กลับมาอีกครั้งสำหรับการรีวิวและสรุปการเที่ยวปากีสถานประจำปี 2024 ปีนี้มาเที่ยวตรงกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือที่รู้จักกันในชื่อ “ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี” ทริปนี้พิเศษกว่าทริปที่ผ่านๆ มาเนื่องจากมีคนสนิทมาคอยควบคุมและติดตามการเคลื่อนไหว (ที่ผ่านๆ มาไม่เคยมี แต่คงได้ข่าวว่าตอนเที่ยวไปหลุดลู่หลุดทางมากเกินไป ก็เลยต้องมาคุมเอง) ทริปนี้เราไปกัน 17 คนและเหมือนเดิมครับ ทริปนี้ต้องยกเครดิตให้พี่สาวแสนสวย คุณพีเจ PJ Potjana ที่คอยเป็นทุกอย่างให้กับพวกเรา และเราใช้บริการของ Nanga Parbat Adventure Nanga Parbat ของ Mr.Ghulam Abbas Ghulam Abbas
Day-1 : Fri 18/10/2024(Narathiwat-BKK-Islamabad)ออกจากบ้านตั้งแต่ 8 โมงเช้า เข้าไปเคลียร์งานที่ทำงานก่อน ต่อด้วยนั่งเครื่องแอร์เอเซียจากนราธิวาสมาลงที่ดอนเมือง จากนั้นนั่ง shuttle bus จากดอนเมืองมาสุวรรณภูมิ มาขึ้นเครื่องการบินไทยบินตรงไปยังอิสลามาบัด เมืองหลวงของประเทศปากีสถาน ใช้เวลาบิน 4 ชม.ครึ่ง ถึง ตม.สนามบิน เข้าแถวเรียงเป็นตับ (ช่วงนี้คนไทยมาเที่ยวเยอะมากกกกก) รอคิวทำการตรวจคนเข้าเมือง ครั้งนี้โชคดี จนท.เปิดเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มจึงตรวจได้เร็ว หลังจากรับกระเป๋าอะไรเรียบร้อยก็นั่งรถไปโรงแรม Islamabad Hotel เช็คอินเข้าที่พัก อาบน้ำนอน
Day-2 : Sat 19/10/2024(Islamabad-Skardu-Chunda Valley)ทานอาหารเช้าตั้งแต่ 6 โมง กินกันเสร็จก็รีบออกไปสนามบินอีกครั้งเพื่อนั่งเครื่องบินไปยังเมือง Skardu ระหว่างบินท้องฟ้าเปิดโล่ง ไม่มีเมฆ ทำให้ได้เห็นเทือกเขาต่างๆ ที่ยังถูกปกคลุมด้วยหิมะถึงแม้จะผ่านฤดูร้อนมาแล้วก็ตาม และบินผ่านภูเขา Nanga Parbat ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 8,126 เมตร หลังลงจากเครื่อง ก็นั่งรถ Toyota Prada เข้าไปยัง Chunda Vallay เพื่อชมวิวสนามบินและวิวของเมือง Skardu จากนั้นไปกินอาหารเที่ยง (เกือบเย็น) ที่ร้านติดทะเลสาป Lower Kachura กินอาหารเสร็จก็พาไปถ่ายรูปเก็บความสวยงามรอบทะเลสาปใน รร. Shangrilla Resort, Skardu จนค่ำ ก็พากันกลับที่พัก Kallisto Hotel, Skardu เข้าที่พัก อาบน้ำ ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินกัน พักผ่อน นอน
Day-3 : Sun 20/10/2024(Skardu-Khaplu-Machlu)ตื่นตั้งแต่ตี 5 ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ ชวนกันออกไปเดินเล่นหน้า รร. เช็คอุณหภูมิในมือถือแล้วโชว์ 1 องศา ฮึๆๆ สรุปเดินได้ไม่กี่นาที พากันชวนกลับห้องดีกว่า 7 โมง กินอาหารเช้า จากนั้น 8 โมง ก็นั่งรถ coach ไปยังหมูบ้าน Khaplu ระหว่างทางแวะถ่ายรูปที่ “ร่องใบไม้เหลือง” จนเกือบโดนรถเฉี่ยว ไปทานอาหารเที่ยงที่ Khaplu Fortified Palace และไปชมวิวที่หมู่บ้าน Machlu จนค่ำ กลับที่พัก Karakoram Lodge Hotel, Khaplu อาบน้ำอาบท่า กินอาหารเย็น พักผ่อน นอน
Day-4 : Mon 21/10/2024(Khaplu-Shigar-Skardu)วันนี้ใช้สูตรเดิม 6-7-8 คือ ตื่น 6 โมง กินอาหารเช้า 7 โมง และออกเดินทาง 8 โมง นั่งรถออกจากที่พักไปเก็บตกถ่ายรูปที่หัวสะพานแขวน เดินทางยาวไปยังหมู่บ้าน Shigar เข้าไปกินอาหารที่ Shigar Fort ซึ่งเปลี่ยนจากป้อมปราการโบราณเป็นร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว กินอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่หลากหลายและอร่อยมาก กินเสร็จเดินชมและถ่ายรูปรอบๆ อาคาร จากนั้นก็นั่งรถกลับไปยังจุดชมวิวของเมือง Shigar กลับมาแวะเข้าทะเลทราย Sarfanga และทาง จนท.ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไป เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการ ก็เลยพ้นไปชม Manthal Rock ซึ่งเป็นพระพุทธรูปโบราณสลักบนแผ่นหินตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 จากนั้นก็กลับที่พัก Kallisto Hotel, Skardu ออกไปซื้อผักผลไม้มาเพื่อทำอาหารเย็นกินกัน กินเสร็จ อาบน้ำ พักผ่อน นอนพัก
Day-5 : Tue 22/10/2024(Skardu-Basho-Hunza)วันนี้ต้องออกเดินทางเช้าเพราะต้องเดินทางไกล ก็เลยกินอาหารเช้าตั้งแต่ 6 โมง และ 7 โมง ล้อหมุนจาก รร. ที่พัก ออกมาได้ซัก 1 ชม. ก็แวะเปลี่ยนรถเพื่อเข้าไปยัง Basho Valley ซึ่งต้องนั่งรถ Toyota Land Cruiser เพราะเส้นทางเป็น “off of the off road”เลยทีเดียว นั่งโยกเยกบนรถจนก้นระบม ลำไส้ระบำ ท้องปั่นป่วนไปหมด ใช้เวลา 1 ชม. ก็ถึงที่ Basho Valley นั่ง นอน ถ่ายรูป กินอาหารเที่ยงเสร็จ ก็เตรียมเอวเคล็ด ลำไส้กระชากอีกครั้ง นั่งรถลงมา 1 ชม. เปลี่ยนขึ้นบน Coaster นั่งยาวไป Hunza Valley เข้าพักที่เมือง Karimabad ถึงที่พัก เกือบ 2 ทุ่ม กินอาหารเย็นเสร็จ ก็อาบน้ำ พักผ่อน นอน
Day-6 : Wed 23/10/2024(Hunza-Baltit Fort-Hopper Glacia-Duiker)วันนี้สบายๆ เพราะไม่ต้องเร่งรีบ นัดกันออกจาก รร. ที่พัก 9 โมง เข้าไปชม Baltit Fort ซึ่งเคยเป็นพระราชวังของเมือง Hunza มาก่อน เข้าไปชมความงามและฟังประวัติศาสตร์ ถ่ายรูปสวย งามๆ เสร็จ ก็ไปต่อที่ Hopper Valley ชมใบไม้เปลี่ยนสี วิวเว่อร์อลังการล้านแปด กินอาหารเที่ยงเสร็จ เดินชม Hopper Glaceir ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งสีดำ จากนั้นกลับมาเมือง Karimabad ขึ้นไปชมวิวบน Duiker แต่เสียดายวันนี้ฟ้าปิด เลยเห็นวิวได้ไม่หมด พอเริ่มค่ำก็กลับลงมาที่พัก ทานอาหารเย็น พักผ่อน
Day-7 : Thu 24/10/2024(Hunza-Passu-Attabad Lake -Gilgit)วันนี้เป็นอีกวันที่จะเดินทางกันยาว ออกจาก รร.ที่พัก 8 ครึ่ง เข้าไปชม Altit Fort ซึ่งเป็นป้อมเก่าแก่อายุมากกว่าพันปี ถ่ายรูปชมวิวเสร็จ เดินทางต่อมาที่เมือง Passu ซึ่งได้ชื่อว่าเมืองแห่ง“ภูเขาฟันเลื่อย” เดินชมหมู่บ้าน เก็บแอปเปิ้ล ถ่ายรูปวิวคู่ภูเขาสูงเป็นฉากหลัง จากนั้นไปทานข้าวเที่ยง แล้วมาล่องเรือต่อที่ Attabad lake เสร็จภารกิจก็พากันเข้าเมือง Gilgit พักที่ Kallisto Hotel, Gilgit
Day-8 : Fri 25/10/2024(Gilgit-Babusa pass-Naran)ทานอาหารเช้า 6 โมง ล้อหมุน 7 โมง 15 ออกจาก รร.ที่พัก นั่งรถยาวมาแวะถ่ายรูปที่ ”จุดประสาน 3 เทือกเขามหึมา” ได้แก่ เทือกเขา Karakoram เทือกเขา Himalaya และเทือกเขา Hindu Kuch นั่งรถต่อผ่านทางลัด Babusa pass ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 4,100 เมตร แวะทานอาหารเที่ยงกันที่ Moon Resturant นั่งรถมาถึงเมือง Naran แวะช๊อปปิ้งในตลาด ได้ของฝากเต็มไม้เต็มมือ เข้าที่พัก รร. Nothern Retreat Hotel กินอาหารเย็น พักผ่อน
Day-9 : Sat 26/10/2024(Naran-Taxilla-Islamabad)วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริป แต่ยังคงใช้สูตร 6-7-8 เหมือนเดิม เพราะต้องเดินทางไกล (อีกแระ) นั่งรถจากเมือง Naran ผ่านเส้นทางดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แวะริมทาง ถ่ายรูป เข้าห้องน้ำ นั่งคุยบนรถสนุกสนาน เฮฮา จนมาถึง Taxilla ช่วงเกือบๆ บ่าย 2 แวะทานอาหารเที่ยงเสร็จ เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ ดูวัตถุโบราณและฟังอารยธรรม/ร่องรอยของพระพุทธศาสนา จากนั้นไปที่มัสยิด Faisal ชมความงามและยิ่งใหญ่ของมัสยิดและต้องเผชิญกับผู้คนที่มาเยี่ยมมัสยิดอีกร้อยแปดพันเก้า ไปต่อที่ Damen -e-koh ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมืองอิสลามาบัด ก็ต้องเผชิญกับฝูงชนจนแทบจะไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเรา อดที่จะได้ถ่ายรูปวิวสวยที่ปราศจากผู้คน แถมบางคนยังโดนสาวๆ หนุ่มๆ ปากีฯ ขอถ่ายรูปอีกต่างหาก จากนั้นก็รีบรวมตัวแลัวก็ขึ้นรถบัสเพื่อไปกินอาหารเย็นกัน และไปสนามบิน เช็คอิน ขึ้นเครื่องกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
Lutfee Hajimad
วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 11.06 น.