update Promotion & Review สดใหม่ได้ตลอดที่ https://www.facebook.com/reviewnowz
Disciples D’Escoffier Thailand
Charity Dinner @ The French Ambassador’s Residence
สวัสดีครับ
สมาคมอาหารฝรั่งเศส Disciples D’Escoffier เป็นสมาคมที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) หรือ 71 ปีมาแล้วโดยมีเชฟและสมาชิกทั่วโลกรวมกันประมาณสามหมื่นคน ถือว่าเป็นสมาคมเชฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งทางสมาคมเองก็มีประจำที่ประเทศไทยอีกด้วยโดยมีเชฟเคน–วัชรวีร์ วิเสทโภชนาทิพย์ เป็นนายกสมาคมเอสโคฟีเย่ ประเทศไทย และสำหรับกิจกรรมของสมาคมในครั้งนี้จะเป็นชุดอาหารค่ำการกุศลให้กับ NAT Association ที่จัดขึ้น ณ. สวนเรือนพักเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ริมแม่น้ำเจ้าพระยาครับ
ท่านเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย H.E. Mr. Jean-Claude Poimboeuf (Ambassadeur de France en Thaïlande) เจ้าบ้านที่ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง โดยมี ดร.สมศักดิ์ และ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล เป็นแขกคนพิเศษในค่ำคืนนี้รวมถึงบุคคลสำคัญในด้านต่างๆของวงการอาหารในประเทศไทย
รองท้องก่อนเริ่มงานกับคานาเป้อย่าง มูสเนื้อเนียนกับไข่ปลาคาเวียร์, ฟัวกราส์หอมๆที่ห่อด้วยเยลลี่, และคานาเป้มังสวิรัติที่หอมเครื่องเทศโดดเด่นรสชาติกลมกล่อมอร่อยมาก
พร้อมค็อกเทลจาก Massenez ที่เลือกใช้ส่วนผสมหลักเป็น Golden Eight® : The Quintessence of Williams Pear Liqueur เป็นบรั่นดีจากลูกแพร์อายุมากกว่า 8 ปีขึ้นไปผ่านขั้นตอนที่สะสมประสบการณ์มานานถึง 155 ปี (ค.ศ. 1870) ลองชิม ‘Massenez Poire Williams Liqueur’ เป็นแบบ on the rock จะมีความหอมของผลไม้เด่นเช่นเดียวกับความหวานแต่ไม่แรงจนเกินไปยังคงดื่มง่าย และ ‘Hugo’ที่ผสมโพรเซ็กโก้ (Prosecco) โซดาพรีเมี่ยมของ Fever-Tree, น้ำมะนาว, และใบมินต์ ดื่มแล้วมีความเปรี๊ยวหวานและซ่าแบบกลมกล่อมชื่นใจจิบได้เรื่อยๆนอกจากนั้นก็ยังมี ‘Berry Spritz’ ที่ใช้น้ำแครนเบอร์รี่ และ ‘Sunshine Spritz’ ที่ใช้น้ำแพชชั่นฟรุ๊ต
อีกบูธกับ โกษาปาน (Kosapan) เหล้ารัมจากอ้อยของไทยกับ ‘Pandan Fizz’ แก้วใหญ่ที่หอมใบเตยอ่อนๆ รสชาติกลมกล่อมแต่ซ้อนความร้อนแรงไว้ไม่ให้รู้สึกตัว และ ‘Orange Negroni’ กับสูตรเนโกรนีที่ใช้ campari กับ COCCHI Vermouth ร่วมกับโกษาปานรสส้มในแก้วคลาสสิค
ท่านเอกอัครราชทูตกล่าวเปิดงาน
พร้อมสมาชิกในสมาคมเอสคอฟเฟียร์
แต่ก่อนที่จะเริ่มรับประทานอาหารจะมีการมอบสายสะพายของสมาคมของผู้ที่ผ่านการตรวจสอบ
โดยสายสะพายแต่ละสีจะมีความหมายแตกต่างกัน
สีแดง – เชฟ
สีม่วง – บุคลากรในร้านอาหารและซอมเมอลิเยร์
สีน้ำเงิน – บุคคลสำคัญ สื่อ และ นักชิมอาหาร
สีเขียว – ผู้ผลิตวัตถุดิบ
สีส้ม – เชฟที่รอการยอมรับให้เป็นสายสีแดง
และโด้ก็ได้รับเกียรติอย่างสูงให้ได้รับสายสะพายสีน้ำเงินในส่วนของนักชิมอาหาร โดยในพิธีผู้ที่รับสายสะพายจะต้องการปฏิญาณตน และไม้ประทับไหล่ในแบบอัศวิน
สำหรับในครั้งนี้มีผู้รับสายสะพายทั้งหมด 12 ท่าน ทำให้ปัจจุบันสมาคมเอสคอฟเฟียร์ ประเทศไทยมีสายสีแดง 40 ท่าน, สีม่วง 5 ท่าน, สีน้ำเงิน 13 ท่าน, สีเขียง 6 ท่าน, สีส้ม 2 ท่าน, และนายกสมาคมอีก 1 ท่าน รวมทั้งสิ้น 67 ท่าน
ท่านเอกอัครราชทูตและคุณหญิงปัทมาได้สายสะพายสีน้ำเงิน
เสร็จสิ้นพิธีการก็ได้เวลารับประทานอาหารพร้อมฉลองสายสะพายไปในตัว
เป็นอาหารชุด 7 คอร์สที่ปรุงโดยเชฟจากสมาคมทั้งหมด 13 ท่าน
‘Andaman Crab, Ajo Blanco, Mint Oil, Crab Tuile’
โดย Chef Top Russell
อาหารหน้าตาสวยงามงานละเอียดสมกับเชฟมิชลิน 1 ดาว โดดเด่นไม่แพ้หน้าตาก็คือความหอมหวานของเนื้อปูตามธรรมชาติที่ยังคงชัดเจนดีมากๆ แม้จะถูกปรุงรสมาแล้วก็ตาม มีความหอมหวานมันและกรุบกรอบ อร่อยมากๆ
‘Lobster Medallion, Tarragon Jelly, Pop Rice, Alliacea Condiment’
โดย Chefs Alexandre Demard & Guillaume Comparat
เนื้อกุ้งล็อบสเตอร์ชิ้นใหญ่มีความสุกกำลังดี ทานพร้อมกับเยลลี่ทาร์รากอนที่ช่วยเสริมรสและเนื้อสัมผัสให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
‘Poached Smoked Foie Gras, Griottine®, Duck Consomme’
โดย Chefs Clément Hernandez & Matteo Fontana
เชฟรินน้ำซุปเป็ดแบบใสให้ก่อนทาน
ตับห่านชิ้นใหญ่หนาดูดี ทานคู่กับคอนซูมเมที่หอมกลมกล่อมและชูตับห่านให้โดดเด่นนุ่มนวลได้น่าประทับใจ
‘Confit Cod Loin, Fine Quenelle, Marigold Emulsion, Flower Oil’
โดย Chefs Thierry Drapeau & Remi Verrier
โดดเด่นด้วยปลาคอดเนื้อแน่นที่ทานคู่กับซอสสีเขียวที่มีน้ำมันดอกไม้เป็นส่วนผสมเพิ่มบอดี้มันๆเบาๆ และรสชาติให้กับเนื้อปลา
‘Marbled Capon Terrine, Wild Mushroom, Yellow Wine, Capon Jus’
โดย Chefs Julien Le Breton & Kent Vatcharavee
ร่วมกับ Klong Phai Farm
ไก่เนื้อนุ่มแน่นหั่นเป็นชิ้นอัดเป็นทรงเทอรีนที่เห็นได้ถึงความละเอียดที่ซับซ้อนในการทำ ทานคู่กับเห็ดและแป้งพายกรอบ เสริมกลิ่นรสด้วยซอสไก่รสเข้มข้นกลมกล่อม
‘Artisanal Blue Cheese, Pear Liqueur Golden Eight, Celery Textures’
ร่วมกับ Jartisann Cheeserie & Distillerie Massenez
บูลชีสที่ทานคู่กับวอลนัทและเซเลอรีที่คลาสสิค เสริมให้มีความหอมหวานที่ทำให้ทั้งอร่อยและสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นกับชีสนั้นทานได้ง่ายขึ้นด้วยบรั่นดีจากลูกแพร์
‘Caramelized Apple, Champange, Brittany Sablé, Lait Ribot Ice Cream’
โดย Chefs Dominique Bugnand & Pablo Cicquel
แอปเปิ้ลคาราเมลไลซ์มีความหอมอ่อนๆรสชาตินุ่มนวลไม่โดดไปกับคุ้กกี้เนยสไตล์บริตานี่ได้อย่างราบรื่นพร้อมไอศกรีมนมเปรี๊ยวช่วยเสริมในการทาน
‘Petits Fours’
ปิดท้ายด้วยขนมหวานคำเล็กๆทานพร้อมกับชาหรือกาแฟที่เห็นก็รู้เลยว่ามาจากที่ไหน (จากโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ลนั่นเอง)
รินไม่อั้นตลอดทั้งมื้อกับไวน์ขาวและไวน์แดงจาก Sibour Wine Integrity และน้ำแร่ Evian
แน่นอนว่าในการปรุงอาหารไม่ได้มีแค่เชฟเท่านั้นแต่ก็ยังมีทีมงานอีกหลายสิบชีวิตที่ร่วมกันสร้างสรรค์มื้อค่ำในครั้งนี้ให้สำเร็จรุล่วงไปด้วยดี เชื่อว่าจะเป็นประสบการณ์ทั้งในงานครัวและงานบริการในระดับประเทศให้กับพี่ๆน้องๆได้เป็นอย่างดีที่สุด
ตรงตามปณิธานของสมาคม เอสคอฟเฟียร์ ต่อวงการอาหารทั่วโลก
เป็นอีกหนึ่งค่ำคืนแห่งความประทับใจไม่ว่าจะเป็นการเปิดสวนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงามของท่านเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย อาหารอร่อยๆและเครื่องดื่มดีๆจากเชฟและทีมงาน แขกทุกท่านที่มาร่วมงานน่ารักและเป็นกันเอง และขอแสดงความยินดีกับเชฟและทุกๆท่านที่ได้รับสายสะพายของสมาคม ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงที่ให้โด้เป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมเชฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นเพียง 1 ใน 13 คนที่ได้รับสายสะพายสีน้ำเงินในประเทศไทยครับ.
ขอบคุณมากครับ
โด้
รายละเอียดสมาคม
สมาคม เอสคอฟเฟียร์ ประเทศไทย / Disciples Escoffier Thailand
โทร. 09-2417-3151
Disciples Escoffier Thailand Facebook’s Page
www.disciplesescoffier.org
รายละเอียดสถานที่
สถานทูตฝรั่งเศส / Embassy of France (Ambassade de France à Bangkok)
35 ซอยเจริญกรุง 36 ถนนเจริญกรุง บางรัก กรุงเทพ 10500 [เขตบางรัก]
35 Soi Charoen Krung 36, Bang Rak, Bangkok 10500 Thailand
08:00-12:00 / 14:00-17:00
โทร. 0-2657-5100
www.ambafrance.org
update Promotion & Review สดใหม่ได้ตลอดที่ https://www.facebook.com/reviewnowz
Do is On The WAY
วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 21.29 น.