หน้าฝนแบบนี้ ไปเที่ยวที่ไหนดี ?
นั่งเลื่อนเมาส์ขึ้นลงในเว็ปต่างๆหาข้อมูลที่เที่ยวอยู่นาน สุดท้ายมาลงเอยที่นี่
" เขื่อนเชี่ยวหลาน "
เขื่อนรัชชประภา หรือที่ใครๆ รู้จักกันดีว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน" อันเป็นชื่อดั้งเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเขื่อนรัชชประภาในปัจจุบัน อันเป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเอง สำหรับตัวเขื่อนรัชชประภานั้น เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียวอเนกประสงค์ สูง 95 เมตร ยาว 700 เมตร ทะเลสาบเหนือเขื่อนก็เต็มไปด้วย ภูเขาหินปูนธรรมชาติที่มีรูปร่างต่าง ๆ แปลกตา และเมื่อธรรมชาติได้จัดวางผืนน้ำเคียงข้างกำแพงแห่งขุนเขาหินปูนได้อย่างลงตัวราวกับบรรจงสร้างมาอย่างไรอย่างนั้น ได้ทำให้ที่นี่กลายเป็นโลกใบใหม่ที่ห่มคลุมด้วยความสงบงาม
กิจกรรมน่าทำ
• นอนเล่นชมทะเลสาบกลางแพ นั่งอ่านหนังสือเล่มโปรด ฟังเพลงเบา ๆ
• ล่องเรือชมธรรมชาติเหนือเขื่อน ชมเขาสามเกลอ หนึ่งในไฮไลท์ของภูเขาหินปูนที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำ
• พายเรือคายักหรือแคนู ซึ่งที่พักบางแห่งจะจัดไว้บริการนักท่องเที่ยวฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
• ท่องถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 6 กิโลเมตรโดยทางเท้า จัดเป็นถ้ำใหญ่ที่มีธารน้ำไหล มีหินงอกหินย้อยที่งดงาม การเดินเที่ยวถ้ำจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง
ที่มา http://thai.tourismthailand.org/สถานที่ท่องเที่ยว/เขื่อนรัชชประภา-เขื่อนเชี่ยวหลาน--5494
วิธีการเดินทาง
1.รถทัวร์ กทม-ปากทางเข้าเขื่อน
ขึ้นรถสายกรุงเทพ-พังงา ที่ขนส่งสายใต้ใหม่ (หรือถามว่าไปเขื่อนเชี่ยวหลานก็ได้ค่ะ มีให้เลือกหลายบริษัท) ส่วนมากรอบสุดท้ายจะหมด 2 ทุ่ม รถจะไปถึงสุราษฎร์ราวๆตี5พอดีแล้วต่อสองแถวไปท่าเรือ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่แพให้มารับค่ะ ค่าตั๋วประมาณ 700-800฿
2.รถไฟ กทม-สุราษฎร์
ขบวน 167 (เร็ว) ออก 18:30 ถึง 6:23
ขบวน 85 (ด่วน) ออก 19:30 ถึง 7:06
ขบวน 41,39 (ด่วนพิเศษ) ออก 22:50 ถึง 08:05
ถ้าจะมารถไฟแนะนำให้เผื่อเวลานะคะ อาจมีรถเสียหรือเลท แต่เรานั่งด่วนพิเศษถึงตรงเวลาไม่เลทค่ะ ค่าตั๋ว 608 บาท
3. เครื่องบิน
ถ้าจองช่วงมีโปรประมาณ 590฿ แต่เราจองช้าไป 2 ชม. ขากลับได้มา 790฿ พอเครื่องลงก็ต่อรถเพื่อไปตัวเมืองสุราษฎร์แล้วต่อรถตู้ไปปากทางเข้าเขื่อน
กระทู้นี้จะเรียกว่ารีวิวเลยก็คงจะไม่ใช่ เรียกว่าบันทึกการเดินทางของเราดีกว่า พวกรายละเอียดข้อมูลต่างๆเราจะพยายามลงไว้ให้ครบนะคะ อาจจะขาดตกบกพร่องไปบ้างต้องขอโทษด้วยน้าาา
DAY1
เราขับรถจากบุรีรัมย์ถึงโคราชบ่ายสาม ฝนตกหนักมากกกก ขึ้นรถต่อปกติมันควรจะแค่ 4 ชม. แต่วันนี้เป็นวันที่รถโคตระติด ถึงกรุงเทพฯ 3 ทุ่มมม ตกรถจ้าาา จองรถรอบ 19:50 ไว้ เลยเปลี่ยนแผนไปทางรถไฟแทน ได้รถไฟด่วนพิเศษรอบ 22:50 โชคดีรถไฟไม่เลท ถึงสุราษฎร์ 8 โมงกว่าๆ ถ้าใครจะมารถไฟเราแนะนำตู้นอนนะคะ แบบนั่งมันเมื่อยมากกก และพกเสื้อกันหนาวมาก็ดีค่ะ แอร์รฟทมันคุณภาพดีเกินกว่าที่เราคิดจริงๆ หนาวมากกก
DAY 2
พอมาถึงเขื่อนตอนแรกยอมรับว่าแอบกลัวว่าของจริงมันจะสวยเหมือนในรูปมั้ย น้ำจะใสมั้ย อากาศจะดีรึเปล่า คิดไปต่างๆนาๆ จนพอรถตู้มาส่งที่ท่าเรือ คำถามทุกอย่างมันหายไปหมด ตอบแทนด้วยภาพนี้
ติดต่อเจ้าหน้าที่แพที่มารอรับแล้วก็ขึ้นเรือเพื่อไปที่พักกัน
พอเกือบๆถึงที่พักสัญญาณโทรศัพท์ทุกเครือข่ายตายสนิท เข้าสู่โลกธรรมชาติ ตัดขาดโซเชี่ยลอย่างแท้จริง
ทริปนี้เราพักที่แพภูตะวัน ห้องแคปซูล (ถ้าห้องเรือนกระจกปกติจะลดไปอีก 400 บาท)
ราคาแพ็คเกจแคปซูล 3 วัน 2 คืน ที่พักต่อคนอยู่ที่ 4000 บาท
- ที่พัก 2 คืน
- อาหาร 6 มื้อ
- เรือเข้า-ออก แพ
- เรือนำเที่ยวชมธรรมชาติ
- พายเรือคายัคฟรี
ส่วนแพ็คเกจ 2 วัน 1 คืน น่าจะ 2800 ถ้าเราจำไม่ผิดนะ
ด้านหน้าจะมีที่ให้เล่นน้ำ แต่เราไม่ได้เล่นเพราะกลัว เราว่ายน้ำไม่เก่ง 555
อาหารมื้อแรกของวันนี้ บอกเลยว่าคุ้มมากกกกก เติมได้ไม่จำกัดด้วย
ที่นี่ตอนกลางวันจะไม่มีไฟฟ้านะคะ อากาศค่อนข้างร้อน (มาก) เลยได้แต่เดินถ่ายรูปรอบๆแพ พอช่วงเย็นๆก็ไปพายเรือคายัคเล่นกัน
มื้อเย็นวันนี้ อิ่มท้องจะแตกกก น้องเรานี่ฟินกับกับข้าวเลย 555
DAY 3
เช้าวันต่อมาก็นั่งเรือไปชมจุดไฮไลท์ต่างๆ ภูเขาที่นี่นี่สวยแปลกตามากๆ เรากดถ่ายรูปเพลินจนแบตเกือบหมด
เขาสามเกลอ มุมมหาชนที่ทุกคนต้องมาถ่าย
มาถึงจุดจอดเรือเพื่อเดินป่าไปที่ถ้ำปะการัง
ถามว่าไกลมั้ย มันไม่ไกลมากนะ ไปกลับประมาณ 3 กม แต่เรารู้สึกเหนื่อยมากกก แล้วก็มาถึงจุดที่ต้องลงแพไม้ไผ่
เรานี่แทบกรี๊ด มันสวยมากกกก สวยจริงๆ
ตรงนี้จะมีร้านขายน้ำ ขนม ไอติม มีร่มให้เช่า มีหมวกให้ยืมก่อนลงแพ
น้ำนิ่งมากกกก สะท้อนเหมือนกระจกเลย เป็นความโชคดีที่เราไปถึงเป็นกลุ่มแรกๆของวันน้ำเลยยังนิ่งอยู่
ปากทางเข้าถ้ำ
ในถ้ำมืดสนิท ไม่มีไฟหรือแสงลอดเข้าไปนะคะ ทางไกด์เค้าจะมีไฟฉายอันเล็กๆให้ แต่เราว่ามันไม่ค่อยช่วยอะ แนะนำให้พกไฟฉายไปเองดีกว่า ส่วนใครที่ตั้งใจมาถ่ายรูปในถ้ำให้พกแฟลชไปด้วยนะ จำเป็นมากกก เราลืมพกแฟลชไป รูปเลยได้มาแค่ไม่กี่มุม ขุดแสงน๊อยซ์บานน
ออกจากถ้ำมาฟ้าเริ่มครึ้มนิดๆ
อากาศช่วง 11 โมงเป็นอะไรที่ร้อนมากกก ต้องจัดไอติมดับร้อนน
แล้วก็นั่งเรือกลับแพ พี่คนขับเรือมีความเท่มากกก 5555
มื้อเที่ยงจัดเต็มม กินกันแบบจัดหนักมากกก เพราะตอนเช้ากินไม่ทันน
พอกินข้าวเที่ยงเสร็จ ลุงคนขับเรืออีกคนก็ชวนพวกเราไปนั่งเรือเที่ยวซ้ำอีกรอบ ใจดีมากกกก เรานี่เตรียมกล้องไว้ถ่ายรูปจุดที่พลาดไปเมื่อเช้าเลย พอไปถึงเรากับน้องเลยขอตัวนอนเล่นตรงศาลาไม้ไผ่ทางขึ้นไปถ้ำ เพราะขี้เกียจเดินแล้ว ลุงแกก็ใจดี ซื้อไอติมเลี้ยงพวกเราอีกคนละไม้
นอนหลับเพลินๆระหว่างรอคนในกรุ้ปรอบบ่ายเข้าถ้ำ ไปเกือบ 3 ชั่วโมง ก็ได้เวลากลับแพ อากาศครึ้มมากก ฝนตกอีกแล้วววว
พอกลับมาที่แพเราก็ไปพายเรือเล่นกันอีกรอบ
สลับกันถ่ายเพราะน้องอยากได้รูปตอนนั่งห้อยขาจากแคปซูล เรานี่กลัวกล้องร่วงมาก 5555
แล้วฝนก็เทลงมาแบบหนักหน่วง ไม่มีอะไรทำก็เอาเจ้าเสือมาถ่ายรูปเล่น
ลุงบอกว่าเสืออยู่ที่นี่มาตั้งแต่เล็กๆ รวมๆแล้วนางใช้ชีวิตบริสุทธิ์บนแพมาเกือบๆ 9 ปี ยังไม่เคยเจอแมวตัวอื่น ทำให้นิสัยนางไม่ได้เหมือนแมวเล้ยยย ตักปลาให้ก็ไม่กิน นางกินปลาหมึก กับอาหารทะเล (-_____-) รอจนค่ำฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เราเลยทำอะไรไม่ได้ นอกจากกินน 555555
หลังจากกินเสร็จเราก็ทำอะไรไม่ได้ นอนจากนอนฟังเสียงฝน แล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกตี 3 เพื่อมาถ่ายทางช้างเผือก แต่พอตื่นมา ฟ้าไม่เปิดเลยยย ฝนก็ยังปรอยๆ ยกเลิกแผน นอนต่อครับ
DAY 4 วันนี้จะเป็นกิจกรรมนั่งเรือชมวิวและนก อากาศตอนเช้าคือดีงามมากกก เย็นสบาย มีหมอกลอยต่ำๆ
พี่คนขับเรือพาพวกเรามาแวะที่เกาะเล็กๆ ให้ถ่ายรูปกันราวๆครึ่งชั่วโมง
แล้วก็ลงเรือวนรอบๆ
ตรงนี้มีนกเงือกด้วยนะ แต่เราไม่ได้พกเลน์เทเลไป อดเก็บภาพมาฝากเลย T^T
พอสายๆแดดเริ่มมาก็กลับมาที่แพเก็บของเตรียมขึ้นเรือกลับฝั่ง ความรู้สึกตอนนั้นคือไม่อยากกลับเลย เราหลงรักเชี่ยวหลาน เป็นที่ที่ทำให้เราได้อยู่กับธรรมชาติจริงๆ
ขอบคุณพี่คนขับเรือคนนี้ที่พาเราเที่ยวหลายรอบ ทั้งเล่าประวัติเกี่ยวกับเขื่อนให้ฟัง ให้คำแนะนำต่างๆและดูแลพวกเราเป็นอย่างดีนะค้า
ได้เวลากลับแล้ว...
พอกลับมาถึงฝั่งเราก็ขึ้นไปหามุมสวยๆเพื่อเก็บภาพ
พอเก็บภาพได้จุใจแล้วก็นั่งรถเข้าตัวเมืองงงง
ระหว่างทางแวะพักกันที่สะพานแขวนเขารูปหัวใจ กับ เชี่ยวหลานแคมป์
รอจังหวะนี้นานมากกก น้องช้างน่ารักกก
พอมาถึงตัวเมืองเราก็ตะลุยหาร้านอาหารเด็ดๆในเมืองสุราษฎ์ฯ แวะเติมความหวานที่ร้าน 69Milk ซะหน่อย
บิงซูร้านนี้อร่อยนะ ราคาไม่โหดด้วย ใครเป็นสาวกบิงซูถ้าได้มาแถวนี้อย่าลืมแวะมาลองง
พอท้องอิ่มก็เดินทางไปสนามบินพื่อกลับกทม
ไว้เจอกันใหม่นะ เราสัญญาว่าจะกลับมาที่นี่อีกแน่นอน
#สรุปค่าใช้จ่าย
ค่ารถทัวร์ 739฿
ค่ารถไฟ 606฿
ค่ารถตู้ไปเขื่อน 250฿
ค่าแพ็คเกจที่พัก แพภูตะวัน 3 วัน 2 คืน 4000฿
ค่ารถตู้เข้าเมือง 450฿
ค่ารถไปสนามบิน 200฿
ค่าเครื่องบิน 790฿
ปล. มีค่ารถขาไป2รอบเพราะเราตกรถทัวร์ ถ้าไม่พลาดตรงนั้นจะประหยัดค่ารถไฟกับค่ารถตู้ไปเขื่อนอีก (856฿)
ปล.2 ค่ารถตู้ออกจากเขื่อนถ้ามีคนเยอะๆจะถูกกว่านี้ ของเราทั้งคันมีกันแค่4คนเลยแพงกว่าปกติ
เราจองแพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน 4000฿ นี่คือรวมที่พัก ค่าอาหาร ค่าเรือนำเที่ยวนะ
ปล.โปรแกรม 3 วัน เหมือนกันกับ 2 วัน ต่างกันแค่จำนวนมื้ออาหาร โปรแกรม 2 วัน 2800฿/คน
เขื่อนเชี่ยวหลานเที่ยวได้ทั้งปีนะคะ แต่พี่ที่แพบอกว่าช่วงที่สวยที่สุดคือช่วงปลายกันยา - ตุลา จะไม่ค่อยมีฝน
และอากาศจะค่อนข้างดี แนะนำให้มาช่วงนี้ค่า เราก็ฟังพี่เค้ามาอีกทีนะคะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน 555
ใครชอบอ่านรีวิว หรือภาพถ่ายวิวธรรมชาติ ตามาชมภาพจากทริปอื่นๆของเราได้ที่
Instagram / FB : IPZPEAR
สอบถามข้อมูลอื่นๆ ได้ที่ IPZPEAR
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านจนจบนะค้าา
IPZPEAR
วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.00 น.