วเลือกอีก ย้ำว่า เลือกแล้วเลือกอีกเช่นเคยตามนิสัยของเรา อีกอย่าง ที่พักทางอีสานราคาถูกและดี มีอยู่มากด้วยค่ะ

เมื่อมาถึงร้อยเอ็ด เราก็แวะไป Check in ที่ โรงแรม เดอะแคปปิตอล ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นโรงแรม ราคาประหยัด อยู่ในเมืองร้อยเอ็ด ตรงข้ามกับ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เดินออกมาหน้าโรงแรม ก็หาของกินกันสะดวกมากๆ มีร้านส้มตำ ร้านขายน้ำขนม เพียบเลย ในราคาคืนละ 550 บาท เท่านั้น รวมอาหารเช้าให้ด้วย แถมยังมีบริการ ชา กาแฟ โอวัลตินให้อีกด้วย ถือว่าคุ้มมากๆ แต่อาหารเช้าไม่ได้มีอะไรมากนะค่ะ ก็จะมีข้าวต้ม ชา กาแฟ โอวัลติน ปาท่องโก๋ ขนมปัง ประมาณนี้ค่ะ
ถ้าใครไปเที่ยวร้อยเอ็ด อยากหาที่พัก สะดวก ประหยัด นอนสบาย ก็ลองหาข้อมูล มาพักกันที่นี่ได้ค่ะ

พักผ่อน เก็บกระเป๋า จากโรงแรมที่พัก แล้ว เราก็มุ่งหน้าไปเที่ยวกันเลย สถานที่แรก ที่เราไป และอยากแนะนำให้ลองไปกันคือ วัดป่ากุง หรือ วัดประชาคมวนาราม จังหวัดร้อยเอ็ด

บรรยากาศหน้าวัด และลานจอดรถ เราไปวันธรรมดา ค่อนข้างสะดวกสบาย ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นวันหยุดหล่ะก็ มีคนบอกว่า คนแน่น เลยหล่ะค่ะ

ทางเดินถนนในวัด

เดินมาในวัดก็จะพบกับบ่อน้ำ และมีเจดีย์กลางน้ำแบบนี้ สามารถซื้ออาหารปลา และก็ให้อาหารปลาได้ด้วยค่ะ


จากบ่อน้ำ เดินเลาะๆ ต้นไม้ร่มรื่นภายในวัด ก็มาเจอกับเจดีย์หินทราย ไฮไลน์ ที่เรามาเที่ยวในวันนี้

วัดป่ากุง เป็นวัดซึ่งมีเจดีย์หินทราย ที่สวยงาม โดยได้แรงบันดาลใจการก่อสร้างมาจาก บรมพุทโธ มรดกโลกที่อินโดนีเซีย เป็นเจดีย์รูปทรงแปดเหลี่ยม กว้าง 101 เมตร ยาว101 เมตรสูง109 เมตร แบ่งเป็น7 ชั้น ตบแต่งด้วยหินทรายธรรมชาติ จากปากช่อง นครราชสีมา มีประติมากรรมที่สวยงามต่างๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ไว้หลายอย่าง สามารถเดินชมความงดงามของเจดีย์หินทราย ด้านในได้ และยังสามารถขึ้นไปชมความสวยงาม โดยรอบได้อีกด้วย ค่ะ

บ่อน้ำอีกหนึ่งบ่อภายในวัด นั่งเล่นๆร่มรื่นมากๆ ค่ะ

จากวัดป่ากุง เราเดินทางไปเที่ยวกันต่อ ที่ ท้องฟ้าจำลอง ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ของร้อยเอ็ด เพิ่งเปิดบริการได้ไม่นาน โดยการจัดแสดงท้องฟ้าจำลอง ก็จะคล้ายๆ กับท้องฟ้าจำลองในกรุงเทพ เราใช้เวลาเดินทางจากวัดป่ากุง ประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ถนนและรถโล่งดีจริงๆ ไปถึงท้องฟ้าจำลอง ก็ได้รอบการเข้าไปชม โดมท้องฟ้า จำลองพอดี ซื้อบัตรเข้าชม ในราคาผู้ใหญ่คนละ 30 บาทเท่านั้น ซื้อบัตรเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะพาขึ้นไปบนโดมของท้องฟ้าจำลอง เพื่อชม ท้องฟ้าจำลอง มัลติมิเดีย ที่ทันสมัย นอนมองท้องฟ้า แอร์เย็นๆ สบายดีจริงๆ
ภายในท้องฟ้าจำลอง นอกจาก จะให้ดูท้องฟ้าจำลองแล้ว ยังมี นิทรรศการ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ให้เดินชม เพิ่มเติมความรู้ ให้กับทุกคนๆ โดยเฉพาะเด็กๆ ได้อีกด้วย

ชมท้องฟ้าจำลองกันเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาในท้องฟ้าจำลองประมาณ สามชั่วโมง แวะทานก๋วยเตี๋ยวร้านดัง แต่ว่าไม่ค่อยอยากแนะนำ เราก็ไปเที่ยวกันต่อที่ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำร้อยเอ็ด และบึงพลาญชัย ซึ่งสถานแสดงพันธ์ุสัตว์น้ำนี้ อยู่ติดกับบึงพลาญชัยเลย ค่ะ

ภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ ขนาดไม่ใหญ่มาก มีปลาน้ำจืด และสัตว์น้ำจืด หลากหลายสายพันธ์ในชม มีอุโมงค์น้ำให้ดูปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ มีนิทรรศกาลติดป้ายให้ความรู้ เกี่ยวกับวัฒนธรรมอีสาน และการแห่เทียนพรรษา ถือเป็นอีกหนึ่งที่ ท่องเที่ยว ของร้อยเอ็ด ที่ไม่ควรพลาด ซึ่งการเข้าพิพิธภัณฑ์ ก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพียงแต่หากใครจะบริจาค ช่วยเหลือ ก็จะมีกล่องรับบริจาคกันตามกำลังศรัทธา

พากันดูพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เรียบร้อยก็ข้ามถนนไปนั่งเล่นรับลมเย็นในบึงพลาญชัย บริเวณนี้คือศาลากลางน้ำในบึงพลาญชัยค่ะ

มาจังหวัดร้อยเอ็ดแล้ว แนะนำให้มาบึงพลาญชัย กันนะค่ะ เพราะจะมี ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง ที่ชาวร้อยเอ็ดเคารพนับถือ และเชื่อว่าเจ้าพ่อหลักเมืองจะช่วยดลบันดาลให้มีความสุข คิดสิ่งใดสมปราถนา เมื่อมาแล้วก็อย่าลืมมาสักกาะระ ขอพรกันนะค่ะ

บึงพลาญชัย บึงทีเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ โอบล้อมไว้ด้วยบึงน้ำภายในบึงน้ำมีพันธ์สัตว์น้ำหลายพันธ์ุ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ทำกิจกรรม ออกกำลังกาย ของคนในจังหวัดร้อยเอ็ด และยังเป็นที่ ประดิษฐานของศาลหลักเมือง ประจำเมืองร้อยเอ็ดอีกด้วย บรรยากาศภายในบึง ในยามเย็นจะเต็มไปด้วยสีสัน ของผู้คนที่มาออกกำลังกาย มาให้อาหารปลา มาพักผ่อนหย่อนใจ จากช่วงเวลางานในตอนกลางวัน นอกจากบึงพลาญชัย จะเป็นสถานที่พักผ่อนของคนในจังหวัดแล้ว ยังเป็นสถานที่จัดงานอีเว้นท์ ประจำจังหวัด ไม่ว่าจะปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทง สถานที่แห่งนี้ก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และที่จัดงานสำคัญๆ ของจังหวัดร้อยเอ็ดเสมอมา

ในตอนแรกเราว่าจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ แต่ดูเวลาแล้ว วันนี้น่าจะพอแค่นี้ก่อน เราเลยนั่งเล่นชมวิว ที่บึงพลาญชัยกันอยู่นาน ทั้งให้อาหารปลา อาหารนก ก็ถึงเวลากลับห้อง แล้วก็หาอาหารอร่อยๆ กันแถวหน้าโรงแรม สำหรับวันนี้ในการเที่ยวจังหวัดร้อยเอ็ด บอกเลยว่า วันเดียว ก็ไม่พอ เพราะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ อีกหลายแห่ง ที่เรายังไปไม่ครบเลย แต่ด้วยความที่อยากไปช๊อปปิ้งตลาดอินโดจีน ที่มุกดาหาร เลยวางแผน ไปเที่ยวมุกดาหารอีก 1 คืน

เช้าวันใหม่ ทานอาหารเช้าที่โรงแรม ก็จัดเก็บกระเป๋า มุ่งหน้าต่อเพื่อไปเที่ยวมุกดาหาร ออกจากร้อยเอ็ด จับ GPS. ตั้งสถานที่ว่าไป วัดผาน้ำย้อย ใช้เวลาเดินทางไม่นาน เดินทางไปเรื่อยๆ ชมวิว ชมทุ่งนา ข้างทาง เสียดายช่วงที่เราไปไม่ใช่ช่วงทุ่งนาออกรวงข้าวสีทอง ไม่งั้นจะแวะถ่ายรูปสักหน่อย


ที่มาเที่ยวที่วัดผาน้ำย้อย ก็เพราะอยากมาชม มหาเจดีย์ชัยมงคล ซึ่งเป็นเจดีย์ที่ขนาดใหญ่ วิจิตรตระการตางดงาม ตั้งอยู่บนเขา เวลาที่มาเที่ยวที่วัดผาน้ำย้อย ถ้ามาช่วงเทศกาล ก็จะต้องจอดรถไว้ที่หน้าประตูวัด ทางวัดไม่ให้เอารถเข้า แต่ก็จะมีทางเดิน เป็นหินบล๊อคๆ วางเรียงเหมือนกำแพงเมืองให้เดิน ชมวิว เบื้องล่าง เป็นกำแพงเมืองเดินไปเรื่อยๆ จนถึงพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ซึ่งจริงๆแล้ว กำแพงเมืองนี้สามารถเดินไปได้ทั่ววัด เพราะกำแพงเมืองที่เดินด้านบนอันนี้ ก็จะเป็นกำแพงวัดนั่นเอง ซึ่งอาณาเขตของวัดนั้นก็ใหญ่เอามากๆ เดินรอบกำแพงเมืองของวัดก็คงจะใช้เวลาๆเป็นชั่วโมงกันเลยทีเดียว

วัดผาน้ำย้อย หรือจะเรียกอีกชื่อหนึ่งก็ได้ว่า วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม ตั้งอยู่ที่ บ้านโคกกลาง ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด (ห่างจาก อ.หนองพอก 13 กม. ถนนสายหนองพอก-เลิงนกทา) ชื่อเดิมวัดแห่งนี้เรียกว่าวัดผาน้ำย้อย โดยมีผู้ใหญ่เล่าให้ฟังว่า วัดแห่งนี้แต่เดิมจะมีน้ำหยด (ตรงไหนก็ไม่รู้เค้าบอกให้เดินไปดูเราก็ไม่เคยไปเพราะต้องเดินลงบันไดหลายสิบขั้น) อยู่ตลอดเวลาตลอดทั้งปี ผู้คนก็มักจะมาเอาน้ำย้อยจากวัดแห่งนี้ไปเป็นเหมือนน้ำมนต์ ประมาณนั้น จากที่ผู้ใหญ่เล่าให้ฟังมา


แต่หากใครมาเที่ยวในวันธรรมดา ไม่ใช่ช่วงเทศกาล ก็สามารถขับรถขึ้นไปจอด หน้าพระมหาเจดีย์กันได้เลย

พระมหาเจดีย์ชัยมงคลนั้น จำได้ว่าใช่เวลาสร้างมานานมากแล้วๆ มาครั้งนี้รู้สึกว่าสร้างเสร็จขึ้นอีกเยอะเลย ภายในของพระมหาเจดีย์ฯ ถูกตกแต่งด้วยลวดลายอ่อนช้อย วิจิตรสวยงาม ภายในจะแบ่งเป็น 5 ชั้น แต่ละชั้นจะเป็นโถงสำหรับนมัสการ ประดิษฐานของพระรูปของเกจิอาจารย์ชื่อดัง ไว้หลายรูป ซึ่งชั้นที่ 5 ชั้นบนสุดจะมีบันไดวน 119 ขั้น เพื่อขึ้นไปนมัสการ พระบรมสารีริกธาตุวัดพระมหาเจดีย์ชัยมงคล

จากพระมหาเจดีย์ชัยมงคล เลยขึ้นเขาไปอีกนิดหน่อย ก็จะไปถึงผาหมอกมิวาย ระหว่างทางไปผาหมอกมิวาย จะเป็นถนน เล็กๆ สองเลนสวน ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้

ผาหมอกมิวายเป็นจุดชมวิว ที่สวยงาม อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ ภายในอุทยานของผาหมอกมิวาย สามารถกางเต้นท์ได้ หรือหากไม่อยากกลางเต้น ก็มีบริการห้องพักให้ด้วย ถ้าเป็นฤดูหนาว สถานที่แห่งนี้จะเป็นที่นิยมของผู้ที่นิยมสัมผัสอากาศหนาวแห่งแดนอีสานได้อีกที่หนึ่ง

บรรยากาศของผาหมอกมิวาย จะมีจุดชมวิว จัดแต่งไว้น่าพักผ่อน มีชิงช้าให้นั่งเล่น มีที่นั่งให้นั่งพัก ชมวิวเบื้องล่างที่แสนสวยงาม ในฤดูหนาวหรือวันฝนตก จะมีหมอกลอยละล่องให้ชมกันได้ที่จุดนี้

จากผาหมอกมิวาย กลับลงมาทางเดิม เพื่อเดินทางไปต่อยังจังหวัดมุกดาหาร แต่ก่อนจะไปมุกดาหาร แวะเที่ยวกันอีกสักนิดที่วัดผาน้ำย้อย(เดิม) ซึ่งเป็นวัดแรกๆของวัดผาน้ำย้อยอยู่ด้านลางของพระมหาเจดีย์ฯ จากวัดผาน้ำย้อยเดิม สามารถ ขึ้น-ลงโดยใช้บันไดขึ้นเขา ไปที่พระมหาเจดีย์ฯได้ สำหรับคนชอบแอดเวนเจอร์

ภายในวัดผาน้ำย้อยเดิม จะมีบันไดทางขึ้นด้านบนพระมหาเจดีย์ฯ และมีบึงน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นธรรมชาติมากๆ มีปลาภายในบึงน้ำเต็มบึง สามารถแวะพักผ่อนไหว้พระ และให้อาหารปลา กันได้ที่นี่ ปลาตัวใหญ่ๆหนาแน่นเต็มบ่อกันเลยเชียว ดูได้จากภาพ

ออกจากวัดผาน้ำย้อย ก็มุ่งหน้าไปมุกดาหารกันเลย โดยไปแวะเที่ยวกันก่อนที่ ภูผาเทิบ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่พลาดไม่ได้ ของจังหวัดมุกดาหาร

อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ แต่เดิมชื่อว่า อุทยานแห่งชาติมุกดาหาร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เดินทางไปง่ายๆ ไม่ไกลตัวเมือง มุกดาหาร ภูผาเทิบเป็นภูเขาหินทราย ที่ถูกการกัดกร่อนโดยธรรมชาติจากน้ำ ลมและแสงแดดเป็นมาเวลาหลายร้อยล้านปี ทำให้เกิดเป็นก้อนหินทรายรูปร่างแปลกตาต่างๆ บริเวณลานหินหรือภูเขาหิน และในฤดูฝนต่อฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยไม้ดอกงดงามนานาชนิด รวมทั้งป่าเบญจพรรณที่ชุ่มฉ่ำบริเวณหุบเขา

จุดเด่นของภูผาเทิบ ที่ต้องมาถ่ายรูปก็คือ ผาอูฐ หน้าผาที่มีหินรูปร่างคล้ายอูฐทะเลทรายตั้งอยู่กลางลานหิน เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นจากฝีมือของธรรมชาติที่สวยงาม และจุดนี้ก็ยังสามารถชมวิวหุบเขาด้านล่างได้ด้วย

จากภูผาเทิบ ตอนแรกตั้งใจว่าจะแวะภูมโนรมห์ อีกสักที่ แต่ว่า ก็เริ่มเย็นแล้ว เลยตัดสินใจไปเช็คอินท์เข้าพักที่พักกันเลยดีกว่า ที่พักที่เราพักครั้งนี้มีชื่อว่า วิลล่าทิวา ที่พักราคาหลักร้อย เราจองผ่าน Traveloka ช่วงที่มีโคดส่วนลด จำไม่ได้แล้วว่าใช้โคดกี่เปอร์เซ็นต์ไป แต่พอคำนวณแล้วเหลือจ่ายค่าที่พักไปเพียง 5 ร้อยกว่าบาท เท่านั้น
วิลล่าทิวา เป็นที่พักที่ออกมาเส้นรอบเมือง ไม่ได้อยู่กลางเมืองมุกดาหาร แต่เป็นที่พัก ราคาประหยัด ห้องพักกว้างขวาง สะอาด สะดวกสบาย มีไวไฟ ฟรี มีอาหารเช้า แต่อาหารเช้า เราว่าสู้ที่ แคปปิตอลร้อยเอ็ดไม่ได้เลย เลยทานได้แต่โอวัลติน แล้วไปหาก๋วยจั๊บ กินในเมืองมุกดาหารแทน

ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องทำเล ก็เป็นอีกที่พักที่น่าไปพักในราคาประหยัด แต่ใครอยากพักในเมืองมุกดาหารเลย ก็มีที่พักอีกหลายที่ที่น่าพัก บางที่ก็อยู่ริมโขง ใกล้ๆกับตลาดอินโดจีนก็มี

บรรยากาศร้านบ้านลาวญวณ ณ.ริมโขง

ถึงที่พักก็พากันสลบ จากการเดินทาง ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เริ่มหิว วันนี้เราตั้งใจจะไปทานอาหารกันริมโขง เวลามามุกดาหารทีไร เราชอบหาร้านอาหารทานริมโขง ซึ่งริมชายโขงของมุกดาหารก็มีร้านอาหารให้เลือกทานหลายเพราะเมืองมุกดาหารนั้น เป็นจังหวัด ที่ติดอยู่กับแม่น้ำโขง ซึ่งก็มีทั้งสะพานมิตรภาพไทยลาว ข้ามฝั่งไปเที่ยวก็ยังสามารถไปเที่ยวได้ยังเมืองสวันเขต

แต่ครั้งนี้ เราขอแนะนำร้านบ้านลาวญวณ ณ.ริมโขง ค่ะ ด้วยบรรยากาศภายในร้านตกแต่งสวยงาม มีทั้งโซนนั่งรับลมเย็นริมชายโขง หรือจะนั่งแอร์เย็นๆ ภายในร้านก็ได้ ร้านมีขนาดไม่ใหญ่นัก และเป็นร้านที่เปิดให้บริการได้ไม่นาน เป็นร้านอาหารเวียดนามผสมกับอาหารอีสาน

นอกจากบรรยากาศจะดีงามแล้ว อาหารของร้านก็อร่อยทุกเมนูที่สั่งมา ไม่ว่าจะเป็นตับหวาน คอหมูย่าง แจ่วฮ้อน กุ้งชุบแป้งทอด และที่เราชอบมาที่สุดคือ เปาะเปี๊ยะทอด ที่พอเสริฟมาแล้ว อเมซิ่งมากๆ เสริฟมาเป็นกระด้ง รองด้วยใบตอง เสริฟพร้อมผักสดและน้ำจิ้ม นึกแล้วก็อยากกลับไปกินอีก เพราะอร่อยมากๆ ที่สำคัญราคาอาหารของร้านก็ไม่แพงด้วย บริการดี อาหารอร่อย ราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์

มาถึงร้านแล้ว ทางร้านจะเอาน้ำเย็นๆ มาบริการพร้อมกับข้าวเกรียบ ให้ก่อนเลย น้ำจะใส่ขันมาให้แบบนี้ด้วยค่ะ

ไม่รอช้า มาดูเมนูอาหารที่เราสั่งกันทานในวันนี้กันเลย

เมนูแรก ตับหวาน รสชาติอีสานอร่อยหอมข้าวคั่วแซ่บกำลังดี เสริฟเคียงมาพร้อมผักสดๆ สดจริงๆค่ะ ร้านนี้เรื่องความสดของผักเราให้ ห้าดาวเลย เพราะผักสดจริงๆ

เมนูต่อไป คอหมูย่าง เนื้อหมูหมักย่างหอมมาเชียงค่ะทานกับน้ำจิ้มแจ่วแล้วแบบว่า อร่อยมาก

เมนูนี้ คือ แจ่วฮ้อนจานโต เป็นเมนูยอดนิยมของการมาเที่ยวมุกดาหาร สังเกตุได้ว่าเกือบทุกร้านจะมีเมนูแจ่วฮ้อนไว้บริการ แจ่วฮ้อนจานโต แต่ราคาเบาๆ บรรยากาศเย็นๆ ริมโขง ซดน้ำซุปแจ่วฮ้อนร้อนๆ แล้วคล่องคอ อร่อยเหาะ

เมนูนี้ เรา แนะนำเลยค่ะสำหรับคนที่ชอบทานอาหารเวียดนาม ก็คือ เปาะเปียะทอด เสริฟมาในกระด้งใบโต พร้อมผักสดๆ และน้ำจิ้มอร่อยๆ ประทับใจก็ตรงเสริฟมาในกระด้งให้นี่แหละค่ะ เปาะเปียะก็อร่อย ไส้เยอะ รีคอมเมนท์เลยค่ะ

เมนูสุดท้าย เป็นเมนูสำหรับเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็ทานได้ กุ้งชุบแป้งทอด ทอดมาฟู กรอบ อร่อย มากค่ะ

ทานอาหารเสร็จแล้ว เราก็ไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน หรือเรียกอีกชื่อว่าตลาดราตรี ตลาดราตรีแต่ก่อนจะเป็นถนนคนเดินที่เปิดขายเฉพาะวันหยุดเท่านั้น แต่ปัจจุบัน เปิดขายกันตอนเย็นๆ ทุกวัน ซึ่งหากใครอยากทานอาหารเวียดนาม อร่อยๆ ราคาไม่แพง ก็มากินกันที่ตลาดราตรีได้ มีขายกันอยู่หลายร้าน นอกจากอาหารเวียดนามแล้ว ตลาดราตรีก็เป็นเหมือนตลาดโตรุ่งดีๆนี่เอง ที่มีร้านอาหารหลากหลายให้เลือกทานกัน ทั้งขนมหวาน ผลไม้ อาหารอีกสาน นอกจากนั้น ยังมีเสื้อผ้า ของใช้ ของเด็กเล่น ขายอยู่ที่ตลาดราตรีนี้อีกด้วย

เราเดินเล่นที่ตลาดราตรีสักพักซื้อขนมกลับไปกินที่ห้องวางแผนเที่ยวช๊อปปิ้งพรุ้งนี้ต่อ เพราะพรุ้งนี้มีภาระต้องไปหาญาติและก็ต้องกลับกันแล้ว

ตอนเช้าเราแวะไปช๊อปปิ้งที่ ตลาดอินโดจีน ซื้อของหลายอย่าง ทำให้ไม่ได้ถ่ายรูป ตลาดอินโดจีนมาให้ชม ซึ่งจริงๆแล้วตลาดอินโดจีน ถือเป็นไฮไลท์หลักของการมาเที่ยวมุกดาหาร เพื่อช๊อปปิ้งซื้อของก่อนกลับกันเลยทีเดียว ซึ่งก็มีทั้ง เสื้อผ้า ของใช้ หมูยอ กุนเชียง และอีกหลายๆอย่าง บรรยากาศริมแม่น้ำโขง ช๊อปปิ้งกันสนุกจนลืมถ่ายรูปมาอวดกัน

แต่หลังจากช๊อปปิ้งแล้ว ดูเวลาแล้วยังพอมีเวลาเหลือ เลยคิดว่าจะขับรถไปเที่ยวกันก่อน มาแวะบ้านญาติ แล้วถึงจะกลับ กรุงเทพ กันดี เลยตัดสินใจเดินทางไปหาอาหารเที่ยงนั่งเล่นริมชายโขงกันที่แก่งกะเบา ซึ่งอยู่ห่างจากตัวมุกดาหาร ประมาณ 35 กิโลเมตร ภายในแก่งกระเบาจะมีร้านอาหารริมแม่น้ำโขง สไตล์ ข้าวเหนียวส้มตำ ไก่ย่าง

แต่ที่เราอยากมาที่แก่งกระเบาก็เพราะอยากมาดู ลานหินริมโขงที่เป็นหลุม เป็นบ่อ เป็นหลุมต่างๆที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เกิดจากน้ำกัดเซาะ เป็นลานหินที่ กว้างไปจนถึงประมาณครึ่งแม่น้ำโขง นั่งท่องเที่ยวบางคน ก็ไปเล่นน้ำกันริมน้ำ แต่น้ำค่อนข้างไหลเชี่ยว จึงเหมาะกับการมาชมธรรมชาติสวยๆ ริมฝั่งโขง ที่มองไปอีกฝั่งก็เป็นดินแดนประเทศลาว

ได้เวลาก็ถึงเวลากลับกันแล้ว เพื่อเดินทางกลับ ร้อยเอ็ด แวะเยี่ยมญาติสักนิด แล้วก็กลับกรุงเทพ ซึ่งจริงๆแล้ว การเดินทางท่องเที่ยวของเราในครั้งนี้ บอกเลยว่ายังไม่รู้สึกอิ่มสักเท่าไหร่ เพราะจริงๆแล้ว ยังมีสถานที่ๆที่อยากไปอีกหลายที่ ยังมีร้านอาหารอีกหลายร้านที่ยังไม่ได้ไปลองทาน ทำให้รู้สึกว่า หากมีโอกาส มาร้อยเอ็ด อีกเมื่อไหร่ คงต้องวางแผนเที่ยวกันดีๆให้ได้เที่ยวกันเยอะๆกว่านี้

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาชมรีวิว เที่ยวอีสาน ร้อยเอ็ก มุกดาหาร ที่เที่ยวสนุก สุดสบาย เดินทางสะดวก อาหารอร่อย ราคาสบายกระเป๋าทุกมื้อ หากใครมีโอกาส ก็อยากให้ลองมาเที่ยวอีสานกันดูบ้าง หากหาข้อมูลกันดีๆ จะพบวัน ยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าเที่ยวน่าชม อีกหลายๆ ที่ ไม่แพ้ที่ไหนๆเลย

สุดท้ายใครที่ผ่านมาอ่านแล้ว ฝากกด ถูกใจ แฟนเพจเป็นกำลังใจให้เรากันหน่อยนะค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ แล้วเจอกันรีวิวต่อไป ยังมีอีกหลายที่อยากจะรีวิว ทั้ง เชียงใหม่ กาญจนบุรี สังขลุบุรี ล่าสุดเพิ่งไปมา ทริปเชียงราย 5 คืน แต่ด้วยความที่เราไม่ใช่ Blogger อาชีพ เนอะ อาจจะช้าไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยค่ะ

https://www.facebook.com/movetripdotcom/?fref=ts



Pear_Plean

 วันพฤหัสที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.36 น.

ความคิดเห็น