น่าน ... ระยะสั้น ... 2 วัน 2 คืนไม่ต้องยื่นใบลา
" จังหวัดน่าน "
จังหวัดเล็กๆ แต่มากมายไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว
และนี่เป็นครั้งแรกของผมที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน
ทริปนี้เกิดขึ้นมาแบบค่อนข้างกะทันหันเลยกลายเป็นทริปสั้นๆแบบที่จะเล่าให้ฟังนี่แหละ
พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรี
ทริปนี้ผมไปกับแฟนและน้องอีก 3 คนซึ่งขับรถไปเองจากกรุงเทพ ฯ
โดยเเพลนทริปไว้คร่าวๆว่าจะเดินทางคืนวันศุกร์และกลับมาถึงกรุงเทพฯ คืนวันอาทิตย์
ส่วนสถานที่ที่อยากไปก็จะเน้นในตัวเมืองน่านเพราะเวลาเราน้อย
และอยากไปยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นบนเขาสักที่นึง
เลยตัดสินใจไปเริ่มต้นกันที่ " อุทยานแห่งชาติขุนสถาน "
" อุทยานแห่งชาติขุนสถาน "
พวกเราออกเดินทางจากกรุงเทพฯประมาณ 3 ทุ่ม
มาถึงที่อุทยานแห่งชาติขุนสถานตอนตี 5 มาถึงก็ฟินกันเลย
มองขึ้นไปเห็นดาวเต็มท้องฟ้าเลยยยย
จากนั้นก็เดินเล่นถ่ายรูปยืนรอพระอาทิตย์ขึ้นกันอยู่สักพัก
อากาศในเช้าวันนี้หนาวพอสมควรและเมฆค่อนข้างเยอะ
ทำให้เราเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเพียงแค่แวบเดียวจริงๆ
แต่ถึงแม้เราจะอดเห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆแบบที่คาดหวัง แต่เราก็มาฟินกับหมอกเเทน
เพราะพอประมาณ 8 โมงกว่าๆหมอกเริ่มหนาขึ้น หนาขึ้น และ หนาขึ้นนนน
หมอกหนามากๆ
หันมาอีกทีหมอกท่วมภูเขาเลย
โอยยยยยย มาถึงก็ฟินนนนนนนนแล้วววววว
โชคดีมากเพราะก่อนวันที่เรามา เจ้าหน้าที่แจ้งว่าฝนตกติดกัน 3 วัน แต่วันนี้มาฟ้าใสหมอกมาเต็ม
วิวบนขุนสถานนี้สามารถมองไปได้รอบด้านและสามารถเดินขึ้นไปชมวิวบนยอดได้
แต่ต้องเดินเท้าขึ้นไปอีกพอสมควร แต่เราไม่มีเวลามากนักเลยไม่ได้เดินขึ้นไป
จอดรถถ่ายรูปแค่ตรงลานกางเต็นท์เท่านั้น
ฟินกับหมอกมาพอสมควรแล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังจุดต่อไป
" คอกเสือ " และ " เสาดินนาน้อย "
ทั้ง 2 ที่นี้ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 24 กิโลเมตร
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างแปลกตา มีหินรูปร่างแปลกๆมากมาย
เหมาะแก่การมาถ่ายรูปแบบฮิปสเตอร์มากๆ ฮ่า ๆๆ
แต่ทั้ง 2 ที่ ผมชอบที่คอกเสือมากกว่านะเพราะทรงหินต่างๆดูอลังการมากกว่า
ประวัติของคอกเสือแห่งนี้สมัยก่อนชาวบ้านใช้ต้อนเสือที่แอบมากินหมูวัวควายของชาวบ้าน
ลงมาในแอ่งขนาดใหญ่ตรงนี้ แล้วใช้ก้อนหินหรือไม้แหลมฆ่าเสือ ดูแล้วโหดร้ายเหมือนกันนะเนี่ย
คอกเสือ
เสาดินนาน้อย
หลังจากที่เดินเล่นถ่ายรูปกันจนหนำใจก็ได้เวลาเดินทางต่อ
แต่ก็ยังไม่ได้เวลาเช็คอิน เราเลยจะแวะไปไหว้พระธาตุแช่แห้งกันก่อนเข้าที่พัก
โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ
แต่ระหว่างทางเราเจอร้านก๋วยเตี๋ยวน่ากินเลยจอดรถแวะเติมพลังกันก่อน
น่ากินไหมมมมม
ยังไม่อิ่มต่อด้วยข้าวซอย
กินอิ่มเราออกเดินทางต่อ ไม่กี่อึดใจ ก็มาถึงวัดพระธาตุแช่แห้ง
ซึ่งตอนที่เรามาถึงก็เกือบๆเที่ยงแล้ว มีคนแวะมาไหว้สักการะกันเยอะพอสมควร
เราแวะไหว้พระเสร็จ ก็เดินทางไปยังที่พักของเรา
ซึ่งขับรถจากที่วัดพระธาตุแช่แห้งไปประมาณ 15 นาที
เราเลือกพักโฮมสเตย์ที่อยู่ใกล้ๆกับวัดภูมินทร์และถนนคนเดิน
" Hug Her Him Nan "
อันนี้คือเพจของที่นี่นะครับใครสนใจลองติดต่อดู
https://www.facebook.com/hugherhimnan
หรือโทรจองได้ที่พี่บอมโดยตรง 098-8289128
ฮัก เฮอ ฮิม เป็นโฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองน่าน
เจ้าของก็คือ " พี่บอม " นักดนตรีอิสระที่ผันตัวเองมาทำโฮมสเตย์ใจกลางเมืองน่าน
ซึ่งพี่บอมแกเปิดโฮมสเตย์แห่งนี้มาได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น
โดยมีพี่ " แจ๊ค " เพื่อนแกมาคอยช่วยงานภายในบ้านทั้งหมด
บรรยากาศและการตกแต่งถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
โลโก้ของ
" ฮัก เฮอ ฮิม " ก็คือ "ดอกเสี้ยวขาว" ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดน่าน
ที่พี่บอมเลือกดอกเสี้ยวขาวเพราะอยากจะสื่อให้โฮมเสตย์แห่งนี้เป็นตัวแทนของจังหวัดน่าน
ซึ่งสไตล์การตกแต่งและทำโฮมสเตย์ของแกจะเน้นตกแต่งให้เรียบง่ายและกลมกลืนกับชุมชนแถวนี้
ฮัก เฮอ ฮิม มีบ้านหลักๆ อยู่ 2 หลัง ก็คือ " บ้านเสี้ยวขาว " และ " บ้านหัวหิน "
เดี๋ยวจะพาไปดูทีละหลังนะครับ
บ้านเสี้ยวขาว
จะเป็นห้องแอร์ทั้งหมด มีจำนวน 3 ห้อง ราคาห้องละ 800 บาท/คืน พักได้ 2 คน
ซึ่งห้องพักจะอยู่ชั้นล่างทั้งหมด ส่วนชั้นบนไม่ได้เปิดเป็นที่พัก
เอาไว้เก็บของ ฮ่าๆ
สภาพภายในห้องบ้านเสี้ยวขาว
ตกแต่งสไตล์เรียบๆ เน้นปูนเปลือย ซึ่งถูกใจผมมากๆ เลยเลือกที่นี่
ไปต่อกันที่บ้านหัวหินซึ่งเป็นบ้านหลัก ห้องครัว ห้องนั่งทานข้าวจะอยู่ที่หลังนี้
บ้านหัวหิน
เป็นห้องพัดลมทั้งหมด มีจำนวน 3 ห้อง แบ่งเป็นห้องชายล้วน หญิงล้วน และ ห้องสำหรับคู่รัก
ที่บ้านหัวหินนี้แต่ละห้องสามารถพักได้ 4-8 คน
ราคาสำหรับบ้านหัวหินนี้จะคิดเป็นราคาเป็นรายคน 300 บาท/คน พร้อมอาหารเช้า
โดยห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวม ซึ่งจะมี 2 ห้องแยกชาย - หญิง
บริเวณทางเดินชั้น 2
ภายในห้อง ห้องนี้เป็นห้องนอนรวม นอนได้ 4-8 คน
ด้านหลังมองจากระเบียงลงไปเป็นแปลงผักของพี่บอม
ซึ่งแกปลูกเองและเอามาทำอาหารให้แขกที่มาพักทานกันตอนเช้า
มุมเล็กๆน้อยๆ ภายใน ฮัก เฮอ ฮิม
และในขณะที่ผมกำลังเดินถ่ายรูปเพลินๆ พี่บอมแกก็เดินมาบอกว่า
" ไหนๆ ก็มาน่านแล้ว พี่มีของเด็ดให้ลอง "
แกหายไปสักแปบก็เดินกลับมาพร้อมกับถ้วยเล็กๆ
ผม : มันคืออะไรอ่ะพี่ ? แล้วมันรสชาติเป็นยังไงละเนี่ยพี่
พี่บอม : เนี่ยของดีเลยนะ แรร์ไอเทมหากินยากมากๆ ลองชิมดู
ผมลองชิมไป 2 เม็ดก็หยิบไปคืนพี่บอมแกทันที 55555
เพราะกินเข้าไปแล้วเผ็ดร้อนมากๆ ลิ้นกระตุกเลยทีเดียว
" มะแขว่น "
เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งคล้ายๆพริกไทย ซึ่งมีกลิ่นค่อนข้างฉุน
น่าจะเหมาะกับเอาไปใส่อาหารปรุงเป็นเครื่องเทศมากกว่ามากินสดๆ
หลังจากจัดแจงเก็บข้าวเก็บของสัมภาระต่างๆเข้าห้องพัก
เราก็ออกไปเดินเล่นกัน แต่ถ้าใครขี้เกียจเดินไปก็สามารถยืมรถจักรยานไปได้เลยครับ
ห่างจากที่พักไป 200 เมตรก็มาถึง
วัดภูมินทร์
ภายในวัดภูมินทร์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามและโด่งดังมากๆ
จากวัดภูมินทร์ เราขับรถไปวัดพระธาตุเขาน้อยกันต่อ
ซึ่งที่วัดแห่งนี้มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองน่านได้เกือบทั้งเมืองเลยที่เดียว
ซึ่งตอนที่ไปเรายืนชมวิวกันจดมืดค่ำเลยเหมือนกัน
พอฟ้ามืดยุงเริ่มเยอะ และท้องก็เริ่มหิว เราจึงมุ่งหน้าไปยังถนนคนเดินน่าน
ซึ่งถนนคนเดินจะจัดอยู่บริเวณถนนข้างๆวัดภูมินทร์ ใกล้ที่พักเรามากๆ
ผมชอบนะถนนคนเดินที่นี่เพราะมีการจัดบริเวณหน้าวัดให้มีที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ
มีการแสดงพื้นเมืองและดนตรีสดให้นั่งฟังชิลๆด้วย
ใครจะมาเดินถนนคนเดินก็เช็คนิดนึงนะครับ ถนนคนเดินจะมีทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น
ถนนคนเดินเมืองน่าน
มีลานให้นั่งกินอย่างเป็นระเบียบ
ยำหมี่เมืองร้านนี้อร่อยมากๆ คนต่อคิวยาวเหยียด
เดินเล่นถนนคนเดินได้สักพัก เราไปกินข้าวกันต่อที่ร้าน
" บ้านเมืองคาน รอรักฮิมน่าน "
ร้านนี้เป็นร้านอาหารของพี่ชายพี่บอมและ
พี่บอมแกมาเล่นดนตรีตอนกลางคืนที่นี่เป็นประจำ
ซึ่งด้านล่างจะเป็นโซนร้านอาหารและนั่งชิล ส่วนด้านบนเปิดเป็นโฮมสเตย์ด้วยนะ
จานนี้ห้ามพลาด ซี๊ดซ้าดมากๆ
" ร้องไห้กับหนู "
เป็นเห็ดหูหนูขาวลวกจิ้มกับน้ำวาซาบิ
นอกจากอาหารอร่อยแล้วดนตรียังเพราะอีกต่างหาก
ลีลาการร้องเพลงและเล่นกีต้าร์ของพี่บอมแกไม่ธรรมดานะครับบอกเลย
สาวๆมาฟังนี่มีเคลิ้ม ขนาดฝรั่งยังติดใจแก ฮ่าๆ
หลังจากนั่งฟังนั่งดื่มด่ำบรรยากาศและเสียงเพลงของพี่บอมกันพอสมควร
เราก็กลับมาพักผ่อนกัน กลับมาถึงเห็นบรรยากาศในบ้านสวยเลยเก็บภาพไว้สักหน่อย
หลังจากจัดแจงอาบน้ำอาบท่าเสร็จทีนี้ก็หลับเป็นตายเลยครับ
เพราะจะต้องพักผ่อนเอาแรงเก็บไว้ขับรถกลับพรุ่งนี้เช้า
ตื่นเช้ามาทีแรกผมกับแฟนแพลนว่าจะไปยืนดูทะเลหมอกที่วัดเขานาน้อยตอนเช้า
แต่ที่ไหนได้หลับยาว ตื่นมาอีกที 8 โมง ฮ่าๆ
เลยรีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปทานอาหารเช้าที่พี่แจ๊คแกเตรียมไว้ให้
ซึ่งอาหารเช้าที่นี่แกจะเอาผักจากสวนหลังบ้านที่พี่บอมปลูกไว้มาทำให้กิน
จานนี้พี่บอมแกทำให้กินพิเศษ เพราะคุยกับแกถูกคอ 5555
ทานอาหารเช้าเสร็จผมก็เตรียมตัวเก็บของขึ้นรถและกล่าวคำร่ำลาพี่บอม
และก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปแกไว้เป็นที่ระทึก
จากนั้นเราก็ออกเดินทางกลับและแวะไหว้พระขอพรก่อนกลับกรุงเทพ
แต่ก็ไม่ลืมที่จะไปถ่ายรูปเล่นที่หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของน่าน
ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปกับซุ้มต้นลีลาวดีด้านหน้าพิพิธภัณฑ์กัน
นางแบบส่วนตัวขอมุมนี้สักรูป
ใครจะมาถ่ายมุมนี้แนะนำไปวันธรรมดาจะดีมากครับ
เพราะคนค่อนข้างเยอะกว่าจะหามุมถ่ายรูปโล่งๆ ได้นี่รอกันนานเลย
เสร็จแล้วไปไหว้พระที่พระธาตุช้างค้ำฝั่งตรงข้าม
ก่อนข้ามไปเจอไอติมน่าเลยขอชิมสักหน่อย
หน้าตาแปลกๆดี ใส่ถุงพลาสติกแล้วเอาหนมปังประกบกัน แต่อร่อยใช้ได้
พระธาตุช้างค้ำ
ไหว้พระธาตุช้างคำเสร็จ ไปต่อกันที่วัดศรีพันต้น ขับรถไปอีกนิดไม่เกิน 5 นาที
วัดศรีพันต้น
วัดนี้ผมชอบมากๆ เพราะลวดลายสวยงามและอลังการสุดๆ
ออกจากตัวเมืองน่านมาเราก็มุ่งหน้าสู่แพร่
เพื่อที่จะไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนก่อนกลับ
พระธาตุอินทร์แขวน
ไหว้เสร็จเราก็เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ประมาณเที่ยงคืน
เป็นอันปิดทริปน่านระยะสั้นของพวกเรา
ขอบคุณที่ติดตามแล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า
รักกัน ชอบกัน ติดตามกันได้ที่
Facebook Page : อยากเที่ยวตามมา
https://www.facebook.com/yaktieowtamma/
ม่อนจุก
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 20.43 น.